เมียเก็บมาเฟีย ชุด เทพบุตรมาเฟีย - ตอนที่ 62
ภาพตรงหน้ามีผลทำให้กายสาวอ่อนเปลี้ยลงกะทันหัน ฝ่ามือที่ประคองถาดสเตนเลสที่บรรจุแก้วน้ำผลไม้เอาไว้สั่นระริกรุนแรง หญิงสาวพยายามสูดลมหายใจเข้าไปในปอดแรงๆ หลายต่อหลายครั้งติดกันแต่ก็ยังไม่สามารถบังคับตัวเองได้ และในที่สุดทุกสิ่งทุกอย่างในมือก็ร่วงกราวลงสู่พื้นห้องจนเกิดเสียงดังสนั่น และมันก็ทำให้หนุ่มสาวสองคนที่กำลังแลกลิ้นกันอยู่อย่างเมามันราวกับอดอยากปากแห้งมานานยุติบทรักเร่าร้อน แล้วหันมาจ้องหน้าหล่อนด้วยสายตาแตกต่างกัน
ผู้หญิงสวยเปรี้ยวเข็ดฟันที่กำลังนั่งอยู่บนตักแกร่งของคอร์เนลจ้องมองมาด้วยความไม่พอใจ ความเกรี้ยวกราดชิงชังฉายชัดอยู่ในดวงตาสีบรอนซ์เงินคู่นั้นอย่างมหาศาล แต่มันกลับไม่มีผลต่อร่างกายและหัวใจของหล่อนเท่ากับความห่างเหินเย็นชาจากสายตาสีเขียวดุจมรกตเนื้อดีที่เจ้าของขว้างมันเข้าใส่หน้าหล่อนอย่างไม่ปรานีเลยแม้แต่นิดเดียว
คอร์เนลกำลังจูบ หรือบางทีหากหล่อนไม่เข้ามาขัดจังหวะ เขาก็คงจะรูดซิปลงแล้วก็จัดการครอบครองแม่สาวสวยตาสีบรอนซ์บนโซฟาในห้องส่วนตัวเสียแล้วล่ะมั้ง ยาหยีกัดปากแน่น กัดฟันข่มความเจ็บปวด ก้มลงควานเก็บเศษแก้วที่แตกกระจายด้วยสติสตังที่เหลือน้อยนิด
“คนใช้ของคุณซุ่มซ่ามจังนะคะคอร์เนล”
แม่สาวคนนั้นจีบปากจีบคอกับผู้ชายที่เคยเป็นของหล่อน หญิงสาวน้ำตาซึม ความหึงหวงทำให้หัวใจเจ็บปวดจนเกินจะเยียวยาได้อีก
‘คอร์เนลทำเกินไปแล้ว ทำเกินไปแล้วจริงๆ’
ชายหนุ่มไม่ได้ตอบ แต่เลือกที่จะผลักร่างของแม่นางแบบสาวเมืองผู้ดีลงจากตัก และลุกขึ้นยืนตระหง่าน ทุกลมหายใจของเขาจับจ้องไปที่การเคลื่อนไหวของยาหยีตลอดเวลา ทั้งๆ ที่คิดว่าจะสามารถตัดใจ ตัดความโหยหาจากแม่สาวน้อยที่กำลังก้มหน้าก้มตาเก็บเศษแก้วอยู่ตรงหน้าได้ หากเขามีผู้หญิงสวยหยาดฟ้าคนอื่นอยู่ข้างกาย แต่…พยายามมาหลายต่อหลายชั่วโมง เขาก็ทำได้แค่จูบแม่นั่น ทำได้แค่จูบเท่านั้นจริงๆ ให้ตายเถอะ
ลมหายใจหนักหน่วงถูกพ่นออกมาจากปากของคอร์เนลเมื่อนึกถึงสาเหตุที่เขาลากแม่นางแบบหุ่นสะบึมค่าตัวแพงลิบลิ่วคนนี้มาที่บ้าน ทั้งๆ ที่ปกติไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนได้เข้ามาเหยียบที่นี่ด้วยความต้องการของเขามาก่อนเลยแม้แต่คนเดียว แต่เพื่อยั่วยวนยาหยี เขายอมทำทุกอย่างแม้มันจะผิดกฎเกณฑ์ที่ตัวเองตั้งไว้ และมันก็ได้ผลไม่ใช่หรือ ยาหยีตกใจจนหน้าซีดเมื่อเห็นเขาจูบกับผู้หญิงคนอื่น ดวงตากลมโตสีดำขลับหวานซึ้งเบิกกว้าง กลีบปากสาวที่เขาเคยลิ้มลองมานับครั้งไม่ถ้วนแต่ก็หาเบื่อไม่เผยอค้างราวกับกำลังเห็นปีศาจจากขุมนรกยังไงยังงั้น
“ไม่ยักจะรู้นะคะว่าคุณมีสาวใช้เป็นคนเอเชียด้วย”
ยาหยีกัดปากแน่นเมื่อแม่ผู้หญิงที่เคยนั่งอยู่บนตักของคอร์เนลเดินมาหยุดตรงหน้า ท่าทางของแม่นี่หาความเป็นมิตรได้ยากเหลือเกิน
“มันเรื่องส่วนตัวของผม”
พูดจบคอร์เนลก็ก้าวยาวๆ เดินผ่านประตูกระจกออกไปยืนรับลมที่ระเบียงไม้ ปล่อยให้สองสาวเผชิญหน้ากันตามลำพัง
“คงไม่ใช่นางบำเรอที่ถูกโละทิ้งใช่ไหมหล่อนน่ะ”
เมื่อถูกหาเรื่องซึ่งๆ หน้า ยาหยีจึงข่มความเจ็บช้ำเอาไว้ภายในอก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นประสานสายตากับแม่สาวหุ่นสะบึมเขม็ง
“ฉันเป็นแค่คนใช้ค่ะ ดังนั้นเลิกหาเรื่องฉันดีกว่า”
“เอ๊ะ! แกนี่ ฉันพูดด้วยดีๆ ทำไมจะต้องมาขึ้นเสียงใส่ฉันด้วย เดี๋ยวจะตบให้คว่ำเลยคอยดู” แม่นางแบบสาวยกมือเงื้อจะฟาดใส่หน้าของยาหยีแต่ต้องค้างอยู่ในอากาศเพราะถูกมือใหญ่ของคอร์เนลที่เดินเข้ามาตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้กระชากเอาไว้ซะก่อน
“จะทำอะไรน่ะเรนนี่”
เจ้าของชื่อหันไปมองคนตัวโตด้านหลังที่พันธนาการมือของตัวเองเอาไว้
“ก็จะตบมันน่ะสิคะ ปากดีนัก”
“ห้ามยุ่งกับคนของผม”
คอร์เนลผลักร่างของเรนนี่จนกระเด็นไปชนกับผนังห้อง จากนั้นก็รีบก้มลงรวบมือบางของยาหยีเอาไว้ด้วยความห่วงใยเมื่อเห็นว่าหญิงสาวถูกเศษแก้วบาดมือจนเลือดออก
“ไม่เคยทำก็ควรจะบอกผมก่อน”
ยาหยีพยายามจะบิดมือออกแต่คอร์เนลไม่ยอมปล่อย
“อย่ามาสนใจสาวใช้อย่างฉันเลยค่ะ ผู้หญิงของคุณกำลังมองฉันตาเขียวปั้ดอยู่น่ะ” ตอนนี้ทั้งความน้อยใจ ทั้งความหึงหวงถล่มยับอยู่ในหัวอก อยากจะตะกุยใบหน้าหล่อเหลาของคอร์เนลให้หายแค้นนัก นี่เขาไม่รู้เลยหรือไงว่าหล่อนเจ็บแค่ไหนที่เห็นเขาจูบกับผู้หญิงคนอื่น
“หึงหรือไง”
“ฉันไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะหึงหวงนายน้อยได้หรอกค่ะ”
พยายามดึงมือของตัวเองออกแต่ก็ไม่สำเร็จเพราะคนตัวโตไม่ยอมปล่อย แถมยังก้มลงดูดเลือดจากปลายนิ้วของหล่อนด้วยอุ้งปากของตัวเองอีกต่างหาก ยาหยีเบิกตากว้างด้วยความตกใจ แต่มันก็ไม่เท่ากับเรนนี่ที่ยืนดูอยู่ใกล้ๆ แม้แต่น้อย
“คอร์เนลคะ นั่นคุณทำอะไรน่ะ ทำไมต้องทำแบบนั้นด้วย มันเป็นแค่คนใช้นะคะ”
เสียงแหลมปรี๊ดของนางแบบสาวทำให้คอร์เนลหันมามอง
“กลับไปได้แล้วเรนนี่”
“อะ…อะไรนะคะ นี่หมายความว่ายังไง”
นางแบบสาวถึงกับอ้าปากค้าง มองกิริยาอ่อนโยนของคอร์เนลที่แสดงต่อสาวใช้หน้าจืดด้วยความแปลกใจสุดขีด
“ผมบอกว่าให้คุณกลับไปยังไงล่ะ”
“ไหนว่าเราจะสนุกกันไงคะ แล้วทำไมคุณถึงไล่เรนนี่แบบนี้”
คอร์เนลลุกขึ้นยืนพร้อมๆ กับดึงร่างอรชรของยาหยีให้ลุกขึ้นตามมาด้วย
“กลับไปซะ”
“แต่ว่า…คอร์เนลคะ”
“อย่าให้ผมต้องให้เจ้ายักษ์หน้ารั้วมาลากคุณออกไปเลย ไปซะเรนนี่ เช็คของคุณอยู่ที่เซอร์เก”
เรนนี่ยืนกัดปากกำมือด้วยความเจ็บใจ ก่อนจะสะบัดหน้าและกระแทกเท้าออกไปจากห้องส่วนตัวของคอร์เนลทันทีเมื่อเจ้าของห้องไม่มีทีท่าว่าจะให้ความสนใจตัวเองอีก
“ตามเธอไปสิคะ ดูท่าทางโกรธน่าดูเลย” ยาหยีกัดฟันพูดประชดออกไป ขณะพยายามสะบัดตัวออกจากอ้อมแขนของคนตัวโตสุดฤทธิ์
“ผมไม่ชอบง้อใคร หรือจะง้อก็แค่คนสำคัญเท่านั้นแหละ”
หัวใจสาวเต้นระรัวอย่างรุนแรงทันทีเมื่อพ่อคนตัวโตเล่นกระซิบลงมาข้างหู ง้อเฉพาะคนสำคัญอย่างนั้นหรือ แล้วกับหล่อนนี่ คอร์เนลเรียกว่าง้อหรือเปล่านะ
“ปล่อยค่ะ”
“ไม่ปล่อยหรอก คุณต้องไปทำแผลก่อน มานี่ ห้องนอนผมมีกล่องปฐมพยาบาล”
เขารั้งร่างอรชรให้เดินตาม แต่เจ้าหล่อนก็ขืนตัวเอาไว้ซะอย่างนั้น คอร์เนลจึงหันกลับมามองด้วยสายตาเบื่อหน่าย
“ก็รู้ทั้งรู้นะว่าขัดคำสั่งผมไม่ได้ก็ยังจะทำอีก”
“ก็ไม่จำเป็นต้องไปห้องนอนคุณนี่คะ ฉันทำแผลเองได้”
พูดแล้วก็หน้าแดงก่ำเมื่อสมองจินตนาการภาพเร่าร้อนของหล่อนกับคอร์เนลขึ้นมาอย่างไม่สามารถห้ามปรามได้ และมันก็มีผลทำให้ร่างกายของหล่อนบีบเกร็งอย่างรุนแรง
‘โอ้…พระเจ้า ทำไมนะ ทำไมแค่สบตา แค่อยู่ใกล้ๆ ทำไมร่างกาย สมอง และหัวใจถึงได้อ่อนด้อยประสิทธิภาพลงอย่างน่าตกใจแบบนี้’
“ไม่ต้องเกรงใจหรอกน่า เพราะผมคิดค่าแรงคุ้มค่าแน่”
“ว้าย! ปล่อยฉันลงไปนะ คอร์เนล ปล่อยสิ…” ร้องลั่นเมื่อถูกคนตัวโตจับพาดบ่า ความสูงจากพื้นเกือบเจ็ดฟุตทำให้ยาหยีอดหวั่นกลัวไม่ได้
“อยากตกก็ดิ้นเข้าไป แต่ฝันไปเถอะว่าผมจะปล่อยคุณ” เขาก้าวอาดๆ ผ่านประตูกระจกเดินออกมายังระเบียงที่ทอดตัวยาวไปถึงส่วนซ้ายของคฤหาสน์แสนกว้างใหญ่ ระหว่างทางก็สวนกับเชอรี่และเซอร์เกที่คุยกันเดินผ่านมาทางนี้พอดี
“นายน้อย…”
เชอรี่อุทานออกมาเบาๆ ขณะชำเลืองมองมาที่หล่อนด้วยสายตายินดี ตรงข้ามกับเซอร์เกที่ตีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาในเฉียบพลัน
“มื้อเช้าไม่ต้องจัดนะเชอรี่ ยกไปให้ฉันกับคุณยาหยีที่ห้องนอนใหญ่”
จบคำสั่งเป็นชุดคอร์เนลก็ก้าวยาวๆ เดินไปตามพรมหนาทันที ทิ้งให้แม่บ้านวัยกลางคนยืนอมยิ้มแก้มแทบปริ
“นึกว่าจะทนได้สักกี่น้ำ ที่แท้ก็แค่คืนเดียวก็ต้องแจ้นมาลากตัวคุณยาหยีขึ้นห้องซะแล้ว ถ้าสถานการณ์ออกมาในรูปนี้ สงสัยนายหญิงของซีร์ยานอฟจะต้องมีชื่อว่ายาหยีแน่ๆ เลยว่าไหมเซอร์เก” หันไปถามชายวัยใกล้เคียงกันที่ยืนอยู่ข้างๆ แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นใบหน้าของเซอร์เกอัดแน่นไปด้วยความวิตกกังวล
“ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะเซอร์เก ไม่ดีใจเหรอที่นายน้อยกำลังมีความรักน่ะ”
“ถ้ากับผู้หญิงคนอื่นผมคงจะดีใจ แต่กับคุณยาหยีผมกลัวเหลือเกิน” ในที่สุดเซอร์เกก็พูดความในใจออกมา และมันก็ทำให้เชอรี่ยิ่งงงเต๊กมากขึ้นไปใหญ่
“กลัว? กลัวอะไรกัน ในเมื่อคุณยาหยีเธอก็ออกจะแสนดีและไร้เดียงสาขนาดนั้น ดีกว่าแม่พวกบรรดานางเอกนางแบบทั้งหลายที่มาติดพันนายน้อยเสียอีก”
เชอรี่นึกย้อนไปถึงบรรดาคู่ควงคนเก่าๆ ของคอร์เนลแล้วก็ทำท่าขนลุกขนพอง ไม่มีใครเรียบร้อยและดูจริงใจเหมือนกับยาหยีเลยสักคนเดียว
“แต่คุณยาหยีเป็นลูกสาวของนายยอดชาย ซึ่งเป็นคนทรยศ แล้วอย่างนี้คุณเชอรี่จะคิดว่าเป็นสิ่งที่ดีหรือ หากข้างกายของนายน้อยมีหอกแหลมวางอยู่ใกล้ๆ”
“แต่ฉันก็ยังคิดว่าคุณยาหยีจะต่างไปจากพ่อของเธอนะ”
“ไม่มีทางต่างไปได้หรอกคุณเชอรี่ เพราะเลือดในตัวของคุณยาหยีครึ่งหนึ่งเป็นของนายยอดชาย”
เซอร์เกพูดออกมาด้วยความไม่สบายใจเต็มเปี่ยม ก่อนจะตัดสินใจเดินจากไปเงียบๆ เชอรี่มองตามไปและก็ถอนใจออกมากับท่าทางห่วงเจ้านายเกินเหตุของคู่สนทนา เซอร์เกหวงคอร์เนลทุกเรื่องไม่เว้นแม้แต่เรื่องบนเตียง
“บางเรื่องมันก็ต้องให้เจ้าตัวเลือกเองนะเซอร์เก” แม่บ้านวัยกลางคนพึมพำเบาๆ กับตัวเองขณะก้าวเท้ายาวๆ เดินตามเซอร์เกไปอีกคน