‘ภาพสาวงามในกระจกเหมือนกับไม่ใช่ตัวหล่อน’
ยาหยีจับจ้องผู้หญิงในชุดราตรีสีชมพูอ่อนในกระจกด้วยความตื่นตะลึง แทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองเลยว่าเสื้อผ้าสวยๆ แบรนด์ดังๆ จะสามารถเปลี่ยนอีกาอย่างหล่อนให้กลายร่างมาเป็นนางหงส์ผู้เลอโฉมได้
‘มันเหลือเชื่อจริงๆ’
เสียงเคาะประตูเบาๆ และก็เปิดออกทำให้หญิงสาวหมดความสนใจกับกระจกเงาตรงหน้า หล่อนหันกลับไปมองด้านหลัง และก็ได้เห็นคอร์เนลในชุดสูทสีน้ำเงินอมดำหรูหรายืนตระหง่านอยู่ตรงหน้า ผ้าสีเข้มยิ่งบ่งบอกให้รู้ว่าผู้ชายคนนี้ลึกลับและอันตรายต่ออิสตรีเพศมากแค่ไหน
“คอร์เนล…”
เขายิ้มหวาน มองหล่อนราวกับไม่เคยเห็นมาก่อน นานหลายอึดใจทีเดียวกว่าเขาจะสามารถกลั่นคำพูดออกมาจากปากได้
“คุณสวยมาก…สวยจนผมคิดว่าคำว่าสวยมันยังไม่คู่ควรเลยด้วยซ้ำ”
ยาหยียิ้มขัดเขิน ผิวกายร้อนผ่าวเมื่อเขาเดินเข้ามารั้งร่างอรชรเข้าไปสวมกอด ปากเซ็กซี่กดแนบลงมาด้วยความหิวกระหาย ลูบไล้มือใหญ่ไปทั่วทั้งไหล่เปลือยเปล่า
“ถ้าไม่คิดว่าอาจจะไปสาย ผมจะนอนกับคุณอีก”
เขาผละออกห่าง แต่ก็ยังจ้องใบหน้าของหล่อนไม่วางตา
“ผมคิดไว้อยู่แล้วว่าชุดนี้จะต้องเหมาะกับคุณ แต่ไม่คิดว่ามันจะเหมาะจนผมไม่สามารถละสายตาได้แบบนี้”
เหมือนคอร์เนลจะห้ามใจเอาไว้ไม่อยู่ เพราะในที่สุดเขาก็ก้มลงครอบครองกลีบปากอิ่มเต็มอีกครั้ง และคราวนี้เนิ่นนานทีเดียวเพราะคนตัวโตเลือกที่จะมอบจุมพิตเดือดพล่านให้กับยาหยี
“ฉันดีใจค่ะที่คุณชอบ”
ยาหยีเอ่ยขอบคุณด้วยน้ำเสียงสั่นระริก หัวใจพองโตคับอกเมื่อค้นพบว่าคอร์เนลชื่นชมความงามของหล่อนออกมาจากใจจริง มือบางตวัดรัดรอบกายกำยำเอาไว้เมื่อเขาทำท่าจะผละออกห่าง แต่สุดท้ายเขาก็ถอยห่างออกไปจนสำเร็จ
“ห้ามอยู่ห่างผมแม้แต่นิดเดียวนะลูกหยี”
“ทำไมคะ?”
“ผมหวง กลัวใครจะมามองคุณ”
หัวใจที่พองตัวคับอกอยู่แล้วแทบจะทะลักทลายออกมา ยาหยียิ้มจนแก้มแทบปริ เขย่งปลายเท้าขึ้นจูบแก้มสากของผู้ชายหล่อระเบิดข้างกายเบาๆ อย่างขอบคุณ
“อย่าทำแบบนี้บ่อยนะทูนหัว เดี๋ยวจะถูกปล้ำเอาเสียเปล่าๆ”
มือใหญ่โอบประคองรอบเอวคอด ขณะรั้งให้ร่างอรชรเดินเคียงข้างออกไปจากห้องนอน
“คนบ้า คิดแต่เรื่องลามกอยู่เรื่อยเลย”
“แค่เห็นคุณสวมชุดนี้ สมองของผมก็วนเวียนอยู่แต่เตียงนอนอย่างเดียวแล้วล่ะ รู้ไหมว่าผมไม่เคยมีสมาธิเลยเวลาที่อยู่ใกล้คุณ”
มือใหญ่เลื่อนจากเอวคอดลงไปวางที่เนินสะโพกกลมกลึงของสาวน้อยคนงามเมื่อดันหล่อนให้เดินผ่านบรรดาสาวใช้และบอดี้การ์ดของตัวเองเข้าไปในรถสปอร์ตสีดำเงาวับคนโปรดของตัวเอง
“คืนนี้ไม่ต้องตามไปหรอกนะ ฉันดูแลตัวเองได้”
คอร์เนลหันมาสั่งคนสนิท ซึ่งเซอร์เกก็ไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากก้มหน้ารับคำสั่ง
“ครับนายน้อย”
คอร์เนลระบายยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะเดินผิวปากอ้อมไปขึ้นรถ และขับมันออกไปอย่างรวดเร็ว เชอรี่มองตามไปด้วยความยินดี
“นี่แหละน่าเขาถึงบอกว่าความรักทำให้โลกเป็นสีชมพู”
“แต่สีชมพูไม่สามารถทำให้นายน้อยความสุขที่แท้จริงได้หรอกคุณเชอรี่”
คำพูดของเซอร์เกทำให้เชอรี่หันมามองตาขุ่นคลั่ก ไม่พอใจที่ถูกขัดคอ
“แล้วใครว่าสีชมพูจะทำให้นายน้อยมีความสุขล่ะ ฉันหมายถึงความรักต่างหาก นี่ไม่เห็นหรือไงเซอร์เก นายน้อยน่ะผิวปากด้วย และตั้งแต่ฉันรับใช้ตระกูลซีร์ยานอฟมา เห็นนายน้อยมาตั้งแต่แบเบาะ วันนี้เป็นวันแรกที่นายน้อยผิวปากฮัมเพลง” เชอรี่พูดจบก็สะบัดหน้าพรืดและเดินหนีไปทันที เซอร์เกมองตามไปแล้วก็ถอนใจออกมาด้วยความกังวลใจ
“แต่อีกหน่อยนายน้อยก็จะต้องร้องไห้…ไม่รู้เลยหรือไงคุณเชอรี่”
ความไม่สบายใจอัดแน่นอยู่เต็มอก ทั้งเรื่องของเมลิน่าที่ยังติดต่อไม่ได้ แล้วยังเรื่องของคอร์เนลที่ดูท่าจะหลงใหลเด็กยาหยีลูกสาวของคนทรยศอย่างนายยอดชายจนโงหัวไม่ขึ้นอีก นี่เขาจะทำยังไงดีนะ จะแก้ปัญหาเรื่องไหนก่อนดี
‘งานเลี้ยงตรงหน้าหรูหราอลังการเหลือเกิน’
หญิงสาวคิดด้วยความหวาดหวั่นในอก ประหม่าอย่างรุนแรงเมื่อถูกนักข่าวที่ยืนรออยู่หน้างานกระหน่ำแสงแฟลชเข้าใส่หน้ามือเป็นระวิง เสียงนักข่าวจากหลายสำนักตะโกนไล่หลังมาด้วยคำถามแสนธรรมดา นั่นก็คือหล่อนใช่คู่ควงคนใหม่ของพ่อสุดหล่อคนนี้หรือเปล่า แต่คอร์เนลกลับไม่ยอมตอบ แถมยังดึงแกมลากหล่อนให้เข้ามาในงานที่ปลอดนักข่าว
“ผมไม่ชอบเป็นข่าว แต่วันนี้คงเลี่ยงไม่ได้”
“พรุ่งนี้คุณก็คงถูกขึ้นหน้าหนึ่งแน่ๆ”
แสร้งทำเป็นพูดเสียงขบขัน ทั้งๆ ที่ในใจรู้สึกประหม่าเหลือเกิน ทั้งจากนักข่าวที่ยืนอยู่นอกงาน แล้วก็จากสายตาของผู้คนในชุดหรูหราภายในงานเลี้ยง ทุกคนมองมาที่หล่อนราวกับว่าหล่อนเป็นมนุษย์ต่างดาวก็ไม่ปาน
“ฉันรู้สึกว่าตัวเองเหมือนหนูสกปรกเลย”
“ถ้าคุณคิดว่าตัวเองเป็นหนูสกปรก แล้วผมล่ะผมเป็นตัวอะไรในเมื่อผมยินดีที่จะควงแม่หนูสกปรกมางานเลี้ยงน่ะ”
น้ำเสียงของคอร์เนลเย็นชาก็จริง แต่หล่อนก็รับรู้ได้ถึงความอ่อนโยนจากสายตาสีเขียวดุจมรกตเนื้อดีที่จ้องมองมา
“ขอบคุณค่ะที่ให้กำลังใจ” หญิงสาวยิ้มหวาน
“ผมไม่ได้พูดแบบนั้นสักหน่อย”
คอร์เนลหัวเราะเบาๆ กระชับมือใหญ่ที่โอบรอบเอวคอดของหล่อนอยู่ตลอดเวลาให้แน่นขึ้น ร่างของหล่อนแนบชิดกับความกำยำของคนตัวโตจนแทบจะหลอมเป็นเนื้อเดียวกัน ผิวกายถูไถกันจนความปรารถนาของหล่อนลุกพึ่บขึ้นมาอย่างรุนแรง
‘อยากจะรู้จริงๆ เลยว่าคอร์เนลกำลังรู้สึกอยากกลับไปที่เตียงนอนอย่างรุนแรงแบบหล่อนหรือเปล่านะ?’
“คุณจะพาฉันไปที่ไหนคะ”
ถามขึ้นเมื่อเขารั้งร่างของหล่อนเคลื่อนผ่านฝูงชนในชุดหรูหราตรงไปยังเทอร์เรซที่สะท้อนวิวด้านล่างที่งดงามได้เป็นอย่างดี
“มองมอสโกในยามค่ำคืนยังไงล่ะ”
สาวน้อยยิ้มหวานฉ่ำ ปล่อยให้คอร์เนลยืนโอบประคองด้วยความเต็มอกเต็มใจ บริกรนำเครื่องดื่มมาเสิร์ฟ และเขาก็เลือกน้ำผลไม้ให้กับหล่อนแทนที่จะเป็นวอดก้าแบบที่เขาดื่ม
“น้ำส้มสำหรับผู้หญิงสวยๆ แบบคุณ”
“ขอบคุณค่ะ”
ยาหยียื่นมือสั่นเทาไปรับ ปลายนิ้วสัมผัสกันโดยบังเอิญ แต่แค่นั้นก็ทำให้สายฟ้าฟาดเปรี้ยงเข้าใส่ร่างอย่างรุนแรง หญิงสาวข่มความโหยหาเอาไว้ขณะยกแก้วสวยราคาแพงขึ้นดื่มดับความขัดเขิน
คอร์เนลหัวเราะเบาๆ กับอาการแก้มแดงหน้าแดงของสาวน้อยข้างกาย ไม่ใช่แค่หล่อนคนเดียวหรอกที่รู้สึกอยากกลับไปที่เตียงในตอนนี้ แต่เขาก็รู้สึกเช่นเดียวกัน อยากกลับไป อยากจะกลับไปฟัดเจ้าหล่อนให้หายอยาก
เขายกแก้ววอดก้าราคาแพงขึ้นจิบทีละน้อย สายตาของเขาจับจ้องที่แสงสีในยามค่ำคืนของเมืองมอสโกด้านล่าง แต่สมองดันวนกลับไปยังเตียงนอนเสียนี่
“คอร์น…นั่นพี่จริงๆ ด้วย”
เสียงเรียกแหลมปรี๊ดด้านหลังทำให้บรรยากาศโรแมนติกระหว่างเขากับยาหยีต้องยุติลงกะทันหัน คอร์เนลหันกลับไปมองเจ้าของเสียง แล้วเมื่อเห็นก็เบ้หน้าด้วยความเบื่อหน่าย
“เธอนั่นเอง มีอะไรกับฉันหรือเอริก้า”
เจ้าของชื่อรีบเดินเข้ามาเบียดจนร่างของยาหยีกระเด็นออกไป และเจ้าหล่อนก็แทรกเข้ามาแทนที่ข้างๆ กายของคอร์เนล
“ทำไมทำห่างเหินนักล่ะคะ เราเป็นญาติกันนะ”
เอริก้าปรายตามองยาหยีด้วยความเหยียดหยันดูถูกจนยาหยีหน้าร้อนผ่าวด้วยความอับอาย คอร์เนลถอนใจออกมาและผลักเอริก้าออกห่างจากตัวอย่างไม่รักษาน้ำใจ
“ไปให้พ้นๆ หน้าไป ฉันไม่ชอบให้ผู้หญิงดัดจริตมาวุ่นวายใกล้ๆ ตัว ไปซะก่อนที่ฉันจะให้คนมาลากเธอออกไปเอริก้า!”
คอร์เนลพูดจบก็ก้าวยาวๆ หายไปในฝูงชนอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้เอริก้ากับยาหยีเผชิญหน้ากันตามลำพัง
“ทำเป็นเล่นตัว…นึกว่าหล่อขั้นเทพคนเดียวหรือไง”
เอริก้าบ่นอย่างหัวเสีย ก่อนจะหันกลับมาเล่นงานยาหยีที่ยังยืนอึ้งกิมกี่ด้วยความหยาบคายตามนิสัยส่วนตัว
“อีตัวคนใหม่สิท่า ได้เงินเท่าไรล่ะต่อคืนน่ะ”
ยาหยีเม้มปากแน่น พยายามจะเดินหนี แต่ก็ถูกแม่สาวน้อยในชุดรัดรูปสั้นจู๋ดักหน้าเอาไว้ก่อน
“จะหนีไปไหนล่ะ ทำไมไม่ตอบ หรือว่าไม่ได้ค่าตัวเลยแม้แต่เก๊เดียว”
“ถ้าคุณจะหยาบคายก็ไปทำกับคนอื่น ฉันไม่ชอบ”
เมื่อความอดทนใกล้หมด ยาหยีจึงเค้นเสียงคำรามใส่หน้าเอริก้า แต่เจ้าหล่อนหาได้สะทกสะท้านไม่ ยังคงลอยหน้าลอยตาเหมือนเดิม
“ก็ตอบมาก่อนสิว่าเธอเป็นอะไรกับพี่คอร์น”
‘คอร์นเหรอ ทำไมแม่ผู้หญิงคนนี้เรียกคอร์เนลสนิทสนมแบบนี้นะ’
“เมีย…”
“เมีย?”
เอริก้าร้องลั่น แล้วก็หัวเราะออกมาเสียงลั่นทุ่งจนคนรอบๆ กายเริ่มหันมาจับจ้องด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็น
“ใครเชื่อก็โง่แล้ว คนอย่างพี่คอร์นเนี่ยนะจะแต่งงาน ไม่มีวันเป็นไปได้หรอก แล้วหากพี่คอร์นจะแต่งงานจริงๆ ฉันต่างหากที่เป็นคนที่เหมาะสม นี่เธอยังไม่รู้สินะว่าฉันน่ะถูกพ่อของพี่คอร์นหมั้นหมายเอาไว้ตั้งแต่เด็กๆ”
ยอมรับว่าตกใจมากถึงมากที่สุด แต่ยาหยีก็พยายามข่มความรู้สึกเหล่านั้นเอาไว้ ขณะบังคับปากให้เอ่ยสิ่งที่ข้องใจออกไปอีก
“แต่พวกคุณเป็นญาติกันนี่ จะแต่งกันได้ยังไง”
เอริก้าหัวเราะร่วน สะใจเหลือเกินที่แม่สาวสวยตรงหน้าเริ่มคล้อยตามในสิ่งที่หล่อนปั้นมันขึ้นมา ในเมื่อเชื่อแล้ว หล่อนก็จะทำให้เชื่อจนสุดใจทีเดียวเชียวแหละ
“คนต่ำต้อยแบบเธอคงไม่รู้สินะว่าพวกมหาเศรษฐีน่ะเขาก็มีวิธีจับคู่ลูกหลานของตัวเองแบบนี้แหละ ก็ดังสุภาษิตที่ว่า เรือล่มในหนองทองจะไปไหน ยังไงล่ะ”
เอริก้าจับจ้องสีหน้าที่เก็บความรู้สึกของยาหยีไม่ได้ด้วยความพึงพอใจ ก่อนจะเติมเชื้อไฟลงไปอีก
“พี่คอร์นเขาแค่โกรธที่ฉันไปมีผู้ชายคนอื่นก็เลยทำห่างเหินกับฉัน และหากเดาไม่ผิดละก็ ที่พี่คอร์นพาผู้หญิงต่ำๆ อย่างเธอมางานเลี้ยงหรูหราแบบนี้ก็คงเพราะต้องการยั่วให้ฉันหึงหวงเท่านั้นเอง และพี่คอร์นก็ทำสำเร็จนะ ฉันหึงจนแทบคลั่งทีเดียวแหละ”
เอริก้ายิ้มกว้างขณะที่ยาหยีกำลังร้องไห้น้ำตาท่วมอก
“อืม…นี่คงต้องตามไปง้อปลอบใจสักหน่อย ถ้าเธอกลับเองได้ก็กลับไปเลยนะ เพราะไม่แน่คืนนี้พี่คอร์นอาจจะถูกฉันปลอบใจทั้งคืน…โต้รุ่งนะ” คนเติมเชื้อไฟเดินหัวเราะร่วนจากไปแล้ว แต่ยาหยีก็ยังยืนอึ้งอยู่ที่เดิม
เจ็บ เจ็บจนพูดอะไรไม่ออก น้ำตาที่จวนเจียนจะไหลออกมาทำให้หญิงสาวต้องพาตัวเองออกไปหาที่เงียบๆ อยู่ตามลำพังสักพักหนึ่ง แล้วร้องไห้ให้สมใจ
หล่อนเป็นได้แค่นี้เองเหรอ เครื่องมือที่คอร์เนลใช้เพื่อทำให้คู่หมั้นคนสวยหึงหวง ทำไมเขาใจร้ายแบบนี้นะ ทำไมถึงทำกับหล่อนแบบนี้ มือบางกำลังจะยกขึ้นป้ายน้ำตาทิ้ง แต่ก็มีผ้าเช็ดหน้าสีเข้มยื่นมาให้เสียก่อน
“ผมให้ยืมครับ”
MANGA DISCUSSION