“แน่ใจนะว่าไปไหว”
ลินดาถามเพื่อนด้วยความเป็นห่วง เพราะเห็นสภาพของยาหยีแล้วไม่ต่างจากคนซังกะตายเลยแม้แต่นิดเดียว
“ฉันสัญญาเอาไว้ตั้งแต่ตอนมาถึงแล้วนี่ ยังไงก็ต้องไปเป็นเพื่อนเธอ”
“แต่ฉันไปเองได้น่า ไม่ต้องกลัวฉันหลงทางหรอก ร้านนั้นอยู่ใกล้ๆ โรงแรมเองไม่ใช่เหรอ” ลินดายังพยายามคัดค้าน แต่ยาหยีไม่คิดจะยอมแพ้
“ถ้าไม่อยากให้ฉันผูกคอตายในห้องพัก ก็ให้ฉันไปด้วยเถอะลินดา บางทีการได้มองนู่นมองนี่อาจจะทำให้ฉันคลายความเจ็บลงบ้างก็ได้นะ” น้ำตาซึมออกมาอีกแล้ว แต่เจ้าตัวก็รีบป้ายมันทิ้งซะก่อน
ลินดามองเพื่อนด้วยความสงสาร หล่อนผิดเองที่บังคับให้ยาหยีมาที่กรุงมอสโกนี่ หล่อนผิดเองที่มองพลาดว่าคอร์เนลอาจจะยังรักยาหยีอยู่ แต่ทุกอย่างมันก็เป็นอย่างที่เห็น ยาหยีร้องไห้น้ำตาท่วมหน้ากลับมาเมื่อคืนมันก็ตอบคำถามได้ดีแล้วนี่ว่าพ่อเทพบุตรตาเขียวคนนั้นสิ้นเยื่อใยกับเพื่อนรักของหล่อนไปโดยสิ้นเชิงแล้ว
“ก็ได้…งั้นเราไปด้วยกันนะ”
ยาหยีฝืนยิ้ม ก่อนจะเดินตามหลังลินดาออกไปจากห้อง แม้ความเจ็บปวดจากวาจาถากถางของคอร์เนลที่เกิดขึ้นเมื่อคืนจะยังไม่จางหาย แต่หล่อนก็ต้องข่มมันไว้ให้มิด หล่อนจะไม่ยอมอ่อนแอให้ใครต้องเป็นห่วงอีกแล้ว
‘หล่อนจะต้องเข้มแข็ง ลืมให้ได้ว่าตัวเองมาที่นี่ทำไม หล่อนมาที่กรุงมอสโกนี่ก็เพื่อท่องเที่ยวเท่านั้น ใช่…หล่อนมาเที่ยว ไม่มีอะไรมากกว่าการท่องเที่ยวเลย’
ยาหยีร้องบอกตัวเอง พร้อมกับฝืนยิ้มอีกครั้ง แม้มันจะยังเจือความขมขื่นอยู่บ้างก็ตามที
คอร์เนลยืนพิงรถคันงามของตัวเองอยู่ด้วยความหงุดหงิด เมื่อเซอร์เกคนที่ขับรถมาให้เขาในวันนี้เดินหายเข้าไปในร้านขายของฝากชื่อดังของกรุงมอสโกนานเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว ให้ตายเถอะ ตั้งแต่เกิดมาเขายังไม่เคยต้องรอใครนานถึงขนาดนี้เลย จะมีก็แค่…ชายหนุ่มหยุดคิดเพียงเท่านั้น ก่อนจะเดินตรงไปยังร้านค้าขนาดใหญ่ตรงหน้าด้วยความคับข้องใจ
แล้วเขาก็ได้เห็นเซอร์เกกำลังยืนคุยอยู่กับยาหยีและลินดาอย่างออกรสออกชาติ ซึ่งมันยิ่งกระตุ้นต่อมเดือดดาลของเขาให้ทวีความรุนแรงมากขึ้นยิ่งนัก
‘ให้ตายเถอะ ปล่อยให้เขารอแหง็กอยู่ที่รถ ตลกสิ้นดี’
คอร์เนลคำรามอยู่ในอกขณะก้าวเท้าเข้าไปสมทบ
“นึกว่านายตายไปแล้วซะอีกเซอร์เก”
“นายน้อย…เอ่อ…พอดีผมบังเอิญเจอคุณลินดากับคุณยาหยีก็เลยทักทายกันตามประสาคนเคยรู้จักน่ะครับ นี่ก็กำลังจะกลับแล้ว” เซอร์เกละสายตาจากใบหน้าของยาหยีมายิ้มให้กับคอร์เนลที่ใบหน้าบึ้งตึงราวกับโกรธใครมาสักร้อยชาติ
“ก็ดี…งั้นก็กลับได้แล้ว”
คอร์เนลจ้องมองยาหยีไม่วางตา ขณะที่หญิงสาวมองผ่านเขาไปราวกับเขาเป็นอากาศธาตุก็ไม่ปาน มันน่าแค้นใจนักที่ผู้หญิงที่คร่ำครวญว่ารักเขามากมายเมื่อวาน ตอนนี้กลับขว้างความเย็นชาใส่หน้าเขาราวกับไม่เคยรู้จักกันมาก่อน คงคิดว่าเขาจะสนใจใช่ไหม ฝันไปเถอะแม่คุณ!
“ฉันจะไปรอที่รถ รีบตามไปด้วยล่ะ ไม่อย่างนั้นฉันจะทิ้งนายไว้ที่นี่แหละ!”
ทันทีที่คอร์เนลก้าวยาวๆ ออกไปจากร้านขายของฝากด้วยความเดือดดาล เซอร์เกก็หันกลับมายิ้มบางๆ ให้กับยาหยีและลินดาอีกครั้ง
“อีกหน่อยก็คลั่งแล้วล่ะครับ อีกนิดเดียว”
“ช่างเขาเถอะค่ะ ฉันไม่อยากรับรู้เรื่องราวของเขาอีกแล้ว” ยาหยีพูดขึ้นเสียงราบเรียบไร้ความรู้สึก ลินดายกมือขึ้นตบไหล่เพื่อนเบาๆ
“ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเธอจะตีหน้าขรึมได้เนียนขนาดนี้ ดูพ่อเทพบุตรตาเขียวสิ หน้ามึนออกไปเลย คงจะตกใจที่ถูกเธอแสดงท่าทางเย็นชาใส่บ้างล่ะมั้ง” ลินดาหัวเราะออกมา ขณะที่ยาหยีเอาแต่ระบายยิ้มขมขื่นออกมาเท่านั้น
“ผมต้องขอตัวก่อนนะครับ ไว้วันเดินทางผมจะไปส่งที่สนามบิน”
“อย่าเลยค่ะ ฉันกับลินดากลับเองได้ ไม่อยากรบกวนคุณ” ยาหยีพูดด้วยความเกรงใจ เซอร์เกส่ายหน้าน้อยๆ
“ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ เพราะบางทีคุณอาจจะไม่ได้กลับตามกำหนดก็ได้ ใครจะไปรู้ ผมไปก่อนนะครับ” เซอร์เกโบกมือให้สองสาว ก่อนจะรีบวิ่งออกจากร้านขายของฝากไปทั้งๆ ที่ยังไม่ได้อะไรติดมือไปเลยแม้แต่อย่างเดียว
“นึกว่าจะนอนอยู่ในนั้นซะอีก” เมื่อมาถึงรถคันงามพ่อคนหน้าบูดก็ค่อนแคะทันที
“ขอโทษจริงๆ ครับนายน้อย”
“ไม่ต้องขอโทษหรอก ว่าแต่ไหนนายบอกว่าจะเข้าไปซื้อของฝากเพื่อนที่รู้จักไง แล้วทำไมไม่เห็นได้อะไรติดมือมาสักอย่างเดียว”
น้ำเสียงข้องใจของคอร์เนลทำให้เซอร์เกต้องรีบแก้ตัว เพราะเขาคงไม่กล้าบอกออกไปหรอกว่าที่เข้าไปในนั่นก็เพราะเห็นยาหยีกับลินดาอยู่ข้างใน
“พอดีของที่อยากได้มันไม่มีน่ะครับ เอาไว้ผมไปหาดูร้านอื่นอีกครั้งดีกว่าครับ”
คอร์เนลหรี่ตาแคบมองคนสนิทอย่างไม่ไว้ใจ ก่อนจะก้าวขึ้นรถ เซอร์เกถอนใจออกมาก่อนจะรีบสวมบทบาทสารถีพารถคันงามเคลื่อนออกไปจากหน้าร้านขายของฝากอย่างรวดเร็ว
ตลอดทางในรถมีแต่ความเงียบ คอร์เนลนั่งหลับตานิ่งคล้ายกับไม่ทุกข์ไม่ร้อนใดๆ ทั้งๆ ที่ภายในอกกำลังถูกแผดเผาด้วยไฟโลกันตร์อย่างอำมหิต ให้ตายเถอะ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ายาหยีจะกล้าแสดงท่าทางเย็นชาแบบนี้ใส่เขามาก่อน ทั้งๆ ที่เขาจ้องหล่อนซึ่งๆ หน้า แต่หล่อนก็ยังทำเฉย ทำเหมือนไม่มีเขาอยู่ตรงหน้า
‘ระยำ! นี่มันเรื่องระยำอะไรกันนะ’
คอร์เนลฟาดกำปั้นลงกับเบาะรถข้างตัวแรงๆ อย่างต้องการระบายอารมณ์ ทำไมเขาถึงลืมผู้หญิงคนนี้ไม่ได้สักทีนะ ทั้งๆ ที่คิดว่าทำได้ดี ทำได้อย่างดีเยี่ยม แต่พอเห็นหล่อนไม่แยแสต่อการมีตัวตนของเขา ชายหนุ่มก็แทบคลุ้มคลั่ง ตอนนี้หลงคิดไปว่าตัวเองสามารถกุมชัยชนะเอาไว้ในมือได้ แต่ทุกอย่างก็กลับตาลปัตรเมื่อได้เห็นสายตาห่างเหินราวกับคนไม่เคยรู้จักกันของหล่อนเมื่อกี้นี้ มันหมายความว่ายังไงกันนะ?
เซอร์เกจ้องมองท่าทางของเจ้านายหนุ่มด้วยความพึงพอใจ อีกไม่นานหรอกคอร์เนลก็จะต้องรีบวิ่งแจ้นกลับไปง้องอนขอคืนดีกับยาหยีอย่างแน่นอน เขาเอาหัวเป็นประกันได้เลย
“นายน้อยจะไปออฟฟิศก่อน หรือว่าจะไปโรงงานครับ” เมื่อรถแล่นมาถึงทางแยกที่ต้องตัดสินใจ เซอร์เกจึงเอ่ยถามเจ้านายของตัวเอง แต่คำตอบที่ได้นี่สิ กลับทำให้เซอร์เกปล่อยก๊ากออกมาด้วยความขบขัน
“ไม่ไปไหนทั้งนั้นแหละ”
“แล้วนายน้อยจะให้ผมขับรถไปไหนล่ะครับ” แกล้งทำเป็นไขสือ ทั้งๆ ที่รู้อยู่เต็มอกว่าตอนนี้คอร์เนลอยากจะไปไหนใจจะขาด
“โรงแรมซาวอยมอสโก” คอร์เนลกระชากเสียงตอบ พยายามจะทำเป็นไม่ใส่ใจกับใบหน้ายิ้มๆ ของคนสนิทมากนัก
“ครับนายน้อย” สารถีแสนรู้ใจกลับรถอย่างรวดเร็ว และเพียงไม่นานรถคันหรูก็มาจอดที่หน้าโรงแรมซาวอยมอสโก คอร์เนลก้าวลงไปทันที เซอร์เกกำลังจะเดินตามชายหนุ่มเข้าไป แต่ก็ถูกห้ามเอาไว้เสียก่อน
“โทรให้คนเอารถสปอร์ตมาให้ฉันด้วย ส่วนนายจะไปไหนก็ไป”
จบคำพูดห้วนกระด้าง ร่างของคอร์เนลก็ก้าวเข้าไปในโรงแรมระดับสี่ดาวเบื้องหน้าในพริบตา เซอร์เกส่ายหน้าช้าๆ ก่อนจะเคลื่อนรถออกไปเช่นกัน
“มีสิ่งใดให้รับใช้คะ”
“ต่อสายมิสยาหยี โรจน์มหามงคลให้ผมหน่อย”
คอร์เนลเอ่ยกับประชาสัมพันธ์สาวสวยที่โปรยยิ้มหวานให้กับตัวเองด้วยน้ำเสียงที่พยายามข่มให้ราบเรียบที่สุด
“จะให้เรียนว่าใครจะคุยด้วยคะ”
“ผัว!”
ชัดเจน และดังพอที่จะทำให้พนักงานอีกสองสามคนที่อยู่แถวๆ นั้นหันมามองด้วยความเสียดาย แต่คอร์เนลไม่สนใจ เขายังคงยืนกอดอกนิ่งด้วยความอดทนที่ใกล้หมดลงเต็มที
“มีสายถึงคุณยาหยีค่ะ เอ่อ…เขาบอกว่าเป็นผะ…เอ่อ…สามีค่ะ”
ประชาสัมพันธ์พูดเสียงนุ่มนวลไปตามสาย ลินดาที่เป็นคนรับสายรีบยื่นกระบอกโทรศัพท์ไร้สายให้กับเพื่อนสนิทที่กำลังนั่งเหม่อลอยอยู่บนเตียง
“อะไรเหรอ?” ยาหยีถามขึ้นเมื่อเห็นลินดายื่นโทรศัพท์มาให้ตรงหน้า
“ของเธอ เขาบอกว่าสามีเธอต้องการคุยด้วย”
“สามี? ฉันไม่มีใครนะนอกจาก…”
หญิงสาวนึกถึงคอร์เนลขึ้นมาในทันที แต่เขาจะมาได้ยังไงล่ะในเมื่อเขาเป็นคนบอกหล่อนเองว่าจะไม่เจอกันอีกแล้วในชาตินี้
“อย่าเดาเลยน่ารับเถอะ เดี๋ยวฉันขอตัวลงไปเดินเล่นข้างล่างแป๊บนะ สักสองสามชั่วโมงจะกลับขึ้นมา”
ยาหยีรับโทรศัพท์จากมือเพื่อนมาถือเอาไว้ ขณะมองตามร่างของลินดาหายไปกับบานประตูห้อง หญิงสาวยกโทรศัพท์มาแนบหู
“ผมมีเรื่องต้องการคุยกับคุณ…”
เสียงนี้ต่อให้ตาย หล่อนก็จำได้ไม่มีวันลืมแน่นอน
“คอร์เนล…”
“จะลงมาหรือให้ผมให้ไปหาบนห้องล่ะ”
แค่ได้ยินเสียงเขาเพียงเท่านั้น หัวใจของหล่อนก็เต้นแรงจนน่าตกใจ และหากต้องเห็นหน้าสบตากันด้วย มีหวังหล่อนทำใจแข็งเป็นเย็นชาเหมือนเมื่อเช้าไม่ได้แน่ๆ เลย
“เราไม่มีอะไรต้องพูดกันอีก และฉันไม่อยากพบคุณ” น้ำเสียงของยาหยีห่างเหินจนคอร์เนลที่ฟังอยู่ถึงกับอึ้งไปหลายวินาที
“งั้นก็แสดงว่าต้องการให้ขึ้นไปบนห้องใช่ไหม ได้…งั้นรอเดี๋ยว!”
ด้วยความหวาดกลัวที่จะต้องเผชิญหน้ากับคอร์เนลตามลำพัง ยาหยีจึงต้องรีบตอบตกลง ยังไงพบกันข้างล่างก็ยังมีคนอยู่ในเหตุการณ์บ้างล่ะน่า
“ก็ได้ ฉันจะลงไปพบ…ที่ไหน”
“ผมรออยู่ที่ล็อบบี อย่าช้าล่ะ ผมไม่ชอบนั่งรอใครนาน” เขาวางสายไปแล้ว แต่หล่อนยังกำกระบอกโทรศัพท์เอาไว้แน่น กำจนข้อนิ้วซีดขาวทีเดียว
“ยังเห็นฉันเจ็บไม่พอหรือไงคะคอร์เนล”
ยาหยีผ่อนลมหายใจออกจากปากยาวๆ เพื่อลดความเครียดภายในอก จากนั้นก็ค่อยๆ วางลงกับแป้น และเดินออกไปจากห้อง มุ่งหน้าลงไปยังล็อบบีอย่างไม่มีทางเลือก
MANGA DISCUSSION