เมื่อกลับไปเป็นนักเรียนอีกครั้ง แต่ถูกปฏิเสธจากเพื่อนสมัยเด็ก จึงตัดสินใจกระโดดตึกกับสาวสวยที่สุดในโรงเรียน - ตอนที่ 16 [บทที่ 4 รอบที่ 3] เดท
- Home
- เมื่อกลับไปเป็นนักเรียนอีกครั้ง แต่ถูกปฏิเสธจากเพื่อนสมัยเด็ก จึงตัดสินใจกระโดดตึกกับสาวสวยที่สุดในโรงเรียน
- ตอนที่ 16 [บทที่ 4 รอบที่ 3] เดท
ผมมาถึงก่อนเวลานัดเดทเล็กน้อย
และระหว่างรอคู่เดทมาถึง
ผมก็คิดอีกครั้งว่าควรทำยังไงเพื่อ
ให้นัตสึกิมีชีวิตรอด
ถ้าผมสามารถอยู่กับนัตสึกิได้ตลอดเวลา
เพื่อจับตาดูเธอ มันคงจะดีที่สุด
แต่ปัญหาก็คือ…
อย่างแรก
นัตสึกิเป็นนักเรียนที่กำลังเตรียมสอบเข้า
มหาวิทยาลัย
ซึ่งเธอมีภาระการเรียนที่ยุ่งมาก
ถ้าผมตามเธอไปตลอดเวลา
อาจทำลายความไว้วางใจที่เราสร้างกันมาได้
และอีกปัญหาหนึ่งที่สำคัญ…
ถ้าคนที่คุกคามนัตสึกิคือโคโยอิ
และแรงจูงใจของเธอคือ [ความอิจฉา]
หากผมอยู่กับนัตสึกิตลอดเวลา
ความอิจฉาของโคโยอิอาจเพิ่มขึ้น
จนรับมือไม่ไหว
หากเป็นเช่นนั้น
เธออาจจะคุกคามกับนัตสึกิมากกว่าเดิม
อาจเป็นในช่วงเวลาที่ต่างจากรอบที่สอง
หากสมมติฐานที่ว่าเหตุการณ์จะเกิดขึ้น
ในงานเทศกาลถูกตัดออกไป
ผมจะรับมือกับมันได้ยากในสัปดาห์ที่สามนี้
ดังนั้น ผมต้องหลีกเลี่ยงความอิจฉาของโคโยอิ
ที่มีต่อนัตสึกิให้ได้มากที่สุด
ไม่สิ จริงๆ แล้วโคโยอิไม่ควรจะรู้สึกอิจฉานัตสึกิ
ตั้งแต่แรกด้วยซ้ำ
—ผมเคยสัญญากับโคโยอิแล้ว
ว่าจะไม่คบกับเธอจนกว่าเธอจะสอบเสร็จ
ในช่วงเวลานี้ ผมไม่ควรอยู่กับเธอมากเกินความ
จำเป็น
ถ้าผมไม่สามารถโน้มน้าวให้เธอยกเลิกสัญญา
นั้นได้ เราอาจจะต้องออกไปทำอะไรร่วมกัน
แต่แน่นอนว่าผมจะถูกโคโยอิจำกัดอิสรภาพ
และจะต้องคอยอยู่กับเธอตลอดงานเทศกาล
ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาอื่นๆ
ในกรณีนั้น ถ้าคนที่คุกคามนัตสึกิไม่ใช่โคโยอิ
แต่เป็นอิโอริ ผมก็ไม่สามารถจัดการได้
ดังนั้นก้าวแรกคือการเบี่ยงเบนความอิจฉา
ของโคโยอิออกจากนัตสึกิ
และผมต้องหาทางจับตาดูอิโอริด้วย
เพื่อบรรลุเป้าหมายทั้งสองนี้ ผมได้ตัดสินใจ…
นั่นคือ เบี่ยงเบนความอิจฉาของโคโยอิ
ไปยังอิโอริแทน
เพราะเหตุนี้–
“อากิ! รอนานไหม!”
“ไง ผมก็เพิ่งมาถึงเหมือนกัน”
ผมจึงชวนอิโอริออกมาเดท
สถานที่นัดเจอคือสถานีรถไฟในเมืองใหญ่
ซึ่งอยู่ห่างจากสถานีใกล้บ้านผม
ประมาณ 40 นาที
เมื่อเทียบกับเมืองเล็กๆ ที่บ้านผมอยู่
เมืองนี้มีสถานที่ให้เที่ยวเล่นมากมาย
“จู่ๆ อากิก็ชวนโทวะออกเดท โทวะตกใจเลยนะ”
“เธอไม่ได้บอกเหรอว่าอยากให้ผมชวนไปเดท
ในวันที่ผมว่าง?”
แล้วอิโอริก็พูดว่า
“อ๋อ เรื่องนั้นน่ะ?”
พร้อมทำหน้าตาดีใจ
“โทวะไม่คิดว่าอากิจะชวนจริงๆ!”
จากนั้นอิโอริก็พูดต่อ
“อืม…
แต่ยังไม่ได้คิดเลยนะว่าเราจะทำอะไรกันดี
อากิอยากทำอะไรล่ะ?”
ผมตอบคำถามของอิโอริ
“ตอนนี้ไปหาอะไรกินก่อนดีไหม?”
“โอเค งั้นเราค่อยคุยกันตอนกินข้าวนะ”
จากนั้น ผมกับอิโอริไปที่ร้านอาหาร
แบบครอบครัวใกล้สถานี…
พอถึงร้านอาหาร ตอนนั้นเป็นเวลาเที่ยงพอดี
คนเยอะมาก แต่เราก็ได้โต๊ะทันที
หลังจากสั่งอาหารเสร็จ ผมก็นั่งจิบเครื่องดื่ม
แล้วถามอิโอริว่า
“ว่าแต่ เธอเอาการบ้านมาด้วยรึเปล่า?”
“เอามาสิ อากิบอกว่าอยากขอยืมไปถ่ายเอกสาร
เพราะทำหายไปใช่ไหมล่ะ?”
อิโอริหยิบการบ้านที่ผมขอให้เธอเอามาออกมา
จากกระเป๋า
อย่างที่คาดไว้ การบ้านของเธอยังว่างเปล่า
“ผมไม่อยากจะถามหรอกนะ
แต่เธอไม่ได้เริ่มทำการบ้านเลยใช่ไหม?”
“ก็นะ โทวะเป็น ‘ตัวละครน่ารักที่โง่บ้างก็ได้’
ไงล่ะ! เลยพยายามรักษาภาพลักษณ์ตัวเองไง!”
เธอพูดด้วยท่าทางหน้าตายราวกับเป็นเรื่องปกติ
ผมถอนหายใจแล้วบอกเธอว่า
“แต่ถ้าเธอไม่ทำการบ้านเลย
เธอจะลำบากตอนเปิดเทอมสองนะ”
“อาจจะเป็นอย่างนั้น แต่มันไม่มีอารมณ์จะทำ
แล้วก็ไม่เข้าใจอะไรเลยด้วย
แต่เดี๋ยวก็คงมีซักทางแหละ”
“ถ้าอย่างนั้น ผมจะช่วยเธอทำการบ้านเอง”
“จริงเหรอ? ขอบคุณนะ อากิ! แบบนี้ดีมากเลย!”
อิโอริพูดพร้อมกับยิ้มกว้างน่ารักมากจนทำให้ผม
อดยิ้มตามไม่ได้
“งั้นเริ่มกันเลย!”
ผมเรียกพนักงานเสิร์ฟ
และขอให้เก็บจานบนโต๊ะออกไป
จากนั้นก็หยิบเครื่องเขียนของผมออกมา
และส่งดินสอกดให้เธอ
“นี่เป็นดินสอกดแบบเดียวกับที่โทวะใช้เลยนะ”
อิโอริรับไปอย่างไม่ลังเล
แล้วเปิดการบ้านของเธอ
“แต่ว่านะ อิโอริทำไม่ได้สักข้อเลยเหรอ?”
“ถึงโทวะจะโง่ แต่โทวะก็ยังพอมีที่ทำได้บ้าง…”
เธอตอบพลางเอามือกุมหน้าผากเหมือนกลุ้มใจ
“งั้นลองทำเท่าที่ทำได้ด้วยตัวเองก่อนดีไหม?”
พอผมพูดแบบนั้น อิโอริก็พูดว่า
“ได้เลย!”
แล้วเอานิ้วถูจมูกตัวเอง
ก่อนจะเริ่มลงมือทำการบ้าน
เวลาผ่านไปพักใหญ่…
“ไม่ไหวแล้ว! ยอมแพ้! ยอมแพ้!”
อิโอริครางออกมา
และวางดินสอของเธอลงบนโต๊ะ
ผมตรวจการบ้านของเธอ
และน่าแปลกใจมาก
เธอทำได้ดีกว่าที่ผมคิดไว้มาก
พื้นฐานของเธอแข็งแรงพอสมควร
แต่มักจะสับสนเวลามีปัญหาเชิงประยุกต์เข้ามา
“ปัญหาข้อนี้น่ะ…”
ผมอธิบายให้เธอทีละข้อที่เธอติดขัด
การสอนอิโอริไม่ใช่เรื่องยาก
เธอเข้าใจสิ่งที่ผมอธิบายได้ดี
เวลาเข้าใจ เธอจะพูดว่า
“อ้อ เข้าใจแล้ว! อากิเป็นอัจฉริยะจริงๆ!
อธิบายเข้าใจง่ายกว่าครูอีก!”
พร้อมกับยิ้มอย่างร่าเริง
แต่ถ้าเธอไม่เข้าใจ เธอจะพูดว่า
“อืม… เข้าใจแล้ว แบบนี้เองสินะ อืมๆ”
แต่ทำหน้าสับสนเต็มที่
เวลาผ่านไปโดยไม่รู้ตัว…
“เดี๋ยวสิ! อะไรกันเนี่ย? มืดแล้วเหรอ!”
เราเรียนกันแทบไม่ได้พักตั้งแต่ตอนกลางวัน
และตอนนี้ก็ค่ำแล้วโดยที่ผมไม่ทันสังเกต
“นั่นแหละคือข้อดี เธอตั้งใจมากจนลืมเวลาเลย”
“แล้วเดทของเรา…”
“เดี๋ยวเราค่อยไปกันวันหลังก็ได้”
พอผมพูดแบบนั้น อิโอริก็ใจเย็นลงเล็กน้อย
“ถ้าอากิว่าอย่างนั้น ก็ได้”
ผมยิ้มแบบขำๆ
เราจัดเก็บอุปกรณ์การเรียนทั้งหมดบนโต๊ะ
จากนั้นก็ออกไปจ่ายเงิน
และเดินออกจากร้านอาหาร
“เอ๊ะ อากิยังไม่ได้ถ่ายเอกสารการบ้านเลยนี่?
แล้วก็มีแต่โทวะที่ทำการบ้าน…”
เธอเหมือนเพิ่งคิดได้ว่า ผมไม่ได้ทำอย่างที่พูด
ในตอนแรก
“ไม่เป็นไร เรื่องที่ผมทำการบ้านหายน่ะ
ผมโกหก”
อิโอริทำหน้าตกใจเมื่อได้ยินคำพูดของผม
“อะไรนะ? งั้น…”
ผมพูดต่อพร้อมรอยยิ้มเจื่อนๆ
“ผมแค่อยากหาเหตุผลชวนเธอออกมาเดท
เท่านั้นเอง”
อิโอริจ้องมาที่ผม
เธอเข้าใจเจตนาของผมตั้งแต่ต้นและพูดว่า
“อย่ามาแอ๊บหล่อเลยนะ เป็นแค่อากิแท้ๆ”
เธอพูดพร้อมยิ้มเล็กๆ
“ว่าแต่ว่าสถานีใกล้บ้านของอิโอริอยู่ตรงไหน
ล่ะ?”
“โอ๊ะ โทวะไม่ได้ขึ้นรถไฟนะ
โทวะอยู่กับพี่สาวใกล้ๆ นี้เอง”
“เหรอ? แบบนี้เองสินะ…”
“ใช่แล้ว บ้านพี่สาวใกล้โรงเรียนกว่า
บ้านของพ่อแม่อีก”
ผมไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน
“งั้นเหรอ… งั้นให้ผมเดินไปส่งไหม เผื่อว่า…”
“ไม่เป็นไร เดินจากที่นี่แป๊บเดียวเอง
อากิดูแลตัวเองด้วยนะ บ๊ายบาย!”
“โอเค ไว้เจอกันใหม่นะ”
เธอโบกมือลาแล้วเดินไปอีกทางหนึ่ง
ผมก็โบกมือกลับเช่นกัน
ระหว่างนั่งรถไฟกลับบ้าน
ผมคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้
อิโอริเป็นเด็กผู้หญิงที่จิตใจดีคนหนึ่ง
แต่… ทำไมเธอถึงรังแกนัตสึกิ?
คำถามเหล่านี้วนเวียนในหัวของผม