เมียเก็บมาเฟีย ชุด เทพบุตรมาเฟีย - ตอนที่ 64
ห้องรับแขกดูคับแคบลงไปถนัดตาเมื่อบุรุษสายเลือดซีร์ยานอฟทั้งสองมาเผชิญหน้ากัน คอร์เนลแสดงความเคารพต่อผู้อาวุโสกว่าตามมารยาท ก่อนจะทรุดกายที่ใหญ่โตกว่าแขกเบื้องหน้ามากลงบนโซฟาหนังแท้เนื้อนุ่ม ใบหน้าหล่อเหลาระบายยิ้มแต้มริมฝีปากน้อย เมื่อเอ่ยทักทายอังเดร ซีร์ยานอฟ น้องชายของบิดาตัวเอง
“ต้องมีเรื่องสำคัญอย่างแน่นอนใช่ไหมครับ คุณอาถึงมาหาผมถึงที่แบบนี้”
“ได้ข่าวว่าได้เมียกลับมาด้วย อาก็เลยอยากเห็นหน้าเท่านั้นเอง”
อังเดรระบายยิ้มบางๆ ทุกความรู้สึกถูกซ่อนเร้นอยู่ในดวงตาสีเขียวจัดเฉกเช่นเดียวกับคอร์เนลจนมิดชิด
“ลูกสาวมหาเศรษฐีคนไหน ราชนิกุลประเทศอะไร หรือว่าเป็นแค่เด็กข้างถนน”
คอร์เนลรู้ดีว่าอังเดรกำลังเหยียดหยามตนเองอยู่ และเขาก็ไม่ใช่คนที่จะอดทนต่อคำพูดหยามหยันของใครต่อใครได้เช่นกัน
“มันไม่เกี่ยวกับคุณอา!”
เสียงคำรามที่ถูกเค้นออกมาจากลำคอของคู่สนทนาสายเลือดเดียวกันทำให้อังเดรลอบยิ้ม มองก็รู้ว่าเจ้าหลานชายคนนี้มันกำลังติดบ่วงอะไรอยู่
‘บ่วงรัก…และดูท่าทางจะติดแหง็กจนขึ้นยากซะด้วย’
“หลานสะใภ้ไม่เกี่ยวได้ยังไง ไหนล่ะเธออยู่ที่ไหน”
“ผมบอกแล้วไงว่าคุณอาไม่เกี่ยว อย่ามาวุ่นวายจนผมทนไม่ได้ดีกว่า”
ชายหนุ่มเค้นเสียงใส่หน้าอังเดรด้วยความหงุดหงิด รู้สึกไม่ต่างจากกำลังถูกส่งตัวเข้าเครื่องประหารยังไงยังงั้น
อังเดรแสยะยิ้ม จ้องมองหลานชายด้วยสายตาเป็นต่ออยู่หลายขุม ปกติเขาไม่เคยจะชนะหรือมีอิทธิพลใดๆ ต่อเจ้าหลานชายหัวแข็งคนนี้เลย แต่ครั้งนี้…แค่คำพูดไม่กี่คำของเขาที่เกี่ยวกับแม่เด็กคนนั้นสามารถทำให้คอร์เนลงุ่นง่านและทำอะไรไม่ถูก
“อย่าเสียมารยาทกับญาติผู้ใหญ่เพียงคนเดียวของแกแบบนี้สิคอร์เนล”
ยิ่งอังเดรหัวเราะดังเท่าไร คอร์เนลก็ยิ่งเดือดดาล เกรี้ยวกราดมากขึ้นเท่านั้น ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาจะทนฟังไม่ได้เพียงแค่ยาหยีถูกอังเดรสบประมาทเท่านั้นเอง
‘นี่เขาเป็นอะไรไปนะ ทำไมจะต้องหงุดหงิดไม่พอใจด้วย อังเดรจะว่า จะกล่าวยาหยี มันก็ไม่ใช่เรื่องของเขาสักหน่อย ในเมื่อเจ้าหล่อนก็แค่อีตัวที่เขายังไม่เบื่อเท่านั้นเอง…แล้วทำไมต้องโกรธด้วยนะ โกรธจนตัวสั่นเลยให้ตายสิ!’
คอร์เนลร้องถามตัวเองลั่นอยู่ภายในอก แต่ถึงจะร้องถามดังมากแค่ไหน คำตอบก็ไม่มีสำหรับเขาอยู่ดี
“หากคุณอาเลิกค้ายา เลิกค้าของเถื่อน เลิกค้าประเวณี และเลิกทำทุกอย่างที่ผิดกฎหมายเมื่อไร เมื่อนั้นแหละครับผมถึงจะยอมรับว่ามีญาติผู้ใหญ่ที่ชื่ออังเดร ซีร์ยานอฟอยู่อีกคนหนึ่ง” คอร์เนลลุกขึ้นยืนเมื่อขว้างคำพูดเลือดเย็นใส่หน้าอังเดรสำเร็จ
“ถ้าธุระของคุณอามีเพียงแค่มาดูตัวเมียของผมเท่านั้นละก็ กลับไปได้แล้วล่ะครับ เพราะผมยังไม่คิดจะแต่งงานในตอนนี้แน่”
อังเดรกัดฟันกรอดขณะลุกขึ้นยืนประจันหน้ากับหลานชายรูปหล่อปานเทพบุตร
“แล้วแม่เด็กสาวที่แกนอนกกนอนกอดอยู่ล่ะ เป็นอะไร?”
“ผมไม่จำเป็นต้องบรรยายให้ใครฟังเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัว”
คอร์เนลตัดบท เดินไปเกาะที่ริมหน้าต่าง หงุดหงิดฟุ้งซ่านอย่างรุนแรง ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาจะรู้สึกแย่ได้ถึงขนาดนี้เพียงแค่ได้ยินคุณอาของตัวเองพูดถึงยาหยีในลักษณะไม่ดีเท่านั้น
‘นี่เขาเป็นอะไรไปนะ ทำไมถึงต้องรู้สึกเจ็บแค้นแทนแม่ยาหยีคนนั้นด้วย เขาควรจะไม่รู้สึกอะไรสิ แต่นี่กลับร้อนเป็นไฟ อยากจะต่อยหน้าอาของตัวเองซะอย่างงั้น’
“ผมขอตัวนะครับ มีอย่างอื่นที่สำคัญกว่าการที่จะต้องมานั่งตอบปัญหาโลกแตกแบบนี้”
ว่าแล้วคอร์เนลก็ก้าวยาวๆ ออกจากห้องรับแขกไปด้วยใบหน้าบูดบึ้ง อังเดรรีบก้าวตามหลังไปติดๆ
“เดี๋ยวก่อนสิ ทำไมต้องโกรธอาด้วยล่ะถ้าหากไม่ได้คิดอะไรกับผู้หญิงคนนั้นจริงๆ”
ทั้งสองคนเดินมาหยุดที่ทางเดินผ่านช่องบันไดพอดี ซึ่งจังหวะนั้นเองยาหยีกำลังเดินลงมา อังเดรมองเห็นและเดาได้ว่ายาหยีเป็นใคร ในขณะที่คอร์เนลยืนหันหลังให้อยู่จึงไม่รู้ว่ามีบุคคลที่สามร่วมฟังการโต้ตอบของตัวเองกับอังเดรด้วย
“ผมไม่ได้โกรธ แต่ผมรำคาญ…ไปซะเถอะครับ อย่าให้ผมต้องไล่ซ้ำ!”
แม้จะเจ็บแค้นเจ้าหลานชายนอกคอกมากแค่ไหน แต่อังเดรก็ยังยืนหยัดระบายยิ้มไม่เลิก เพราะเขามั่นใจว่ากำลังจะทำให้คอร์เนลพบกับหายนะลูกหย่อมๆ ทีเดียวแหละ
อังเดรปรายตามองยาหยีที่ยืนนิ่งอยู่ที่บันไดชั้นล่างสุดเล็กน้อย ก่อนจะพูดยั่วโทสะหลานชายของตัวเองออกไปอีก
“งั้นก็บอกมาก่อนสิว่าผู้หญิงคนนั้นมาอยู่ที่นี่ในฐานะอะไร”
“ผมบอกให้ออกไปไง!”
“ถ้าแกไม่บอก อาก็จะถามอยู่อย่างนี้แหละ หรือว่าต้องการให้อาไปถามเด็กคนนั้นเอาเอง”
คอร์เนลกัดฟันแน่น หายใจฟืดฟาดด้วยความหงุดหงิดเดือดดาลเต็มพิกัด ขณะที่อังเดรแสยะยิ้มอย่างผู้กำชัยชนะเอาไว้ในมือ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผู้ชายฉลาดเฉียบแหลมและเพอร์เฟ็กต์ไปซะทุกเรื่องอย่างคอร์เนล ซีร์ยานอฟ จะมีจุดอ่อนกับเขาได้เหมือนกัน
“ถ้าคำตอบของผมมันจะทำให้คุณอาหายไปจากสายตาของผมได้โดยเร็วละก็ โอเค…ผมจะตอบ”
มือใหญ่สีแทนทั้งสองข้างยื่นไปข้างหน้า ก่อนที่คำพูดร้ายกาจต่อหัวใจของยาหยีจะกระเด็นออกมา
“นางบำเรอ…”
“แน่ใจหรือที่พูดน่ะ”
อังเดรหรี่ตามองหลานชายอย่างจับผิด ใบหน้าอวบอูมแทบจะซ่อนรอยยิ้มสะใจเอาไว้ไม่มิด
คอร์เนลไหวไหล่กว้างทรงพละกำลังของตัวเองน้อยๆ ก่อนจะย้ำชัดๆ ออกมาอีกครั้ง และมันก็ทำให้ยาหยีที่ยืนนิ่งอยู่ข้างหลังถึงกับเซทรุดแทบหมดแรง
“เธอเป็นนางบำเรอของผม…พอใจหรือยังครับคุณอา!”
จบคำพูดที่เต็มไปด้วยความหงุดหงิดนั้น คอร์เนลก็ก้าวยาวๆ เดินออกนอกตึกไปในพริบตา โดยไม่มีโอกาสจะได้เห็นร่างอรชรที่สั่นเทิ้มเพราะแรงสะอื้นของยาหยีแม้แต่นิดเดียว
อังเดรแสยะยิ้มสะใจ มองเจ้าหลานชายตัวร้ายขับรถหายไปจนลับตาแล้ว จึงหันมามองยาหยีเขม็ง เขาขยับตัวเข้าไปใกล้หญิงสาวก่อนจะเอ่ยออกไป
“ได้ยินชัดเต็มสองหูแล้วสินะ”
“ขอตัวนะคะ”
ยาหยีรีบกล้ำกลืนก้อนสะอื้นลงไปในอก ก้มหน้าตั้งใจจะเดินเลี่ยงออกไป แต่ก็ถูกชายวัยกลางคนตรงหน้าก้าวเท้าเข้ามาขวางทางเอาไว้ซะก่อน จากนั้นคู่สนทนาก็พ่นคำพูดเลือดเย็นใส่หน้าหล่อนอย่างอำมหิต
“อย่าคิดนะว่าฉันไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร”
อังเดรจ้องมองยาหยีนิ่ง เห็นประโยชน์จากเด็กสาวตรงหน้าอย่างมหาศาลทีเดียว
“ยาหยี โรจน์มหามงคล…”
“คุณรู้จักชื่อฉันได้ยังไงกันคะ? หรือว่า…” สาวน้อยเบิกตากว้าง มองผู้ชายตรงหน้าด้วยความเคลือบแคลงใจ
อังเดรส่ายหน้าน้อยๆ ก่อนจะเฉลยให้อีกฝ่ายได้รับรู้
“เจ้าหลานนอกคอกมันไม่ได้บอกฉันหรอก แต่ฉันรู้จักเธอผ่านพ่อของเธอต่างหากล่ะ”
คำว่าพ่อของเธอทำให้ยาหยีถึงกับหน้าซีดเผือด
“พ่อ? คุณรู้จักพ่อของฉันด้วยหรือคะ แล้วตอนนี้พ่ออยู่ที่ไหน?”
คำถามร้อนรนกระวนกระวายของคู่สนทนาต่างวัยทำให้อังเดรแค่นยิ้มออกมา
“ตอนนี้พ่อของเธอสบายดี อยู่อย่างราชาเชียวแหละ”
คำตอบของอังเดรทำให้ยาหยีเป่าปากออกมาด้วยความโล่งอกโล่งใจ กำลังจะเอ่ยขอบคุณในความเมตตาของบุรุษตรงหน้า แต่แล้วก็ต้องชะงักค้าง หน้าซีดแล้วซีดอีก
“แต่มันจะต้องกลายเป็นผีไร้ญาติทันที หากเธอปฏิเสธที่จะร่วมมือกับฉัน แม่สาวน้อย”
ความเลือดเย็นที่พุ่งออกมาจากดวงตาและคำพูดของอังเดรทำให้ยาหยีต้องถอยหลังหนีขึ้นบันไดไปอีกขั้น ความหวาดกลัวถล่มยับอยู่ในอก
“อย่าทำอะไรพ่อของฉันนะคะ”
“ฉันไม่ทำอะไรพ่อของเธอหรอกน่า หากเธอร่วมมือกับฉันทำลายไอ้คอร์เนล…ทำลายมันให้สิ้นซาก!”
ทุกความแค้นเคืองแทบจะทะลุออกมาจากดวงตาสีเขียวหม่นของผู้ชายตรงหน้า ยาหยีตัวสั่น ปากสั่นระริก คิดไม่ถึงเลยว่าญาติพี่น้องกันจะจ้องทำลายล้างกันแบบนี้
‘แล้วหล่อนสามารถทำร้ายคอร์เนลได้อย่างนั้นหรือ?’
คำตอบก็คือไม่ ไม่ได้ หล่อนทำไม่ได้ หล่อนรักเกินกว่าจะทนเห็นเขาทุกข์ทรมานได้ ไม่…หล่อนไม่ทำ ไม่มีทางทำเด็ดขาด
“ไม่ค่ะ ฉันไม่ทำ!”
“มันเห็นเธอเป็นแค่ของเล่นแบบนี้ยังจะจงรักภักดีกับมันอีกหรือ โง่มากไปหรือเปล่ายาหยี”
สาวน้อยปล่อยน้ำตาให้ไหลพรากลงมาอาบแก้ม ใช่…หล่อนเจ็บปวดกับความไร้หัวใจของคอร์เนล แต่หล่อนไม่ได้อยากต้องการให้เขาพินาศ หล่อนทำแบบนั้นไม่ได้
“ต่อให้เขามองฉันเป็นอีตัว ฉันก็ทำร้ายเขาไม่ได้”
อังเดรยิ้มร้ายกาจ ขณะก้าวขึ้นบันไดตามประกบยาหยี
“ฉันไม่ได้ให้เธอยิงมันด้วยปืน หรือแทงมันด้วยมีดสักหน่อย ก็แค่ร่วมมือทำในสิ่งที่ฉันต้องการเท่านั้นเอง เอาน่า…ไม่ยากหรอก”
“ไม่ค่ะ ฉันไม่ทำ ต่อให้คุณฆ่าฉันตรงนี้ฉันก็ไม่!”
“เกิดอะไรขึ้นหรือคะคุณยาหยี แล้วนั่น…”
เสียงร้องอุทานของเชอรี่ที่ดังขึ้นเหมือนระฆังช่วยชีวิตยาหยีเอาไว้ หญิงสาวรีบเบี่ยงตัววิ่งลงไปหาหญิงร่างท้วมที่พึ่งเดินเข้ามาอย่างขวัญเสีย แถมยังกอดแขนแน่นอีกต่างหาก
“ไม่มีอะไรหรอก ฉันก็แค่ทำความรู้จักกับผู้หญิงของหลานชายเท่านั้นเอง”
“จริงหรือคะคุณยาหยี” เชอรี่ไม่เชื่อคำพูดของอังเดร จึงก้มหน้าลงมาหายาหยีที่ยืนตัวสั่นอยู่ข้างกาย
“ค่ะ ไม่มีอะไร…”
อังเดรหัวเราะร่วน ขณะเดินมาหยุดตรงหน้าเชอรี่และยาหยี
“ฉันไปก่อนนะแม่หนู แล้วคืนนี้หวังว่าจะได้พบเธอในงานเลี้ยงนะ”
ผู้ชายร้ายกาจคนนั้นไปแล้ว แต่หญิงสาวก็ยังตัวสั่นไม่เลิก
“ผู้ชายคนนั้นเป็นญาติของคอร์เนลจริงๆ หรือคะ”
“ใช่ค่ะ แต่ว่าทำไมถึงถามแบบนี้ล่ะคะคุณยาหยี” เชอรี่ถามกลับด้วยความสงสัย
“ป้าชักสงสัยแล้วสิว่า คุณอังเดรพูดอะไรกับคุณ”
ยาหยีก้มหน้านิ่ง กัดปากแน่นจนฟันแทบจะขบเข้าไปในเนื้อ สมองใคร่ครวญถึงคำพูดของผู้ชายคนเมื่อครู่นี้ครั้งแล้วครั้งเล่า
“ฉันไม่ทำอะไรพ่อของเธอหรอกน่า หากเธอร่วมมือกับฉันทำลายไอ้คอร์เนล…ทำลายมันให้สิ้นซาก!”
‘หากหล่อนนำคำพูดแบบนี้ไปบอกคอร์เนล เขาจะเชื่อหล่อนไหมนะ’
ร้องถามตัวเองด้วยความสับสน และคำตอบที่ได้ก็ทำให้หล่อนต้องเก็บทุกอย่างเงียบเอาไว้ในอก
ในสายตาของเขา หล่อนมันก็แค่อีตัว ดังนั้นคำพูดของหล่อนคงไม่มีความหมายอะไรหรอก และอีกอย่างบางทีผู้ชายคนนั้นอาจจะล้อเล่นก็ได้…
ล้อเล่นเหรอ แต่ทำไมสายตาของเขาไม่ได้มีร่องรอยของคำว่าล้อเล่นอยู่เลยนะ
“ไม่มีอะไรจริงๆ ค่ะ ไม่มีอะไร”
เชอรี่พยักหน้าช้าๆ
“ไม่มีก็ดีแล้วล่ะค่ะ นี่ป้ากำลังจะขึ้นไปตามคุณบนห้องนอนของนายน้อยอยู่พอดี”
“ตามฉันหรือคะ ตามทำไม?”
เอ่ยถามขณะเดินออกมาสูดอากาศโปร่งสบายนอกตึกใหญ่ ทิวไม้เขียวขจีถูกตัดแต่งอย่างประณีตงดงาม แต่ถึงมันจะสวยสดแค่ไหน มันก็ไม่สามารถเยียวยาความเจ็บช้ำในหัวใจที่เกิดจากคำพูดเลือดเย็นของคอร์เนลให้จางหายได้เลยแม้แต่นิดเดียว
“เธอเป็นนางบำเรอของผม…”
ทั้งๆ ที่เตรียมใจไว้อยู่แล้วว่าตัวเองอยู่ในฐานะใด แต่พอได้ยินจากปากของคอร์เนลเต็มๆ หูแบบนั้น มันก็มีผลทำให้หัวใจของหล่อนแหลกสลายไม่เหลือชิ้นดี
“นายน้อยพึ่งโทรมาบอกว่าให้ป้าพาคุณไปขัดตัวค่ะ คืนนี้นายน้อยจะพาคุณไปงานเลี้ยงด้วย”
“ฉันไม่ไป!”
ยาหยีหยุดเดิน ความขมขื่นอัดแน่นเต็มน้ำเสียง
“อย่าทิ้งโอกาสทองแบบนี้เชียวนะคะคุณยาหยี รู้ไหมว่านายน้อยน่ะไม่เคยควงผู้หญิงออกงานมาก่อนเลยตั้งแต่รุ่นหนุ่มจนถึงบัดนี้ คุณเป็นคนแรกรู้ไหมคะ”
น้ำเสียงของหญิงร่างท้วมข้างกายแสดงความตื่นเต้นนักหนา ซึ่งมันตรงข้ามกับความรู้สึกของหล่อนในขณะนี้นัก เจ็บปวด ร้าวราน และน้อยใจผู้ชายคนนั้นเป็นที่สุด
“นางบำเรอแบบฉันนี่นะ?” แค่นยิ้มขมขื่น น้ำตาที่พยายามซ่อนเอาไว้ค่อยๆ ทะลักออกมา
“ใครบอกล่ะคะว่าคุณเป็นแค่นางบำเรอ ถ้าเป็นแค่นั้นจริงๆ นายน้อยคงไม่ไล่แม่นางแบบหุ่นเอ็กซ์คนนั้นไปแล้วหันกลับมา…เอ่อ…สวีตกับคุณแทนหรอกค่ะ”
ใบหน้าหมองเศร้าถูกแทนที่ด้วยสีแดงระเรื่อทันทีเมื่อได้ยินคำพูดตรงไปตรงมาของคู่สนทนา ความขัดเขินทำให้หญิงสาวต้องรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาอย่างรวดเร็ว
“ยังไงฉันก็ไม่ไปเด็ดขาด”
พูดจบยาหยีก็สะบัดแขนและวิ่งหนีกลับไปยังเรือนซ้ายซึ่งเป็นห้องพักของตัวเองอย่างรวดเร็ว เชอรี่พยายามร้องเรียกแต่ก็ไม่เป็นผลเพราะหญิงสาวไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง
“เฮ้ย! ทำไมถึงเป็นแบบนี้นะเนี่ย”
แม่บ้านร่างท้วมเป่าปากออกมาด้วยความอ่อนอกอ่อนใจ ก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไปในบ้านและต่อสายหาคอร์เนลทันที
“นายน้อยคะ คุณยาหยีเธอไม่ยอมไปขัดตัวค่ะ ดิฉันไม่รู้จะทำยังไงแล้ว”
คอร์เนลที่กำลังชื่นชมชุดราตรีสวยสดที่ตัวเองอุตส่าห์ให้เลขาฯ หน้าห้องเลือกมาให้สำหรับยาหยีถึงกับคอแข็งขึ้นมาในทันที เขาจับชุดราตรีราคาแพงระยับลงถุงกระดาษ ก่อนจะเค้นเสียงกรอกไปตามสายโทรศัพท์
“ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้นแหละเชอรี่ ในเมื่อยาหยีไม่ต้องการให้สาวใช้ขัดตัวให้ ฉันนี่แหละจะกลับไปขัดตัวให้เอง ดูสิว่าจะพยศต่อยังไง” ชายหนุ่มกระแทกกระบอกโทรศัพท์ลงกับแป้นแรงๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืนและเดินอ้อมโต๊ะทำงานออกมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยโทสะร้าย
เขาล่ะอุตส่าห์หนีออกมาทำงาน แต่เจ้าหล่อนก็ทำให้เขาต้องรีบแจ้นกลับไปหาอีกแล้ว นี่มันเรื่องโลกแตกอะไรกันนะ ทำไมเขาถึงต้องใส่ใจแม่ผู้หญิงชั้นต่ำคนนี้ด้วย แถมยังคิดจะควงหล่อนออกงานในคืนนี้เสียอีก นี่นายกำลังคิดบ้าอะไรอยู่น่ะคอร์เนล?