เมื่อกลับไปเป็นนักเรียนอีกครั้ง แต่ถูกปฏิเสธจากเพื่อนสมัยเด็ก จึงตัดสินใจกระโดดตึกกับสาวสวยที่สุดในโรงเรียน - ตอนที่ 23 [บทที่ 4 รอบที่ 3] ครั้งที่ 3 มันต้องสำเร็จ(ก่อน)
- Home
- เมื่อกลับไปเป็นนักเรียนอีกครั้ง แต่ถูกปฏิเสธจากเพื่อนสมัยเด็ก จึงตัดสินใจกระโดดตึกกับสาวสวยที่สุดในโรงเรียน
- ตอนที่ 23 [บทที่ 4 รอบที่ 3] ครั้งที่ 3 มันต้องสำเร็จ(ก่อน)
เมื่อผมตื่นขึ้นมา
ผมพบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาล
ไม่นานนัก หมอก็เข้ามาหาผมทันที
และถามคำถามสองสามข้อ
ผมตอบคำถามเหล่านั้นและได้รับคำอธิบาย
เกี่ยวกับบาดแผลที่อยู่ใต้ผ้าพันแผล
ที่พันทั่วร่างกาย รวมถึงความจริงที่ว่า
ผมได้สูญเสียการมองเห็นในตาซ้ายไปแล้ว
หลังจากได้รับคำอธิบาย ผมก็เริ่มปะติดปะต่อ
เรื่องราวคร่าวๆ เกี่ยวกับสิ่งที่พ่อของนัตสึกิ
ทำกับผม ดูเหมือนว่าผู้อาศัยในอพาร์ตเมนต์
แห่งนั้น ได้ยินเสียงกรีดร้องของพ่อนัตสึกิ
จึงโทรแจ้งตำรวจพร้อมเรียกรถพยาบาล
หากพวกเขาไม่ได้โทรแจ้ง มันอาจสายเกินไป
หมอบอกกับผม
ผมคิดในใจว่า [พวกเขาทำเรื่องไม่จำเป็นลงไป]
ผมควรจะตายไปแล้ว
เพราะผมเป็นคนที่ไร้ค่าที่ไม่มีความหมายในชีวิต
ผมทำเรื่องเลวร้ายกับพ่อนัตสึกิอย่างแท้จริง
เขาสูญเสียลูกสาวไปแล้ว
และยังถูกจับข้อหาพยายามฆ่าอีก
ผมทำให้โลกนี้เลวร้ายยิ่งกว่าในชีวิตแรกของผม
“มันเป็นความผิดของผม”
ผมพึมพำกับตัวเอง
ในห้องผู้ป่วยเดี่ยวที่เงียบสงัด
ไม่มีใครตอบกลับคำพูดของผมเลย
“มันไม่ใช่ความผิดของอากิระหรอก”
—หรืออย่างน้อย มันควรจะเป็นแบบนั้น
ก่อนที่ผมจะรู้ตัว โคโยอิก็อยู่ที่นี่แล้ว
เธอถือกระเช้าผลไม้มาด้วย
ในฐานะของเยี่ยมโรงพยาบาล
“…ผอมลงหรือเปล่า? กินข้าวบ้างไหม?”
“…กลับไปเถอะ”
ผมไม่มีอารมณ์คุยกับใครในตอนนี้
ผมจ้องมองไปที่โคโยอิและพูดแบบนั้นออกไป
“กินแอปเปิลหน่อยก็ยังดีใช่ไหม?”
“แค่ปล่อยผมไว้คนเดียวเถอะ”
โคโยอิไม่สนใจกับคำพูดของผม
เธอนั่งลงบนเก้าอี้
และเริ่มใช้มีดผลไม้ปอกเปลือกแอปเปิล
อย่างคล่องแคล่ว
“นายต้องกินอะไรบ้าง”
โคโยอิยิ้มและยื่นแอปเปิลที่วางบนจานมาให้ผม
ผมปัดมันออกอย่างแผ่วเบา
“กลับไปเถอะ”
เหตุผลสุดท้ายที่ผลักดันให้นัตสึกิฆ่าตัวตาย
ไม่ใช่การถูกกลั่นแกล้ง
แต่ถึงอย่างนั้น ผมมั่นใจว่านัตสึกิถูกทรมาน
และโดดเดี่ยวเพราะการกลั่นแกล้ง
และโคโยอิเอง ก็เหมือนคนอื่นๆ อีกหลายคน
ที่เป็นหนึ่งในผู้ผลักให้นัตสึกิไปถึงขอบเหว
นั่นคือเหตุผลที่ผมอดไม่ได้ที่จะเกลียดโคโยอิ
แต่ถึงอย่างนั้น แม้จะได้ยินคำพูดอันโหดร้าย
จากปากของผม โคโยอิก็ไม่แสดงอาการอะไร
เธอเพียงยิ้ม ก่อนจะเริ่มพูดขึ้น
“คำสัญญา”
“เงียบซักที”
“ฟังฉันก่อน”
ไม่สนใจคำพูดของผม โคโยอิก็พูดต่อไป
“นายเคยสัญญาไว้ว่า [เมื่อโตขึ้น นายจะทำให้
ฉันเป็นเจ้าสาวของนาย]
ตอนที่เราอยู่อนุบาล แต่บอกตามตรง
ตอนนั้นฉันไม่ได้ชอบอากิระเท่าไหร่”
ผมไม่เข้าใจว่าเธอต้องการจะพูดอะไร
“พวกเราโตมาด้วยกัน ครอบครัวเราสนิทกัน
เราก็แค่เล่นสนุกด้วยกัน นั่นแหละ
คือทั้งหมดที่เราเป็น เราแค่เป็นเพื่อนกัน”
…เธอต้องการจะสื่ออะไร?
“แล้วทำไมฉันถึงได้ให้คำสัญญากับอากิระ?
ก็เพราะอากิระรักฉัน
ฉันชอบความรู้สึกที่มีคนรักฉัน
นั่นแหละเหตุผลที่ฉันอยากให้อากิระ
คนที่รักฉันที่สุดอยู่กับฉัน
ฉันเป็นเด็กนิสัยไม่ดีในตอนนั้นจริงๆ”
ผมไม่ได้คิดว่ามันแย่เลย
ผมกลับรู้สึกว่ามันน่ารักดีด้วยซ้ำ
ที่เด็กตัวเล็กๆ คนหนึ่งจะมีความชอบ
และไม่ชอบที่ชัดเจนขนาดนั้น
“แต่หลังจากที่เราให้คำสัญญากัน
อากิระก็พยายามอย่างมาก
นายเคยพูดว่า [ผมจะเป็นผู้ชายที่คู่ควรกับ
การเป็นสามีของโคโยอิ]
แล้วนายก็ตั้งใจอย่างหนัก
ทั้งเรื่องกีฬาและการเรียน
แถมยังพยายามเป็นคนดีเพื่อคนอื่นๆอีก”
โคโยอิพูดถูก ผมจำมันได้
“ตอนประถม นายยังไม่เก่งทั้งเรื่องเรียนและกีฬา
แต่พอเข้ามัธยมต้น ความพยายามก็เริ่มส่งผล
นายเก่งทั้งเรื่องเรียนและกีฬาเกินหน้าใครๆ
และพอนายตัวสูงขึ้น สาวๆ หลายคนก็เริ่มมา
สารภาพรักกับนาย…
และฉันก็ภูมิใจที่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของอากิระ”
ผมพยายามอย่างหนักเพื่อให้สมกับโคโยอิ
ที่ทั้งน่ารักและเป็นที่รักของทุกคน
“ตอนเราอยู่มัธยมต้นปี 3
ขอบคุณนะที่ช่วยติวให้ฉันอย่างตั้งใจ
เพื่อที่เราจะได้เข้าโรงเรียนมัธยมปลาย
ด้วยกันได้ เพราะแบบนั้น ฉันถึงสอบเข้า
โรงเรียนเดียวกับนายได้”
โดยไม่ทันรู้ตัว ผมกลายเป็นคนที่เรียน
และเล่นกีฬาได้ดี แค่ได้อยู่ข้างๆ โคโยอิ
ในตอนนั้น มันก็เพียงพอสำหรับผมแล้ว
“ในช่วงมัธยมปลาย นายเคยเป็นกัปตันทีม
วอลเลย์บอลและสามารถพาทีมเข้าสู่รอบ 4 ทีม
ในการแข่งขันระดับจังหวัดครั้งล่าสุด
มันน่าทึ่งมากเลยนะรู้ไหม?
อากิระกลายเป็นคนที่ได้รับความนิยม
ในโรงเรียนโดยที่ฉันไม่ทันรู้ตัว
และฉันก็รู้สึกเหงาเล็กน้อย”
ผมถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมาว่า
“ผมเหมาะสมที่จะเป็นคู่ของโคโยอิไหม?
ผมเหมาะสมกับเธอหรือเปล่า
ในเมื่อเธอยิ่งดูเปร่งประกายขึ้นทุกวัน?”
และผมก็ไม่สามารถมั่นใจได้เลย
ตัวผมที่คนอื่นเห็นก่อนหน้านี้
เป็นเพียงเปลือกที่สร้างขึ้น
จากความพยายามและความมุ่งมั่น
นั่นเป็นเหตุผลที่ผมไม่สามารถสารภาพ
ความรู้สึกของตัวเองต่อเธอได้ในชีวิตแรก
“ดังนั้น เมื่อนายสารภาพรักกับฉันกลาง
ห้องเรียนอย่างกะทันหัน… ฉันคิดว่าถูกแกล้ง
บอกเลยว่าตอนนั้นฉันมีความสุขมาก
และเขินอายเกินกว่าจะตอบตกลง
แต่ในใจก็รู้สึกช็อกมากจริงๆ
[ทำไมที่นี่? ทำไมตอนนี้?
นายล้อฉันเล่นหรือเปล่า?] ฉันคิดแบบนั้นจริงๆ
ฉันอยากให้นายรู้ว่าฉันรู้สึกเจ็บปวด
นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันพูดบางอย่างที่ทำร้ายอากิระ”
แม้ว่าโคโยอิจะชอบพูดเล่นอยู่บ่อยๆ
แต่ผมก็คิดว่าคำพูดในตอนนั้น
ออกจะรุนแรงไปหน่อย
“หลังจากนั้น ฉันคิดว่าอากิระดูแปลกไปเล็กน้อย
นายไปยืนตากฝนบนดาดฟ้า สนิทกับโทวะจัง
และเรียนเก่งขึ้นอย่างน่าประหลาด…
ขอโทษนะ แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่ฉันอยากจะพูด”
โคโยอิจ้องมองฉันด้วยสีหน้าจริงจัง
หลังจากพูดแบบนั้น
“ฟังนะ อากิระ”
“ตอนนี้ ฉันไม่อยากให้อากิระอยู่กับฉัน
เพียงเพราะว่ารักฉัน
ไม่ใช่ว่าฉันตกหลุมรักอากิระ
เพราะความสามารถทางกีฬา
และการเรียนของเขา
แต่ฉันตกหลุมรักอากิระ
เพราะเขาทำงานหนักเสมอ
แม้ว่ามันจะยากลำบากแค่ไหนก็ตาม…
นั่นแหละ คือเหตุผลว่าทำไม
ได้โปรดอยู่กับฉันต่อจากนี้ไปเถอะ”
เธอคงรู้ว่าผมมาถึงจุดที่คิดจะทำลายตัวเองแล้ว
น้ำตาเริ่มเอ่อคลอในดวงตาของโคโยอิ
“ฉันรู้ว่านายกำลังผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบาก
และอยากหายไปจากโลกนี้ แต่นายไม่จำเป็น
ต้องแบกทุกอย่างไว้คนเดียวอีกต่อไปแล้ว
อย่าต่อสู้เพียงลำพังเลยนะ
ฉันจะอยู่ข้างนายเพื่อสนับสนุนเอง
ดังนั้น มาทำให้ดีที่สุดไปด้วยกันเถอะ”
โคโยอิสวมกอดผมแน่น
ความอบอุ่นของเธอห่อหุ้มผมไว้
จนรู้สึกถึงความอ่อนโยน
“มาใช้ชีวิตร่วมกันเถอะนะ แค่เราสองคน”
ผมรวบรวมแรงทั้งหมดในมือ
ที่โอบรอบหลังของโคโยอิ
น้ำตาเริ่มไหลออกมาจากดวงตาโดยไม่รู้ตัว
ผมรับรู้ได้ว่าโคโยอิใส่ใจผมอย่างลึกซึ้ง
แม้ว่าผมจะเคยสงสัยในตัวเธอ
และหลีกเลี่ยงเธอก็ตาม
ผมรู้ว่าผมไม่มีสิทธิ์ที่จะใช้ความใจดีของเธอ
แต่จากก้นบึ้งของหัวใจ
ผมก็เอ่ยความรู้สึกที่เอ่อล้นออกมา
“ผม… ทำอะไรไม่ได้เลย”
ผมไม่สามารถกลั้นสะอื้นได้
“ผมอยากช่วยเธอ”
“ผมไม่อยากให้เธอตาย”
“ผมอยากให้เธอมีชีวิตอยู่ต่อไป”
คำพูดที่หลุดออกมาจากปากของผม
สั่นเครือและแหบพร่า
“ผมขอโทษ… นัตสึกิ”
แม้กระนั้น ความรู้สึกของผมก็พรั่งพรูออกมา
อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
หัวของผมเต็มไปด้วยความสับสน
ไม่สามารถทำความเข้าใจกับสิ่งใดได้เลย
อารมณ์และความคิดของผมไม่ทันกันเลย
ผมแค่รู้สึกว่าต้องขอโทษกับนัตสึกิ มิไร
“อากิระ…”
โคโยอิเรียกชื่อผม เธอยิ้มอย่างอ่อนโยน
แล้วก็กอดผมแน่นขึ้นกว่าเดิม พร้อมกับพูดว่า…
“อย่าพูดถึงผู้หญิงคนอื่นต่อหน้าฉัน”
เมื่อได้ยินคำพูดนั้น ผมเงยหน้าขึ้นมองโคโยอิ
รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอไม่ใช่รอยยิ้มจริงใจ
มันเป็นรอยยิ้มที่เย็นเยียบ
ปราศจากความอบอุ่น…
เป็นรอยยิ้มบางๆ ที่ไม่ได้สื่อถึงความรู้สึกใดๆ
เธอจ้องมองผมด้วยดวงตาที่ไร้ชีวิต…
ระระระหรือว่า…