เมื่อกลับไปเป็นนักเรียนอีกครั้ง แต่ถูกปฏิเสธจากเพื่อนสมัยเด็ก จึงตัดสินใจกระโดดตึกกับสาวสวยที่สุดในโรงเรียน - ตอนที่ 20 [บทที่ 4 รอบที่ 3] ดวงดีและดวงซวย
- Home
- เมื่อกลับไปเป็นนักเรียนอีกครั้ง แต่ถูกปฏิเสธจากเพื่อนสมัยเด็ก จึงตัดสินใจกระโดดตึกกับสาวสวยที่สุดในโรงเรียน
- ตอนที่ 20 [บทที่ 4 รอบที่ 3] ดวงดีและดวงซวย
ตั้งแต่นั้นมา โคโยอิไม่ได้มาวุ่นวายกับผมอีก
แต่ดูเหมือนว่าเราจะมองสบตากันบ่อยขึ้น
นั่นคงหมายความว่า
ผมเองก็เริ่มให้ความสนใจกับเธอมากขึ้น
อาจเป็นเพราะโคโยอิเป็นคนที่ควรระวังที่สุด
ในเรื่องการกลั่นแกล้งนัตสึกิ
ไม่มีเหตุผลอื่นเลยจริงๆ
และแล้ว วันสงบสุขอีกวันหนึ่งก็ผ่านไป
วันนี้เป็นเทศกาลโรงเรียนครั้งที่สามของผม
“อากิ! ไปซื้อชูโรสกันก่อนเถอะ!”
สองครั้งแรก ผมไปงานเทศกาลกับเพื่อนผู้ชาย
แต่ครั้งนี้ตามที่สัญญาไว้
ผมมางานเทศกาลกับอิโอริ
“ครับๆ”
ผมซื้อชูโรสให้อิโอริ
จากร้านที่นักเรียนชั้นปีสองเป็นคนดูแล
เธอกัดชิมคำแรกแล้วพูดขึ้นว่า
“อืม…ไม่อร่อยเลยอะ!”
เธอพูดด้วยท่าทางร่าเริง
“นี่ อากิ เอาที่เหลือไปกินสิ”
พูดจบ อิโอริก็ยื่นชูโรสที่เธอกัดไปแล้วให้ผม
ผมรับมันมาพร้อมกับกินอย่างไม่เต็มใจนัก
“ดีนะที่ผมไม่ได้ซื้อมาสองอัน”
มันไม่ได้แย่จนกินไม่ได้แต่มันแห้ง
แข็ง และอย่างที่อิโอริบอก
มันไม่มีความกรอบหรือความนุ่มนวลเลย
จืดสนิท
“คราวนี้ไปบ้านผีสิงกันเถอะ!”
อิโอริจับมือผมแล้วดึงไปทางบ้านผีสิงที่ใหญ่
ที่สุดในเทศกาลโรงเรียน
ซึ่งสร้างโดยใช้ห้องเรียนถึงสามห้อง
หลังจากยืนต่อแถวอยู่สักพัก
เราก็ได้เข้าไปในบ้านผีสิง
ช่วงแรก บรรยากาศของบ้านผีสิงดูดีทีเดียว
ดูมีความน่าสะพรึงกลัวพอสมควร
แต่พอฉากน่ากลัวเริ่มซ้ำซาก พอผ่านไปครึ่งทาง
พวกเราก็เริ่มเบื่อและไม่รู้สึกกลัวอีกต่อไป
สุดท้ายมันรู้สึกเหมือนแค่เดินเล่นในที่มืดเท่านั้น
“เราเสียเวลาเปล่าเลยนะ–“
อิโอริพูดพร้อมยิ้มมุมปาก
ผมยิ้มและพยักหน้าเงียบๆ
“ไปดูการแสดงที่หอประชุมกันไหม?”
“ก็ดีเหมือนกันนะ”
จากนั้นผมกับอิโอริก็เดินไปยังหอประชุมด้วยกัน
***
อิโอริดูเหมือนจะสนุกไปกับการประกวดตลกที่
เต็มไปด้วยมุกจืดๆ
กลับกันผมรู้ว่ามันน่าเบื่อมากจนเกือบจะหลับ
เพราะนี่เป็นครั้งที่สามแล้วที่ผมเข้าร่วมเทศกาลนี้
ครั้งที่สองผมยังรู้สึกสนุก
เพราะมีความคิดถึงบางอย่าง
แต่ครั้งนี้มันยากที่จะรู้สึกแบบนั้น
ผมมองดูนาฬิกา
ตอนนี้ก็เย็นมากแล้ว
อีกหนึ่งชั่วโมงเทศกาลก็จะจบลง
นี่คงเป็นเวลาที่โคโยอิซึ่งน่าจะกำลังหึง
ที่ผมไปเที่ยวงานเทศกาลกับอิโอริ
จะปรากฏตัวแต่ผมกลับไม่เห็นเธอ
–เหลือเวลาอีกเพียง 30 นาที
ก่อนที่งานเทศกาลจะจบลง
ในที่สุดผมก็รู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกไป
บางทีผมอาจเข้าใจผิดอะไรบางอย่าง
“…ขอโทษนะ อิโอริ ผมมีที่ต้องไปน่ะ”
“ห้ะ? เอ่อ…โอเค”
หลังจากบอกอิโอริ ที่กำลังดูการประกาศผลการ
ประกวดตลก ผมก็ออกจากหอประชุมและเดิน
กลับไปยังอาคารเรียน
หัวใจผมเต้นแรงขึ้นเมื่อเห็นประตูทางขึ้นดาดฟ้า
ประตูที่เคยล็อกด้วยแม่กุญแจถูกปลดล็อกออก
ผมเปิดประตูและก้าวขึ้นไปบนดาดฟ้า
เหมือนที่เคยทำในครั้งก่อน
เธออยู่ที่นั่น ยืนพิงราวเหล็ก มองลงไปเบื้องล่าง
ผมสูดลมหายใจลึกและเดินไปยืนข้างเธอ
ก่อนจะเอ่ยขึ้น
“ปีนี้เธอสนุกกับเทศกาลโรงเรียนไหม?”
“ก็…นิดหน่อย”
เธอไม่แม้แต่จะหันมามองผม
ตอบกลับมาอย่างเฉื่อยชา
ผมรู้สึกสับสนไปหมด
นัตสึกิถูกกลั่นแกล้งอีกแล้วอย่างนั้นเหรอ?
“มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า?
บอกผมได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น?”
ไหล่ของนัตสึกิสั่นไหวเล็กน้อย
เมื่อได้ยินคำพูดของผม
“หุบปากไปเถอะ!”
เธอพูดด้วยน้ำเสียงไร้ความรู้สึก
ก่อนจะก้มหน้าลง
ผมมองดูเธอพลางคิดทบทวน
วันนี้อิโอริอยู่กับผมทั้งวัน
ดังนั้นเธอคงไม่ใช่คนลงมือ
ส่วนโคโยอิเอง ก็ไม่มีเหตุจูงใจ
ที่จะกลั่นแกล้งนัตสึกิในครั้งนี้
เพราะเธอไม่ได้หึงนัตสึกิเลย
นั่นหมายความว่า
คนที่กลั่นแกล้งนัตสึกิในครั้งนี้
ไม่ใช่คนที่ผมเฝ้าระวัง
ผมควรจะอยู่กับนัตสึกิ
แทนที่จะไปทำอะไรไร้สาระแบบนั้น
ไม่สิ
นั่นเป็นเพียงผลลัพธ์ของสถานการณ์ตอนนี้…
อย่างไรก็ตาม
ผมปล่อยให้นัตสึกิอยู่คนเดียวตอนนี้ไม่ได้
“นี่หนาวไหม? ถ้าหนาว เอาเสื้อคลุมผมไปสิ”
“ไม่หนาว ปล่อยฉันไว้คนเดียวเถอะ”
ผมจะปล่อยให้นัตสึกิอยู่คนเดียวไม่ได้
นัตสึกิหันมามองผม
แล้วเธอก็จ้องผมด้วยดวงตาที่แดงช้ำ
“…หุบปาก ฉันบอกแล้วว่าฉันอยากอยู่คนเดียว
ปล่อยให้ฉันอยู่คนเดียวเถอะ”
ครั้งที่แล้ว ผมเดินลงจากดาดฟ้าไป
เพราะคิดว่าผมช่วยอะไรเธอไม่ได้
แต่ครั้งนี้มันไม่เหมือนเดิม
–ผมอยากเปลี่ยนโชคชะตาของเธอ
“ก็ได้ ผมจะไม่พูดอะไรแล้ว แต่…
ขออยู่ข้างๆ เธอแบบนี้ไม่ได้เหรอ?”
เมื่อได้ยินคำพูดของผม นัตสึกิกำหมัดแน่น
“ฉันไม่อยากเห็นหน้านาย
ไปให้พ้นสายตาฉันซะ!”
ผมเงียบลงและสบตาเธอโดยไม่หลบสายตา
“อย่าเงียบสิ พูดอะไรบ้าง”
นัตสึกิพูดพึมพำออกมาเบาๆ พร้อมกับมองด้วย
สายตาที่เหมือนขอความช่วยเหลือ
“ผมบอกแล้วไงว่าจะอยู่ข้างๆ เธอตรงนี้”
หลังได้ยินคำพูดของผม
นัตสึกิก็จ้องมองผมตรงๆ
จากนั้นเธอกำชายเสื้อเครื่องแบบนักเรียน
ของผมไว้แน่น และพูดด้วยเสียงสั่นๆ
“รีบไสหัวซักที ไปให้พ้น…”
แม้คำพูดจะขับไสไล่ส่ง
แต่แรงที่เธอกำเสื้อผมไว้กลับแน่น
จนสัมผัสได้ถึงความจริงในหัวใจ
ที่เธอพยายามปกปิดอย่างเจ็บปวด
ผมค่อยๆ วางมือลงบนมือของนัตสึกิ
“…ฉันโกหก อย่าไปไหน อยู่กับฉันแบบนี้…”
เธอพึมพำด้วยเสียงที่สั่นเครือ
“ผมอยู่นี่แล้ว ไม่ต้องกังวลนะ”
ผมตอบไป
ก่อนที่เธอจะโผเข้ามาในอ้อมอกของผม
“ฉันร้องเรียกนายอยู่ในใจว่า
[ช่วยฉันที] มาตลอด…”
คำพูดของเธอและไออุ่นที่ส่งมาถึงทำให้
ความเศร้าลึกๆ ถาโถมเข้ามาในใจของผม
“นายมาช้าไป นายน่าจะมาหาฉันเร็วกว่านี้นะ
ไอ้บ้าเอ๊ย…”
หลังจากพึมพำ นัตสึกิก็สะอื้น
ผมกอดเธอแน่นขึ้นและพูดว่า
“ผมขอโทษที่ปล่อยให้เธออยู่คนเดียว”
“อย่าทิ้งฉันไว้คนเดียวอีก”
“อืม ผมจะอยู่กับเธอเอง”
ผมลูบไหล่ของเธอเบาๆ เพื่อปลอบโยน
ก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
“ใครกันที่พูดไม่ดีกับเธอ? ผมจะไม่ยกโทษ
ให้คนที่ทำร้ายเธอแน่!”
ผมรู้สึกโกรธมากกว่าที่คิด
นัตสึกิสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินน้ำเสียงของผม
และเงยหน้าขึ้นมามองด้วยสายตาตกใจ
“ฉันไม่อยากบอก…
ฉันไม่อยากเกี่ยวข้องกับคนอื่นอีกแล้ว
นอกจากนาย”
พูดจบ นัตสึกิก็ก้มหน้าลงอีกครั้ง
เธอในตอนนี้ดูอ่อนแอเหลือเกิน
ผมไม่อยากแม้แต่จะเตือนให้เธอนึกถึงสิ่งที่คน
พวกนั้นพูดหรือทำ
ผมรู้สึกละอายใจกับตัวเองมาก
ทั้งๆ ที่นัตสึกิ ผู้ที่มักจะแสดงออกอย่างเข้มแข็ง
กลับถูกผลักดันจนถึงจุดนี้
แต่ผมกลับ…
ทำเป็นมองไม่เห็นความทุกข์นั้นมาโดยตลอด
—ผมอยากทำลายทุกคน
ที่ทำให้นัตสึกิต้องมาถึงจุดนี้
“พรุ่งนี้ เราไปเดินเที่ยวงานด้วยกันเถอะ”
“หา?”
นัตสึกิดูอึ้งกับคำพูดของผม
“นัตสึกิ วันนี้เธอคิดว่านี่เป็นเทศกาลที่แย่ที่สุด
ใช่ไหม? งั้นพรุ่งนี้ เรามายืนยันกันให้แน่ใจเลย
ว่ามันแย่ที่สุดจริงๆ”
“แต่…”
นัตสึกิดูเหมือนกำลังครุ่นคิดหาคำตอบ
สำหรับคำเชิญของผม
[ฉันไม่อยากเป็นตัวตลกให้ใครดูอีกแล้ว]
ผมจำคำพูดของเธอได้ และถามเธอว่า
“ก็งานเทศกาลนี่นา แล้วจะมีตัวตลก
เพิ่มอีกสักคนมันจะเป็นอะไรไปล่ะ?”
“…ตัวตลก?”
นัตสึกิพูดอย่างสงสัย
ใช่ นี่คือสิ่งที่ผมจำได้จากครั้งก่อน
ผมยังไม่ได้พูดคุยเรื่องนี้กับ “นัตสึกิ”
คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าผมในตอนนี้
ผมพึมพำว่า [ช่างมันเถอะ] แล้วพูดต่อ
“ชูโรสของโรงเรียนเรามันแห้งและรสชาติห่วย
การประกวดตลกก็เต็มไปด้วยมุกจืดๆที่ไม่มี
ใครขำ และวงดนตรีเลียนแบบที่แกล้งทำตัวเป็น
วัยรุ่นก็น่ารำคาญสุดๆ เหมือนกับเมืองนี้ ไม่มี
อะไรสักอย่างที่จะทำให้เธอชอบมันได้เลย
งั้นเรามาดูด้วยกันเถอะ เพื่อว่าวันหนึ่งในอนาคต
เธอจะได้นึกย้อนกลับมาแล้วพูดได้เต็มปากว่า–
มันเป็นโรงเรียนห่วยๆ
กับเทศกาลห่วยๆ เท่านั้นเอง”
ผมยื่นมือให้เธอแล้วพูดว่า
“พรุ่งนี้ ไปงานเทศกาลกับผมนะ”
“อืม ก็ได้”
นัตสึกิพยักหน้า จับมือผมไว้แล้วส่งยิ้มมาให้
วันถัดมา
วันที่สองของงานเทศกาล
ดูจะคึกคักกว่าวันแรกมาก…
แต่สำหรับผมกับนัตสึกิ มันไม่มีความสำคัญเลย
“นี่คือชูโรสสูตรเด็ดของโรงเรียนเรา”
“ว้าว แย่มาก”
“แล้วโชว์ตลกที่เข้ารอบสุดท้ายล่ะ?”
“ไม่รู้เลยว่าจะขำตรงไหน”
“งั้นเธออยากลองฟังวงดนตรี
ที่แค่พยายามจะดูเท่เพื่อเอาใจสาวๆ ไหม?”
“ฉันโคตรขยะแขยงเลย!”
ผมกับนัตสึกิยิ้มให้กัน
และพูดจาเหน็บแนมทุกอย่างที่เราเห็น
คนรอบข้างมองพวกเราเหมือนรู้สึกไม่พอใจ
แต่ผมไม่สนใจ
พวกเขานั่นแหละที่ทำร้ายนัตสึกิ
โรงเรียนห่วยๆ เทศกาลห่วยๆ
และผมได้ผ่านมันมาสามครั้งแล้ว
ผมเคยคิดว่ามันจะน่าเบื่อ และผมคงรู้สึกแย่
แต่กลับกลายเป็นว่านี่คือช่วงเวลาที่สนุก
ที่สุดที่ผมเคยมี–ผมไม่รู้ว่าทำไม
วันที่สองของเทศกาลจบลงอย่างรวดเร็ว
ตั้งแต่พรุ่งนี้… หรือจะบอกว่าตั้งแต่คืนนี้เลยก็ได้
นักเรียนปีสามทุกคนจะเริ่มมุ่งไปที่การสอบ
อย่างไรก็ตาม ผมกับนัตสึกิยังคงอยู่บนดาดฟ้า
โดยไม่ได้กลับบ้าน ปกตินัตสึกิจะเป็นคนเปิด
แม่กุญแจ แต่คราวนี้ผมเปิดเองหลังจากที่เธอ
สอนวิธีให้ มันง่ายกว่าที่คิด แต่เธอกลับพูดอย่าง
ภูมิใจว่า [เพราะฉันสอนเก่งต่างหาก]
พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว
และท้องฟ้ายามค่ำคืนเริ่มเต็มไปด้วยดวงดาว
ที่ส่องแสงระยิบระยับ
“อย่างที่ผมบอก
มันเป็นเทศกาลที่น่าเบื่อใช่ไหม?”
ผมถามนัตสึกิขณะที่ยืนอยู่ข้างเธอ
และมองขึ้นไปบนท้องฟ้ายามค่ำคืน
“ใช่ มันเป็นเทศกาลที่ห่วยแตกจริงๆ”
“ก็ไม่น่าแปลกใจหรอก เพราะทั้งนักเรียนและครู
ก็ห่วยเหมือนกันหมด ฉันเองก็เป็นตัวแทนของ
พวกเขาอยู่แล้ว ดังนั้นไม่มีข้อสงสัยเลย”
นัตสึกิไม่ตอบคำพูดของผม
เธอเหมือนจะจ้องหน้าผมอย่างเงียบๆ
“เธอนี่โชคร้ายจริงๆ
ที่ต้องมาเรียนในโรงเรียนแบบนี้”
ผมพูดพลางจ้องไปที่นัตสึกิ
เธอเบือนหน้าหนี
“มันไม่จริงเลย”
นัตสึกิปฏิเสธคำพูดของผมทันที
ผมสงสัยว่าเธอเป็นอะไร จึงมองเธออย่างตั้งใจ
เธอดูเหมือนลังเล แต่เมื่อผมไม่พูดอะไร
เธอก็สูดหายใจลึกแล้วพูดออกมา
“เทศกาลโรงเรียนมันน่าเบื่อ
และโรงเรียนนี้ก็เต็มไปด้วยพวกนิสัยไม่ดี
แต่ฉันไม่สามารถโทษโชคชะตา
ของตัวเองได้อีกแล้ว
ที่ต้องมาเรียนในโรงเรียนนี้”
“ทำไมล่ะ?”
นัตสึกิพึมพำอย่างหงุดหงิดกับคำถามของผม
[ฉันต้องพูดเรื่องนี้จริงๆ เหรอ?]
“ไม่ต้องก็ได้ ถ้าเธอไม่อยากพูด”
เมื่อได้ยินคำพูดของผม
นัตสึกิก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่
เธอจ้องมองผมด้วยสายตาตำหนิ
ก่อนจะใช้ปลายนิ้วจิ้มอกผมแรงๆ สามครั้ง
“ฉันไม่อยากปฏิเสธความโชคดี
ที่ฉันได้เจอกับนาย… เก็นโนะ อากิระ”
นัตสึกิปรายตามองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า
เหมือนรอปฏิกิริยาตอบกลับของผม
ผมไม่ได้ตอบสนองในทันที
เพราะไม่ได้คาดหวังว่าเธอจะพูดอะไรแบบนี้
“พูดอะไรหน่อยสิ!…
นายรู้สึกยังไงตอนฉันพูดแบบนี้ออกมา?”
นัตสึกิยื่นไมโครโฟนล่องหนมาทางผม
“ฉันอยากทำให้เธอรู้สึกโชคดี
ที่ได้เจอฉันต่อไปเรื่อยๆ”
การที่ได้เจอผมในชีวิตมัธยมปลายครั้งที่สอง
อาจเป็นโชคร้ายสำหรับเธออย่างไม่ต้องสงสัย
แต่ครั้งนี้จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
–ผมย้ำเตือนตัวเอง
“…อืม โอเค”
นัตสึกิพูดพลางพยายามซ่อนความเขินอาย
เธอเบือนหน้าหนีจากผมราวกับพยายามหลบ
สายตาที่ผมจ้องมองอยู่
ต่อจากนี้ไปจะเริ่มหวานแล้วใช่ไหม…
ใช่ไหม…