เมียเก็บมาเฟีย ชุด เทพบุตรมาเฟีย - ตอนที่ 93 ตอนอวสาน
หนึ่งเดือนต่อมา…กับการที่ต้องพลัดพรากจากเพื่อนสนิท เมื่อลินดาไม่ยอมย้ายไปเรียนต่อที่มอสโกกับตนเอง
“ฉันคงคิดถึงเธอมากแน่ๆ เลยลินดา แน่ใจนะว่าจะไม่ไปด้วยกัน” ยาหยีน้ำตาซึมขณะยืนอำลาเพื่อนรักอย่างลินดาด้วยความอาลัยอาวรณ์
“ไปเถอะยายลูกหยี ฉันทิ้งโกวิทไปได้ที่ไหนกันล่ะ ฉันรักเขามาก ก็เหมือนกับที่เธอไม่สามารถอยู่ห่างจากพ่อเทพบุตรตาเขียวได้แม้แต่วันเดียวนั่นแหละ” ลินดาระบายยิ้มให้กับเพื่อนสนิท ดึงร่างอรชรเข้ามาสวมกอดเอาไว้แน่น
“ถึงแม้เราจะอยู่ห่างกัน แต่ฉันก็สามารถไปหาเธอที่มอสโกได้นี่ อย่าคิดมากน่า เธออยู่กับฉันก็ไม่มีความสุขเท่ากับอยู่ใกล้พ่อเทพบุตรตาเขียวหรอกน่า” ลินดาพยายามให้กำลังใจ แต่เพื่อนของหล่อนกลับร้องไห้โฮ เดือดร้อนถึงหล่อนที่ต้องรีบกวักมือเรียกคอร์เนลที่ยืนอยู่ห่างออกไปหลายเมตรให้เข้ามาช่วยปลอบใจ
“แต่ฉันอยากให้เธอไปด้วยนี่ ไปอยู่ด้วยกันนะลินดา”
“ลูกหยี…ร้องไห้ทำไมครับ”
คอร์เนลเดินเข้ามาดึงร่างของภรรยาเข้าไปสวมกอด จูบที่เรือนผมสีดำขลับแผ่วเบาด้วยความรักใคร่
“คอร์น…ลูกหยีอยากให้ลินดาไปด้วย”
“ลินดาทิ้งคนรักไม่ได้หรอกครับ เอาไว้ผมจะพาคุณมาหาลินดาในทุกครั้งที่คุณต้องการดีไหม”
ยาหยีเงยหน้าขึ้นจากอกกว้างของคอร์เนล ระบายยิ้มออกมาทั้งน้ำตา
“จริงหรือคะคอร์น คุณไม่ได้โกหกลูกหยีใช่ไหมคะ”
คอร์เนลหันไปสบตากับลินดา ก่อนจะพยักหน้ารับยิ้มๆ
“ผมจะโกหกเมียตัวเองได้ยังไงล่ะครับ ผมมีเครื่องบินส่วนตัว จะมาเมืองไทยเมื่อไรก็ได้ คุณไม่ต้องกังวลนะลูกหยี”
“ดีจังเลยค่ะ ลินดา…ฉันจะมาหาเธอบ่อยๆ นะ” หญิงสาวหันไปยิ้มอย่างดีใจให้กับเพื่อนรัก ลินดาส่ายหน้าน้อยๆ และประชดประชันออกมา
“ฉันคงดีใจมากที่เธอมาหาฉันบ่อยๆ แต่พ่อเทพบุตรตาเขียวสามีของเธอคงจะกลุ้มใจมากทีเดียวแหละที่ต้องบินไปบินมาระหว่างกรุงเทพฯ และมอสโกเดือนละหลายๆ ครั้งน่ะ”
ยาหยีย่นจมูกใส่เพื่อน ก่อนจะเดินเข้ามาหาอีกครั้ง
“เธอเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดสำหรับฉันนะลินดา ฉันรักเธอที่สุด”
“แต่ฉันไม่อยากรักเธอเลยยายลูกหยี รู้ไหมว่าเพื่อนๆ ทั้งคณะซึ่งก็รวมถึงตัวฉันด้วยอิจฉาเธอจนตาร้อนผ่าวๆ กันเป็นทิวแถวที่เธอได้กินผู้ชายที่หล่อที่สุดในสามโลกแถมยังรวยเว่อร์อย่างพ่อเทพบุตรตาเขียว”
ลินดาทำเสียงเล็กเสียงน้อยไม่จริงจังนัก ยาหยีรู้ว่าเพื่อนแซวเล่นก็หัวเราะร่วน แต่คนที่หัวเราะดังกว่าหล่อนกลับเป็นคอร์เนลซะนี่
“ดูพูดเข้าสิลินดา…น่าอายจัง”
“ไม่เห็นน่าอายตรงไหนเลย มันน่าประทับใจและภูมิใจต่างหาก จริงไหมคะคุณคอร์เนล”
ต้นประโยคลินดาพูดกับหล่อน แต่ท้ายประโยคดันหันไปพูดกับคนตัวโตที่ยืนหน้าเปื้อนยิ้มซะงั้น แถมพ่อเจ้าประคุณก็รับมุกได้ดีราวกับเตี๊ยมกันไว้อย่างนั้นแหละ
“จริงครับ เรื่องจริงไม่สมควรอาย เพราะผมยังไม่อายเลยที่ได้ชิมคุณทุกคืนน่ะยาหยี”
“คนบ้า! พูดจาน่าเกลียด” มือบางตีเผียะลงบนต้นแขนกำยำของสามีด้วยความหมั่นไส้
“ผมพูดความจริงต่างหากล่ะลูกหยีจ๋า เอ๊ะ! นั่นเขาบอกว่าเครื่องจะออกแล้ว”
เสียงเจ้าหน้าที่สนามบินประกาศว่าเที่ยวบินที่จะเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปยังมอสโกกำลังจะออกแล้ว ทำให้หญิงสาวรีบหันไปจับมือลินดาอีกครั้ง บีบแรงๆ ด้วยความอาลัย
“ทำไมเครื่องออกเร็วจัง เรายังร่ำลากันไม่พอเลย”
“แล้วฉันจะโทรไปหานะ ไม่ต้องร้องไห้แล้วแม่คุณ ไม่ได้ตายจากกันสักหน่อย”
ลินดาว่ายาหยีแต่ก็เป็นตัวเองนั่นแหละที่น้ำตาซึมเสียเอง
“แต่เราก็ถูกผืนน้ำกั้นเอาไว้นี่…ใจหายเหลือเกิน”
สองสาวกอดกันอีกครั้งซึ่งเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่ยาหยีและคอร์เนลจะเดินโอบประคองกันหายเข้าไปในห้องรับรองผู้โดยสารขาออก ลินดายืนโบกมืออำลาจนเพื่อนรักลับตา และน้ำตาก็ไหลซึมออกมาอาบแก้ม เมื่อกี้หล่อนทำเป็นหัวเราะเข้มแข็ง แต่จริงๆ แล้วก็อดคิดถึงยาหยีไม่ได้
“แล้วที่นี่ใครจะปลุกฉันไปเรียนล่ะนี่” ลินดายกมือขึ้นป้ายน้ำตาแห่งความอาลัยอาวรณ์จนแห้งเหือด จากนั้นจึงตัดใจเดินออกไปจากสนามบินเพื่อไปขึ้นรถที่มีโกวิทแฟนหนุ่มจอดรออยู่ด้วยความเศร้าหมอง ถึงแม้จะรู้ซึ้งอยู่เต็มอกว่ายาหยีไปมีความสุข แต่หล่อนก็ยังอดใจหายไม่ได้อยู่ดีนั่นแหละ
บรรยากาศในศาลากลางสวนที่ล้อมรอบไปด้วยแมกไม้ร่มรื่น ยาหยีระบายยิ้มกว้างด้วยความสุขที่สุดในชีวิต ขณะหันหลังไปจ้องมองสายน้ำที่กำลังม้วนตัวลงมากระทบกับโขดหิน ไอเย็นของน้ำกระเซ็นมาแต้มผิวกายจนชุ่มฉ่ำ มันให้ความรู้สึกดีราวกับอยู่กลางน้ำตกในหุบเขาลึกเสียจริงๆ ทั้งๆ ที่มันเป็นแค่น้ำตกขนาดใหญ่ที่พ่อคนแสนรวยอย่างคอร์เนลจำลองขึ้นมาเพื่อความสำราญเท่านั้นเอง
“ยิ้มหวานจังเลยค่ะคุณผู้หญิง”
ยาหยีละสายตาจากน้ำตกแสนงามตรงหน้าชั่วคราว หันไปมองต้นเสียง แล้วก็ระบายยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่าเป็นเชอรี่
“ป้านั่นเอง มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“ป้าไม่มีอะไรกับคุณผู้หญิงหรอกค่ะ แต่คนที่มีน่ะ นู่น!” แม่บ้านร่างท้วมพยักพเยิดหน้าไปทางตึกใหญ่ และหันมาพูดต่อ
“นายน้อยค่ะ พอเท้าเหยียบพื้นบ้านปุ๊บ ก็ร้องหาคุณผู้หญิงปั๊บเลยค่ะ”
ยาหยีเลิกคิ้วขึ้นสูงด้วยความแปลกใจ
“คอร์นกลับมาแล้วหรือคะ แต่นี่มันยังไม่เวลาเลิกงานเลยนี่คะ พึ่งบ่ายโมงกว่าๆ เอง”
เชอรี่ระบายยิ้มล้อเลียนออกมาจนคู่สนทนาสาวถึงกับหน้าแดงก่ำ
“คนติดเมียก็เป็นอย่างนี้ทุกคนนั่นแหละค่ะ งานการขนมันมาทำที่บ้านหมด ขอเพียงแค่ให้ได้เห็นเมียอยู่ในสายตาก็พอแล้ว นี่ป้าว่าถ้านายน้อยย้ายออฟฟิศมาที่บ้านได้ก็คงทำไปแล้วล่ะค่ะ”
“ป้าก็พูดเกินไป คอร์นอาจจะลาพักร้อนมาก็ได้มั้งคะ” คนนั่งหน้าแดงยังอุตส่าห์เฉไฉไอ้อีกแน่ะ
“ถ้าลาพักร้อนจริงๆ อย่างที่คุณผู้หญิงว่า งั้นนายน้อยของเชอรี่คงใช้วันลาล่วงหน้าของปีหน้าและปีถัดไปจนหมดเกลี้ยงแล้วมั้งคะ”
คนพูดขำขันแต่คนฟังหน้าร้อนวาบ หัวใจเต้นแรงระรัวจนกระแทกกับหน้าอกอย่างรุนแรง
“ป้าพูดจนฉันอายหมดแล้ว ไม่พูดด้วยแล้วดีกว่า”
ยาหยีก้าวลงจากศาลา เดินนำเข้าไปในบ้าน ใช่ว่าคอร์เนลจะเป็นคนเดียวซะที่ไหนกันล่ะ หล่อนเองก็โหยหาเขาตลอดทั้งวันเช่นกัน แค่ได้ยินว่าเขากลับมาแล้ว หล่อนก็แทบอยากจะกระโจนขึ้นไปรอบนห้องนอนเสียนี่
“นั่นคุณผู้หญิงจะเดินไปไหนคะ”
เมื่อเห็นสาวน้อยกำลังจะเลี้ยวไปยังห้องทำงานของคอร์เนล แม่บ้านวัยกลางคนจึงรีบทักขึ้น
“อ้าว…ก็ป้าบอกว่าคอร์นมาแล้ว อยู่ที่ห้องทำงาน”
ยาหยีหันกลับมาจ้องหน้าเชอรี่ด้วยแก้มที่ยังเป็นสีระเรื่อไม่จาง แม่บ้านร่างท้วมส่ายหน้ายิ้มๆ
“เมื่อกี้น่ะอยู่ห้องทำงานค่ะ แต่ตอนนี้น่าจะไปอยู่ในห้องนอนเรียบร้อยแล้วล่ะค่ะ หากคุณผู้หญิงไม่อยากเสียเวลา นู่นค่ะ ห้องนอนเลย” และก็ไม่คิดจะพูดอะไรออกมาอีกนอกจากรีบก้มหน้าเดินตรงไปยังห้องนอนที่มีพ่อเทพบุตรสุดหล่อกำลังรออยู่ในทันที
แม่บ้านร่างท้วมส่ายหน้าแล้วอมยิ้มบางๆ จากนั้นก็เอ่ยออกมาเบาๆ
“เมื่อไรนะจะมีนายน้อยตัวเล็กๆ ออกมาวิ่งเล่นสักทีนะ เราอยากอุ้มใจจะขาดอยู่แล้ว”
“คงอีกไม่นานหรอกคุณเชอรี่ ถ้านายน้อยขยันทำการบ้านมากกว่าทำงานแบบนี้”
เซอร์เกพูดขึ้นข้างหลัง เชอรี่ตกใจยกมือขึ้นทาบอก
“มาไม่ให้สุ้มให้เสียงเลยนะ ฉันตกใจหมดเลย”
“ผมก็เดินมาปกตินะคุณเชอรี่ แต่คุณเชอรี่มัวแต่ใจลอยเองต่างหาก แล้วนี่คุณผู้หญิงขึ้นห้องนอนไปแล้วใช่ไหมครับ”
แม่บ้านร่างท้วมพยักหน้ารับน้อยๆ
“ขึ้นไปแล้วล่ะ ก็คงนั่งรอนายน้อยอยู่เหมือนกันนั่นแหละ ไม่อยากจะเชื่อเลยนะว่านายน้อยของเราจะมีเมียกับเขาจริงๆ แถมยังดูท่าทางจะหลงเมียมากๆ อีกต่างหาก”
“มันก็อย่างนี้แหละคุณเชอรี่ คนที่บอกว่าเกลียดนู่นเกลียดนี่น่ะ สักวันก็จะได้ในสิ่งที่เกลียดนั่นแหละ ก็ดูอย่างนายน้อยสิ บอกว่าเกลียดผู้หญิง ไม่อยากแต่งงาน แต่สุดท้ายแล้วก็มาตกหลุมรักผู้หญิงธรรมดาๆ คนหนึ่ง ที่ไม่มีอะไรคู่ควรเลยสักนิดอย่างคุณยาหยี”
“เขาถึงเรียกว่าพรหมลิขิตนำพาไง…” เชอรี่เสริม ขณะที่เซอร์เกพยักหน้ายิ้มๆ
“อีกหน่อยลิน่าลูกสาวของเซอร์เกก็จะต้องถูกพรหมลิขิตนำพาไปหาผู้ชายสักคนหนึ่งที่จะดูแลเธอไปตลอดชีวิตเหมือนกันนั่นแหละ มันโรแมนติกดีนะ ตอนที่ฉันเป็นสาวๆ น่ะฉันก็เคยฝันถึงนิยายรักแบบนี้เหมือนกัน แต่สุดท้ายก็หาดีไม่ได้ก็เลยอยู่คนเดียวดีกว่า”
พอพูดถึงลูกสาว เซอร์เกก็ถึงกับหน้าเครียดขึ้นมาอย่างเฉียบพลัน จนคู่สนทนาต้องถามขึ้นด้วยความแปลกใจ
“ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะเซอร์เก มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า”
“ผมเป็นห่วงลิน่าครับ ติดต่อไม่ได้มาหลายเดือนแล้ว ติดต่อไปที่มหาวิทยาลัยที่ปารีสก็ไม่ได้ข่าวคราวอะไรเลย บอกแค่ว่าเมลิน่าส่งเอกสารมาทำเรื่องของดร็อปเรียนเอาไว้”
“บางทีลิน่าอาจจะไปที่ไหนสักแห่งที่ตัวเองอยากไปก็ได้นะ”
“ไม่จริงหรอกครับ ลิน่าต้องตกอยู่ในอันตรายแน่ๆ เพราะครั้งสุดท้ายที่ผมคุยกับลูก ผมขอร้องให้เธอเข้าไปในอาณาจักรเซอร์คอฟ ซึ่งเธอก็รับปากว่าจะเข้าไป”
ประโยคที่ได้ยินพาให้สีหน้าของเชอรี่เต็มไปด้วยความวิตกกังวลไม่แพ้เซอร์เกเลยแม้แต่นิดเดียว
“แล้วบอกนายน้อยหรือยัง หากนายน้อยรู้ นายน้อยจะต้องไม่นิ่งนอนใจแน่”
เซอร์เกส่ายหน้า ก่อนจะเอ่ยยืนยันออกมาเป็นคำพูด
“ยังไม่ได้บอกเลยครับ ผมไม่อยากรบกวนนายน้อยตอนนี้ นายน้อยกำลังมีความสุข เอาไว้ผมจะลองหาวิธีสืบเองไปก่อน แต่ถ้าเหลือบ่ากว่าแรงยังไง ผมถึงจะขอความช่วยเหลือจากนายน้อยก็แล้วกันครับ”
แม่บ้านร่างท้วมถอนใจออกมา
“ฉันเอาใจช่วยก็แล้วกัน แต่ฉันเชื่อว่าคนดีๆ อย่างหนูลิน่าตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้อยู่แล้วล่ะ เชื่อฉันนะ”
เซอร์เกพยักหน้ารับ ทั้งคู่คุยกันอีกสองสามประโยคก็แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเอง
ภาพผู้ชายร่างกายใหญ่โตที่นอนเอกเขนกอยู่บนเตียงเรียกสีสันบนแก้มนวลให้ระเรื่อขึ้นได้อีกครั้ง ยาหยีปิดประตูเบาๆ ขณะเคลื่อนกายไปหยุดที่ขอบเตียงนอน ร่างทั้งร่างของคอร์เนลมีเพียงกางเกงในแบบบ็อกเซอร์สีเข้มตัวเดียวเท่านั้นสวมใส่อยู่
“มาหาผมสิลูกหยี คิดถึงใจจะขาดอยู่แล้ว”
เขากวักมือเรียก และหล่อนไม่เสียเวลาคิดเลยที่จะรีบโผขึ้นไปหาชายหนุ่มบนเตียงนอน เขาตวัดแขนรัดร่างอรชรเอาไว้แน่น พรมจูบทั่วใบหน้างามด้วยความโหยหาจับใจ
“ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเราพึ่งห่างกันแค่ไม่กี่ชั่วโมง”
ยาหยียกนิ้วมือขึ้นมานับ แล้วพูดเสียงกลั้วหัวเราะ
“หกชั่วโมงเองค่ะ แต่คุณทำเหมือนเราห่างกันมาเป็นปี”
“แค่นาทีเดียวที่ไม่มีคุณอยู่ข้างๆ ผมก็แทบบ้าแล้วทูนหัวจ๋า เมื่อไรคุณจะเรียนจบกันนะจะได้ไปทำงานเป็นเลขาฯ ส่วนตัวของผมสักที ขืนอยู่ห่างกันแบบนี้ทั้งวัน ผมต้องย้ายออฟฟิศมาไว้ในห้องนอนแน่ๆ เลย”
สาวน้อยหัวเราะคิกคัก ลูบไล้นิ้วเรียวไปตามแผงอกรุงรังของสามีด้วยความรักใคร่ รอยยิ้มแห่งความสุขแต้มใบหน้างามตลอดเวลา
“อีกหลายเดือนค่ะ แล้วที่คุณบอกว่าจะให้ลูกหยีไปเป็นเลขาฯ น่ะ คุณจะเอาเลขาฯ คนเดิมไปไว้ที่ไหนคะคอร์น เขาไม่ได้ทำอะไรถึงขนาดที่จะต้องไล่ออกหรือย้ายตำแหน่งกันสักหน่อย”
คอร์เนลยิ้มกว้าง ใช้ปลายนิ้วแกร่งคีบปลายถันแล้วดึงแรงๆ “ใครว่าจะให้คุณไปทำงานจริงๆ จังๆ กันล่ะลูกหยี”
“อ้าว…ก็ไหนคุณบอกว่าจะให้ลูกหยีไปเป็นเลขาฯ ไงคะ”
“เลขาฯ บนเตียงต่างหากล่ะ นี่รู้ไหมลูกหยีว่าผมสั่งให้ช่างมาต่อเติมห้องทำงานของผมให้มีห้องนอนในตัวด้วยนะ รอเพียงแค่คุณจะไปเป็นประธานเปิดห้องเท่านั้นเอง”
คนตัวโตหัวเราะออกมาด้วยความภาคภูมิใจขณะดันร่างของหล่อนให้นอนราบลงกับที่นอน โดยที่เขาขยับขึ้นมาทาบทับด้วยท่าทางแน่วแน่มั่นคง รอยยิ้มของเขาทำให้หัวใจสาวกระตุกรุนแรง เจ้าความตื่นเต้นมันครอบงำจนร่างกายของหล่อนอ่อนเปลี้ยราวกับช็อกโกแลตเหลวๆ
“นี่คุณไม่คิดจะทำงานเลยหรือคะ” ว่าเขาแต่ก็ยอมให้เขาเปลื้องเสื้อผ้าออกจากกายแต่โดยดี
“ผมแบ่งสมองได้น่า ต่อให้กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มกับคุณอยู่ ผมก็สามารถคุยกับลูกค้าได้ ไม่เชื่อไว้จะลองทำให้ดูก็แล้วกัน”
สายตารุ่มร้อนจับจ้องไปทั่วร่างงามด้วยความหิวกระหาย ประกาศความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของในทุกๆ อณูเนื้อด้วยฝ่ามือร้อนผ่าว
“สวยเหลือเกินลูกหยีจ๋า”
เวลาได้เห็นความพึงพอใจจากสายตาของคอร์เนลทีไร หล่อนรู้สึกราวกับว่าตัวเองเป็นเจ้าของทั้งสามโลกก็ไม่ปาน
“ปากหวานจังค่ะ”
“ผมน่ะอาจจะหวานแค่ปากนะ แต่คุณน่ะหวานไปทั้งตัวเลยรู้ไหมจ๊ะลูกหยีจ๋า หวานจนผมหลงหัวปักหัวปำ ทั้งๆ ที่เคยตั้งใจเอาไว้ว่าจะไม่ยอมให้ผู้หญิงคนไหนมามีอำนาจเหนือสมองได้ แต่กับคุณ ผมไม่เคยต่อต้านได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว แค่เห็น แค่มอง ก็อยากได้จนคลั่งจะตายอยู่แล้ว”
คนตัวโตก้มลงมอบจุมพิตหวานล้ำให้กับหล่อนเนิ่นนาน ก่อนจะเคลื่อนใบหน้าลงต่ำไปรังแกเนื้ออ่อนที่ซอกคอนุ่ม สาวน้อยครวญครางออกมา กายสาวร้อนผ่าวเจียนระเบิดเพียงแค่ถูกอุ้งปากของคนตัวโตรุกรานเต้างามและปลายถันสีกุหลาบเท่านั้นเอง
“คอร์นขา…ลูกหยีรักคุณจังเลย”
เขาเงยหน้าจากอกอวบแล้วมอบยิ้มหวานฉ่ำให้อย่างใหลหลง ดวงตาสีเขียวจัดจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาคู่งามของภรรยาด้วยความรักใคร่
“ถ้ารักผม ครั้งนี้เป็นจ๊อกกี้ได้ไหมที่รัก เหมือนที่ทำเมื่อคืนน่ะ ผมติดใจมาก”
ยาหยีแก้มแดงก่ำ ทุกตารางนิ้วในเรือนกายเดือดพล่านร้อนฉ่าขึ้นมาในทันใดเมื่อนึกถึงลีลารักอันแสนร้อนของม้าหนุ่มแสนคึกอย่างคอร์เนล ซีร์ยานอฟในค่ำคืนที่ผ่านมา เขาร้อนแรงและทำให้หล่อนร้อนฉ่าได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ
“ดูพูดเข้าสิคะ”
“นะทูนหัว ผมคิดถึงภาพนั้นตลอดเวลาเลย จนไม่สามารถทำงานต่อได้ นี่รู้ไหมว่าวิ่งออกมาจากห้องประชุมกลางคันเลยนะ เพราะภาพจ๊อกกี้สาวแสนพลิ้วของคุณนั่นแหละลูกหยี”
น้ำเสียงของเขาไม่ได้มีความภาคภูมิใจเลยแม้แต่นิดเดียวหล่อนรู้ดี แต่มันก็แน่ล่ะคนอย่างคอร์เนล ซีร์ยานอฟ ผู้ยิ่งใหญ่ที่เคยแต่ควบคุมคนอื่น แต่พอมาถูกควบคุมบ้างก็เลยยากที่จะยอมรับง่ายๆ
“ตกลงก็ได้ค่ะ แล้วต่อจากนั้นล่ะคะ”
“ตามใจคุณสิลูกหยี อยากทำอะไรกับผมก็ตามสบาย ผมเป็นทาสรักของคุณตลอดชีวิต จำเอาไว้นะทูนหัว”
สาวน้อยตื้นตันจนน้ำตาซึม ขณะพลิกกายขึ้นไปอยู่บนเรือนร่างกำยำที่แน่นหนั่นเรียบตึงไปซะทุกสัดส่วนของคอร์เนลด้วยท่าทางขัดเขินที่ปิดไม่มิด มือบางยันหัวไหล่ทรงพลังเอาไว้ขณะโน้มตัวลงไปจูบปากเซ็กซี่ของสามีอย่างดูดดื่ม
“ขอบคุณที่รักลูกหยีค่ะคอร์น”
คอร์เนลระบายยิ้มขณะเคล้าคลึงถันงามอวบสล้างของภรรยาอย่างเพลิดเพลิน
“ไม่ต้องขอบคุณหรอกทูนหัว ผมยินดีรักคุณ นางฟ้าของผม…”
ดวงตาต่างสีสองคู่สบประสานกันเนิ่นนาน ความรักความห่วงหาจากหัวใจถูกถ่ายทอดออกมาผ่านสายใยแห่งความเข้าใจสู่กันและกันอย่างมหาศาล ยาหยียิ้มละไมขณะก้มลงจูบแก้มสามีแผ่วเบาจนน้ำตาแห่งความซาบซึ้งใจเปรอะเปื้อนแก้มสากของคอร์เนล
“ทูนหัว อย่าร้องไห้ให้ผมเห็นอีกนะ”
“ก็ลูกหยีตื้นตันใจนี่คะ ไม่เคยหวังว่าจะได้รับความรักจากคุณมากมายถึงเพียงนี้” ไม่ขัดขืนเมื่อคนตัวโตไล้นิ้วแกร่งเช็ดน้ำตาออกจากแก้มให้
“งั้นต่อไปผมคงต้องซื้อผ้าเช็ดหน้าให้คุณเป็นของขวัญเสียแล้วล่ะมั้ง เพราะความรักของผมยังจะมีให้คุณอีกมากมายหลายเท่านัก และแน่นอนว่ามันจะไม่มีวันหมด เหมือนๆ กับที่ผมจะไม่มีวันหยุดรักคุณนั่นแหละทูนหัว”
“คอร์นน่ะ พูดซึ้งแบบนี้ ลูกหยีก็ร้องไห้ตายเลย”
คอร์เนลระบายยิ้มกว้าง “งั้นก็ร้องให้พอนะ เพราะผมจะอยู่ข้างๆ คุณและจะเป็นคนเช็ดน้ำตาให้คุณตลอดไป”
“ลูกหยีรักคุณค่ะคอร์น รักเหลือเกิน…”
ยาหยีระบายยิ้มออกมาทั้งที่น้ำตานองหน้า ก้มลงแนบใบหน้ากับแผงอกกว้างของสามีด้วยความรักสุดหัวใจ ไม่อยากจะเชื่อว่าคอร์เนลจะรักผู้หญิงต่ำต้อยอย่างหล่อนได้มากมายขนาดนี้ แต่คอร์เนลไม่มีทางโกหกอย่างแน่นอน เพราะในเมื่อเสียงหัวใจของเขาที่เต้นอยู่ใกล้ๆ กับใบหูของหล่อนมันก็ยังร้องบอกตลอดเวลาว่า…
“ผมรักลูกหยี ผมรักลูกหยี”
และหล่อนก็มั่นใจว่ามันจะดังแบบนี้ไปตลอดชั่วนิรันดร์…
อวสาน