เมียเก็บมาเฟีย ชุด เทพบุตรมาเฟีย - ตอนที่ 72
“ไหนว่าจะกลับค่ำๆ ไงคะ”
โผเข้าไปกอดร่างกำยำที่อ้าแขนรับด้วยความดีใจ คอร์เนลระบายยิ้มกว้าง ก้มลงจูบปากอิ่มเต็มของยาหยีด้วยความรู้สึกโหยหาเทียมกัน มันจะให้ความรู้สึกยังไงนะ หากในทุกๆ วันที่เขากลับจากที่ทำงานจะมียาหยีมาคอยเงยหน้ารับจูบแบบนี้
ชายหนุ่มถอนใจออกมาขณะรั้งร่างอรชรให้เดินตามตัวเองไปยังห้องส่วนตัวห้องหนึ่งที่อยู่ถัดไปทางทิศตะวันออก หล่อนกับคอร์เนลเดินผ่านคอร์ตสวยที่มีทั้งสวนและน้ำพุแสนสวย ก่อนจะเดินผ่านประตูกระจกเข้าไปในห้องโอ่อ่าห้องหนึ่ง และทันทีประตูถูกเปิดออก หล่อนก็ได้เห็นผู้ชายวัยกลางคนคนหนึ่งนั่งอยู่ภายในห้องนั้น โดยข้างๆ กายมีผู้ชายวัยใกล้เคียงกันที่หล่อนจำได้ว่าเคยเห็นมาที่นี่บ่อยๆ อยู่ด้วย ตรงหน้ามีเอกสารหลายแผ่นวางอยู่
คอร์เนลดุนหลังของหล่อนให้เดินเข้าไปด้านใน หล่อนเห็นเขาจับมือกับผู้ชายในชุดภูมิฐานคนนั้น จากนั้นก็ดึงหล่อนนั่งลงข้างๆ และเริ่มแนะนำ
“คนนั้นคือคุณอัลเบิร์ต สไตเบิร์ก เจ้าหน้าที่ระดับสูง และนั่นคุณเจสัน มอร์แกน ทนายความประจำตระกูลของผม” แม้เขาจะแนะนำเสร็จสรรพแล้ว แต่หล่อนก็ยังงงเต๊กอยู่ดี
“เอ่อ…แล้ว…”
“เราจะจดทะเบียนสมรสกัน”
ความรู้สึกแรกที่ได้ยินก็คือความดีใจ ก่อนจะตามมาด้วยความแปลกใจ และสุดท้ายก็คือความเหลือเชื่อ เหลือเชื่อแบบสุดขีดทีเดียว! คนอย่างคอร์เนลนี่นะจะมาจดทะเบียนสมรสกับผู้หญิงอย่างหล่อน มันเป็นไปไม่ได้
“เซ็นชื่อตรงนี้ซะ”
หล่อนเห็นเขาเซ็นชื่อและนามสกุลของตัวเองลงในกระดาษแผ่นนั้น แล้วก็เลื่อนมาให้หล่อนตรงหน้า
“คือว่าฉัน…”
หล่อนงง สับสัน แล้วก็กำลังจะเป็นลมด้วย ให้ตายเถอะ นี่มันเกิดอะไรขึ้นนะ ทำไมจู่ๆ คอร์เนลก็คิดอยากจะจดทะเบียนสมรสกับหล่อนขึ้นมา ทั้งๆ ที่ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันเขาแสดงท่าทางว่ารังเกียจการแต่งงานที่สุดไม่ใช่เหรอ แล้วนี่…
“เซ็นซะสิยาหยี คุณอัลเบิร์ต มีงานด่วนที่ต้องไปทำอีกหลายอย่าง”
การเร่งเร้าของเขาทำให้คนที่กำลังสับสนอยู่อย่างหล่อนไม่มีทางเลือก และในที่สุดหล่อนก็จรดปากกาเซ็นชื่อและนามสกุลของตัวเองลงไปในกระดาษแผ่นนั้น
“ดีมาก…” คอร์เนลเอ่ยชมหล่อน ก่อนจะหันไปเอ่ยอำลา และเดินออกไปส่งชายทั้งสองคนที่หน้าประตูห้อง
“มันเกิดอะไรขึ้นคะ ฉันงงไปหมดแล้ว”
หญิงสาวเอ่ยถามขึ้นเมื่อคอร์เนลเดินกลับเข้ามาในห้อง แต่เขาไม่ยอมตอบ กลับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาคุยเสียนี่ และเพียงไม่นานอีวานก็เดินเข้ามาภายในห้อง
“เอานี่ไปให้เซอร์เก อย่าให้พลาดล่ะ”
คอร์เนลส่งซองใส่ทะเบียนสมรสระหว่างตนกับยาหยีให้กับลูกน้องตรงหน้า
“ครับนายน้อย”
อีวานก้มหน้ารับคำสั่ง ก่อนจะรีบเดินหายออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว และคราวนี้ก็ถึงทีที่หล่อนจะต้องเค้นเอาความจริงจากปากของพ่อสุดหล่อคนนี้เสียแล้วล่ะ
“คอร์เนลคะ บอกมานะว่าคุณทำแบบนี้ทำไม”
เจ้าของชื่อหมุนตัวกลับมาหา พร้อมกับระบายยิ้มบางๆ
“ไม่ดีใจหรือไง ได้เป็นเมียของผมอย่างถูกต้องตามกฎหมายน่ะ”
ได้ยินเช่นนั้นยาหยีก็ส่ายหน้าปฏิเสธทันที
“ไม่ดีใจหรอกค่ะ เพราะฉันคิดว่าคุณมีอะไรซ่อนอยู่”
คอร์เนลอมยิ้ม เดินเข้ามารั้งร่างอรชรเข้าไปกอดแน่น
“แปลกแฮะ ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นป่านนี้รีบแก้ผ้าขอบคุณผมไปแล้วล่ะ ไม่ใช่มายืนทำหน้าขุ่นข้องหมองใจแบบคุณ”
“ก็มันน่าแปลกใจนี่คะ”
ยาหยีพยายามดิ้นรนเมื่อพ่อคนตัวโตเริ่มต้นลูบไล้ร่างกายของตัวเองด้วยความหิวกระหายอีกครั้ง แถมยังดันร่างของหล่อนให้ล้มลงนอนบนโซฟาริมหน้าต่างอีกแน่ะ
“จะทำอะไรคะ อย่าค่ะ”
“ก็คุณไม่ยอมแก้ผ้าขอบคุณผม ผมก็เลยต้องเป็นฝ่ายจับคุณแก้ผ้าเสียเองยังไงล่ะ”
“คนบ้า ลามกจริงๆ เลย” พ้อเสียงอ่อนอกอ่อนใจ แต่ก็ยังอุตส่าห์เผยอปากจูบตอบเมื่อคนตัวโตฉกวูบลงมาหา
คอร์เนลครวญครางออกมาอย่างถูกอกถูกใจกับการตอบสนองแบบไร้ขีดจำกัดของภรรยา ขณะตั้งหน้าตั้งตาดำเนินกิจกรรมรักยามบ่ายต่อไปอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดพักง่ายๆ เขาจะต้องตักตวงความหวานฉ่ำของเจ้าหล่อนให้คุ้มกับค่าน้ำหมึกที่เขาอุตส่าห์เซ็นมันลงไปในกระดาษแผ่นนั้น
‘ยาหยีจะต้องตอบแทนเขาด้วยจิตวิญญาณ และทุกสิ่งทุกอย่างที่หล่อนมี’
หนุ่มหล่อระบายยิ้มพึงพอใจออกมาขณะขับเคลื่อนแรงรักแรงเสน่หาเข้าใส่ร่างสาวที่นอนดิ้นพราดอยู่บนโซฟาอย่างต่อเนื่อง ทุกจังหวะรักเต็มเปี่ยมไปด้วยความหนักหน่วงดุดันจนสาวน้อยต้องร้องครางออกมาปานจะขาดใจ
“ถึงเวลาแล้วนะยอดชาย ที่แกต้องพาฉันไปเอาเพชรสีทองที่แกซ่อนเอาไว้” อังเดรหันมาพูดกับยอดชายด้วยเสียงทรงอำนาจทันทีที่ตนวางสายจากวินซ์ เอเมอร์ตัน มหาเศรษฐีผู้ร่ำรวยอันดับต้นๆ ของโลก ก็สูสีกับคอร์เนลหลานชายของเขานั่นแหละ
“ครับนาย” ยอดชายเก็บซ่อนความประหม่าเอาไว้ภายใต้ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความภักดี
“งั้นก็ไปสิ”
อังเดรก้าวพายอดชายเดินตรงไปที่รถลีมูซีนที่มีเพียงแค่คันเดียวในคฤหาสน์หลังนี้ ตรงข้ามกับที่คฤหาสน์ของคอร์เนลที่มีเป็นสิบๆ คัน ทั้งๆ ที่เขาก็เป็นซีร์ยานอฟคนหนึ่ง แต่ทำไมชีวิตของเขาถึงได้ตกต่ำสวนทางกับหลานชายนักนะ
ส่งยากี่ครั้งก็ถูกตำรวจบุกเข้าจับ เปิดซ่องกี่ที่ก็ถูกสั่งปิด เรียกเก็บค่าคุ้มครองก็ถูกมาเฟียกลุ่มอื่นมาแย่งพื้นที่หากิน ทุกอย่างมันเลวร้ายลงไปหมดจนเขาแทบจะเหลือแต่ตัวอยู่แล้ว ดีที่ได้วินซ์ เอเมอร์ตันให้ความช่วยเหลือ วินซ์มอบเงินให้กับเขาถึงร้อยล้านเหรียญเพื่อแลกกับเพชรสีทองของคอร์เนล และนี่ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เขาต้องให้ยอดชายเข้าไปขโมยเพชรนั้นมา
“เก็บไว้ที่ไหน”
“ธนาคารในย่านกลางเมืองครับ เดี๋ยวนายให้รถจอดตรงขวามือนะครับ แล้วเราเข้าไปเอาเพชรสีทองด้วยกัน”
รถถูกเลี้ยวจอดที่หน้าธนาคารเล็กๆ แห่งหนึ่ง ยอดชายก้าวลงไป อังเดรรีบก้าวตาม
“ผมมาเปิดเซฟครับ นี่บัตร…”
“เชิญด้านในค่ะ” เจ้าหน้าที่ธนาคารเดินนำพวกเขาเข้าไปยังห้องแห่งหนึ่งที่ระบบการรักษาความปลอดภัยถือว่ายอดเยี่ยมทีเดียว
“นายครับ ทางนี้ครับ”
ยอดชายเดินนำเจ้านายของตัวเองไปที่ตู้เซฟ ใส่รหัสอยู่สามครั้ง เพียงไม่นานประตูเหล็กอย่างดีก็ดีดออกมา ยอดชายดึงประตูตู้เซฟให้เปิดกว้างขึ้น จากนั้นก็หยิบกล่องกำมะหยี่สีทองอร่ามขนาดใหญ่ส่งให้กับอังเดร
“เพชรสีทองอยู่ในนี้ครับ”
อังเดรเปิดฝากล่องกำมะหยี่ออกแล้วก็ระบายยิ้มออกมา เมื่อแสงเพชรวูบวาบระยิบระยับสะท้อนเข้ากับดวงตาของตัวเอง
“ความจริงฉันก็เสียดายมันนะ แต่ถ้าเทียบกับเงินร้อยล้านเหรียญ ฉันเลือกเงินดีกว่า” อังเดรพึมพำ ปิดฝากล่องกำมะหยี่ และหันมาพูดกับยอดชายอย่างอารมณ์ดี ตรงข้ามกับยอดชายนักที่รู้สึกหวั่นเกรงจนหน้าซีดแล้วซีดอีก
“กลับกันเถอะ คืนนี้ฉันจะต้องรีบนำเพชรไปให้คุณวินซ์”
ยอดชายเดินตามเจ้านายของตัวเองออกไปเงียบๆ สมองกำลังทำงานอย่างหนักทีเดียวเมื่อพยายามจะคิดหาหนทางหนีให้กับตัวเองในค่ำคืนนี้