เมียเก็บมาเฟีย ชุด เทพบุตรมาเฟีย - ตอนที่ 5
“ตื่นได้แล้วลินดา วันนี้เรามีเรียนตอนเช้านะ”
ยาหยีที่แต่งเครื่องแบบนักศึกษาเรียบร้อยแล้วพยายามปลุกเพื่อนรักของตัวเองอีกครั้งหนึ่งหลังจากพยายามมาหลายรอบ แต่ผลก็เหมือนเดิมคือลินดาไม่ยอมลุกขึ้น แถมยังมีหน้ามาฝากให้หล่อนลาป่วยกับอาจารย์อีกด้วย
“ฉันลุกไม่ไหว ลาป่วยให้ด้วยแล้วกัน”
“ไม่ได้นะลินดา ลุกขึ้นแล้วไปอาบน้ำแต่งตัวซะ”
คราวนี้ยาหยีเลือกที่จะไม่ยอมปล่อยให้ลินดาโอ้เอ้อีกต่อไปแล้ว หญิงสาวดึงร่างของลินดาให้ลุกขึ้นได้สำเร็จ
“ยังเหลือเวลาอีกสิบห้านาที…เร็วเข้า”
ลินดาที่ยังอยู่ในอาการงัวเงียเดินโซเซตรงไปยังห้องน้ำที่อยู่ถัดออกไปเล็กน้อย แต่ระหว่างทางก็ยังอดบ่นงึมงำด้วยความขัดใจไม่ได้ที่ถูกยาหยีลากตัวขึ้นมาจากที่นอน
“ถ้าฉันรู้ล่วงหน้าว่าเธอจะเป็นมารขวางการนอนหลับของฉันละก็ ฉันจะไม่มีวันอนุญาตให้เธอมาอยู่ด้วยหรอกยายลูกหยี”
ยาหยีส่ายหน้าน้อยๆ มองร่างของเพื่อนที่หายเข้าไปภายในห้องน้ำด้วยรอยยิ้มกริ่ม
“แต่เธอเปลี่ยนใจไม่ได้แล้วล่ะจ้ะลินดา ฉันยึดห้องเธอไว้แล้วครึ่งหนึ่ง”
“ย่ะ!” ลินดาตะโกนออกมาจากห้องน้ำด้วยน้ำเสียงขัดใจ
ยาหยีหัวเราะออกมาเบาๆ ขณะพาตัวเองไปทรุดนั่งลงบนเก้าอี้นวมริมหน้าต่าง เหม่อมองออกไปยังพื้นเบื้องล่าง และด้วยความสูงจากพื้นดินเกือบยี่สิบเมตรแบบนี้ ทำให้ทุกสิ่งในสายตาดูเล็กกระจ้อยร่อยเหลือเกิน ไม่เว้นแม้แต่รถยนต์คันยาวเฟื้อยสีดำที่จอดเรียงรายอยู่หน้าหอพักของหล่อน
“รถใครกัน ทำไมมากันเยอะแยะแบบนี้” ยาหยีพึมพำออกมาด้วยความแปลกใจ และก็ต้องเลิกให้ความสนใจกับมันทันทีเมื่อลินดาเปิดประตูออกมาจากห้องน้ำ
“ฉันใช้เวลาไปเท่าไรแล้วล่ะแม่ลูกหยีคนงาม”
คนพูดประชดเดินตรงไปจัดการแต่งองค์ทรงเครื่องที่ตู้เสื้อผ้า ลินดาสลัดผ้าขนหนูออกจากตัวโดยไม่คิดจะอับอายต่อสายตาของเพื่อนร่วมห้องเลยแม้แต่นิดเดียว ยาหยีเสียอีกที่ต้องหันหน้าหนีด้วยความอับอาย
“เธอไม่ได้อยู่คนเดียวแล้วนะลินดา” ต่อว่าออกไปอย่างขัดเคือง แต่คนถูกว่ากลับหัวเราะร่วนออกมาอย่างขบขันซะงั้น
“รู้แล้วย่ะว่าตอนนี้ไม่ได้อยู่คนเดียว แต่ฉันไม่อายนี่ เราก็มีเหมือนๆ กัน ถึงแม้บางจุดจะขนาดไม่เท่ากันก็ตาม”
“ดูพูดเข้า ฉันไปรอข้างนอกดีกว่า” คำพูดทะเล้นๆ ของลินดายิ่งทำให้ยาหยีแก้มแดงมากขึ้นอีกหลายเท่าตัว และด้วยความขัดเขินจึงทำให้หญิงสาวเลือกที่จะออกไปรอนอกห้องแทน
“แล้ววันหนึ่งหากเธอต้องแก้ผ้าต่อหน้าผู้ชาย เธอจะไม่เป็นลมเป็นแล้งไปเลยเหรอแม่ยาหยี” ลินดาส่ายหน้าออกมากับความไร้เดียงสาของเพื่อนสนิท ก่อนจะรีบลงมือแต่งตัวและรีบตามไปสมทบกับยาหยีหน้าห้องพักอย่างรวดเร็ว
‘เป็นครั้งแรกที่ยาหยีรู้สึกว่าผู้ชายมีตัวตนอยู่บนโลกใบนี้’
ร่างกายสั่นสะท้านอย่างรุนแรง เมื่อได้สบตากับผู้ชายที่ยืนอยู่ท่ามกลางกลุ่มบุรุษชุดดำหกเจ็ดคนตรงหน้า เขาตรึงหล่อนไว้อย่างแน่นหนาด้วยนัยน์ตาสีเขียวดุจมรกตเนื้อดี หล่อนขยับตัวไม่ได้ หายใจก็ไม่ออก รู้สึกว่าร่างกายขานรับต่อเสน่ห์ทางเพศของเขาอย่างบ้าคลั่ง
เป็นไปไม่ได้ ไม่มีทางเป็นไปได้ หล่อนไม่เคยชายตาแลผู้ชายคนไหนมาก่อนเลยในชีวิต ไม่ว่าจะหล่อเลิศแสนดีแค่ไหนก็ตาม แต่ทำไมกับผู้ชายคนนี้ ผู้ชายที่หล่อนไม่รู้จักแม้แต่ชื่อซึ่งยืนอยู่ตรงหน้ากลับทำให้หัวใจของหล่อนเต้นระส่ำอย่างรุนแรง เขาทำให้หล่อนรู้สึกถึงอารมณ์บางอย่างที่ซ่อนอยู่ภายใน
หญิงสาวพยายามรวบรวมสติสตังทั้งหลายที่บินหนีไปตั้งแต่สบตากับผู้ชายหล่อระเบิดตรงหน้า แต่มันก็ทำได้ยากยิ่ง เพราะผู้ชายตรงหน้ามีเสน่ห์เหลือเกิน หล่อนไม่สามารถละสายตาจากความสมบูรณ์แบบไร้ที่ติของเขาได้เลยแม้แต่วินาทีเดียว
ไม่ว่าจะเป็นผมสีน้ำตาลเข้มเกือบดำที่ตัดอย่างประณีต คิ้วดกดำยาวขนานกับดวงตายาวรีสีเขียวดุจมรกตน้ำงาม จมูกโด่งเป็นสันแบบผู้ดี กรามแกร่งดุดัน คางหยักบึกบึน และที่น่ามองที่สุดก็คือริมฝีปากสีสดได้รูปคู่นั้น
ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าในโลกใบนี้จะยังมีผู้ชายที่หล่อเหลามีเสน่ห์ราวกับไม่ใช่คนจริงๆ แบบนี้หลงเหลืออยู่อีก ก็ดูสิ แม้เขาจะอยู่ท่ามกลางชายฉกรรจ์ถึงหกเจ็ดคนที่แต่งกายไม่ต่างกันแม้แต่นิดเดียว แต่ความโดดเด่นและแรงดึงดูดของเขาก็ยังพุ่งเข้าใส่หน้าของหล่อนอย่างรุนแรงจนแทบหงายหลัง
“ลูกหยีดูนั่น ผู้ชายคนนั้นหล่อระเบิดเลยอะ หล่อราวกับเทพบุตร”
เสียงอุทานของลินดาที่เดินตามมาข้างหลังทำให้ยาหยีได้สติ หญิงสาวรีบละสายตาจากคนตรงหน้าอย่างรวดเร็ว พร้อมๆ กับก้มลงมองปลายเท้าของตัวเองแทน
“หล่อมากเลย แต่เอ…ทำไมเขาจ้องเธอเขม็งแบบนั้นนะ”
คำพูดของลินดาทำให้ยาหยีช้อนตาขึ้นมองผู้ชายตรงหน้าอีกครั้ง และมันก็เป็นความจริง ผู้ชายรูปหล่อคนนั้นยังคงมองมาที่หล่อนเช่นเดิม
“เธอรู้จักเขาเหรอลูกหยี นี่อย่าบอกนะว่าเธอมีแฟนเป็นฝรั่งน่ะ” ลินดาพูดออกมาอย่างเหลือเชื่อ แต่ยาหยีก็รีบปฏิเสธความเข้าใจผิดนั้นซะก่อน
“ไม่ใช่นะ ฉันไม่รู้จักเขาสักหน่อย พึ่งเจอครั้งแรกพร้อมๆ กับเธอนั่นแหละ ไปเรียนกันเถอะ สายแล้ว”
ยาหยีรีบดึงมือลินดาที่เอาแต่โปรยยิ้มหวานให้กับผู้ชายคนนั้นให้เดินตามตัวเองมา แต่ยังก้าวไม่ทันครบสามก้าวด้วยซ้ำ เสียงห้วนกระด้างของผู้ชายคนนั้นก็ดังขึ้นซะก่อน หล่อนหยุดชะงักทันทีด้วยความตกใจ
“ไหนว่าไม่รู้จักไง ทำไมเขาเรียกชื่อเธอถูกล่ะลูกหยี แหม! เก็บเงียบเชียวนะแฟนหล่อๆ เนี่ย” ลินดาแซวเพื่อนด้วยความอิจฉาเมื่อได้ยินหนุ่มหล่อระเบิดนัยน์ตาสีเขียวเรียกชื่อเพื่อนสนิทเป็นภาษาที่แสนคุ้นหู นั่นก็คือภาษารัสเซีย ซึ่งเป็นภาษาที่หล่อนกับยาหยีเลือกเป็นวิชาเอก
“ไม่ใช่นะ ฉันไม่รู้จักเขาจริงๆ”
ยาหยียืนกรานกับเพื่อนสนิทเสียงแข็ง ก่อนจะหันไปเผชิญหน้ากับผู้ชายสุดหล่อที่ตอนนี้เดินผ่านวงล้อมของชายชุดดำออกมาแล้วด้วยความแคลงใจ
“ฉันจำได้ว่าไม่รู้จักคุณนะคะ”
“แต่ผมรู้จักคุณ และรู้จักดีซะด้วย”
คอร์เนลหรี่ตามองสตรีตรงหน้าด้วยความทึ่งจัด หล่อนน่าจะเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมาตลอดสามสิบกว่าปีก็ว่าได้ เจ้าหล่อนสวยหวานจนเขาถึงกับต้องกะพริบตาติดๆ กันหลายครั้งเลยทีเดียวเมื่อตอนที่เห็นหล่อนเดินลงบันไดหอพักมา
หนุ่มหล่อกัดฟันแน่นข่มความปรารถนาแน่นอกที่มันพลุ่งพล่านขึ้นมาโดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าเอาไว้สุดกำลัง ผู้คนรอบกายกลายเป็นท่อนไม้ไปในทันทีเพียงแค่ได้สบตากับหล่อนเท่านั้น
แม้จะพยายามบอกตัวเองว่าไม่ควรจะให้ความสนใจกับผู้หญิงคนนี้เกินความจำเป็น แต่สายตาเจ้ากรรมมันก็ไม่สามารถละจากใบหน้างดงามของเจ้าหล่อนได้แม้แต่วินาทีเดียว ใบหน้าของหล่อนงดงามและดึงดูดสายตาของเขาได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ ไม่ว่าจะเป็นดวงตากลมโตสีดำขลับหวานซึ้ง คิ้วโก่งดุจคันศร จมูกโด่งเชิดแบบสาวหัวรั้น แต่ที่ที่เขาจ้องมองนานที่สุดกลับเป็นริมฝีปากอิ่มเอิบและน่าจูบเป็นที่สุดคู่นั้น
ให้ตายเถอะ ทำไมเขาต้องรู้สึกว่าตัวเองหัวใจเต้นแรงแบบนี้ด้วยนะ ทำไมเจ้าความรู้สึกอยากลิ้มลองรสสาวของแม่สตรีตรงหน้าถึงลุกโชนขึ้นมาอย่างแรงกล้าเช่นนี้ มันรุนแรงจนเลือดหนุ่มเดือดพล่าน สมองจินตนาการถึงฉากรักของเขากับแม่สาวตรงหน้าบนเตียง
หรือว่าเขากำลังจะตกหลุมรัก โอ้…ไม่มีทางเป็นไปได้หรอก เขาก็แค่ไม่ได้ปลดปล่อยมาหลายวันเท่านั้นเอง ความต้องการทางเพศถึงได้กำเริบขึ้นมาแบบนี้ คอร์เนลร้องบอกตัวเองในอกอย่างดุเดือด แต่กระนั้นก็ยังไม่สามารถห้ามสายตาของตัวเองให้ละจากร่างสลักเสลาของสตรีตรงหน้าได้
แม้จะทึ่งในความหล่อเหลาของบุรุษตรงหน้า แต่ยาหยีก็อดแก้มแดงก่ำด้วยความโมโหไม่ได้ที่เห็นคนตรงหน้าใช้สายตากวาดมองร่างกายของตัวเองราวกับกำลังเลือกสินค้าเพื่อนำไปใช้งาน
“แต่ฉันจำคุณไม่ได้ค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ ต้องรีบไปเรียน” สาวน้อยตัดบทเสียงเรียบ ดึงมือลินดาให้เดินตามมาอีกครั้ง
“ไปกันเถอะลินดา”
“ฉันยังไม่อยากไปเลย อยากมองคนหล่อ” ลินดาบ่นด้วยความเสียดายขณะเดินตามเพื่อนรักออกมาจากหน้าหอพัก
“นายน้อยครับ เธอไปแล้ว”
เซอร์เกรีบร้องเตือนเจ้านายหนุ่มหล่อของตัวเองเมื่อเห็นยาหยีเดินไกลออกไป คอร์เนลระบายยิ้มเลือดเย็นออกมา ขณะหมุนตัวเดินกลับไปที่รถลีมูซีนคันงาม
“ฉันไม่ปล่อยแม่นี่ไปหรอกน่า แค่อยากทำให้เงียบที่สุดก็เท่านั้น”
“นายน้อยหมายความว่ายังไงครับ”
เซอร์เกเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ เพราะปกตินายน้อยของตัวเองไม่เคยสนใจอะไรทั้งนั้น หากอยากได้อะไรก็ต้องเอาให้ได้เดี๋ยวนั้น ไม่เคยมีคำว่า ‘รอ’ สำหรับคนอย่างคอร์เนล แต่ทำไมกับผู้หญิงคนนี้ คอร์เนลถึงเลือกที่จะรอล่ะ
เซอร์เกรู้สึกไม่สบายใจเลย เมื่อนึกถึงสายตาพึงพอใจของคอร์เนลที่ทอดมองไปยังยาหยีลูกสาวของยอดชาย ผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นศัตรูของซีร์ยานอฟ เขาไม่เคยเห็นคอร์เนลมองผู้หญิงคนไหนด้วยสายตาแบบนี้มาก่อนเลย
“ทิ้งจดหมายเอาไว้ และแม่นั่นจะออกมาหาเราเอง”
“แต่ผมว่าเราควรจะลากเธอไปเลย งานจะได้จบ และเราจะได้กลับมอสโกโดยเร็ว” เซอร์เกพยายามจะออกความเห็น แต่ก็ถูกคอร์เนลเก็บมันใส่ลิ้นชักอย่างไม่ไยดี
“ทำตามที่ฉันบอก อย่าริอ่านจะขัดคำสั่งเด็ดขาด” คนออกคำสั่งก้าวขึ้นไปนั่งบนรถด้วยท่าทางหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด
“ครับนายน้อย”
เซอร์เกก้มหน้ารับคำสั่ง เขาเขียนจดหมายตามที่นายน้อยของตัวเองบอก จากนั้นก็เอาไปฝากไว้ที่คนเฝ้าหอ ก่อนจะเดินกลับมาที่รถ คอร์เนลลดกระจกลงและเอ่ยถาม
“เรียบร้อยแล้วใช่ไหม”
“เรียบร้อยแล้วครับนายน้อย”
คอร์เนลระบายยิ้มพึงพอใจออกมา หัวใจเต้นแรงขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ
“ดีมาก ขึ้นรถได้แล้ว ฉันต้องการกลับบ้าน”
ทุกคนก้าวขึ้นรถ และไม่นานขบวนรถลีมูซีนหลายคันก็แล่นออกจากหน้าหอพักของทางมหาวิทยาลัย และระหว่างทางก็ขับผ่านยาหยีกับลินดาที่กำลังจ้ำอ้าวไปเรียนหนังสือพอดี
“นั่นไงยาหยี รถพวกนี้ไงที่จอดหน้าหอของเรา”
ลินดาชี้ให้เพื่อนดู ยาหยีไม่ได้ตอบอะไรออกมา แต่ก็อดชำเลืองมองไม่ได้ และหัวใจก็เต้นแรงจนแทบทะลุออกจากอกเมื่อคนตัวโตที่นั่งอยู่ในรถเลื่อนกระจกลงเหลือครึ่งบาน เห็นใบหน้าหล่อเหลาของเขาชัดเจนเต็มสองตา
“นั่นผู้ชายคนนั้นนี่ ดูสิเขามองเธออีกแล้ว”
ลินดาร้องออกมาด้วยความอิจฉา ตีแขนยาหยีที่กำลังมองตามขบวนรถพวกนั้นไปจนลับสายตาเบาๆ อย่างรู้ทัน
“ชอบเขาสิท่า”
“ว่าไงนะ?”
“ฉันบอกว่าเธอชอบผู้ชายตาสีเขียวคนนั้นใช่ไหม เห็นมองกันนานสองนาน”
คราวนี้คำถามของลินดาชัดเจนเต็มสองหู ยาหยีรีบปฏิเสธทันที แม้ว่าคำพูดของเพื่อนสนิทจะแทงถูกใจดำก็ตาม
‘ใช่สิ ปฏิกิริยาเคมีของเขาและหล่อนพุ่งเข้าใส่กันอย่างรุนแรงจนน่าตกใจ ความรู้สึกบางอย่างที่ไม่เคยคิดว่ามีเกิดขึ้นมาได้เพียงแค่สบตากับผู้ชายนัยน์ตาหวานคนนั้น’
“บ้าเหรอ ไม่ใช่สักหน่อย ฉันก็แค่…”
“ก็แค่ไม่เคยเห็นผู้ชายคนไหนหล่อเท่าเขามาก่อนใช่ไหมล่ะ”
คำพูดรู้ทันของลินดาทำให้ยาหยีขัดเขินขึ้นมาอย่างรุนแรง หญิงสาวหน้าแดงก่ำ พร้อมๆ กับรีบจ้ำอ้าวเดินหนี แต่แม่เพื่อนตัวแสบก็ยังเดินตามมาล้อไม่ยอมเลิก
“ฉันว่าเธอกำลังตกหลุมรักนะลูกหยี”
“ไม่มีทาง ฉันไม่เคยคิดจะรักใคร” ยาหยีปฏิเสธเสียงแข็งอีกครั้ง แต่ลินดาก็ยังคาดคั้นไม่เลิก
“หัวใจเธอเต้นแรงใช่ไหมตอนได้สบตากับผู้ชายคนนั้นน่ะ แล้วเธอก็รู้สึกโหวงเหวงในช่องท้องด้วยใช่หรือเปล่า”
ยาหยีหยุดเดินทันที ขณะหันกลับมามองหน้าของเพื่อนสนิท ตกใจยิ่งนักที่ลินดาสามารถล่วงรู้อาการของหล่อนได้อย่างแม่นยำขนาดนี้
‘ใช่…หัวใจของหล่อนเต้นอย่างรุนแรงตอนที่สบตากับผู้ชายตาดุคนนั้น แถมท้องไส้ก็อึดอัด รุ่มร้อนอย่างไม่เคยรู้สึกมาก่อน’
“ไม่ใช่…ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรแบบนั้น” ตอบเสียงเรียบ ก่อนจะรีบก้าวหนีอีกครั้ง
“ไม่จริงหรอก ฉันมองออกว่าเธอตกหลุมรักผู้ชายคนนั้นเข้าจังเบ้อเร่อ อย่าปิดฉันเลยน่า ฉันเป็นกูรูทางด้านนี้เธอก็รู้นี่”
ลินดาพูดออกมาอย่างมั่นอกมั่นใจ ขณะรีบสาวเท้าตามยาหยีที่เดินแกมวิ่งหนีนำหน้าไปไกลแล้วด้วยความขบขัน
“พอพูดแทงใจดำเข้าหน่อย ทำเป็นฟังไม่ได้นะยายลูกหยี”