สิบกว่าชั่วโมงที่นั่งหลับนั่งตื่นอยู่บนเครื่องบินส่วนตัวหรูหราของพ่อมาเฟียหน้าหยกแสนหล่ออย่างคอร์เนล หญิงสาวกัดปากแน่น ขยุ้มฝ่ามือลงบนที่เท้าแขนเก้าอี้ที่ตัวเองนั่งอยู่แน่น เมื่อคนที่นั่งใกล้ๆ ก้มหน้าลงมากระซิบบอกว่าเครื่องบินกำลังแล่นลงจอด
กรุงมอสโก…
เมืองหลวงของประเทศรัสเซีย ประเทศมหาอำนาจแห่งโลกตะวันตก เมืองที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมอันเก่าแก่น่าหลงใหล และสถาปัตยกรรมที่สวยงามแห่งหนึ่งของโลก
มือสั่น ใจสั่น เมื่อถูกคนตัวโตลากให้ก้าวลงมาจากบันไดเครื่องบินส่วนตัวลำใหญ่ สายลมเย็นยะเยือกพัดเข้าปะทะร่างกายอย่างรุนแรง แทบปลิวไปตามแรงลมหากไม่มีร่างกายกำยำของคอร์เนลให้เกาะเกี่ยว
แม้เขาจะร้ายกาจ เย็นชา และไร้หัวใจกับหล่อนอย่างที่สุด แต่ยามที่มีเขาอยู่ข้างกาย หล่อนกลับไม่รู้สึกอ้างว้างเลยแม้แต่นิดเดียว
ด้วยมัวแต่จ้องหน้าคนที่เดินข้างๆ ทำให้ยาหยีพลาดสะดุดกับพรมที่เผยอขึ้นเล็กน้อยจนแทบจะล้มลงไปนั่งจ้ำเบ้ากับพื้น แต่โชคดีที่คอร์เนลคว้าเอาไว้ได้ทัน
“มองทาง ไม่ใช่มองหน้าผม”
“ฉัน…”
“ไม่ต้องเถียง เร็วเข้า รถจอดรออยู่ข้างหน้า”
คอร์เนลปล่อยหล่อนให้เดินเอง ขณะที่เขาก้าวยาวๆ เดินนำหน้าหายเข้าไปในรถคันยาวเฟื้อยแบบเดียวกันที่หล่อนเคยเห็นเขาใช้เป็นประจำตอนที่อยู่เมืองไทย กำลังจะรีบก้าวตามขึ้นไปแต่เสียงเซอร์เกก็ดังขึ้นจากทางด้านหลังซะก่อน
“ผมรู้ว่าคุณถูกลากมาที่นี่ แต่ผมอยากขอร้องให้คุณรีบไปจากนายน้อยทันที หากรู้ว่าตัวเองไม่ได้ตั้งท้องเลือดเนื้อเชื้อไขของซีร์ยานอฟ”
เท้าที่กำลังจะก้าวเดินชะงัก กลีบปากอิ่มเต็มเม้มเข้าหากันแน่นจนเจ็บ และในที่สุดก็จำต้องหมุนตัวกลับไปเผชิญหน้ากับคนสนิทผู้จงรักภักดีเหลือหลายของคอร์เนลด้วยความขุ่นเคือง
“งั้นก็ช่วยไปบอกนายน้อยของคุณนะ ว่าอย่ามาวุ่นวายกับฉันอีก และถ้าหากทนไม่ได้จริงๆ ก็ให้ไปหาผู้หญิงคนอื่นมาแก้ขัด หรือไม่ก็หัดใช้ถุงยางอนามัยซะมั้ง!”
เซอร์เกยืนมองร่างอรชรที่แทบจะวิ่งหายเข้าไปบนรถคันเดียวกับคอร์เนลด้วยความตื่นตะลึง ไม่เคยคิดว่าผู้หญิงที่ดูเรียบร้อยอย่างยาหยีจะกล้าพูดเรื่องพวกนี้ใส่หน้าผู้ชายอย่างเขา
“เป็นไงครับน้าเซอร์เก ถูกคุณยาหยีตอกซะจนหน้าหงายแบบนี้รู้สึกยังไงบ้างครับ”
อีวานหัวเราะร่วนอยู่ทางด้านหลัง เซอร์เกหันไปมองตาขุ่นคลั่ก
“หุบปากไปเลย แล้วก็ไปขึ้นรถได้แล้ว เราจะต้องรีบตามนายน้อยกลับไปที่คฤหาสน์ซีร์ยานอฟ”
“แหม! พูดแค่นี้ก็ต้องทำเป็นโมโหด้วย”
อีวานยกมือขึ้นเกาหัวแกรกๆ ขณะเดินตามร่างของเซอร์เกไปขึ้นรถลีมูซีนที่จอดรออยู่อย่างรวดเร็ว ไม่ช้ารถคันหรูราคาแพงระยับจำนวนสี่คันก็แล่นตามกันไป มุ่งหน้าไปยังย่านเมืองของกรุงมอสโกซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของอาณาจักรซีร์ยานอฟ
ความเงียบกลืนกินบรรยากาศรอบๆ ตัวอยู่นานพอสมควรทีเดียว กว่าพ่อคนตัวโตที่นั่งนิ่งมาตลอดทางจะทำลายความเงียบสงัดนั้นด้วยคำพูดเย็นชาไร้ความรู้สึก
“เมื่อกี้นี้คุยอะไรกับเซอร์เก”
ยาหยีเม้มปากแน่นด้วยความขุ่นเคือง เกลียดทั้งเจ้านาย โกรธทั้งลูกน้อง พวกเขาทำกับหล่อนเหมือนหล่อนไม่มีชีวิตจิตใจอย่างนั้นแหละ เจ้านายอยากได้นู่น ลูกน้องสั่งให้ทำนี่ ทุเรศสิ้นดี
“มันไม่ใช่เรื่องสำคัญหรอกค่ะ”
“แม้มันจะไม่สำคัญแต่ถ้าผมอยากรู้ คุณก็ต้องบอก!”
‘วางอำนาจ เผด็จการอย่างร้ายกาจเหลือเกิน ผู้ชายหล่อระเบิดคนนี้’
“ลูกน้องผู้ซื่อสัตย์ของคุณบอกให้ฉันไปจากคุณทันทีหากรู้ตัวว่าไม่ได้ตั้งท้อง”
เขาเงียบ หล่อนก็นั่งเงียบ ความเงียบกำลังกลับมาเข่นฆ่าหล่อนอีกครั้งหนึ่งแล้ว สาวน้อยลอบมองเสี้ยวหน้าคมสันผ่านความมืดมิด แสงโคมไฟจากท้องถนนที่สาดส่องเข้ามาในรถเป็นระยะไม่สามารถช่วยให้หล่อนเข้าใจความรู้สึกบนใบหน้าหล่อกระชากลมหายใจของคอร์เนลได้เลยแม้แต่นิดเดียว
‘เขากำลังคิดอะไรกันแน่ ทำไมถึงได้เงียบล่ะ หลังจากที่หล่อนตอบคำถามเขาออกไป’
หญิงสาวพยายามขบคิดจนหัวแทบจะระเบิดแต่ก็ไม่สามารถหาคำตอบให้กับตัวเองได้ จนแล้วจนรอดก็ทำได้แค่เพียงนั่งมองวิวข้างทางผ่านความมืดมิดไปเงียบๆ
“ลงได้แล้ว”
ยาหยีลืมตาขึ้นด้วยความแปลกใจ เมื่อเห็นรถมาจอดสนิทอยู่ที่หน้าสิ่งก่อสร้างแสนโอ่อ่าแห่งหนึ่งที่ประดับไฟไว้ตามจุดต่างๆ อย่างงดงาม ก่อนจะหันไปสบตากับคนตัวโตผ่านความมืด
“ถึงแล้วหรือคะ”
“ใช่ เธอคงเพลียมากสินะ ถึงได้หลับไปแบบนี้”
‘บริบทประโยคที่เขาพูดนั้นเหมือนจะมีความห่วงใย แต่ทำไมนะ ทำไมน้ำเสียงของเขาถึงยังเย็นชาไร้ความรู้สึกเช่นเดิม หรือว่าหล่อนคิดเข้าข้างตัวเองเกินไป คงจะใช่ เพราะคอร์เนลตอกย้ำใส่หน้าของหล่อนตลอดเวลาว่าหล่อนนั้นเป็นแค่นางทาส ไม่ใช่ผู้หญิงที่เขาจะให้เกียรติ ดังนั้นอย่าคิดเข้าข้างตัวเองเลยยาหยี’
ด้วยความน้อยใจทำให้หญิงสาวไม่ได้ตอบคำถามของเขา แต่เลือกที่จะก้าวลงจากรถคันหรูนั้นอย่างรวดเร็ว และทันทีที่เท้าสัมผัสกับพื้น สายตาของหล่อนก็ถูกตรึงไว้กับประติมากรรมชั้นเลิศเบื้องหน้า นี่ขนาดในความมืดมันยังงดงามจับตาขนาดนี้ แล้วหากเป็นกลางวันที่เห็นทุกซอกทุกมุมชัดเจนล่ะ มันจะสวยงามแค่ไหน
ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะมีบ้านที่ไหนสวยงามแบบนี้มาก่อน มันสวยกว่า กว้างกว่า และดูยิ่งใหญ่กว่าคฤหาสน์ของเขาที่กรุงเทพฯ เสียอีก
ยาหยีมัวแต่ยืนตกตะลึงกับที่อาศัยของเขา จึงไม่รู้ตัวว่าคอร์เนลมาหยุดยืนใกล้ๆ ตั้งแต่เมื่อไร กว่าจะรู้ก็ตอนที่ถูกเขาเหน็บแนมเอาเจ็บๆ นั่นแหละ
“โลกของเรามันแตกต่างกันมาก ดังนั้นอย่าคิดว่าการตั้งท้องของคุณจะผูกมัดผมได้”
ลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดพวงแก้มเมื่อคนตัวโตชะโงกหน้าเข้ามาใกล้ หญิงสาวรีบถอยหลังหนีแต่ก็ถูกมือใหญ่รั้งเอวคอดเอาไว้ซะก่อน
“ถ้าคิดว่าฉันจะจับคุณด้วยการปล่อยให้ตัวเองท้องละก็ งั้นครั้งต่อไปของเราคุณก็ใช้ถุงยางสิ ไม่ใช่ปล่อยให้ฉันต้องมานั่งกลุ้มใจแบบนี้”
คนตัวโตแสยะยิ้มร้ายกาจ ขณะคลายอ้อมแขนออกจากกายสาว
“ครั้งต่อไปของเราหรือ…” ไหล่กว้างไหวน้อยๆ คล้ายกับว่าเรื่องที่หล่อนพูดมันเป็นเรื่องไร้สาระที่สุด
“คงอีกนานมั้งทูนหัว เพราะที่นี่ผมมีผู้หญิงรอบริการเพียบ คุณอาจจะต้องนอนเหงาไปตลอดทั้งเดือน หรืออาจจะตลอดไปเลยก็ได้ หากผมรู้ตัวว่าหมดความอยากต่อร่างกายของคุณ”
ไม่รู้ว่าทำไมถึงเจ็บแปลบไปทั่วทั้งหัวอก ทั้งๆ ที่เตรียมตัวเตรียมใจรับภาพบาดหูบาดตาของคอร์เนลกับผู้หญิงคนอื่นมาแล้ว หล่อนก็เจ็บจนกระทั่งไม่อยากจะหายใจอยู่แล้ว
ยาหยีกัดปากแน่นกัดแน่นจนไม่รู้สึกเจ็บอีกแล้ว ขณะพูดในสิ่งที่ตรงข้ามกับหัวใจออกไป
“ถ้าคุณทำได้อย่างที่พูดจริงๆ ฉันก็จะขอบคุณอย่างสูงค่ะ”
หวังว่าคอร์เนลคงจะรู้สึกรู้สาอะไรบ้าง แต่เปล่าเลยพ่อสุดหล่อยังคงยืนระบายยิ้มเลือดเย็นไม่เปลี่ยนแปลง หญิงสาวที่โกรธจนควันแทบออกหูรีบสะบัดหน้าแล้วเดินนำเข้าไปในคฤหาสน์หลังใหญ่ปานราชวังตรงหน้าราวกับมันคือที่พักอาศัยของตัวเองอย่างนั้นแหละ คอร์เนลขบกรามแน่นขณะก้าวตามร่างอรชรของยาหยีไป
“หยุดก่อนยาหยี…”
เมื่อเห็นสาวน้อยทำท่าจะเดินขึ้นบันไดบ้าน ชายหนุ่มจึงรีบคว้าข้อมือกลมกลึงเอาไว้ และกระชากให้เจ้าหล่อนหันกลับมาเผชิญหน้า
“ปล่อยฉันนะ!”
“ผมปล่อยแน่ หากคุณหยุดและฟังผม”
คนตัวโตเค้นเสียงคำรามเล็ดลอดไรฟันออกมาด้วยความเดือดดาล ขณะกดเพิ่มแรงลงบนข้อมือของยาหยีมากขึ้นเมื่อเจ้าหล่อนดิ้นรนไม่หยุด
“มีอะไรให้นางทาสอย่างฉันรับใช้อีกล่ะคะ”
“ถ้ารู้ว่าตัวเองเป็นทาสก็กลับไปอยู่ในที่ที่นางทาสต่ำต้อยอย่างคุณควรจะอยู่สิ ไม่ใช่ตั้งหน้าตั้งตาจะขึ้นไปนอนเทียบชั้นกับเจ้านายอย่างผมแบบนี้”
คำพูดของคนตัวโตทำเอายาหยีอ้าปากค้าง ทั้งเจ็บและอายกับคำพูดไม่รักษาหน้าของคอร์เนลยิ่งนัก หญิงสาวยืนทำใจอยู่นานเลยทีเดียวกว่าจะสามารถเอ่ยคำใดออกมาได้
“ฉัน…ฉันลืมไป…”
พยายามซ่อนน้ำตาเอาไว้สุดฤทธิ์แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้ผลดีเท่าไรนัก ยาหยีจึงรีบก้มหน้าหลบดวงตาสีเขียวจัดลึกล้ำของคอร์เนลลงมองปลายเท้าของตัวเอง
“ให้คนพาฉันไปสิ”
“เชอรี่ มาพาคุณยาหยีไปพักที่เรือนซ้าย”
คำสั่งของคอร์เนลมีผลทำให้เชอรี่ที่ยืนรอรับคำสั่งอยู่หน้าตึกรีบวิ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว
“เอ่อ…แต่เรือนนั้นเต็มแล้วนะคะ”
“เต็มก็ให้ใครก็ได้ย้ายออกไปอยู่ที่เรือนขวาแทนสิ หรือว่าต้องให้ฉันไปสั่งการด้วยตัวเอง”
เชอรี่ฟังเสียงที่เต็มไปด้วยความขัดเคืองใจของนายน้อยตัวเองแล้วก็รีบรับคำในทันที
“ได้ค่ะ ได้ค่ะนายน้อย ดิฉันจะทำตามคำสั่งค่ะ”
“ดีมาก…เสื้อผ้าข้าวของก็หาของคนใช้คนอื่นให้ใส่ไปก่อน แล้วอย่าปล่อยให้ขึ้นมาวุ่นวายบนตึกล่ะเพราะฉันไม่ชอบ”
“ค่ะนายน้อย”
คอร์เนลปรายตามองร่างอรชรของยาหยีด้วยสายตาเหยียดหยามชิงชัง พูดทุกสิ่งที่จะทำให้หญิงสาวเจ็บเจียนบ้าได้ จากนั้นก็ก้าวยาวๆ เดินขึ้นบันไดหายวับไปทันที
เมื่อร่างสูงใหญ่ของคอร์เนลลับสายตาไปแล้ว เชอรี่จึงหันมามองหญิงสาวที่ตัวเองเอ็นดูด้วยความเวทนาสงสาร ถึงแม้หล่อนจะตามไปรับใช้ที่เมืองไทยมาด้วย แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นล้วนแต่เป็นความกังขาสำหรับหล่อนทั้งนั้น โดยเฉพาะเรื่องของแม่หนูยาหยีคนนี้
“นายน้อยคงกำลังโกรธ หายโกรธแล้วก็คงจะเอ็นดูคุณเหมือนเดิม” เชอรี่พูดขึ้นเมื่อเดินนำหน้าพายาหยีมายังเรือนพักฝั่งซ้าย
“เขาไม่ได้โกรธฉันหรอกจ้ะป้า แต่เขาเกลียดฉันต่างหาก เขาเกลียดฉันจนแทบไม่อยากจะมองหน้าเลยด้วยซ้ำ”
น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาสั่นระริกบ่งบอกว่าคนพูดกำลังน้อยอกน้อยใจอย่างมากมายมหาศาลแค่ไหน
เชอรี่ฟังคำพูดของคู่สนทนาแล้วก็ส่ายหน้าดิก เพราะไม่เห็นด้วย
“ไม่จริงหรอกค่ะ ถ้าเกลียด นายน้อยไม่พาคุณบินข้ามน้ำข้ามทะเลมาที่นี่หรอกค่ะ คุณรู้ไหมคะว่าในคฤหาสน์ซีร์ยานอฟหากไม่ใช่คนสำคัญของนายน้อยไม่มีทางเข้ามาได้หรอก”
ยาหยีแค่นยิ้ม เจ็บช้ำไปทั่วทั้งหัวอก หล่อนน่ะเหรอสำคัญ ต่ำยิ่งกว่าอีตัวน่ะสิไม่ว่า และที่เขาพาหล่อนบินข้ามน้ำข้ามทะเลมาด้วยนี้ก็เพราะกลัวว่าหล่อนจะอุ้มท้องลูกของเขาอยู่ก็แค่นั้นเอง ไม่ได้มีเยื่อใยใดๆ เลยในการกระทำนี้ของคอร์เนล เขาไม่เคยรักหล่อน และก็คงไม่รัก ในขณะที่หล่อนทั้งรักทั้งบูชาเขาจนท่วมท้นดวงใจ
“ทำไมนายน้อยของป้าถึงอยากให้ฉันมาพักที่เรือนซ้ายล่ะคะ ทำไมถึงขนาดต้องย้ายคนจากเรือนนี้ไปอยู่อีกเรือนหนึ่งด้วย” เอ่ยถามเมื่อเชอรี่พาหล่อนมาหยุดที่หน้าเรือนซ้าย
หล่อนได้ยินหญิงร่างท้วมถอนใจออกมาแรงๆ ครั้งหนึ่งก่อนจะพูดขึ้น
“ป้าก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะว่านายน้อยกำลังคิดอะไรอยู่ รู้เพียงแต่ว่าที่นี่เล็กและก็คับแคบไม่สะดวกสบายเหมือนกับเรือนขวาเท่าไรนัก และที่สำคัญมีแต่ผู้หญิง”
“งั้นนายน้อยก็ต้องการให้ฉันลำบาก”
“ป้าก็ไม่รู้เหมือนกัน รู้เพียงแต่ว่าหากนายน้อยอยู่บนห้องนอนก็จะสามารถมองเห็นเรือนซ้ายหลังนี้ชัดเจนเต็มสองตาเลยล่ะค่ะ”
แม่บ้านวัยร่างท้วมพูดไปเรื่อยขณะไขกุญแจห้องหนึ่งในจำนวนสี่ห้องให้กับยาหยี
“ป้าให้เจ้าของห้องเดิมย้ายออกไปแล้ว คุณก็พักที่นี่ได้เลย”
เชอรี่เอื้อมมือไปกดสวิตช์ไฟจนห้องทั้งห้องสว่างพึ่บขึ้นมาทันตา ยาหยีก้าวตามแม่บ้านร่างท้วมเข้าไปภายใน มองสำรวจไปรอบๆ แล้วก็พบแค่ตู้เสื้อผ้าและก็เตียงนอนเท่านั้นเอง
“ความจริงมันมีทีวีแล้วก็เครื่องเล่นด้วยนะ สงสัยแม่มารีนยกไปด้วยแน่ๆ เลย” แม่บ้านวัยกลางคนบ่นอุบ ก่อนจะหันมามองยาหยีด้วยความสงสาร
“เดี๋ยวพรุ่งนี้ป้าจะรายงานเรื่องนี้กับนายน้อยนะคะ รับรองว่าเธอจะต้องรีบหาเครื่องอำนวยความสะดวกที่พึงมีมาให้คุณอย่างแน่นอนค่ะ ส่วนคืนนี้ก็ทนๆ เอาหน่อยนะคะ อีกไม่กี่ชั่วโมงก็เช้าแล้ว”
ยาหยีพยักหน้าน้อยๆ ใบหน้างามไม่ได้แสดงอารมณ์ใดออกไปเลยนอกจากความขมขื่นที่ตัวเองปิดไม่มิด
“ฉันอยู่ได้ค่ะ ไม่ต้องการอะไรเพิ่ม และหากป้าสงสารฉันก็ไม่ต้องรายงานเรื่องใดๆ ทั้งนั้นให้กับนายน้อยของป้าฟัง นะคะฉันขอร้อง”
แม้จะไม่เข้าใจแต่เชอรี่ก็พยักหน้ารับคำ
“ก็ได้ค่ะ ป้ารับปาก งั้นคุณก็พักผ่อนเถอะนะคะ ป้าเองก็ขอตัวไปพักผ่อนเหมือนกัน”
“ตามสบายค่ะป้า ขอบคุณมากนะคะ”
เชอรี่ยิ้มให้อย่างเป็นมิตรขณะเดินหายออกไปจากห้อง ยาหยีเดินไปทรุดตัวลงนั่งบนที่นอนขนาดสามฟุตครึ่งที่ถึงแม้จะไม่แข็งเท่ากับเตียงในห้องเช่าที่พัทยา แต่มันก็ไม่ได้นิ่มนวลน่าหลับนอนเหมือนเตียงนอนของคอร์เนลแม้แต่นิดเดียว
ยาหยีถอนใจออกมาเมื่อนึกถึงชะตากรรมของตัวเอง จะเอาอะไรมากไปกว่านี้ล่ะ ทาสแบบหล่อนแค่มีที่ซุกหัวนอน มีที่กินก็สมควรดีใจแล้วไม่ใช่เหรอ ทำงานแลกข้าวแลกน้ำเพื่อรอเวลาเป็นอิสระจากอุ้งมือของมัจจุราชอย่างคอร์เนล
MANGA DISCUSSION