เมียเก็บมาเฟีย ชุด เทพบุตรมาเฟีย - ตอนที่ 42
เซอร์เกที่กำลังยืนสูบบุหรี่อยู่ที่หน้าห้องพักอุทานออกมาด้วยความตกใจเมื่อเห็นใบหน้าบวมเป่งของหลานชายถนัดตา
“นั่นหน้าไปโดนอะไรมาหรืออีวาน ทำไมแตกยับแบบนั้นล่ะ”
อีวานยกมือขึ้นลูบแผลบนหน้าของตัวเอง ก่อนจะถอนใจออกมาแรงๆ
“ก็โดนลมเพชรหึงน่ะสิน้าเซอร์เก” กระแทกก้นนั่งลงบนโซฟาตัวริมหน้าต่างแรงๆ
“ลมเพชรหึง? ลมเพชรหึงของใคร ทำไมมันรุนแรงจนหน้าแกแตกยับแบบนี้”
ผู้เป็นน้าชายขยี้เศษบุหรี่ในถาด ก่อนจะเดินกลับมานั่งตรงหน้าหลานชาย จ้องมองนิ่งด้วยความข้องใจนักหนา
“หรือว่าไปยุ่งกับผู้หญิงที่เขามีเจ้าของแล้วล่ะ”
อีวานส่ายหน้าพรืด
“ผมจะไปยุ่งกับใครที่ไหนล่ะน้า วันๆ ผมก็อยู่กับน้านั่นแหละ”
“อ้าว…แล้วใครต่อยแกล่ะอีวาน” คิ้วสีเข้มของเซอร์เกเลิกขึ้นสูงด้วยความสงสัย อีวานเบ้หน้าด้วยความเจ็บก่อนจะพูดออกมา
“ก็นายน้อยน่ะสิน้าเซอร์เก ต่อยผมซะยับแบบนี้ หมัดเดียวทำผมเห็นดาวทั้งท้องฟ้าเลย”
“นายน้อยนี่นะ? ฉันไม่เชื่อแกหรอก ตั้งแต่ฉันรับใช้นายน้อยมา ฉันไม่เคยเห็นนายน้อยใช้กำลังเลยสักครั้งเดียว ขนาดมีลูกน้องทำงานผิดพลาด นายน้อยยังแค่ตักเตือนเล็กๆ น้อยๆ เลย”
‘นึกอยู่แล้วเชียวว่าต้องไม่เชื่อ’
“นั่นมันเรื่องเล็กนี่น้าเซอร์เก แต่เรื่องที่ต่อยผมเนี่ยมันเรื่องใหญ่”
“ทำงานพลาดยังไม่ใช่เรื่องใหญ่อีกหรือวะ แล้วเรื่องของแกนี่มันอะไรกัน ทำไมนายน้อยถึงต้องลงไม้ลงมือกับแกด้วย”
น้ำเสียงของเซอร์เกยังเต็มไปด้วยความไม่เชื่ออยู่ดี อีวานถอนใจออกมาอีกครั้ง ก่อนจะเปิดปากพูดออกมาด้วยน้ำเสียงวิตกกังวลยิ่งนัก
“ก็เรื่องคุณยาหยีน่ะสิ ผมถูกตัวคุณยาหยีนิดเดียว นายน้อยก็บันดาลโทสะต่อยผมซะคว่ำเลย นี่ถ้าน้าเซอร์เกเห็นสายตาของนายน้อยตอนที่มองผมนะ น้าจะรู้ว่านายน้อยน่ะหวงคุณยาหยีแค่ไหน แถมยังคำรามใส่หน้าผมอีกนะว่า มีแค่นายน้อยคนเดียวที่แตะต้องคุณยาหยีได้ คนอื่นแตะต้องตาย!”
เซอร์เกอึ้งไปเลยทีเดียว ทั้งๆ ที่พอจะรู้อยู่แก่ใจว่าคอร์เนลหลงใหลยาหยีมาก แต่ไม่คิดว่าจะถึงขั้นแตะต้องไม่ได้แบบนี้ อย่างนี้มันเข้าขั้นหึงหวงแล้วสินะ
“ผมว่างานใหญ่แล้วล่ะครับน้าเซอร์เก บางทีหากเรากลับมอสโกกันคราวนี้ อาจจะมีนายหญิงคนใหม่ตามติดไปด้วยก็ได้ นี่ถ้านายยอดชายรู้นะว่านายน้อยหลงลูกสาวของมันจนโงหัวไม่ขึ้นแบบนี้ สงสัยมันนั่งหัวเราะท้องคัดท้องแข็งเลยทีเดียว น้าเซอร์เกว่าไหม?”
อีวานหันไปขอความคิดเห็นของเซอร์เก แต่น้าชายของตัวเองกลับเอาแต่นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดราวกับกำลังแบกโลกไว้ทั้งใบ
“ผมเคยบอกแล้วว่าให้กำจัดคุณยาหยีซะ แต่น้าก็ไม่เชื่อผม แล้วเป็นไงล่ะ คราวนี้นายน้อยตกหลุมเสน่หาของคุณยาหยีลึกจนปีนขึ้นไม่ได้แล้วล่ะ” อีวานส่ายหน้าพร้อมกับถอนใจหนักๆ และพูดสิ่งที่ตัวเองคิดออกมาอีกครั้ง
“ถ้าคุณยาหยีจริงใจกับนายน้อยก็ไม่น่าห่วงหรอกครับ แต่ถ้าไม่นี่สิ นายน้อยมีหวังเสียผู้เสียคนเพราะผู้หญิงก็คราวนี้แหละ”
หลานชายเดินหายเข้าไปในห้องนอนแล้ว แต่เซอร์เกก็ยังนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม ความภักดีที่มีต่อคอร์เนลก่อความเครียดจำนวนมหาศาลให้เกิดขึ้นภายในอก เขาทนนั่งมองเห็นนายน้อยของตัวเองต้องมีชีวิตอยู่บนความเสี่ยงไม่ได้แน่ เขาจะต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อให้มั่นใจว่ายาหยีจะไม่ทรยศนายน้อย เหมือนกับที่พ่อของเธอเคยทำมาแล้วครั้งหนึ่งในอดีต
ยาหยีพยายามจะดันเท้าของตัวเองให้พ้นจากอุ้งมือใหญ่ของคอร์เนลเป็นครั้งที่ร้อยแล้วมั้ง แต่ทุกครั้งก็เหลวเป๋วอย่างน่าละเหี่ยใจ จำต้องนั่งมองคนตัวโตนั่งบีบนวดข้อเท้าที่ค่อนข้างบวมแดงของตัวเองอย่างเงียบๆ
ใบหน้าหล่อเหลาปานเทพบุตรที่หล่อนเห็นทีไรลมหายใจก็สะดุดเสียทุกทีให้ความสนใจที่ข้อเท้าของหล่อนอย่างขะมักเขม้น นิ้วเรียวยาวสีแทนที่มีความสามารถพิเศษจนน่าทึ่งกำลังกดคลึงเนื้อบริเวณข้อเท้าให้หล่อนด้วยความตั้งอกตั้งใจ
‘ไม่อยากเชื่อ…ไม่น่าเชื่อว่าผู้ชายเลือดเย็น ไม่มีหัวใจอย่างคอร์เนล จะมาใส่ใจกับเรื่องบาดเจ็บเล็กๆ น้อยๆ ของหล่อนแบบนี้ หล่อนรู้สึกได้ถึงความห่วงใยที่ถ่ายทอดออกมาจากสัมผัสของเขาอย่างชัดเจนแม้เขาจะไม่ยอมพูดมันออกมาก็ตาม แต่มันเป็นไปได้ด้วยหรือ ที่คนอย่างคอร์เนล ซีร์ยานอฟ มาเฟียผู้ยิ่งใหญ่ จะมาห่วงใยผู้หญิงข้างถนนแบบหล่อน’ พอคิดอย่างนี้แล้วหัวใจที่พองโตก็เหี่ยวแฟบลงทันที
‘ยิ่งเขาทำดีด้วย หล่อนก็ยิ่งถลำใจลึก ยิ่งรักมากก็ยิ่งเจ็บมาก’ สาวน้อยคิดอย่างขมขื่น รีบขืนข้อเท้าของตัวเองทันที
“พอแล้วล่ะค่ะ ฉันค่อยยังชั่วแล้ว”
คอร์เนลหันมามองแต่ยังไม่หยุดนวดเท้าให้กับหล่อน
“มันยังแดงอยู่เลย ผมจะนวดจนกว่ามันจะยุบ นอนเฉยๆ เถอะน่า”
เขากลับไปให้ความสนใจกับเท้าของหล่อนต่อ ยาหยีน้ำตาซึมเมื่อหัวใจตีแผ่ความจริงว่าคอร์เนลไม่มีทางรักหล่อนได้อย่างที่หล่อนรักเขาหรอก
“คุณทำดีกับฉันทำไมคะ”
“ผมไม่ได้ทำเพื่อคุณสักหน่อยลูกหยี”
น้ำเสียงของเขานุ่มทุ้มชวนฟัง และหากต้องแลกด้วยชีวิตเพื่อให้ตัวเองได้ยินเสียงนี้ทุกเช้าที่ตื่นนอน หล่อนก็ยินดีจะแลกกับมัน
“ผมทำเพื่อตัวเองต่างหากล่ะ เพราะถ้าคุณเท้าเจ็บ ผมก็อดเป็นม้าหนุ่มน่ะสิ”
“ม้าหนุ่ม?”
แม้จะถูกความโศกเศร้าครอบงำ แต่หญิงสาวก็อดถามออกไปด้วยความสงสัยไม่ได้ คนตัวโตระบายยิ้ม หันมาจ้องใบหน้าของหล่อนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหิวกระหาย หล่อนเห็นแล้วก็ร้อนวูบวาบไปทั้งเนื้อทั้งตัว
“ผมตั้งใจจะแนะนำให้คุณรู้จักกับมันคืนนี้ แต่คุณดันมาเท้าเจ็บซะก่อน”
“คุณหมายถึงอะไรกันคะ?” จนแล้วจนรอดยาหยีก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี
คอร์เนลหัวเราะเบาๆ ในลำคอ
“ไว้หายเท้าเจ็บเมื่อไร ผมจะบอกคุณก็แล้วกัน แต่ตอนนี้นอนนิ่งๆ นะ ผมจะนวดเท้าให้ต่อ”
ขนของหล่อนลุกซู่ซ่าทันทีเมื่อฝ่ามือใหญ่ที่จับข้อเท้าอยู่ค่อยๆ เคลื่อนขึ้นมายังต้นขาอ่อน
“แต่ฉันอยากกลับหอพักนี่คะ”
“ไม่จริงหรอกมั้ง ถ้าคุณอยากกลับคงไม่มาหาผมถึงที่หรอก อยู่จนถึงเช้าเถอะลูกหยี ผมรับรองว่าจะไปส่งคุณถึงหน้าห้องสอบเลย สัญญา…” คำพูดนุ่มนวลของคอร์เนลทำเอายาหยีเบิกตากว้างด้วยความข้องใจ
“คุณรู้ได้ยังไงคะว่าฉันมีสอบพรุ่งนี้”
คนถูกถามยิ้มกว้างอวดฟันสวยจนแทบจะครบทุกซี่
“ผมมีสายสืบส่วนตัวน่ะ และผมก็ยังรู้อีกนะว่าคุณจะสอบเสร็จในวันมะรืน”
ยาหยีย่นจมูกใส่เขา พร้อมกับระบายยิ้มบางๆ ออกมา
“ลินดาแน่ๆ เลย คุณคงต้องเสียเงินค่าจ้างแพงน่าดูใช่ไหมคะ เพราะลินดาไม่ค่อยงกเลย” สาวน้อยหัวเราะออกมา
คอร์เนลไหวไหล่ทรงพลังของตัวเองน้อยๆ
“อย่าห่วงเลยเรื่องนั้นน่ะ เพราะผมจะคิดทั้งต้นทั้งดอกกับคุณยังไงล่ะลูกหยี”
พ่อคนตัวโตเลิกสนใจข้อเท้าของหล่อนแล้วปีนขึ้นมาทาบทับร่างบางของหล่อนที่นอนหงายอยู่บนเตียงโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย หญิงสาวรีบยกมือดันแผงอกกว้างเอาไว้สุดกำลัง แต่พ่อตัวดีก็กระชากมือของหล่อนไปตรึงไว้เหนือศีรษะซะอย่างนั้น
“ไหนว่าจะนวดเท้าให้ไงคะ”
“ไม่เอาแล้ว ทนไม่ไหวแล้ว อยากนาบคุณก่อน”
ยาหยีหน้าแดงก่ำกับคำพูดจาลามกของคอร์เนล
“คนบ้า ดูพูดเข้าสิ นี่ลุกขึ้นไปนะ ฉันหนักจนจะหายใจไม่ออกแล้ว”
“งั้นผมช่วยผายปอดให้นะลูกหยี และรับรองว่าคุณจะต้องหายใจออกมาเป็นคอร์เนลคะ คอร์เนลขา อย่างเดียวแน่นอน”
“ไม่นะ…อุ๊บ!”
สุดท้ายก็ต้องยอมปล่อยให้คนเอาแต่ใจ บ้าอำนาจอย่างนายคอร์เนล ซีร์ยานอฟทำตามความต้องการ เขาประกบปากจูบลงมาอย่างดูดดื่ม เรียกร้องให้หล่อนตอบสนองจุมพิตเดือดนั้นด้วยอารมณ์เดียวกัน ลิ้นใหญ่แทรกลึกเข้าไปหาความหวานฉ่ำทันทีที่เจ้าของเปิดปากรับ สาวน้อยบิดกายเกร็งด้วยความซ่านสยิวรุนแรง
“จำเอาไว้นะทูนหัว…” เขาพูดชิดกลีบปากบวมเป่งของหล่อนหลังจากจบจุมพิตที่บ้าคลั่งปานพายุบุแคมลง
“ผมเป็นผู้ชายคนแรกของคุณ และต้องเป็นคนสุดท้ายในชีวิตของคุณด้วย” มือใหญ่ร้อนระอุสอดใต้เสื้อตัวงามเข้าไปโอบประคองเต้าสวยเอาไว้เต็มมือ นัยน์ตาสีเขียวดุจมรกตเนื้อดีไม่คลาดเคลื่อนไปจากดวงหน้างามของยาหยีเลยแม้แต่วินาทีเดียว
“อย่าให้ใครแตะต้องตัวคุณอีก”
แม้จะรู้ดีว่าทุกอย่างมันแค่สิ่งลวงตาลวงใจ แต่หล่อนก็ยินดีที่จะปิดหูปิดตาไม่รับไม่รู้เรื่องราวใดๆ อีก เก็บความน้อยอกน้อยใจ ความโศกเศร้าเข้าลิ้นชักติดกุญแจเสียให้หมด ปล่อยให้หัวใจไหลไปตามธารรักที่มีคอร์เนลเป็นคนนำทางเท่านั้นก็พอแล้วไม่ใช่หรือ
แค่คืนนี้…แค่คืนนี้เท่านั้น
“ค่ะคอร์เนล ฉันสัญญา…”
รอยยิ้มของผู้ชายบนร่างช่างน่าหลงใหลเสียเหลือเกิน คอร์เนลยิ้มให้หล่อน และจากนั้นเขาก็เริ่มร่ายบทเพลงแห่งรักกับผิวกายของหล่อนด้วยจังหวะที่นุ่มนวลอ่อนหวาน ทุกอย่างดำเนินไปตามครรลองแห่งชายหญิง
‘มันเหมาะเจาะเหลือเกินยามที่ได้อยู่ใต้ร่างของคอร์เนลแบบนี้’
ยาหยีคิดอย่างลุ่มหลงขณะตวัดแขนรัดรอบเรือนกายทรงพลังชื้นเหงื่อที่กำลังขับเคลื่อนเพลงรักเข้าใส่ร่างของตัวเองด้วยความเต็มอกเต็มใจ พรุ่งนี้จะเป็นยังไงก็ช่าง ขอแค่คืนนี้มีคอร์เนลอยู่ในอ้อมกอดก็พอแล้ว