เมียเก็บมาเฟีย ชุด เทพบุตรมาเฟีย - ตอนที่ 9
ลงมายังชั้นล่างและก็หลงเข้าไปในห้องรับแขกแสนโอ่อ่าห้องเดิม กำลังยืนเคว้งมองหาทางออกไปจากคฤหาสน์ที่มีมัจจุราชหล่อระเบิดอย่างคอร์เนลครอบครองอยู่ แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งตกใจเมื่อมีเสียงเรียบๆ ดังขึ้นจากทางด้านหลัง
“รถที่จะไปส่งคุณที่หอพักพร้อมแล้วครับ”
สาวน้อยรีบหันหลังกลับไปมอง และก็ได้เห็นชายชุดดำคนสนิทของคอร์เนลยืนระบายยิ้มบางๆ ให้อยู่ด้านหลัง ท่าทางของผู้ชายคนนี้เป็นมิตรกว่าคนทุกคนในคฤหาสน์หลังงามแห่งนี้
“ไปส่งฉันหรือคะ”
“นายน้อยสั่งให้เตรียมรถไปส่งคุณ เร็วเถอะครับ เดี๋ยวหอพักจะปิดซะก่อน”
ยาหยีไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากยอมก้าวตามออกไป และเมื่อหล่อนออกมานอกตึกใหญ่ก็เห็นรถลีมูซีนคันงามสีดำเงาวับจอดรออยู่จริงๆ
“เชิญครับ”
ชายคนเดิมเปิดประตูรถในส่วนของห้องผู้โดยสารให้ ยาหยีก้าวขึ้นไปนั่งบนรถ และเมื่อประตูรถถูกปิดลงอีกครั้ง รถคันงามก็ค่อยๆ เคลื่อนห่างจากคฤหาสน์แสนอลังการของคอร์เนลไปทีละน้อย จนในที่สุดก็ลับตาจนมองไม่เห็น
ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้จะเป็นเรื่องจริง หญิงสาวคิดอย่างเลื่อนลอย ขณะยกมือขึ้นลูบกลีบปากที่ช้ำน้อยๆ ของตัวเองอย่างลืมตัว สมองหวนนึกไปถึงความรู้สึกแสนวิเศษที่คอร์เนลทำมันกับริมฝีปากของตัวเอง
สวยงามและน่าหลงใหล ไม่เคยคิดเลยว่าแค่จูบปากกันจะทำให้ร่างกายล่องลอยสูงได้ถึงเพียงนี้ และเพราะมันวิเศษอย่างนี้ใช่ไหม ลินดาถึงได้ชอบจูบกับโกวิทบ่อยนัก
สาวน้อยหน้าร้อนผ่าวเมื่อนึกไปถึงฉากรักที่ตัวเองเคยเห็นในหนังรักโรแมนติกเรื่องหนึ่ง การสัมผัสเนื้อตัวแนบชิดแบบนั้นมันจะตามมาหลังจากการจูบปาก และพระเอกในเรื่องก็พร่ำเพ้อว่าไม่อาจจะหยุดได้เพราะมันอึดอัดทรมาน
แล้วทำไมคอร์เนลถึงได้หยุดมันล่ะ?
สาวน้อยครุ่นคิด แล้วก็รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาในอกไม่ได้ เมื่อคำตอบที่ได้รับมานั้นมันบอกว่าหล่อนจืดชืดและไร้เดียงสาเกินไป
หล่อนน่าจะดีใจไม่ใช่เหรอ หากผู้ชายคนนั้นคิดแบบนี้จริงๆ แต่มันช่างแปลกเหลือเกินที่ความรู้สึกในตอนนี้ของหล่อนมันช่างห่างไกลจากคำว่า ‘ดีใจ’ เสียเหลือเกิน
หล่อนกำลังผิดหวังต่างหาก!
โอ้…ไม่หรอก ไม่มีทางใช่แน่ ทำไมหล่อนจะต้องผิดหวัง หล่อนต้องเกลียดเขาสิ เขากำลังจะทำร้ายพ่อของหล่อนไม่ใช่หรือ
ความคิดมากมายถล่มยับใส่เข้ามาในสมอง ยาหยีเอนกายพิงกับเบาะนุ่มภายในรถยุโรปคันหรู ดวงตากลมโตหรี่ปรือลงช้าๆ ตอนนี้หล่อนไม่ควรจะคิดเรื่องใดๆ ทั้งนั้น สิ่งที่หล่อนควรคิดใคร่ครวญให้มากที่สุดก็คือพรุ่งนี้หล่อนจะตัดสินใจยังไงดี
จะเดินหน้าเข้าไปเป็นผู้หญิงของคอร์เนล ซีร์ยานอฟ เพื่อแลกกับลมหายใจของบิดา หรือว่าจะยอมปล่อยให้บิดาถูกทำร้ายจนตายอย่างเลือดเย็นอย่างลูกอกตัญญู
“ลูกหยี อาจารย์ขานชื่อเธอแล้วนะ”
เสียงเตือนเบาๆ ของลินดาที่นั่งอยู่ข้างๆ กันทำให้ยาหยีที่กำลังคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานสะดุ้งโหยง หญิงสาวหันมองเพื่อนด้วยความตกใจ
“เธอว่าไงนะลินดา”
“อาจารย์ขานชื่อเธอแน่ะ รีบขานสิ เดี๋ยวอาจารย์ก็ไม่เช็กชื่อให้หรอก”
ลินดาเตือนเพื่อนอีกครั้ง ก่อนจะส่ายหน้าไปมากับท่าทางเหม่อลอยของเพื่อนสนิท ยาหยีนั่งใจลอยแบบนี้มาตั้งแต่คาบเรียนตอนเช้าแล้ว ตอนแรกนึกว่าแม่คุณง่วงนอน แต่คงไม่ใช่แล้วล่ะ เพราะนี่มันปาเข้าไปจะสี่โมงเย็นอยู่แล้ว แม่เจ้าประคุณก็ยังนั่งตาลอยใจลอยอยู่เช่นเดิม มันเกิดอะไรขึ้นกันนะ ยาหยีไม่เคยมีท่าทางแบบนี้มาก่อน ลินดาพยายามครุ่นคิดแต่ก็คิดไม่ออกจึงต้องเอ่ยถามออกไปเมื่อเพื่อนสนิทขานชื่อกับอาจารย์เสร็จแล้ว
“นี่ถามจริงๆ เถอะลูกหยี เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า ทำไมเช้านี้เธอถึงดูใจลอยชอบกล”
ยาหยีหลบสายตาคาดคั้นของเพื่อนรักลงมองหนังสือเรียนตรงหน้า ก่อนจะตอบออกไปเสียงตะกุกตะกักแสนมีพิรุธ
“ไม่มีนี่ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย…ฉันแค่นอนน้อย…”
“ฉันไม่เชื่อหรอก เมื่อคืนเธอก็กลับดึกด้วย กลับก่อนหอปิดแค่ไม่กี่นาทีเอง” ลินดายังคาดคั้นไม่เลิก หล่อนใช้สองมือประคองหน้าของยาหยีให้เงยขึ้นมาสบตา
“บอกมานะว่าเกิดอะไรขึ้น”
หล่อนจะบอกไปได้ยังไงว่าหล่อนกำลังจะต้องสละเนื้อหนังมังสาเพื่อแลกกับลมหายใจของผู้มีพระคุณท่วมหัว ยาหยีน้ำซึมด้วยความขมขื่น กัดปากแน่นจนเลือดออก ข่มความอดสูเอาไว้ภายใต้รอยยิ้มบางๆ
“ฉันแค่…”
“ทะเลาะกับกิ๊กหนุ่มใช่ไหมล่ะ อย่าปิดเลยน่า เวลาฉันทะเลาะกับโกวิท ฉันก็ใจลอยแบบนี้แหละ”
ลินดาสรุปเนื้อหาใจความเสียเองเสร็จสรรพ ยาหยีลอบถอนใจออกมาด้วยความโล่งอกที่สามารถทำให้ลินดาเข้าใจไปอีกทางหนึ่งได้
“ใช่ไหม เงียบๆ แบบนี้ใช่แน่เลย”
ยาหยีพยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะก้มหน้าลงมองหนังสือเรียนนิ่ง ทำราวกับกำลังตั้งใจเรียนเสียเต็มประดา ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วในสมองของหล่อนตอนนี้ไม่ได้คิดถึงเรื่องเรียนเลยแม้แต่นิดเดียว แต่มันกำลังนึกถึงคำพูดของผู้ชายนัยน์ตาดุคนนั้นต่างหาก
“ผมให้เวลาคุณตัดสินใจหนึ่งคืน”
“ฉันต้องการหนึ่งอาทิตย์”
“นานไป”
‘ก็คืนนี้แล้วสินะที่เขาจะมารอฟังคำตอบของหล่อน แล้วหล่อนล่ะจะทำยังไงดี ยินยอมพร้อมใจให้ผู้ชายหล่อระเบิดคนนั้นทำลายความสาวของตัวเองโดยที่เขาไม่เห็นค่าเห็นราคาของมันสักนิดได้อย่างนั้นหรือ หล่อนทำได้จริงๆ หรือเปล่า’
สาวน้อยส่ายศีรษะไปมาด้วยความเคร่งเครียด เซลล์ประสาทบีบเกร็งอย่างรุนแรงจนสมองแทบแตก แค่คิดว่าต้องไปแก้ผ้าให้ผู้ชายมอง หล่อนก็แทบจะสิ้นลมอยู่แล้ว แต่นี่…หล่อนต้องยอมให้เขาทำทุกอย่างตามอำเภอใจ
‘ไม่! หล่อนทำไม่ได้ หล่อนยอมเป็นของเล่นของผู้ชายคนไหนไม่ได้ทั้งนั้น หล่อนหวง หวงความสาวของตัวเอง ไม่มีทาง…แล้วพ่อของหล่อนล่ะ?’
หญิงสาวร้องถามตัวเองอยู่ในอกลั่น แล้วก็แทบน้ำตาซึมเมื่อคำพูดที่เต็มไปด้วยความรักความห่วงใยของผู้เป็นบิดาดังก้องขึ้นในสมอง
“ลูกหยีคือแก้วตาดวงใจของพ่อนะ พ่อรักลูกหยีมากยิ่งกว่าชีวิตของตัวเองเสียอีก พ่อยอมสละแม้แต่ลมหายใจเพื่อให้ลูกหยีมีความสุข”
‘ไม่ได้…หล่อนยอมให้ใครทำร้ายพ่อไม่ได้ หล่อนรักท่าน รักพ่อ’
น้ำตาไหลพรากออกมาจนเจ้าตัวต้องรีบป้ายมันทิ้งอย่างรวดเร็ว และยาหยีก็ไม่สามารถจะทนนั่งเรียนวิชาสุดท้ายของวันนี้ได้อีกต่อไป หญิงสาวรีบคว้าหนังสือและรีบวิ่งออกจากห้องเรียนไปทันที ท่ามกลางความแปลกประหลาดใจของอาจารย์และเพื่อนร่วมชั้นทุกคน โดยเฉพาะลินดาที่ถึงกับยกมือขึ้นเกาศีรษะด้วยความงงงวย
“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนที่วิ่งออกไปจากห้องเรียนอย่างไร้มารยาทเมื่อกี้นี้จะเป็นคนๆ เดียวกันกับยายลูกหยีผู้ที่คว้าเอมาทุกวิชาและทุกเทอม”
ยาหยีวิ่งกระเซอะกระเซิงมาที่หน้ามหาวิทยาลัย ใบหน้างามซีดไม่ต่างจากกระดาษ ดวงตากลมโตมองหารถคันที่เคยมารับหล่อนเมื่อวานนี้ด้วยความกระวนกระวาย แต่ก็หาไม่เจอ ไม่มีรถคันนั้นหรือลักษณะนั้นจอดอยู่ในบริเวณนี้เลย
‘เขาต้องการให้หล่อนเรียกรถแท็กซี่ไปเองสินะ’
หญิงสาวคิดอย่างเจ็บใจ แล้วก็ต้องกัดปากแน่นเมื่อนึกถึงฐานะของตัวเองในสายตาของผู้ชายหล่อระเบิดคนนั้น
โสเภณี…
นั่นแหละคือสิ่งที่เขามองเห็นว่าหล่อนเป็น น้ำตาไหลพรากออกมาโดยไม่ทันรู้ตัว ยาหยีรีบป้ายมันทิ้ง ก่อนจะยื่นมือออกไปโบกรถแท็กซี่คันที่วิ่งผ่านมาพอดี หญิงสาวก้าวขึ้นในนั้น บอกจุดหมายด้วยน้ำเสียงเจือสะอื้น
ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าความสาวสดที่เฝ้าหวงแหนมาตลอดยี่สิบกว่าปีจะต้องมาสูญสิ้นอย่างไร้ราคาแบบนี้