เมื่อกลับไปเป็นนักเรียนอีกครั้ง แต่ถูกปฏิเสธจากเพื่อนสมัยเด็ก จึงตัดสินใจกระโดดตึกกับสาวสวยที่สุดในโรงเรียน - ตอนที่ 22 [บทที่ 4 รอบที่ 3] ความตั้งใจของนัตสึกิ
- Home
- เมื่อกลับไปเป็นนักเรียนอีกครั้ง แต่ถูกปฏิเสธจากเพื่อนสมัยเด็ก จึงตัดสินใจกระโดดตึกกับสาวสวยที่สุดในโรงเรียน
- ตอนที่ 22 [บทที่ 4 รอบที่ 3] ความตั้งใจของนัตสึกิ
“วันนั้น… ผมได้รับข้อความจาก นัตสึกิ มิไร
ผ่านโทรศัพท์มือถือของผม
เธอส่งข้อความมาหาผม
ให้ไปที่ดาดฟ้าของโรงเรียน
[สัญญา… นายต้องรักษาสัญญาของเรา]
ซ้ำไปซ้ำมา”
“ครั้งหนึ่ง ผมเคยคิดจะตาย
ตอนที่กำลังช็อกจากการอกหัก
แต่ผมไม่สามารถทำมันได้ด้วยตัวเอง”
“ผมรู้ว่า มิไร ถูกกลั่นแกล้ง
และในตอนนั้นเธออยู่กับผม
ดูเหมือนว่าเธอจะเศร้าไม่ต่างจากผมเลย
ผมเลยสัญญากับเธอว่า
[ถ้าเธอตัดสินใจจะตาย
ผมจะตายไปพร้อมกับเธอ.]”
“ดังนั้น เมื่อผมได้รับข้อความนั้น
ผมรู้ว่าเธอจะตาย แต่เมื่อไม่นานมานี้
เธอกลับดูมีความสุข ผมเลยคิดว่า…
บางทีเธออาจไม่ได้ตั้งใจจะทำแบบนั้นจริง ๆ”
“ถึงอย่างนั้น
กุญแจไปยังดาดฟ้ากลับปลดล็อกอยู่
โดยปกติแล้วประตูนั้นจะถูกล็อกด้วยแม่กุญแจ
แต่ มิไร หาวิธีปลดล็อกจากอินเทอร์เน็ต
และเธอยังสอนผมด้วย”
“เมื่อเธอเห็นผมขึ้นมาบนดาดฟ้า เธอยิ้ม
รอยยิ้มนั้นดูบริสุทธิ์และ…
มีความสุขจนผมไม่อยากเชื่อว่า
เธอจะคิดฆ่าตัวตาย”
“เมื่อผมเห็นสีหน้านั้น ชั่วขณะหนึ่ง
ผมคิดว่า มิไร เรียกผมมาที่ดาดฟ้าเพื่อเล่นตลก”
“[เธอกำลังทำอะไรอยู่?] ผมถาม
และ มิไร ตอบว่า
[ฉันแค่คิดถึงเรื่องที่แย่ที่สุดในชีวิตของฉัน.]”
“ผมบอกว่า [บอกผมสิว่าเกิดอะไรขึ้น]
แต่เธอไม่ยอมพูดอะไร”
“ผมแค่อยากให้เธอใจเย็นลง
ผมอยากให้เธอเล่าเรื่องให้ผมฟัง
ผมเลยพูดว่า
[ก่อนจะตาย ผมอยากคุยกับเธออีกหน่อย]”
“เมื่อ มิไร ได้ยินแบบนั้น
เธอจ้องมองผมด้วยสายตาที่ดูผิดหวัง”
[นายไม่อยากตายเหรอ?]
[ฉันไม่อยากคุย]
[ฉันอยากกระโดดลงไปเดี๋ยวนี้เลย]
“มิไร ซึ่งดูเหมือนจะสับสน จู่ๆ
ก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นไร้อารมณ์
เมื่อเห็นผมมีท่าทางตกใจ”
—เราเคยสัญญาว่าจะตายไปด้วยกัน
—คนโกหก
“ก่อนที่ผมจะห้ามเธอได้ มิไรก็พูดออกมาแบบนั้น
และกระโดดลงจากดาดฟ้าไป
โดยไม่มีความลังเล”
“ผมคิดว่ามันเป็นแค่เรื่องล้อเล่น
ผมเลยปีนขึ้นราวกั้นแล้วมองลงไป
แต่ข้างล่างมันมืดเกินกว่าจะเห็นอะไร”
“ทันทีที่ผมลงจากดาดฟ้าและวิ่งลงบันได
ตอนนั้นผมยังเชื่อว่า มันคงเป็นแค่เรื่องล้อเล่น
และ มิไร จะออกมาจากด้านหลังผม
หัวเราะเยาะหน้าตื่นตกใจของผม
พร้อมพูดว่า [นายขี้ขลาดเกินไป]
หรืออะไรทำนองนั้น”
“แต่เมื่อผมออกจากอาคารเรียน
และมองไปรอบ ๆ ผมเห็น มิไร”
“แขนขาของเธอหักงอไปในทิศทางแปลก ๆ
และมันดูเจ็บปวดมาก”
“ผมพูดอะไรบางอย่าง
เพื่อถามถึงอาการของเธอ แต่ มิไร ไม่ตอบ”
“มันมืดเกินกว่าจะเห็นจากระยะไกล
แต่เมื่อผมเข้าไปใกล้ ผมเห็นแอ่งเลือด
ล้อมรอบร่างของ มิไร”
“เลือดจำนวนมากไหลออกมาจากหัวของเธอ
ผมสังเกตเห็นชิ้นส่วนของเธอกระจัดกระจาย
ผมค่อยๆรวบรวมชิ้นส่วนเหล่านั้น
พร้อมกับสติของผมที่ค่อยๆเลือนหายไป”
“ตอนนั้นผมคิดว่าผมต้องโทรเรียกรถพยาบาล
แต่ผมจำไม่ได้ว่าผมโทรไปเอง…
หรือว่าคนแถวนั้นได้ยินเสียงแล้วโทรแจ้ง”
“ผมคิดว่าผมหมดสติไปก่อนที่จะเข้าใจทุกอย่าง
และตอนที่ผมฟื้นขึ้นมา
ผมก็อยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว”
“นี่คือความทรงจำสุดท้ายของผมที่มีต่อ มิไร”
***
หลายวันผ่านไปหลังจากที่ นัตสึกิ มิไร เสียชีวิต
ผมไปที่บ้านของเธอโดยไม่มีใครรู้
ผมอยากจะอธิบายให้พ่อแม่ของเธอฟัง
ถึงครั้งสุดท้ายที่ผมได้อยู่กับเธอ
และอยากจะดูว่ามีอะไรที่ผมพอจะคิดได้ไหมว่า
เป็นเหตุผลที่ทำให้เธอตัดสินใจฆ่าตัวตาย
“…ผมขอโทษที่ต้องรื้อฟื้นเรื่องเจ็บปวดนี้ขึ้นมา”
พ่อของ มิไร เป็นคนที่รับฟังเรื่องราว
ของผมอย่างเงียบๆ เขารีบมาที่เมืองนี้
จากโตเกียวทันทีที่ได้ยินว่า มิไร เสียชีวิต
ผมเล่าเรื่องที่ไม่จำเป็นต้องเล่าออกไป
ทั้งที่รู้ว่ามันจะทำให้เขาเจ็บปวดมากขึ้น
แต่ถึงอย่างนั้น
ผมก็ไม่สามารถหยุดตัวเอง
จากการบอกเล่าสิ่งที่ผมเห็นและรู้สึกได้
พ่อของ มิไร พยายามทำหน้านิ่งขณะฟังผม
แต่ผมก็สังเกตได้จากกำปั้นที่เขากำแน่นและ
ริมฝีปากที่กัดจนซีดขาวว่า
เขากำลังเก็บซ่อนความโกรธ
ที่ไม่สามารถแสดงออกมาได้
“ฉันรู้จักนาย… เก็นโนะ อากิระ”
“…แม่ของ มิไร บอกคุณเหรอครับ?”
พ่อของ มิไร ส่ายหน้าอย่างช้า ๆ ก่อนจะตอบว่า
“เธอ… เธอไม่อยู่ในสภาพที่จะพูดอะไรได้
ในตอนนี้”
หลังจากพูดจบ เขาก็พูดต่อ
“ในจดหมายลาตายของ มิไร มีการพูดถึงนาย
ฉันเข้าใจว่าคุณเป็นเพียงคนเดียวในเมืองนี้ที่
ช่วยเหลือเธอ…”
“…แล้วในจดหมายของเธอ
พูดถึงอะไรอีกไหมครับ?”
“เธอบอกว่าเธอถูกกลั่นแกล้งในโรงเรียน
และนายช่วยเธอออกมาจากสถานการณ์
ที่เลวร้ายที่สุดนั้น
–และเหตุผลที่ทำให้เธอ
ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีก”
พ่อของ มิไร ยื่นจดหมายของเธอให้ผมดู
ในจดหมาย
เธอเขียนว่าทั้งโรงเรียนกลั่นแกล้งเธอ
แม้เธอไม่ได้ระบุชื่อใครก็ตาม
แต่เธอก็เขียนไว้ว่าผมเป็นคนเดียว
ที่ช่วยเธอออกจากสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด
และยังมีอีกเรื่องหนึ่ง–
ตัวกระตุ้นที่ทำให้เธอตัดสินใจฆ่าตัวตาย
ก็ถูกเขียนไว้ด้วย
เมื่อผมรู้ว่ามันคืออะไร
ผมรู้สึกเหมือนแรงทั้งหมดในร่างกายหายไป
มันสายเกินไปแล้ว–
สายเกินไปที่เด็กอายุ 18 ปีอย่างผมจะทำอะไรได้
“ถ้านายอ่านจดหมายลาตายของเธอ
นายจะเข้าใจว่า ลูกสาวของฉันรู้สึกขอบคุณนาย
เพราะนาย…อย่างน้อยเธอก็สามารถจาก
ไปอย่างสงบได้ในที่สุด”
พ่อของ มิไร กล่าวกับผมด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
ผมมองใบหน้าของเขาและรู้สึกหวาดกลัว
นั่นไม่ใช่สีหน้าของชายคนหนึ่งที่
พูดคำว่าขอบคุณ มันคือความเกลียดชัง
“ในท้ายที่สุด
ผมทรยศต่อความไว้วางใจของ มิไร”
คนโกหก.
ผมจะไม่มีวันลืมสายตาสุดท้ายของ มิไร
ที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
“…นายคงเหนื่อยแล้ว กลับไปเถอะ…
และอย่ามาให้เห็นหน้าอีก”
พ่อของ มิไร พูดด้วยเสียงดังขึ้น
“ฉันรู้ว่ามันไม่ใช่ความผิดของนาย
ฉันรู้ว่านายเป็นเพียงคนเดียวที่ มิไร ไว้ใจให้ช่วย
ฉันขอบคุณคุณสำหรับเรื่องนั้น
นั่นคือความจริง…แต่นั่นแหละคือเหตุผล!”
เขาตะโกนใส่ผมโดยไม่ลังเล
พร้อมกับน้ำตาที่ไหลอาบใบหน้า
“ถ้านายไม่เคยบอก มิไร ว่า
[จะตายไปพร้อมกับเธอ]
… มิไร ก็คงไม่มีวันเลือกที่จะปลิดชีวิตตัวเอง!”
ความโกรธ
ความเกลียดชัง
ความรังเกียจ
อารมณ์ดิบที่พุ่งเข้าใส่ผมราวกับการโจมตี
และผมรับมันไว้ด้วยความรู้สึกเย็นชา…
เย็นชาเหลือเกิน
ผมไม่รู้ว่าคุณกำลังพูดถึงอะไร
ไม่ว่าผมจะทำอะไรหรือไม่ทำอะไร
ในท้ายที่สุดแล้ว
นัตสึกิที่สิ้นหวังกับทุกสิ่งก็จะตายอยู่ดี
คุณ…ที่มัวแต่ทำงาน
ในขณะที่เธอกำลังทุกข์ทรมาน
และไม่สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติใดๆ
คุณไม่มีสิทธิ์ที่จะมาต่อว่าผม…
คนที่อยู่เคียงข้างเธอและพยายามช่วยเหลือเธอ
ผมรู้สึกหงุดหงิดเพราะคุณ ทั้งพ่อและลูกสาว…
—และในขณะเดียวกัน ผมก็เกลียดตัวเองลึกๆ
อย่างที่สุด ที่ความคิดโง่ๆ แบบนี้แล่นเข้ามาใน
หัวของผมทันที
ความโกรธของเขานั้นถูกต้องแล้ว…
ไม่ว่าผมจะมีโอกาสย้อนชีวิตไปกี่ครั้ง
ผมก็เป็นเพียงคนไร้ค่า…
ไร้ค่าเสียจนช่วยชีวิตเด็กผู้หญิงมัธยมปลาแม้แต่
คนเดียวก็ยังทำไม่ได้
“เก็นโนะคุง… ฉันขอโทษจริงๆ
แต่ฉันไม่แน่ใจว่า
ฉันจะรักษาสติไว้ได้นานกว่านี้…
ได้โปรดออกไปเถอะ”
เขาพูดพลางหันหน้าหนีจากผมอย่างเงียบ ๆ
แต่ผมยังคงพูดต่อ
แม้จะรู้ว่าคำพูดของผมมีแต่จะเติมเชื้อไฟ
แห่งความเกลียดชังในตัวเขาให้ลุกโชนขึ้น
“…ฆ่าผมสิ”
เมื่อได้ยินคำพูดของผม
ชายตรงหน้ามองมาด้วยสายตาที่ไร้พลัง
ไร้ชีวิต และไร้ความรู้สึก
“…เป็นผมเองที่พรากลูกสาวของคุณไปจากคุณ”
ทันใดนั้น เขาสูญเสียสติและจ้องมาที่ผม
ด้วยสายตาเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง
—แล้วทั้งร่างของผมก็ถูกกระแทกเข้ากับกำแพง
อย่างรุนแรง แรงปะทะนั้นแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย
ด้านหลังศีรษะของผมกระแทกเข้ากับกำแพง
และโลกตรงหน้าของผมเริ่มสั่นไหวและพร่ามัว
สีหน้าของเขาที่ผมเห็นก่อนที่สติจะดับวูบไปนั้น
เต็มไปด้วยความยินดีที่ชั่วร้าย…
จากนั้นผมก็ฟื้นขึ้นมาในโรงพยาบาล
และผมได้สูญเสียการมองเห็นที่ตาซ้ายไปแล้ว
อันนี้ผมเซ็นเซอร์ขั้นสุดเลยนะ
ของจริงอธิบายศพของมิไรได้สุดตีนจริงๆ
แต่ก็เลือกที่จะใส่มานิดหน่อยอยู่ดี
เพราะผมอยากให้เห็นว่าพระเอกมันหลุดไปแล้ว
เอาหล่ะ ผู้ใด๋ที่ทำร้ายน้อนมิไร พ่อของมิไร
จะเกี่ยวข้องกับเรื่องทั้งหมดไหม
ทุกคนคิดว่ายังไงกันครับ