เมื่อกลับไปเป็นนักเรียนอีกครั้ง แต่ถูกปฏิเสธจากเพื่อนสมัยเด็ก จึงตัดสินใจกระโดดตึกกับสาวสวยที่สุดในโรงเรียน - ตอนที่ 18 [บทที่ 4 รอบที่ 3] สายไปแล้วที่จะหันหลังกลับ
- Home
- เมื่อกลับไปเป็นนักเรียนอีกครั้ง แต่ถูกปฏิเสธจากเพื่อนสมัยเด็ก จึงตัดสินใจกระโดดตึกกับสาวสวยที่สุดในโรงเรียน
- ตอนที่ 18 [บทที่ 4 รอบที่ 3] สายไปแล้วที่จะหันหลังกลับ
วันหยุดฤดูร้อนปีสุดท้าย
ในชั้นมัธยมปลายของผมจบลงแล้ว
เพื่อนร่วมชั้นมองผมด้วยสายตาเวทนา
เมื่อเห็นผมกลับมาโรงเรียนพร้อมผิวสีแทน
เหมือนกับชีวิตที่สองของผม จากนั้น
ผมก็ทำแบบทดสอบส่งท้ายวันหยุดฤดูร้อน
ซึ่งเนื้อหาก็เหมือนกับครั้งที่สอง
“สิ่งที่เธอทำน่ะเห็นแก่ตัวเกินไป!
การสอบเข้ามหาวิทยาลัยคือการทำงานเป็นทีม
แต่เธอกลับไม่ยอมเข้าเรียนเสริม
ยังแอบไปอ่านหนังสือเอาเองอีก
ผลที่ออกมาก็คือเธอได้ที่สองของห้อง
เธออาจจะไม่เป็นไร แต่คนอื่นเขาจะคิดยังไง?
บางคนอาจจะรู้สึกว่าไม่น่าเสียเวลา
มาเรียนเสริมแทน
เธอจะรับผิดชอบยังไงกับคนที่สูญเสีย
ความมั่นใจไปเพราะเรื่องนี้?!”
สุดท้าย ผมก็โดนอาจารย์ประจำชั้นตำหนิ
คะแนนตกก็โดนด่า คะแนนขึ้นก็โดนด่าหนักกว่า
เรื่องพวกนี้มันทำให้ผมหงุดหงิดอยู่ตลอด
ไม่ว่าครูจะพูดอะไรมาผมก็ตอบกลับไปเงียบๆ
จนกระทั่งเขาพูดว่า “อย่าหยิ่งให้มันมากนัก!”
แล้วก็สั่งให้ผมออกจากห้องพักครู
ผมทำตามคำสั่งโดยไม่พูดอะไร
เดินออกมาโดยไม่แม้แต่จะโค้งหัวให้
“เดี๋ยวก่อน เก็นโนะ”
เสียงหนึ่งเรียกผมจากด้านหลัง
ผมหันกลับไป และพบว่าเป็นครูอัตสึตะ
“มีอะไรเหรอครับ?”
“ครูมีเรื่องต้องคุยกับเธอ ไปรอที่ห้องแนะแนว”
ผมสงสัยว่าเขาเรียกผมแบบนี้
คงเพราะท่าทีแย่ๆ ของผมระหว่าง
โดนอบรมหรือเปล่า ถึงจะรู้สึกว่ามันน่ารำคาญ
แต่ผมก็ยอมทำตามโดยไม่อิดออด
เมื่อมาถึงห้องแนะแนว ผมก็เข้าไปนั่งบนเก้าอี้
ครูอัตสึตะที่ยืนอยู่ตรงหน้าผมหรี่ตามอง
แล้วพูดขึ้นว่า
“เธอทำงานพิเศษระหว่างวันหยุดฤดูร้อนสินะ?”
คำพูดของเขาทำให้ผมงงไปครู่หนึ่ง
ผมคิดว่าเขาไม่น่าจะรู้ว่าผมทำงานพิเศษ
เมื่อช่วงวันหยุดฤดูร้อนที่ผ่านมา
“ครูรู้ว่าเธอไม่มีใบอนุญาตทำงานพิเศษ
และครูเองก็ต้องคอยดูแลเรื่องพวกนี้…
แต่ไม่ได้เรียกเธอมาที่นี่เพราะเรื่องงานหรอก”
ผมเอียงคอสงสัย
เขาพยายามจะบอกอะไรผมกันแน่?
“เธอกำลังลำบากเรื่องเงินอยู่หรือเปล่า?”
ครูอัตสึตะถามด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล
“ไม่ครับ ไม่ใช่แบบนั้น”
หลังได้ยินคำตอบของผม
เขาจ้องมองตรงมาที่ใบหน้าผม
“เธอแอบทำงานพิเศษ
แต่กลับอ่านหนังสือหนักกว่าคนอื่น
จนได้คะแนนสอบเป็นอันดับสองของห้อง
เรื่องแบบนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นได้กับคนที่มีแรงจูงใจ
ธรรมดาทั่วไปหรอกนะ”
ได้ยินแบบนั้น ผมก็รู้ทันทีว่าตัวเองทำพลาด
ถ้ารู้อย่างนี้ ผมน่าจะทำคะแนนให้ได้เท่าครั้งก่อน
ในครั้งนี้ ผมตั้งใจทำคะแนนให้ดี… เพื่อให้
พวกนักเรียนหมดความมั่นใจกันไปบ้าง
จะได้ไม่ต้องเข้ามวอแวกับผม
“เลิกทำงานพิเศษซะ ครั้งนี้ครูจะปล่อยผ่าน
แต่ถ้าจับได้อีก ครูจะเรียกเธอมาคุยอีกครั้ง
แล้วถ้ามีอะไรกีดขวางไม่ให้เธอลาออก
เธอก็มาบอกครูได้”
ครูอัตสึตะเอามือวางบนบ่าผม
พร้อมพูดราวกับตักเตือน
“ครับ ผมจะเลิกทำงานพิเศษ”
ผมตอบกลับไป
ครูอัตสึตะยิ้มอย่างขมขื่นเล็กน้อย แล้วพูดต่อ
“ดีแล้วล่ะ แค่ได้คะแนนดีครั้งนี้
ไม่ได้แปลว่าครั้งหน้าจะได้เท่าเดิมนะ
ถึงตอนนั้นเธอจะเสียใจที่ไม่ได้ตั้งใจเรียนให้
หนักกว่านี้มันก็สายไปแล้ว”
ผมหัวเราะออกมาในใจกับคำพูดของเขา
สายไปงั้นเหรอ?
ผมคงยอมรับความเสียใจได้
ถ้ามันเป็นผลลัพธ์สุดท้ายในชีวิตผม
“มีอะไรหรือเปล่า เก็นโนะ?”
ครูอัตสึตะถามพลางมองสีหน้าของผม
“เปล่าครับ แค่สงสัยว่าไม่ใช่ครูประจำชั้นของผม
หรือครูฝ่ายปกครอง แต่กลับดูตั้งใจอยากคุยกับ
ผมขนาดนี้”
เหมือนครั้งก่อน
เขาน่าจะรู้อยู่แล้วว่าผมทำงานพิเศษ
แต่ผมสงสัยว่า ทำไมเขาถึงอยากพูดกับผม
จริงจังแบบนี้ในครั้งนี้
“ครูน่ะ ใจร้ายกว่าที่เธอคิดนะ เก็นโนะ
แต่ครูอยากเป็นเพื่อนให้กับคนที่พยายาม
และทุกข์ทนอยู่เสมอ พวกเธอที่ยังเป็นนักเรียน
มัธยมปลาย อาจคิดว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่แล้ว
แต่สุดท้ายก็ยังเป็นเด็กอยู่ดี
ดังนั้น ถ้ามีอะไรก็อยากให้พึ่งพาเรา”
พอเขาพูดจบก็ลุกขึ้น แล้วเดินไปที่ประตูทางออก
ผมลุกขึ้นตามเขาไป
“งั้น เดินทางกลับบ้านดีๆ ล่ะ”
เขาพูดขณะล็อกประตูห้องแนะแนว
ผมโค้งลา แล้วเดินกลับไปทางห้องเรียน
–ครูอัตสึตะไม่ใช่คนเลว
แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็แอบมีความสัมพันธ์
กับเด็กในชมรมวอลเลย์บอล
ทั้งที่ตอนนี้มีเด็กถูกกลั่นแกล้งอยู่แท้ๆ
แต่อย่างน้อยๆคำพูดของเขาก็สวยงาม…
เมื่อเทียบกับผมที่เป็นผู้ใหญ่สารเลวคนนึง
…
“อ๊ะ อากิกลับมาแล้ว!”
ตอนที่ผมกลับมาถึงห้องเรียน
อิโอริก็เรียกผมขึ้นมาเหมือนครั้งก่อน
ดูเหมือนครั้งนี้เธอจะรอให้ผมกลับมาเหมือนเดิม
“ครูเรียกไปทำไมเหรอ?”
อิโอริถามด้วยสีหน้าร่าเริง
ดวงตาเธอเป็นประกาย
“เพราะคะแนนน่ะ”
“หมายความว่ายังไง?”
“เขาบอกว่า ผมโดดคลาสเรียนเสริมแล้วดันทำ
คะแนนได้ดี มันไม่ยุติธรรมสำหรับนักเรียนที่
ตั้งใจเรียนเสริมอย่างจริงจัง แถมเป็นเพราะผม
พวกเขาเลยหมดกำลังใจและเสียใจที่ต้องมา
เรียนในวันหยุดน่ะ”
“อะไรของเขาน่ะ?
โทษอากิเพราะตัวเองเรียนไม่ได้เรื่องเนี่ยนะ
น่ารำคาญจริง!”
อิโอริขมวดคิ้ว
ก่อนจะชูนิ้วกลางไปทางห้องพักครู
“ก็นะ ตอนช่วงปิดเทอมฤดูร้อน
อากิสอนโทวะในสิ่งที่สำคัญ
ซึ่งมันก็ออกสอบทั้งหมดเลย
แล้วคะแนนของโทวะ
จากที่ต้องไล่หาชื่อตั้งแต่ท้ายห้อง
ตอนนี้ก็ขึ้นมาแทบจะหาจากต้นห้องแทน!”
“พูดแบบนั้นมันดูโหดร้ายไปหน่อยนะ”
อิโอริยิ้มพลางพูดว่า “เทเฮเฮ~”
“แล้วอากิ…หลังจากนี้ว่างไหม?
โทวะอยากขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือน่ะ”
“อืม… ไปคาราโอเกะดีไหม?”
ครั้งก่อนเราก็ไปคาราโอเกะด้วยกัน
ผมคิดว่าเธอจะตกลงไปกับผมอีกครั้งในครั้งนี้
แต่ดูเหมือนเธอไม่ได้สนใจมากนัก
“ไปคาราโอเกะสนุกๆ ก็ดีอยู่หรอก
แต่วันนี้อยากไปที่เงียบๆ
ผ่อนคลายๆกับอากิมากกว่า…”
ผมเอียงคอสงสัยกับคำพูดของอิโอริ
เธออยากทำอะไร?
“ห้องของโทวะก็ได้นะ
แต่ฉันอยากไปที่ห้องของอากิมากกว่า…”
อิโอริมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า
ก่อนจะจ้องลึกเข้ามาในดวงตาผม
คำพูดของเธอทำให้ผมนึกถึงข่าวลือไม่ดี
เกี่ยวกับอิโอริ โทวะ ที่ผมเคยได้ยินมานานแล้ว
ผู้หญิงที่นอนกับใครก็ได้
ผู้หญิงที่เคยมีแฟนเกินร้อยคน
แต่ไม่มีใครคบเกินสามวัน
ผมคิดในใจว่า นี่สินะ ที่มันเป็นเรื่องของเธอจริงๆ
“…พ่อแม่บอกว่าคืนนี้จะกลับบ้านดึกทั้งคู่น่ะ”
***
เสียงหายใจแรง เหงื่อที่ท่วมตัว
อิโอริมองมาที่ผมด้วยสีหน้าอัดอั้น
ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความบิดเบี้ยว
เธอพยายามจะบอกว่าเธอไม่ไหวแล้ว
แต่ผมไม่สนใจ
และเร่งจังหวะให้เร็วขึ้นอีก
“เดี๋ยวสิ ช้าลงหน่อย”
ผมดึงอิโอริเข้ามาใกล้
ส่งผลให้เธอหลุดเสียงอันน่าสงสารออกมา
และแล้ว—
เราก็มาถึงจุดหมาย
ที่นี่คือสวนสาธารณะใกล้บ้านผม
ซึ่งมีหอชมวิวที่มองเห็นเมืองทั้งเมืองได้
ปกติจะมีแต่เด็กที่พลังล้นเกินมาเล่นกันที่นี่
แต่ตอนนี้ ไม่มีใครเลย นอกจากผม
กับอิโอริที่ยังคงหอบหายใจอยู่ข้างๆ
อิโอริถอนหายใจลึกๆ
แล้วมองมาที่ผมด้วยสีหน้าไม่พอใจ
ก่อนจะพูดขึ้นว่า
“นี่…ไม่ใช่บ้านของอากิไม่ใช่เหรอ?”
“ใช่ มันไม่ใช่บ้านของผม เพิ่งรู้หรือไง?”
“รู้ตั้งแต่ระหว่างทางแล้ว…แต่ทำไมถึงมาที่นี่ล่ะ?
บอกแล้วไงว่าอยากพักผ่อนนะ!
นี้มันเหนื่อยมากเลยนะ!”
อิโอริระเบิดความหงุดหงิดออกมา
“เราค่อยๆคุยกันที่นี่ไม่ได้เหรอ?” ผมตอบกลับ
“นี่…นี่คือเหตุผลที่เรามาที่นี่จริงๆ เหรอ?”
“มันเป็นที่ที่ผมชอบน่ะ
ผมอยากให้เธอรู้จักมันด้วย”
ผมเคยพานัตสึกิมาที่นี่ช่วงปิดเทอมฤดูร้อน
เธอเคยตกใจกับงูที่โผล่มาระหว่างทางขึ้นมา
แต่สุดท้ายเธอก็ชอบสถานที่นี้
“ทำตัวน่ารักจังเลยนะ
ที่อยากพาโทวะมาดูที่ที่ชอบน่ะ อากิ”
อิโอริพูด
ก่อนจะเช็ดเหงื่อบนหน้าผากด้วยผ้าขนหนู
ผมรอจนเธอเช็ดเหงื่อเสร็จ แล้วพูดกับเธอว่า
“จริงๆแล้วอิโอริไม่ได้ชอบผมใช่ไหม?”
“ไม่ชอบ?”
อิโอริพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“หมายถึง เธอไม่ได้รู้สึกอะไรกับผม
แบบโรแมนติกใช่ไหม?”
ผมพูดกับอิโอริด้วยสีหน้าจริงจัง
เธอเงียบไปสักครู่
ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์
“เพราะโทวะเป็นคนแต่งตัวน่ารัก
แถมยังแต่งตัวแนวสาวแกลด้วยใช่ไหมล่ะ?
โทวะเข้าใจว่าทำไมพวกผู้ชายถึงมองมาด้วย
สายตาหื่นๆแล้วก็มักคิดว่าโทวะเป็นผู้หญิงง่ายๆ
ไม่เคยจริงจัง”
อิโอริเบนสายตาลงมองที่ต้นขาขาวๆ
ของตัวเองที่โผล่พ้นชายกระโปรง
“พูดตรงๆ เลยก็ได้
โทวะมักโดนเพื่อนร่วมชั้นบ้าง
พวกรุ่นพี่บ้าง
หรือไม่ก็พวกคนจีบตามถนนเข้ามาหา
พวกเขาก็แค่ผู้ชายที่อยากสนุก
แล้วก็มักชวนไปห้องหรือโรงแรมทันที
แม้แต่พวกที่ดูจริงจังก็ตาม”
เธอหัวเราะเบาๆ แล้วพูดติดตลกว่า
“อะไรแบบนั้น
ถ้ามองจากมุมของโทวะ—สอบตกทุกราย”
เธอพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“เธอกำลังทดสอบผมอยู่สินะ?”
“ใช่ ถูกต้องแล้ว อากิน่ะ ไม่เคยมองโทวะด้วย
สายตาหื่นๆเลย นั่นแหละทำให้ชวนอากิมาห้อง
ของโทวะ …มันเป็นบททดสอบสุดท้าย”
อิโอริมองหน้าผมแล้วพูดต่อ
“ถ้าเป็นอากิที่ผ่านบททดสอบสุดท้าย
ไม่พยายามลากโทวะเข้าห้องไปทำอะไร
โทวะคิดว่าจะไว้ใจได้…เพราะงั้น จากนี้ไป
โทวะมั่นใจว่าคงได้ตกหลุมรักอากิได้จริงๆ สักที”
มันเหมือนกับว่าเธอพูดสิ่งเหล่านี้
เพื่อย้ำกับตัวเอง ตอนที่เธอบอกว่าเธอรู้สึกว่า
ตัวเองอาจตกหลุมรักผมได้ ผมก็รู้ทันทีว่า
ความรู้สึกของเธอก่อนหน้านี้ไม่ได้เป็นบวกเลย
“อิโอริคงไม่เชื่อใจผู้ชายสักเท่าไหร่
เพราะคนที่เธอเจอมามันก็มีแต่พวกห่วยๆ”
เธอพูดต่อด้วยเสียงแผ่วเบา
“ฉันเคยได้ยินข่าวลือแย่ๆ เกี่ยวกับตัวเองมาว่า
ผู้หญิงที่นอนกับใครก็ได้ หรือไม่ก็
ผู้หญิงที่มีแฟนเกินร้อยคนแต่ไม่มี
ใครคบเกินสามวัน
ฉันคิดว่าข่าวลือพวกนี้น่าจะมาจากผู้ชายบางคน
ที่ไม่สมหวังกับโทวะนั่นแหละ
ถึงแม้จะจริงที่ว่าโทวะไม่เคยคบใครเกินสามวัน
แล้วก็มีแฟนมาแล้วกว่า 30 คน แต่มันคงไม่ง่าย
ที่จะระบุว่าข่าวลือพวกนั้นมาจากใคร
บางทีมันคงเป็นการรวมกันของอะไรหลายๆ
อย่าง คนเลยไม่เชื่อ
แม้แต่ตอนโทวะพูดความจริง…”
ทุกข่าวลือเป็นเรื่องโกหก
ยกเว้นอย่างเดียวคือเธอ
ไม่เคยคบใครเกินสามวัน
จากการที่ผมได้รู้จักกับอิโอริ
ผมรู้ว่าเธอกำลังพูดความจริง
“มันไม่ใช่ว่าผมอยากคบกับอิโอรินะ
ผมแค่อยากเป็นเพื่อนกับเธอ
เพราะอยู่ด้วยแล้วมันสนุกดี
คราวหน้า…
ไปเดินเล่นงานเทศกาลโรงเรียนด้วยกันไหม?”
อิโอริดูเศร้ากับคำพูดของผม
“แต่โทวะก็ยังคิดว่าไม่น่าจะตกหลุมรักใครได้อีก
นอกจากอากิ…”
“ไม่จำเป็นต้องฝืนตัวเองมาชอบผมหรอก”
ผมรู้ดีจากประสบการณ์ของตัวเองว่า
มันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะทำแบบนั้น
“ไม่ว่าเธอจะชอบผมจริงหรือเปล่า
มันก็ไม่ต่างกันหรอก
สุดท้ายแล้ว อย่างที่บอกไป
ผมไม่ได้อยากคบกับเธอ
เพราะงั้นยังไงผมก็จะปฏิเสธ”
เมื่อได้ยินคำพูดของผม
อิโอริทำหน้าอึ้ง…
ก่อนจะยิ้มออกมาด้วยความรู้สึกยินดี
“ใจร้ายจัง! ปฏิเสธผู้หญิงน่ารักอย่าง
โทวะได้ยังไง… แถมชอบลากโคโยอิจังไปนั่นไป
นี่อยู่ได้! อากิน่าขนลุก!”
พูดจบ อิโอริก็ลุกขึ้นยืน
เธอหรี่ตามองวิวเมืองที่กำลังจมลงสู่ความมืด
พลางพึมพำ
“มีห้องเรียนไหนขายชูโรสบ้างนะ?”
ผมนึกขึ้นได้ว่ามีห้องเรียนปีสองห้องหนึ่งที่เคย
ขายชูโรส แต่คิดว่ายังไม่มีการตัดสินใจเรื่องนี้
อย่างเป็นทางการ
“ถ้ามีนะ ผมจะซื้อชูโรสให้
เป็นการขอบคุณที่มากับผมในงานเทศกาล”
“โอเค! โทวะจะไม่ลืมที่อากิพูดเด็ดขาดเลย!”
อิโอริยิ้มอย่างไร้เดียงสา และผมก็พยักหน้า
มันเป็นค่าใช้จ่ายเล็กๆ น้อยๆ
ที่ไม่มีความสำคัญอะไร แต่สิ่งนี้จะทำให้ผมได้
ตัวล่อในการทำให้โคโยอิหึง
ผมรู้สึกผิดนิดหน่อย
แต่ก็ไม่ได้คิดจะทำอะไรไปมากกว่านี้
ผมลุกขึ้นยืนและยืนอยู่ข้างๆ อิโอริ
ผมตระหนักได้ว่าเธอไม่มีโชคในเรื่องผู้ชายเลย
บางทีผมอาจเป็นคนแรกที่เธอไว้ใจ—
—และในขณะเดียวกัน
ผมก็คือผู้ชายที่เลวที่สุดที่เธอเคยพบเจอในชีวิต
ไออาจารย์มีกลิ่นแปลกๆ