เมียเก็บมาเฟีย ชุด เทพบุตรมาเฟีย - ตอนที่ 47
ยาหยีเดินกลับไปกลับมาด้วยความกระวนกระวายใจอยู่ที่หน้าตึกใหญ่ รอคอยเซอร์เกที่จะเป็นคนนำพาหล่อนให้ไปพบบิดา แต่หล่อนรอมาเกือบสิบนาทีแล้วก็ยังไม่เห็นวี่แวว หญิงสาวถอนใจออกมา กำลังจะเดินกลับเข้าไปในตึก แต่เสียงเรียกคุ้นหูก็ดังขึ้นเสียก่อน
“ขอโทษที่ทำให้รอครับ”
“เซอร์เก…”
หญิงสาวอุทานออกมาด้วยความดีใจจนปิดไม่มิด ความหวังที่จะได้พบหน้าบิดากำลังใกล้เข้ามาทุกขณะแล้ว
“เชิญครับ ผมจะพาคุณไปพบนายยอดชาย”
เซอร์เกผายมือเป็นสัญญาณเชื้อเชิญ ยาหยีรีบสาวเท้าเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วแทบจะเป็นวิ่งเลยก็ว่าได้ โดยไม่สนใจสักนิดว่าคนที่เดินตามมาข้างหลังจะตามทันหรือไม่
‘หล่อนอยากพบพ่อ อยากเจอพ่อ’
“เลี้ยวซ้ายครับ” เซอร์เกร้องบอกเมื่อหล่อนเดินมาถึงทางแยก
“ขอบคุณค่ะ”
ยาหยีก้าวขอบคุณ ขณะเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น
“คุณยังจำคำสัญญาที่ให้ไว้กับผมที่สวนสาธารณะได้ใช่ไหมครับ”
คำพูดของชายที่เดินตามหลังมาทำให้เท้าของยาหยีก้าวช้าลงทันที ความโศกเศร้ากลับมากัดกินหัวใจอีกครั้งหนึ่งแล้ว
“ฉันไม่มีวันลืมสัญญาสำคัญแบบนั้นหรอกค่ะ คุณไม่ต้องห่วง”
เคยนึกว่าเซอร์เกจะเป็นมิตรที่ดี แต่ตอนนี้เขากลับกลายเป็นคนที่เห็นหล่อนเป็นศัตรูไปแล้ว แต่ช่างเถอะ สิ่งที่เขาทำมันคือสิ่งที่ถูกต้องแล้วนี่ ทาสผู้จงรักภักดีขับไล่นางมารร้ายโปรไฟล์ต่ำอย่างหล่อนให้ออกไปจากชีวิตอันเลิศหรูของเจ้านายตัวเอง
“ฉันจะไปทันทีเมื่อพ่อได้รับอิสรภาพ”
“งั้นก็เตรียมตัวไว้เถอะครับ เพราะผมวางแผนจะให้พ่อของคุณหนีในอีกไม่กี่วันนี้”
เท้าตายได้อย่างไม่น่าเชื่อ ยาหยีหันขวับกลับไปมองเซอร์เกที่ยืนอยู่ด้านหลังด้วยสายตาเบิกกว้าง ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเวลาแห่งความสุขระหว่างหล่อนกับคอร์เนลจะแสนสั้นเช่นนี้
“ในอีกไม่กี่วันหรือคะ?”
เซอร์เกพยักหน้ารับ
“ใช่ครับ ตอนนี้ผมกำลังรอเวลานั้นอยู่”
ยาหยีกัดปากแรงๆ แต่แปลกที่มันกลับไม่รู้สึกเจ็บเลยแม้แต่น้อย
“ฉัน…”
“คุณคงดีใจมากใช่ไหมครับ”
ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าหล่อนจะตีบทแตกขนาดนี้ ทั้งๆ ที่เจ็บปวดจนแทบขาดใจ แต่เซอร์เกกลับมองว่าหล่อนกำลังดีใจจนเนื้อเต้นซะงั้น ดีใจก็ดีใจ ใช่…หล่อนกำลังดีใจจนแทบจะร้องไห้ออกมาเป็นสายเลือดเชียวแหละ
“ค่ะ ฉันดีใจมาก…ขอบคุณมากนะคะสำหรับความช่วยเหลือ”
จังหวะที่หมุนตัวกลับมาเดินต่ออีกครั้งนั้นน้ำตาก็ร่วงรินลงมาอาบแก้ม ยาหยีรีบยกมือขึ้นป้ายมันทิ้ง แต่ยิ่งเช็ดมันก็ยิ่งไหลทะลักออกมาอย่างน่าประหลาดใจ
เซอร์เกเดินตามร่างของยาหยีไปเงียบๆ โดยไม่คิดจะชวนสนทนาอะไรอีก และเมื่อถึงจุดหมาย เขาก็พยักหน้าให้คนคุมหน้าห้องไขกุญแจ
“ไปยืนรออยู่ที่หน้าเรือน ครบครึ่งชั่วโมงแล้วค่อยมาเรียกให้คุณยาหยีออกมา”
“ครับคุณเซอร์เก”
หญิงสาวเห็นผู้คุมสองสามคนที่มีอาวุธครบมือเดินห่างออกไปยืนอยู่ที่หน้าเรือน ขณะที่เซอร์เกเดินมาเข้ามาผลักประตูห้องให้เปิดออก
“นายน้อยให้เวลาคุณครึ่งชั่วโมง อย่าเกินเวลาล่ะครับ ผมจะรออยู่แถวๆ นี้” เซอร์เกพูดจบประโยคก็เดินหายออกไปทันที
ยาหยีถอนใจออกมาอย่างโล่งอก ขณะกวาดตามองสำรวจห้องกว้างที่มีเครื่องใช้ไม่กี่ชิ้นตรงหน้าอย่างละเอียดลออ แล้วก็ต้องน้ำตาไหลพรากเมื่อเห็นร่างของบิดานอนนิ่งอยู่บนเตียงเล็กๆ ริมหน้าต่างที่มีเหล็กดัดติดเอาไว้อย่างแน่นหนา
“พ่อ!”
“ลูกหยี!”
สองพ่อลูกโผเข้ากอดกันแน่น ต่างพากันร่ำไห้ด้วยความดีใจ
“เขาทำอะไรพ่อหรือเปล่า พวกเขาทำร้ายพ่อไหมคะ”
หญิงสาวร้องถามด้วยความเป็นห่วง ดันตัวออกห่างจากบิดาเพื่อที่จะมองสำรวจร่างกายของท่าน และก็ได้เห็นรอยชอกช้ำที่ใบหน้า
“ใครต่อยพ่อคะ” มือบางยกขึ้นลูบใบหน้าของบิดาด้วยความเป็นห่วง
ยอดชายคว้ามือนุ่มของลูกสาวมากุมเอาไว้ ก่อนจะก้มลงจูบหน้าผากของยาหยีด้วยความรักใคร่สุดหัวใจ
“พ่อไม่เป็นไรหรอกลูก พ่อสมควรจะโดนแล้ว แต่ลูกล่ะลูกหยี นายน้อยทำอะไรลูกหรือเปล่า เขาทำร้ายลูกของพ่อไหม?”
คำคาดคั้นของบิดามีผลต่อสีของใบหน้าของยาหยียิ่งนัก แก้มนวลแดงระเรื่อขึ้นมาในพริบตาเมื่อนึกถึงสิ่งที่คอร์เนลทำกับตัวเอง แต่หล่อนจะบอกบิดาได้ยังไงกันว่าถูกคอร์เนลปรนเปรอด้วยบทรักเร่าร้อนทุกคืน มันน่าอาย น่าอดสู และหล่อนก็ไม่ต้องการให้ท่านรู้ด้วย
“ไม่ค่ะ เขาไม่ได้ทำอะไรลูกหยี” ตอบเสียงแผ่วเบา พร้อมๆ กับก้มหน้าหลบตาผู้บังเกิดเกล้า
“แล้วทำไมต้องหลบตาพ่อด้วยล่ะลูกหยี ลูกทำเหมือนกำลังปิดบังอะไรพ่ออยู่” ยอดชายคาดคั้นเพราะเขาเชื่อไม่ลงเลยจริงๆ ว่าคอร์เนลจะใจดีไม่ทำอะไรยาหยีลูกสาวของเขา
“ไม่ค่ะ ลูกหยีไม่ได้โกหกพ่อนะคะ”
“ไม่ได้โกหกแล้วลูกหยีเข้ามาหาพ่อที่นี่ได้ยังไง แถมยังมีเซอร์เกพามาด้วย”
หญิงสาวรู้ว่าความสงสัยของบิดากำลังพอกพูนขึ้นทุกขณะ แต่หล่อนจะไม่มีทางบอกความอัปยศทั้งหลายเหล่านั้นให้ท่านรู้เด็ดขาด ต่อให้ต้องผิดศีลข้อสามก็ตาม
“เซอร์เก…เขาต้องการจะช่วยเราค่ะพ่อ เขาบอกว่าจะปล่อยพ่อในเร็วๆ นี้ และก็ให้หนูพาพ่อหนีไปไกลๆ ส่วนเขาจะรับหน้าคอร์เนลเอง”
แม้จะยังเคลือบแคลงแต่ยอดชายก็จำต้องเก็บเงียบเอาไว้ก่อน เพราะสิ่งที่บุตรสาวพูดมันมีความสำคัญมากกว่า การหลบหนีจากที่คุมขัง…อิสรภาพที่เขากำลังแสวงหา
“เซอร์เกบอกพ่อแล้วล่ะ เราจะหนีไปด้วยกันในเร็วๆ นี้” ยอดชายประคองร่างของบุตรสาวให้ไปทรุดนั่งด้วยกันบนขอบเตียง
“แล้วเพชรสีทองที่พ่อขโมยมาจากคอร์เนลล่ะคะ มันอยู่ที่ไหน พ่อบอกลูกหยีได้ไหมคะ”
“พ่อ…พ่อ…”
ยาหยีจ้องหน้าบิดาที่เอาแต่อ้ำๆ อึ้งๆ อย่างคาดคั้น
“พ่อคะ คืนเขาไปเถอะค่ะ ถอนใจออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า กว่าจะสามารถกลั่นกรองคำพูดออกมาได้
“มันไม่ได้อยู่กับพ่อแล้วล่ะลูกหยี”
“แล้วมันอยู่ที่ไหนคะพ่อ พ่อบอกลูกหยีนะคะ ลูกหยีอยากให้คอร์เนลได้เพชรของเขาคืน ความรู้สึกผิดในใจของเราจะได้หมดไปสักที”
“ลูกหยีไม่ต้องรู้สึกผิดแทนพ่อหรอก ลูกหยีไม่ได้เป็นคนทำ”
“แต่ลูกหยีเป็นลูกสาวของพ่อนะคะ จะให้ลูกหยีทนมองพ่อทำผิดหรือคะ ลูกหยีทำไม่ได้หรอก” มือบางเอื้อมมากุมมือของบิดาเอาไว้
“พ่อขา…พ่อคืนเขาเถอะนะคะ อย่าทำแบบนี้เลย ลูกหยีขอร้อง”
ยอดชายนั่งอึ้งไปนานอย่างคนกำลังตัดสินใจอะไรบางอย่าง ยาหยีเห็นบิดาเริ่มจะคล้อยตามก็รีบอ้อนวอนซ้ำขึ้นอีก
“ถ้าพ่อรักลูกหยี พ่อก็ต้องบอกลูกหยีนะคะว่าตอนนี้เพชรสีทองอยู่ที่ไหน”
“มีคนเอามันไปแล้ว”
“ใครคะพ่อ ใครเอามันไป”
ยอดชายกำลังจะสารภาพออกมาว่าใครเป็นคนเอาเพชรสีทองไป แต่ประตูห้องก็ถูกเปิดเข้ามาเสียก่อน และก็ด้วยน้ำมือของคอร์เนลเสียด้วย
“ยังไม่ถึงครึ่งชั่วโมง แต่ผมรอไม่ไหว”
เขาพูดเสียงกระด้าง พร้อมๆ กับเดินเข้ามาดึงร่างของหล่อนให้เข้าไปในอ้อมแขนอันอบอุ่นของตัวเอง ยาหยีหน้าแดงก่ำด้วยความอับอายเมื่อเห็นสายตาของบิดาที่จ้องเขม็งมองมา หล่อนรู้ดีว่าพ่อกำลังตกใจเรื่องอะไร
“อย่าทำแบบนี้ค่ะ”
ยาหยีพยายามขืนตัวออกจากอ้อมแขนของคอร์เนลแต่คนตัวโตไม่ยอมปล่อยซะงั้น แถมยังก้มลงจูบแก้มของหล่อนหนักๆ ทำราวกับว่าในห้องนี้ไม่มีพ่อของหล่อนนั่งอยู่ด้วยอย่างนั้นแหละ
“อย่าทำบ้าๆ นะ ปล่อยสิ!”
“ทำไมต้องเสียงดังด้วยล่ะ ผมไม่ชอบเห็นกิริยาแบบนี้เลยนะ” เมื่อถูกผลักแรงๆ คอร์เนลก็ถึงกับคำรามออกมาด้วยความไม่พึงพอใจ
“แต่คุณควรจะให้เกียรติฉันบ้าง พ่อฉันนั่งอยู่นู่น!”
คอร์เนลไหวไหล่ ปรายตามองยอดชายแบบเหยียดๆ ก่อนจะพูดขึ้นเสียงเหี้ยมเกรียม
“ผมไม่เคยเห็นพวกโจรอยู่ในสายตา ก็เลยมองไม่เห็นพ่อของคุณ ไปเถอะ ผมอยากนอนกอดคุณแล้ว” คอร์เนลตอกย้ำความเข้าใจของยอดชายด้วยคำพูดอีกครั้ง
“ลูกหยี นี่มันหมายความว่ายังไง ไหนลูกบอกว่านายน้อยไม่ได้ทำอะไรลูกไง” น้ำเสียงของยอดชายเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ซึ่งคนเป็นลูกก็กำลังรู้สึกไม่แตกต่างกัน จะมีก็แต่คอร์เนลคนเดียวเท่านั้นแหละที่สะใจ
“คือว่า…”
“อ้าว…นี่คุณไม่ได้บอกไอ้โจรห้าร้อยคนนี้ไปอีกหรือว่าเป็นอะไรกับผม” คอร์เนลตั้งใจจะทำให้ยอดชายเจ็บ แต่ก็ลืมคิดไปว่าผู้หญิงที่เขาแสนโหยหาอย่างยาหยีจะต้องเจ็บปวดไปกับคำพูดของตนเองด้วย
“ลูกหยีบอกพ่อมาสิ บอกมา…”
“พ่อขา…คือว่า…”
ยาหยีพูดน้ำตาริน พยายามผลักไสคนใจร้ายให้พ้นไปจากตัวแต่เขาก็รัดแน่นขึ้นจนร่างของหล่อนแทบจะบี้แบนไปกับกายทรงพลังของเขาเสียให้ได้
“ดูท่าทางจะยืดเยื้อ เอาอย่างนี้ผมบอกให้ก็ได้”
คอร์เนลระบายยิ้มเหี้ยมเกรียม เขาปล่อยมือจากร่างอรชรที่สั่นเทาเพราะแรงสะอื้นของยาหยี จากนั้นก็เดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าของยอดชาย
“อย่านะคอร์เนล ได้โปรด…อย่าทำแบบนี้…”
วิ่งเข้าไปกอดแขนอ้อนวอน แต่ดูเหมือนว่าคนตัวโตจะไม่ยอมเห็นใจแม้แต่น้อย เพราะในที่สุดเขาก็พูดในสิ่งที่หล่อนไม่อยากฟังออกมา
“ยาหยีเป็นเมียเก็บของฉันเอง”
“คอร์เนล!”
ยาหยีอุทานชื่อของคนใจดำออกมา ขณะก้มหน้าหลบตาของบิดาด้วยความอดสู
“ทำไมทำแบบนี้ลูกหยี ทำไมทำแบบนี้”
คอร์เนลคำรามเสียงเลือดเย็น
“ทุกอย่างมันจะไม่มีทางเกิดขึ้น ถ้าแกไม่ขโมยเพชรของฉันไป”
“พ่อ…ลูกหยีขอโทษ พ่อจ๋า…ให้อภัยลูกหยีด้วย”
ยาหยีคร่ำครวญน้ำตาไหลริน มองบิดาที่นั่งร้องไห้เงียบๆ ด้วยความละอายใจยิ่งนัก หล่อนมันลูกชั่ว ลูกเลว เป็นลูกที่ทำให้พ่อต้องมาหลั่งน้ำตา หล่อนมันใช้ไม่ได้ สมควรแล้วล่ะที่จะต้องมามีสภาพเป็นอีตัวแบบนี้
“พ่อผิดเอง”
“เลิกคร่ำครวญได้แล้ว ไปยาหยี กลับไปที่เตียง” คอร์เนลเปลี่ยนจากโอบกอดเป็นกระชากแขนกลมกลึงแรงๆ ทันที
“ไม่ไป! ฉันเกลียดคนใจร้ายแบบคุณที่สุด” พยายามขืนตัวแต่ในที่สุดก็ถูกพ่อเจ้าประคุณลากออกไปจากเรือนคุมขังจนได้
“ไปล็อกกุญแจ และเฝ้าให้แน่นหนา อย่าให้มันหนีออกไปได้เด็ดขาด” คนตัวโตออกคำสั่งกับชายสามคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า
“ครับนายน้อย” ผู้ชายร่างบึกบึนพวกนั้นรีบวิ่งไปทำตามคำสั่งของคอร์เนลอย่างว่านอนสอนง่าย
“ส่วนคุณเจอดีแน่!”
และคนตัวโตก็ฉุดกระชากร่างบอบบางให้เดินแกมวิ่งตามไปอย่างไร้ความปรานี ระหว่างทางก็พยายามขัดขืนแต่ผลก็คือไม่สำเร็จเหมือนเดิม จนในที่สุดหล่อนก็ถูกคอร์เนลพากลับมายังห้องนอนอีกครั้ง
“ปล่อยฉันนะ!”
คอร์เนลแสยะยิ้ม ใช้เท้าดันประตูห้องจนมันปิดสนิทลง จากนั้นก็ดันร่างของหล่อนแรงๆ จนแผ่นหลังบอบบางชนเข้ากับผนังห้องเต็มแรง หล่อนเจ็บแปลบขึ้นมาในพริบตา
“คนใจร้าย…ฉันเจ็บนะ”
เขายิ้ม ตามประกบเข้ามา สองลำแขนกำยำรัดร่างของหล่อนแนบแน่น ก่อนจะก้มลงบดขยี้บนกลีบปากของหล่อนอย่างป่าเถื่อน ทุกสัมผัสเต็มไปด้วยความรุนแรงจนปากสาวแตกเลือดซึม ประกาศศักดาว่าหล่อนเป็นแค่ทาสรับใช้ ห้ามเผยอหน้าต่อต้านผู้ยิ่งใหญ่เช่นเขาอีก และเนิ่นนานทีเดียวกว่าเขาจะหยุดการลงทัณฑ์แสนอำมหิตนั้น
“นี่คือการลงโทษที่คุณบังอาจตะโกนคำว่าเกลียดใส่หน้าผม”
คำเหี้ยมเกรียมไร้หัวใจถูกพ่นออกมาจากริมฝีปากร้อนผ่าวที่แนบชิดอยู่กับปากบวมเจ่อของหล่อนในตอนนี้
“และหากคุณยังพูดคำนี้ใส่หน้าผมอีกละก็…”
มือใหญ่ฉีกเสื้อตัวสวยจนขาดเป็นสองชิ้นในทันที สาวน้อยน้ำตาไหลทะลักด้วยความอดสู
“ผมจะฟาดคุณให้ลุกไม่ขึ้นเลยทีเดียว!”
และเขาก็ผลักร่างของหล่อนให้ล้มลงไปกองกับพื้นห้อง จากนั้นก็หมุนตัวเดินตรงไปที่ปากประตูห้องนอน
“คนใจร้าย คนใจดำ…”
คอร์เนลหยุดเดินและหันหน้ากลับมามองด้วยสายตาเลือดเย็น
“ผมจะเป็นยิ่งกว่านี้อีก หากคุณทำให้ผมรู้สึกถึงความพ่ายแพ้”
มือใหญ่กระชากประตูและก้าวออกไปในทันที เสียงบานประตูที่กระแทกแรงๆ กับวงกบทำให้ร่างอรชรที่สั่นระริกเพราะความเสียใจสะดุ้งโหยง
“ทำไมถึงใจร้ายกับฉันนักนะ”
‘เพราะเขาไม่ได้รักเธอยังไงล่ะ เธอมันก็แค่ผู้หญิงที่เขาต้องการแค่ตัวเท่านั้น อีกไม่นานเขาก็จะเบื่อและถีบหล่อนทิ้งอย่างไม่ไยดี’
ยาหยีกัดปากแน่น ยกมือขึ้นป้ายน้ำตาแห่งความเจ็บช้ำครั้งแล้วครั้งเล่าแต่มันก็ไม่ยอมเหือดแห้ง ในเมื่ออยู่ไปก็มีแต่ความเจ็บปวด สู้รีบๆ ไปเสียให้ไกลซะดีกว่า ไปให้ไกล และไม่ต้องเจอะเจอกันอีกตลอดกาล