เมื่อกลับไปเป็นนักเรียนอีกครั้ง แต่ถูกปฏิเสธจากเพื่อนสมัยเด็ก จึงตัดสินใจกระโดดตึกกับสาวสวยที่สุดในโรงเรียน - ตอนที่ 21 [บทที่ 4 รอบที่ 3] เมื่อมีครั้งที่ 2 ย่อมมีครั้งที่ 3 เสมอ
- Home
- เมื่อกลับไปเป็นนักเรียนอีกครั้ง แต่ถูกปฏิเสธจากเพื่อนสมัยเด็ก จึงตัดสินใจกระโดดตึกกับสาวสวยที่สุดในโรงเรียน
- ตอนที่ 21 [บทที่ 4 รอบที่ 3] เมื่อมีครั้งที่ 2 ย่อมมีครั้งที่ 3 เสมอ
งานเทศกาลครั้งที่สามของผมจบลงแล้ว
เพื่อนร่วมห้องทุกคน
ต่างเปลี่ยนโหมดเป็นการเตรียมสอบกันหมด
ในสถานการณ์แบบนั้น
ผมดูโดดเด่นกว่าเดิมมาก
มันเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว
วันแรกของเทศกาล ผมเดินเที่ยวไปกับโทวะ
ส่วนวันถัดมา ผมอยู่กับนัตสึกิ
และเราก็พากันวิจารณ์การแสดงของแต่ละห้อง
[รู้สึกแย่แทนโทวะเลยจริงๆ]
[ตั้งแต่โคมาเอะบอกเลิก เขาก็ทำตัวแปลกไป]
[สมองเขากลายเป็นสมองคนอกหักหรือเปล่า]
[เกรดดี ๆ นั่นคงเพราะโกงล่ะมั้ง]
[หวังว่าหมอนั่นจะสอบตกนะ]
มีคนพูดลับหลังผมเยอะเลย
คำกล่าวหาของพวกเขามันมีมูล
ผมเลยแค่ฟังโดยไม่ได้โต้แย้งอะไร
มันก็เหมือนกันสำหรับโทวะ
[โทวะไม่ถือสาหรอกนะ]
เธอเคยส่งอีเมลมาบอกผมแบบนั้น
ผมรู้สึกผิดกับเธอ
ผมเป็นคนชวนเธอไปเดินเล่นในงาน
แต่สุดท้ายกลับเลือกอยู่กับนัตสึกิ
“ขอโทษที่ทำให้ลำบากนะ”
โทวะตอบกลับคำขอโทษของผม
ด้วยถ้อยคำที่อ่อนโยน
[ไม่เป็นไรหรอก เพราะอากิคือเพื่อนของโทวะไง]
แต่เมื่อเห็นข้อความถัดมาที่เธอส่งมา
ผมก็ได้แต่ถอนหายใจ
[เคยมีช่วงที่อยากขอโทษนัตสึกินะ…
แต่ตอนนี้ไม่คิดจะทำแล้วล่ะ]
ผมเป็นคนพรากความตั้งใจที่จะขอโทษ
ของโทวะไป ผมไม่รู้สึกอะไรเลย
ตอนที่เพื่อนร่วมห้องเมินผม
แต่พอเรื่องของโทวะ ผมกลับรู้สึกสะเทือนใจมาก
ในขณะที่คนรอบตัวผมพากันเมินเฉย
โคโยอิกลับยังทำตัวเหมือนเดิมจนน่าแปลก
เวลาที่ผมกับโทวะพยายามจะคุยกัน
คนอื่นๆมักจะเข้ามาขัดอย่างตั้งใจ
ส่วนกับนัตสึกิ
เราแทบไม่ได้คุยกันในห้องเรียนเลย
นั่นจึงทำให้หลังเทศกาลผมมีคนที่ได้พูดคุยด้วย
ในห้องเรียนก็มีแค่โคโยอิเท่านั้น
เธอไม่แคร์บรรยากาศในห้องเลย
ถ้ามีเรื่องที่อยากพูดกับผม เธอก็มักจะเข้ามาคุย
เพื่อน ๆ ในห้องมักจะพูดกันว่า
[โคโยอิเอาอกเอาใจเขามากเกินไป
เพราะรู้จักกันมาตั้งแต่เด็กนั่นแหละ]
ดูเหมือนพวกเขาจะเอือมกับท่าทีของโคโยอิ
ส่วนผมกลับรู้สึกอึดอัดกับท่าทีของเธอ
ในชีวิตที่สองของผม
เธอแค่เห็นผมทักทายนัตสึกิ เธอก็หึงแล้ว
แต่คราวนี้ ทั้งที่เราสองคนไปเดินเที่ยวงาน
เทศกาลด้วยกัน เธอกลับยังไม่แสดงปฏิกิริยา
อะไรออกมาเลย หรือเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นกับโทวะ
มันชัดเจนเกินไป
เธอถึงคิดว่าความสัมพันธ์ของผมกับนัตสึกิเป็น
แค่การจงใจทำให้เธอหึงอีก?
หรือว่า—มันมีเหตุผลอื่นกันแน่?
ผมอยากจะถามเธอ
แต่ก็ไม่อยากทำให้เธอไม่พอใจ
สุดท้าย ผมเลยไม่ได้ถามอะไรเธอเลย
***
พิธีปิดเทอมที่สองสิ้นสุดลง
ในเมืองเต็มไปด้วยบรรยากาศคริสต์มาส
แต่สำหรับนักเรียนมัธยมปลายปีสุดท้ายที่กำลัง
เตรียมสอบ นั่นคงไม่สำคัญนัก
แม้ว่าโดยปกติมันควรจะเป็นแบบนั้น…
“วันที่ 24 ว่างไหม?”
นัตสึกิถามผมตอนที่เราลงจากรถไฟ
และเดินกลับบ้านด้วยกัน
“ผมว่าผมน่าจะอ่านหนังสือสอบนะ”
“งั้นก็มาอ่านกับฉันที่บ้านสิ”
“ทำไมล่ะ?”
ตั้งแต่เทศกาลที่ผ่านมา
ผมกับนัตสึกิไปโรงเรียนด้วยกันบ่อยขึ้น
แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เธอชวนผมไปที่บ้าน
หลังจากวันที่เราไปดูดอกไม้ไฟด้วยกัน
“ก็เพราะฉันอยากอยู่กับนาย…
หรือว่านายไม่อยากล่ะ?”
นัตสึกิพึมพำพลางมองพื้น
ผมมองเห็นแค่ด้านข้างของเธอ
แต่ก็พอจะบอกได้ว่าเธอกำลังเขิน
เพราะใบหูของเธอแดงเถือก
“ถ้างั้นก็ได้ ผมจะไป”
ผมตอบ และนัตสึกิก็เงยหน้ามองไปข้างหน้า
“โอเค”
เธอพยักหน้าเบา ๆ
ผมสังเกตเห็นว่ามุมปากของเธอเผยรอยยิ้มที่ดูมี
ความสุข
แล้ววันที่ 24 ธันวาคม คืนคริสต์มาสอีฟก็มาถึง
“ยินดีต้อนรับ”
“ขอรบกวนหน่อยนะ”
ผมมาที่บ้านของนัตสึกิ
เธอต้อนรับผมด้วยท่าทางที่ดูแตกต่างจากปกติ
เล็กน้อย ก่อนพาผมเข้าไปในห้องของเธอ
ห้องของเธอยังคงดูไร้ชีวิตชีวาเหมือนเคย
เรานั่งลงที่โต๊ะเตี้ยๆ
และเริ่มต้นเปิดตำราอ่านหนังสือสอบด้วยกัน
ต่างคนต่างเงียบ
ขะมักเขม้นแก้โจทย์ที่อยู่ตรงหน้า
…กระทั่งผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง
ในความเงียบ เสียงท้องของผมร้องออกมา
เพราะความหิว
“ขอโทษที”
นัตสึกิหัวเราะคิกกับคำพูดของผม
“พักกันหน่อยดีกว่า”
เธอพูด ก่อนจะลุกขึ้นไปเตรียมเครื่องดื่ม
และชีสเค้กมาให้
“เอ้านี่ เค้กคริสต์มาส”
“อ่า ขอบคุณมาก”
หลังจากอ่านหนังสือจนสมองล้า ร่างกายของผม
ก็เรียกร้องหาความหวานทันที
รสชาติหวาน ๆ นี่ช่วยได้เยอะเลย
“อร่อยดีนะ”
“ดีใจที่ชอบ”
พอเห็นนัตสึกิทำหน้าดูโล่งใจ ผมก็อดถามไม่ได้
“นี่อย่าบอกนะ ว่าทำเอง?”
เธอดูตกใจนิดหน่อย
“หืม? ก็แค่ทำเล่น ๆ
ตอนพักจากการอ่านหนังสือน่ะ”
แล้วเธอก็หันหน้าหนีผมไป
ดูยังไงก็เหมือนเธอตั้งใจทำให้ผมชัด ๆ
“วันนี้แต่งหน้าจัดกว่าปกตินะ”
ผมพูดขึ้นมา
แล้วเธอก็มองผมอย่างไม่สบอารมณ์
ถ้าเทียบกับลุคแต่งหน้าเบา ๆของเธอแล้ว
วันนี้เธอดูจัดเต็มมาก
“ถ้ารู้ตัวก็บอกกันตั้งแต่แรกสิ”
เธอบ่นพลางทำหน้ายุ่ง
“ก็สวยดี”
พอผมพูดจบ นัตสึกิก็หน้าแดง
ก่อนจะพึมพำเบา ๆ
“…ขอบใจ”
“เอ่อ ไม่ใช่ว่าขอบคุณเรื่องเค้กหรอกนะ แต่…”
ผมหยิบของขวัญที่ห่อไว้ออกจากกระเป๋า
แล้วยื่นให้เธอ
“สุขสันต์วันคริสต์มาส”
“ของขวัญคริสต์มาสเหรอ?”
นัตสึกิที่รับไปด้วยสีหน้าเหวอๆ เอ่ยถามผม
ผมพยักหน้าให้
“ก็ไม่ใช่อะไรพิเศษหรอก จริง ๆ ผมว่าเธอคง
ไม่จำเป็นต้องใช้ด้วยซ้ำ
อย่าคาดหวังอะไรมากนะ”
“รีบบอกกันแบบนี้
ทำให้เสียบรรยากาศแย่เลยเนอะว่าไหม”
เธอพูดจาเหมือนจะตำหนิ แต่กลับยิ้มออกมา
แล้วค่อย ๆ แกะห่อของขวัญอย่างระมัดระวัง
“ดินสอ?”
ของขวัญที่ผมให้เธอเป็นดินสอแบบพิเศษ
“ผมคิดว่าเธอคงไม่ต้องพึ่งมันเท่าไหร่หรอก
แต่มีสำรองไว้ก็ดีใช่มั้ย?”
นัตสึกิหัวเราะเบา ๆ กับคำพูดของผม
“ฉันดีใจนะ ขอบคุณมาก”
เธอพูดจบก็ลุกขึ้น แล้วมานั่งข้าง ๆ ผม
พิงไหล่ผมเบา ๆ ก่อนจะพูดว่า
“คืนนี้ค้างที่นี่สิ”
นัตสึกิเธอเปิดใจให้ผมหมดแล้ว
คำพูดของเธอ ผมไม่ไร้เดียงสาหรือเฉื่อยชา
จนตีความหมายไม่ออกหรอก
แต่ก่อนจะตอบรับคำขอของเธอ
ผมมีบางอย่างที่อยากถามเธอก่อน
“พ่อแม่จะโอเคเหรอ?”
ผมยังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับครอบครัวของนัตสึกิเลย
นี่อาจเป็นโอกาสที่จะถามเธอได้แบบเนียน ๆ
“วันนี้ไม่มีใครอยู่บ้านหรอก…
พ่อฉันอยู่ที่โตเกียว”
จากที่เธอพูด
ดูเหมือนว่าพ่อแม่เธอจะไม่ได้หย่ากัน
“ว่าแต่… ขอถามหน่อยสิ
ทำไมพ่อคุณถึงไปอยู่ที่นั่นล่ะ?”
ผมถามอย่างลังเลเล็กน้อย
แต่เธอก็ตอบด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ
“เพราะโรงเรียนใหม่ของฉันน่ะ
พ่อทำงานอยู่ในโตเกียว
แล้วเราก็มีบ้านอยู่ที่นั่น”
ผมเคยคิดว่าสภาพครอบครัวของเธอคงซับซ้อน
แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่อย่างที่ผมเข้าใจ…
“แล้วทำไมถึงย้ายมาโรงเรียนมัธยมในชนบท
แบบนี้ล่ะ?”
“…เพราะมันเป็นโรงเรียนมัธยม
ที่พ่อฉันเคยเรียน”
นัตสึกิพูดพลางหันหน้าหนีผมไป
เหมือนว่าเธอจะกำลังปิดบังอะไรบางอย่าง
ผมเลยเลือกที่จะมองเธอเงียบ ๆ
“มันก็แค่เหตุผลเล็ก ๆ น้อย ๆ…”
นัตสึกิที่ดูเหมือนจะทนต่อความเงียบไม่ไหว
เอ่ยขึ้นมาพร้อมกับเกริ่นก่อนจะพูดต่อ
“จริงๆ แล้วมันเป็นเหตุผลเล็กๆ น้อยๆ จริงๆ นะ
ฉันแค่รู้สึกอยากรู้ว่าโรงเรียนที่พ่อเคยเรียน
มันเป็นยังไงก็เท่านั้นเอง”
คำตอบนี้ไม่ใช่สิ่งที่ผมคาดหวังไว้เลย
ผมไม่รู้จะตอบกลับยังไงดี
เลยทำได้เพียงยิ้มบางๆ แล้วพูดว่า “งั้นเหรอ”
นัตสึกิพูดว่า “น่ารำคาญ”
พร้อมกับตบที่สีข้างผมเบา ๆ
“แต่นั่นมันเป็นเหตุผลหลังจากที่ตัดสินใจแล้วว่า
จะย้ายโรงเรียนมาเรียนที่นี่
แล้วทำไมเธอถึงเปลี่ยนโรงเรียนตั้งแต่แรกล่ะ?”
เธอยิ้มตอบคำถามผม แล้วพูดต่อ
“เรื่องนั้นฉันไม่บอกนายหรอก”
ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่เธอไม่อยากให้ผมรู้…
มันคืออะไรกันแน่นะ?
“แม่ฉันย้ายมาที่นี่ด้วย
เพราะไม่อยากให้ฉันอยู่คนเดียว
เธอตามฉันมาโดยไม่บ่นอะไรเลย
แถมยังบอกอีกว่าชีวิตชนบทน่าจะสนุกดี”
นัตสึกิพูดพลางมองหน้าผมเงียบ ๆ
“เหรอ… พอพูดแบบนี้แล้ว
แม่ของนัตสึกิทำงานอะไรเหรอ?”
เธอไม่ตอบคำถามผม
หรือว่าผมถามมากเกินไป?
เธอจ้องหน้าผมด้วยสายตาที่ดูขมขื่น
“นายจำได้มั้ย ตอนที่นายมาบ้านฉันคราวก่อน
นายบอกว่าแม่ฉันสวยมาก ใช่มั้ย?
นายเป็นพวกชอบผู้หญิงแต่งงานแล้วหรือไง?”
“ไม่ใช่แบบนั้นนะ!”
ผมรีบพูดเสียงดัง
เพื่อปฏิเสธข้อสงสัยไม่คาดฝันนั้น
จากนั้นผมก็ลุกขึ้นยืน
“วันนี้ผมกลับก่อนนะ”
พอได้ยินคำพูดของผม นัตสึกิพูดว่า
“เหรอ…”
สีหน้าของเธอดูเศร้าขึ้นมาทันที
ผมเอามือไปวางบนหัวเธอ แล้วพูดว่า
“ผมรู้นะว่าเธอเหงา
เดี๋ยวถึงบ้านแล้วผมจะโทรหาเธอเอง”
สีหน้าของนัตสึกิดูสดใสขึ้นทันที
เมื่อได้ยินคำพูดของผม
“โอเค ขอบคุณ ฉันจะรอนายนะ”
เธอพูดพลางเดินมาส่งผมที่ประตู
เห็นรอยยิ้มของเธอแล้ว
ผมก็รู้สึกโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง
การแก้ปัญหาการโดนแกล้งในงานเทศกาล
เป็นการดูแลที่ดีที่สุดที่ผมทำให้เธอได้ในตอนนี้
ปัญหาที่ผมคิดว่าเกี่ยวกับครอบครัวของเธอ
กลายเป็นแค่จินตนาการของผมเอง
ถ้าทุกอย่างยังเป็นแบบนี้ต่อไป
นัตสึกิจะไม่มีวันฆ่าตัวตาย
ดังนั้น เราจะรักษาความสัมพันธ์นี้ไว้
มากกว่าเพื่อน แต่ยังไม่ใช่คนรัก
และวันหนึ่ง เธอจะชอบใครสักคนจริง ๆ
และเมื่อถึงวันนั้นคนๆ นั้นจะชอบเธอกลับ
—แล้วผมจะตายโดยไม่มีอะไรติดค้าง
ตอนนี้ ผมจะรอจนถึงฤดูที่หิมะละลาย
และจากนั้น ผม—
***
“โกหก…”
นัตสึกิ มิไร กล่าวด้วยน้ำเสียงที่สิ้นหวัง
ใบหน้าของเธอฉายแววเศร้าสร้อย
น้ำตาไหลรินอาบแก้ม
“เราสัญญากันไว้ว่าจะตายไปด้วยกัน…”
ด้วยสายตาที่ดูเหมือนยอมจำนนต่อโชคชะตา
เธอเอ่ยคำพูดสุดท้ายออกมาอย่างแผ่วเบา—
จากนั้น
เธอก็กระโจนลงไปในหุบเหวลึกเบื้องล่าง
เมื่อไหร่อะ หวานๆอะเมื่อไหร่