เมื่อกลับไปเป็นนักเรียนอีกครั้ง แต่ถูกปฏิเสธจากเพื่อนสมัยเด็ก จึงตัดสินใจกระโดดตึกกับสาวสวยที่สุดในโรงเรียน - ตอนที่ 32 [บทที่ 5 มิไร] คำสาป
- Home
- เมื่อกลับไปเป็นนักเรียนอีกครั้ง แต่ถูกปฏิเสธจากเพื่อนสมัยเด็ก จึงตัดสินใจกระโดดตึกกับสาวสวยที่สุดในโรงเรียน
- ตอนที่ 32 [บทที่ 5 มิไร] คำสาป
ความเจ็บปวดที่เต้นตุบในหัว ราวกับว่า
มันจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ค่อยๆ จางหายไป
จากนั้น ความทรงจำเกี่ยวกับอนาคต
ก็เริ่มหลอมรวมเข้าสู่ร่างกายของผม
ผมสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ
สุดท้ายแล้ว พลังนี้มันคืออะไรกันแน่?
พลังที่ไม่สนใจเจตจำนงและสามัญสำนึกของผม
พาผมย้อนมองความจริงที่โหดร้าย
ซ้ำแล้วซ้ำเล่า…มันเหมือนคำสาป
ไม่ว่าผมจะย้อนเวลากี่ครั้ง ก็มีแต่ต้องมารับรู้
ถึงความโง่เขลาและความไร้พลังของตัวเอง
ผมเบื่อเต็มทีแล้ว
ไม่มีอะไรให้เสียใจอีกต่อไปแล้ว
ผมแค่อยากตาย ขอร้องล่ะ ให้ผมตายเถอะ…
ผมกุมหัวและครางออกมา พยายามเบือนหน้า
หนีจากความจริง—แต่แน่นอน ผมไม่มีวันตาย
เสียงหัวเราะเย้ยตัวเองหลุดออกมา
…ผมรู้
วันก่อนพิธีจบการศึกษา
วันที่ผมไม่สามารถช่วยนัตสึกิได้
ความสุขที่ควรจะเป็นของโคโยอิ
ผมก็เป็นคนทำลายมันด้วยมือของตัวเอง
แม้จะทำเหมือนไม่สนใจ แต่ลึกลงไปในใจ…
ผมกลับเสียใจกับมัน
ผมรู้ว่าตัวเองเป็นคนที่สิ้นหวังที่สุด
เป็นคนที่คอยนำพาความทุกข์มาให้คนรอบตัว
แล้วที่ตลกร้ายคือ
ผมยังหลงเหลือความเป็นมนุษย์อยู่นิดหน่อย…
มากพอที่จะรู้สึกผิดต่อนัตสึกิ
…ว่าแต่ วันนี้เป็นวันอะไรแล้ว?
ความทรงจำสิบปีที่เข้ามา
ทำให้ความทรงจำปัจจุบัน
คลุมเครือไปในหลายส่วน
ผมมองไปรอบๆ
และยืนยันว่าตอนนี้ผมตื่นขึ้นมาบนเตียงที่บ้าน
แล้วมือถือของผม… ไม่สิ
มือถือรุ่นเก่าที่อยู่ข้างหมอน
ผมหยิบมันขึ้นมาดูหน้าจอ
และเช็กวันที่… แล้วก็จำได้
วันนี้เป็นวันก่อนพิธีจบการศึกษา
พูดอีกอย่างก็คือ มันเป็นวันที่ นัตสึกิ มิไร
จะกระโดดลงจากดาดฟ้าของโรงเรียน
–ทุกครั้งที่ผมย้อนเวลากลับไป
เวลาได้เดินหน้าไปเรื่อย ๆ
ครั้งแรกคือในฤดูใบไม้ผลิ ช่วงฤดูฝน
ครั้งที่สองคือช่วงปิดเทอมฤดูร้อน
วันที่ผมกับนัตสึกิไปดูดอกไม้ไฟ
ครั้งที่สามคือในฤดูใบไม้ร่วง
วันแรกของงานโรงเรียน
และครั้งนี้ วันก่อนพิธีจบการศึกษา
ทุกครั้งที่ย้อนกลับไป วันที่นัตสึกิฆ่าตัวตาย
ก็ยิ่งใกล้เข้ามา
ผมไม่อยากจะคิด
แต่ถ้าครั้งนี้ผมไม่สามารถช่วยนัตสึกิได้
—มันจะเกิดอะไรขึ้น?
สมมติว่าผมตายลงไปอย่างทุกข์ทรมาน
เพราะเสียใจที่ช่วยนัตสึกิไม่ได้
ถ้าเป็นแบบนั้น
แล้วครั้งต่อไปผมจะย้อนกลับไปวันไหน?
ถ้าผมย้อนกลับไปในวันก่อนพิธีจบการศึกษา
เหมือนครั้งนี้ ก็ยังพอมีโอกาสช่วยนัตสึกิได้
แต่ถ้าผมเสียใจที่ช่วยนัตสึกิไม่ได้
และย้อนกลับไปในวันถัดจากที่เธอเสียชีวิต–
ผมจะติดอยู่ในวังวนที่ไม่มีวันจบสิ้นหรือเปล่า?
“…งั้น ครั้งนี้คงต้องจบมันให้ได้แล้ว”
ถึงจะคิดว่าถ้าล้มเหลวจะเป็นยังไง
แต่มันก็ไม่ได้เปลี่ยนอะไร
สิ่งที่ผมต้องทำคือช่วยชีวิตนัตสึกิให้ได้ในครั้งนี้
สาเหตุที่ผมล้มเหลวในอดีตนั้นชัดเจน
ผมพยายามช่วยไม่เพียงแต่ชีวิตของนัตสึกิ
แต่ยังรวมถึงหัวใจของเธอด้วย
ทั้งที่จริงแล้วมันไม่จำเป็นเลย
ด้วยการใช้ความคิดอย่างชาญฉลาดของผม
การรักษาชีวิตของนัตสึกิไว้ไม่ใช่เรื่องยาก
ผมแค่ต้องมัดนัตสึกิไว้กับราวกันตกบนดาดฟ้า
เพื่อป้องกันไม่ให้เธอตกลงไป
จากนั้นก็ต้องทำให้เธอฟังผมให้ได้
ถ้าเธอขัดขืนมากเกินไป
ผมก็สามารถหักกระดูกทุกชิ้นในร่างกายเธอ
เพื่อให้เธอขยับตัวไม่ได้
ถ้าหลังจากนั้นผมโทรเรียกรถพยาบาล
เธอก็จะฆ่าตัวตายไม่ได้อีก
เมื่อมั่นใจได้แล้ว ผมจะจบชีวิตตัวเอง
ตราบใดที่นัตสึกิยังมีชีวิตอยู่ ผมก็พอใจแล้ว
ผมไม่สนว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้น
อย่างน้อย ชีวิตของนัตสึกิจะรอด
และผมจะตายโดยไม่เหลือความเสียใจ
และในที่สุด ผมก็จะสามารถยุติทุกอย่างนี้ได้
…แต่ก่อนอื่น ผมต้องทำบางอย่างก่อน
***
ผมเคยมาที่สวนสาธารณะ
พร้อมกับนัตสึกิและอิโอริ
ที่นี่มีจุดชมวิวที่มองเห็นเมืองทั้งเมือง
วันนี้ผมมาที่นี่พร้อมกับโคโยอิ
“นานแล้วนะที่ไม่ได้มาที่นี่
แต่ไม่คิดว่าจะเหนื่อยขนาดนี้เลย”
โคโยอิพูดพลางหอบเหนื่อย
มือเท้าบนหัวเข่าขณะมาถึงจุดชมวิว
“ก็จริงนะ ถ้าไม่ได้มานานก็ลำบากแบบนี้แหละ”
“อากิระ นายไม่ได้มาที่นี่นานแค่ไหนแล้ว?”
“สำหรับผม… สิบปีได้แล้ว”
โคโยอิหัวเราะเบาๆ ราวกับไม่เชื่อ
“เรามาที่นี่ด้วยกันตอนม.ต้น
จะเป็นสิบปีได้ยังไงกัน”
ผมไม่ตอบกลับคำพูดของเธอ
เธอคงสังเกตได้ว่าท่าทีของผมแปลกไปจากปกติ
“วันนี้ที่นายเรียกฉันมา…
เพราะเรื่องสัญญาใช่ไหม?”
โคโยอิถามด้วยสีหน้าจริงจัง
“ใช่”
ผมตอบและเริ่มพูด
“แต่ก่อนอื่น ผมอยากขอโทษ วันงานเทศกาล
ผมพูดอะไรแย่ๆ กับเธอไปเยอะมาก ขอโทษนะ”
ผมก้มศีรษะให้โคโยอิ
“ไม่เป็นไรหรอก อากิระ
นายไม่ได้พูดอะไรผิดเลย…
ฉันเองที่อาจจะบ้าไปแล้ว ตอนนั้นถึงจะชอบนาย
แต่บางครั้งฉันก็ไม่เข้าใจความคิดตัวเอง
รู้สึกกังวล… และควบคุมความอิจฉาไม่ได้
ถ้านายไม่ได้ห้ามฉันในตอนนั้น
ฉันคงพูดอะไรแย่ๆกับผู้หญิงคนนั้น
ไปมากกว่านี้”
เสียงของโคโยอิสั่นเทา เธอพูดต่อ
“ดังนั้น สิ่งที่นายพูดว่า
ฉันเป็นผู้หญิงที่บิดเบี้ยวมันก็ไม่ผิดเลย”
โคโยอิกำหมัดแน่น
ผมทำให้เธอนึกถึงความเจ็บปวด
ที่เธอกำลังเผชิญ แม้ว่าความไม่มั่นคง
และความอิจฉาของโคโยอิทั้งหมด
จะเกิดจากผมก็ตาม
“งั้นที่เรียกฉันมาวันนี้และขอโทษแบบนี้…
หมายความว่าถ้าเราสอบเข้าได้
เราจะเป็นแฟนกันใช่ไหม?”
“ไม่ล่ะ”
“…หา?”
เสียงของโคโยอิฟังดูสั่นเครือ
ผมเงยหน้าขึ้นและมองตรงเข้าไป
ในดวงตาของเธอ
ที่ผมไม่เคยกล้ามองตรง ๆ มาก่อน
ความเกลียดตัวเองที่ผลักนัตสึกิไปสู่ทางตัน
ความเสียใจที่พรากความสุขของเธอไป
เหนือสิ่งอื่นใด ความรักที่ผมมีต่อโคโยอิ
ทั้งหมดนี้ปนเปกัน
“เกิดอะไรขึ้น อากิระ? ฉันทำอะไรผิดอีกเหรอ?
ถ้าใช่ก็บอกฉันได้เลย
ถ้าฉันมีข้อบกพร่องตรงไหน ฉันจะแก้ไขทันที!
ได้โปรด…อย่าพูดแบบนี้เลยนะ”
น้ำตาคลอที่หางตาของเธอ
โคโยอิพูดพลางเกาะแขนผม
“ไม่… คนที่ผิด…คือผมเอง”
ผมพูดกับโคโยอิที่กำลังสับสน
“ถ้าเธออยู่กับผม โคโยอิจะไม่มีวันมีความสุข…
แต่ผมอยากให้โคโยอิมีความสุข
นั่นคือเหตุผลที่—ผมจะอยู่กับเธอ
ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว โคโยอิ”
คำพูดที่ผมลังเลจะพูด
ผมพูดมันออกไปอย่างชัดเจน
“เธอไม่ต้องมาข้องกับเกี่ยวกับผมอีกแล้ว
ต่อจากนี้”
เมื่อได้ยินคำพูดของผม โคโยอิหัวเราะแห้งๆ
พร้อมกับสีหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่เชื่อ
“ฉันไม่เข้าใจ… นายพูดอะไรอยู่?”
เธอถาม พร้อมกับพูดต่อว่า
[นายล้อเล่นอยู่ใช่ไหม?]
“ผมจริงจัง”
ทันทีที่ผมตอบไป
ความเจ็บปวดก็แล่นวาบที่แก้มซ้ายของผม
“นายมันแย่ที่สุด ถ้าเกลียดฉันมากขนาดนั้น
ทำไมไม่พูดมาตรง ๆ เลยล่ะ?”
โคโยอิตบหน้าผม
จากนั้นเธอก็ตบอีกครั้ง แรงที่สุดที่เธอทำได้
ทุกครั้งที่ฝ่ามือของเธอกระทบแก้ม
เธอก็ทำสีหน้าเจ็บปวด
ถึงจะโดนตบซ้ำๆ สองครั้ง สามครั้ง สี่ครั้ง
ผมก็ยังจ้องมองเธอเงียบๆ
“–! พูดอะไรหน่อยสิ!”
หลังจากพูดแบบนั้น โคโยอิก็ตบผมอีกครั้ง
“เธอจะตีผมเท่าไหร่ก็ได้ จนกว่าเธอจะพอใจ”
โคโยอิปล่อยมือลงอย่างหมดแรง
จากนั้นเธอก็ส่งสายตา
ที่เต็มไปด้วยความโกรธมายังผม
เธอกำหมัดแน่น ก่อนจะชกเข้ามาที่ตัวผม
เธอระบายความรู้สึกออกมา
ด้วยหมัดอันหนักหน่วงของเธอ
และหนึ่งในหมัดนั้นโดนเข้าที่คางของผมพอดี
สายตาของผมเริ่มพร่ามัว
ก่อนที่ร่างของผมจะล้มลงไปด้านหลัง
โคโยอิผลักผมลงไป และขึ้นคร่อมผม
ในท่านั่งคร่อม เธอยังคงชกต่อยผมต่อไป
ในขณะที่เธอหอบหายใจแรง
มันเจ็บปวด
แต่ผมกลับพบความสุขในความเจ็บปวดนั้น
เพราะมันรู้สึกเหมือนว่า
โคโยอีกำลังลงโทษผมที่โง่เขลา
ความเจ็บปวดค่อยๆ ชาไป
และสติของผมเริ่มเลือนราง
บางทีโคโยอิอาจจะฆ่าผมที่นี่
แต่ผมคิดว่าไม่เป็นไร
“ตายซะ ตายสิ ตาย!… ตายไปซะ! ไอ้สารเลว!
ไอ้คนเจ้าชู้! นายคิดจะพูดอะไรก็ได้ตามใจชอบ
โดยที่ไม่อธิบายให้ชัดเจน
แล้วมาบอกว่าอย่ามาเจอกันอีก?
อย่ามาล้อเล่นกับฉันแบบนี้!
นี่มันอะไร… ทั้งหมดมันคืออะไร!”
โคโยอิร้องไห้
และตะโกนพลางทุบหมัดใส่ผมไม่หยุด
“ฆ่าผมเลยสิ”
คำพูดแผ่วเบาของผม
ดูเหมือนจะเข้าถึงหูของโคโยอิ
เธอหยุดมือ และลังเล
จากนั้น เธอก็จับเสื้อด้านหน้าของผมแน่น
“…ไม่ นายตายไม่ได้”
โคโยอิพูดพึมพำ
“ถ้านายจะตาย นายต้องเห็นฉันมีความสุขก่อน
เสียใจอย่างสุดซึ้งจากก้นบึ้งของหัวใจ
แล้วค่อยตายไป”
เธอกำหมัดแน่นที่หน้าอกของผม
“จากนี้ไป ฉันจะลืมผู้ชายแย่ๆ
อย่างอากิระให้หมด ฉันจะทำให้ตัวเองสวยขึ้น
และได้เจอกับผู้ชายที่ยอดเยี่ยมมากมาย
ในบรรดาพวกเขา ฉันจะได้พบคนที่ใจดี หล่อ
สูง รวย และที่สำคัญคือ คนที่เห็นค่าฉันมากกว่า
อากิระ…”
โคโยอิมองตรงมาที่ผม
น้ำตาที่เอ่อล้นตรงหางตาของเธอ
ไหลลงมาบนแก้ม
“ฉันจะตกหลุมรักผู้ชายคนนั้น
ให้มากกว่าที่ฉันเคยรักนาย!”
น้ำตาของเธอไหลลงมาชโลมแก้มของผม
“ฉันจะแต่งงานกับคนคนนั้น มีลูกน่ารักๆ
และใช้ชีวิตกับครอบครัวอย่างมีความสุขที่สุด
อากิระ ฉันจะไม่ให้อภัยนาย
จนกว่านายจะเห็นว่าฉันมีความสุข
และเสียใจจนแทบตาย… เพราะงั้น
อย่าปล่อยให้ความสิ้นหวังครอบงำแบบนี้
และจงมีชีวิตอยู่ต่อไป!”
โคโยอิลุกขึ้นยืน หันหลังให้ผมแล้วพูด
“ลาก่อนนะ อากิระ ฉันเคยรักนายมากๆจริงๆ”
เธอเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามอง
ผมทำได้เพียงมองแผ่นหลังของเธอที่ค่อยๆ
เลือนหายไปจากจุดชมวิว
ผมนอนอยู่บนพื้นร้องไห้ออกมาเสียงดัง
–ผมอยากตาย
ถึงผมจะยังมีชีวิตอยู่ต่อไป
ก็มีแต่จะนำพาแต่ความทุกข์มาให้ตัวเอง
และคนรอบข้างเท่านั้น
แต่เพราะโคโยอิ… ตอนนี้ผมมีเหตุผล
ที่ผมไม่สามารถตายได้อีกแล้ว…
โชคดีแค่ไหนแล้วที่ไม่มีมีดอยู่ใกล้ๆมือเธอ