เมียเก็บมาเฟีย ชุด เทพบุตรมาเฟีย - ตอนที่ 41
ดวงจันทร์ที่ลอยเด่นอยู่เบื้องหน้าหาได้ทำให้ยาหยีมีความสุขเท่ากับการได้อยู่กับคอร์เนลสองต่อสองแบบหวานฉ่ำไม่ บนโต๊ะอาหารค่ำ ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะยิ้มให้กับหล่อน และพูดจาลื่นหูกับหล่อนแบบนั้น มันเหลือเชื่อราวกับความฝัน
“หากเป็นไปได้ ผมอยากกินข้าวกับคุณทุกมื้อ”
‘โอ้…แม่เจ้า นี่หล่อนหูฝาดไปเอง หรือว่าสมองของคอร์เนลเลอะเลือนกันแน่ เป็นไปไม่ได้หรอกที่ผู้ชายหยิ่งผยองอย่างคอร์เนลจะพูดจาแบบนี้กับอีตัวของตนเอง ไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอน’
“ดวงจันทร์มันน่ามองกว่าผมอีกหรือ ลูกหยี…”
คำเรียกสนิทสนมจากผู้ชายหล่อระเบิดที่ตอนนี้ยืนเกือบเปลือยอยู่กลางห้องทำให้ยาหยีที่พึ่งหันกลับมามองแก้มแดงก่ำ ก็พ่อเจ้าประคุณมีเพียงผ้าขนหนูสั้นเต่อพันรอบสะโพกเอาไว้ผืนเดียวเท่านั้นเอง แถมดูท่าทางแล้วมันจะหลุดเอาง่ายๆ เสียอีกต่างหาก
“เอ่อ…”
“มานี่เถอะ”
เขากวักมือเรียก และหล่อนก็ง่ายแสนง่ายที่โผเข้าไปหาเขาราวกับถูกดึงดูดด้วยแม่เหล็กต่างขั้ว คอร์เนลกอดรัดหล่อนเอาไว้แน่น ประกบปากดูดดื่มตามลงมาอีกระลอก จูบจนหล่อนแทบหายใจหายคอไม่ทันเลยทีเดียว
“คืนนี้เราจะไม่ทะเลาะกัน”
มือใหญ่ลูบไล้หัวไหล่เปลือยของหล่อนแผ่วเบา ขณะรั้งร่างอรชรระทดระทวยให้เดินตามตัวเองไปทรุดนั่งลงบนที่นอนอย่างนุ่มนวล
“ผมอยากจะรักคุณทั้งคืน”
“ไม่อยากเชื่อว่าคุณจะอยากรักฉันด้วย ในเมื่อคุณลุกหนีฉันตลอดเวลา หลังจาก…” ไม่อาจพูดได้จบประโยคด้วยความขัดเขิน ดังนั้นคอร์เนลจึงเป็นฝ่ายต่อให้เสียเอง
“หลังจากที่เราสุขสมใช่ไหม”
สาวน้อยก้มหน้าหลบตา คนตัวโตหัวเราะเบาๆ ก้มหน้าลงมาหาจนริมฝีปากชิดกัน ก่อนจะพูดกับกลีบปากหวานฉ่ำช้าๆ
“ถ้าผมไม่รีบลุกมา คุณจะเหนื่อยกว่านี้หลายเท่านะลูกหยี เหนื่อยชนิดที่ว่าคุณจะไม่มีแรงลุกขึ้นไปเรียนตอนเช้าเลยนะจะบอกให้”
“ฉันคิดว่าคุณเกลียดฉัน”
“ไอ้เรื่องเกลียดน่ะเกลียดอยู่แล้วล่ะ แต่ความต้องการมันมีมากกว่า คุณสวย และก็สวยจนผมลืมไม่ลงเลยทีเดียว นี่คือความสัตย์จริงเชียวนะ ผมไม่เคยนอนกับผู้หญิงคนไหนมากครั้งเท่าคุณมาก่อนเลยยาหยี”
“ฉันควรภูมิใจใช่ไหมคะที่ได้รับเกียรตินี้” ความน้อยใจเริ่มก่อตัวอยู่ในอกอีกแล้ว
คอร์เนลไหวไหล่ทรงพลังของตัวเองอย่างไม่แยแส “แน่นอน มันเป็นเรื่องที่คุณควรจะภูมิใจ แต่ก็อย่าหลงคิดไปเองล่ะว่า ผมจะเก็บคุณไว้ข้างกายตลอดชีวิต” น้ำเสียงนุ่มนวลแปรเปลี่ยนเป็นเลือดเย็นในพริบตา “เพราะมันไม่มีทางเป็นไปได้ ผมไม่มีทางรักคุณ”
อ้อมแขนกำยำที่เคยอบอุ่นน่าหลงใหลแปรเปลี่ยนเป็นร้อนผ่าวน่าทุรนทุรายทันที หญิงสาวกัดปากแน่น ดิ้นรนจนหลุดจากอ้อมกอดของคอร์เนลได้สำเร็จ
“เมื่อกี้หลงคิดว่าคุณก็มีหัวใจเหมือนๆ กับมนุษย์คนอื่นๆ แต่ฉันคงคิดผิดไป เพราะคนเลือดเย็นอย่างคุณไม่มีทางมีหัวใจได้หรอก”
ยาหยีพูดออกมาด้วยความขมขื่น ขณะผุดลุกขึ้นจากเตียง
“นั่นคุณจะไปไหน?”
“ฉันจะกลับหอ”
ร่างอรชรที่กำลังจะหมุนตัวเดินตรงไปที่ประตูห้องชะงักเท้าเล็กน้อย ก่อนจะตอบออกมาด้วยเสียงแผ่วเบา คอร์เนลขบกรามแน่นด้วยความไม่พอใจ ขณะลุกขึ้นยืนและเดินตามไปดักหน้าแม่สาวน้อยที่ตัวเองคาดหวังว่าจะนอนกอดตลอดทั้งคืนเอาไว้ จ้องหน้าเจ้าหล่อนเขม็ง
“ไหนว่าจะนอนกับผมเพื่อแลกกับอิสรภาพของพ่อยังไงล่ะ ลืมแล้วหรือไง”
ยาหยีหันมาหัวเราะน้ำตาซึม
“ฉันไม่ลืมหรอกค่ะ แต่รอให้ฉันทำใจให้นอนกับผู้ชายเลือดเย็นได้เมื่อไร แล้วฉันจะกลับมานอนอ้าขาให้คุณ” จบคำพูดที่อัดแน่นไปด้วยความเจ็บช้ำ ร่างของยาหยีก็วิ่งหายออกไปจากสายตาทันที
คอร์เนลยืนอึ้งไปนานเลยทีเดียว เพราะไม่คิดว่าหญิงสาวจะกล้าวิ่งหนีเอาดื้อๆ แบบนี้ และเมื่อสมองกลับมาทำงานอีกครั้ง ชายหนุ่มจึงรีบไปคว้าเสื้อคลุมมาสวมใส่ จากนั้นก็รีบวิ่งตามแม่ยาหยีคนงามไปในทันที
“คิดว่าผมจะปล่อยคุณไปง่ายๆ หรือไง ฝันไปเถอะ”
คอร์เนลคำรามออกมาอย่างดุดัน ขณะก้าวเท้าไปตามพรมหนามุ่งหน้าไปยังหน้าตึกใหญ่ด้วยความรีบร้อน
ยาหยีวิ่งกระเซอะกระเซิงออกมาจากห้องทำงานของคอร์เนลโดยไม่รู้ทิศทาง หญิงสาววิ่งแล้วก็วิ่งไปข้างหน้า ขณะที่น้ำตาก็ไหลออกมาไม่หยุด หัวใจกรีดร้องคร่ำครวญด้วยความเจ็บช้ำ ผู้ชายคนนั้นไม่แม้แต่จะแบ่งเศษเสี้ยวความรู้สึกดีๆ ให้หล่อนเลยแม้แต่นิดเดียว
“อย่าหลงคิดไปเองล่ะว่า ผมจะเก็บคุณไว้ข้างกายตลอดชีวิต เพราะมันไม่มีทางเป็นไปได้ ผมไม่มีทางรักคุณ”
วาจาตรงไปตรงมาของเขาช่างทำร้ายหัวใจของหล่อนอย่างรุนแรง เลือดไหลทะลัก เนื้อหัวใจเหวอะหวะเป็นแผลกว้างลึก เจ็บจนแม้แต่จะหายใจก็ยังลำบาก
สาวน้อยยกมือขึ้นปาดม่านน้ำตาที่ไหลลงมาปิดกั้นการมองเห็นของตัวเอง ขณะที่ยังสาวเท้าไปข้างหน้าไม่หยุด ความโศกเศร้า ความร้าวรานถล่มยับอยู่ภายในอก รู้สึกเหมือนกับตัวเองต่ำยิ่งกว่าไส้เดือนในผืนดินเสียอีก
‘ทำไมเจ็บแบบนี้นะ…เจ็บเหลือเกิน เพียงแค่ได้ยินคอร์เนลพูดว่าไม่มีทางรักหล่อนได้ นี่หล่อนฝันสูงถึงขั้นอยากได้ความรักจากผู้ชายเกินเอื้อมคนนั้นเชียวหรือ ทำไมถึงใฝ่สูงนักนะยาหยี ทำไมถึงไม่ก้มหน้ามองผืนดินที่เป็นที่อยู่ของตัวเอง ไปเงยหน้ามองฟ้าอันสูงส่งทำไมกัน’
“คุณยาหยีจะวิ่งไปไหนครับ”
เสียงของใครคนหนึ่งดังขึ้นไม่ไกล หญิงสาวหันไปมองแล้วก็เสียหลักล้มลงกองกับพื้นกว้าง เจ็บที่ข้อเท้าจนไม่อาจจะพยุงกายลุกขึ้นได้
“ไปยังไงบ้างครับคุณยาหยี” อีวานนั่นเอง
“ไม่…ฉันไม่เป็นไรค่ะ”
ขยับข้อเท้าหนีมือใหญ่ของอีวานแต่ก็ไม่พ้น หนุ่มน้อยหน้าตาน่าเอ็นดูก้มลงมองข้อเท้าของหล่อนด้วยความห่วงใย
“แดงเชียวครับ น่าจะช้ำ…”
“ฉันไม่เป็นไรจริงๆ อีวาน” ยาหยีส่ายหน้าปฏิเสธ ทั้งๆ ที่มันเจ็บมากมายเลยทีเดียว
“ผมจะไปเรียนนายน้อยให้ทราบนะครับ”
อีวานทำท่าจะลุกขึ้น แต่หญิงสาวรีบร้องห้ามไว้ซะก่อน หล่อนไม่อยากเห็นหน้าคอร์เนล และก็มั่นใจว่าผู้ชายคนนั้นก็คงไม่อยากเห็นหน้าหล่อนเช่นกันนั่นแหละ
“ไม่นะอีวาน ฉัน…เอ่อ…ฉันกำลังจะกลับ” ก้มหน้าแล้วตอบออกไปเสียงแผ่วเบา
อีวานมองด้วยสายตาเคลือบแคลงแต่ก็ไม่อยากจะถามออกไปให้มากความ
“งั้นผมจะขับรถไปส่งคุณยาหยีที่หอพัก”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันกลับเองได้ แค่ช่วยพยุงฉันให้ลุกขึ้นยืนก็พอแล้ว”
อีวานไม่มีทางเลือกอื่นใด เขาปล่อยมือจากข้อเท้าบอบบางของยาหยีแล้วเปลี่ยนมาเป็นโอบเอวบางและดึงให้ร่างอรชรลุกขึ้นแทน แต่จังหวะไม่สอดคล้องกันทำให้ทั้งคู่เสียหลัก ร่างของอีวานพลิกหงายล้มลงไปนอนกับพื้นโดยมีร่างของยาหยีทาบทับอยู่ด้านบน
“กำลังเล่นอะไรกันอยู่หรือ!”
คำถามแสนธรรมดาแต่น้ำเสียงของคนถามนี่สิฟังแล้วขนลุกเกรียวเลยทีเดียว ยาหยีรีบลนลานพลิกกายลงไปนั่งกับพื้น ขณะที่อีวานรีบลุกขึ้นและอธิบายกับนายน้อยของตัวเองด้วยน้ำเสียงหวาดหวั่น
“มันเป็นอุบัติเหตุครับ”
คอร์เนลกัดฟันแน่น เดินเข้าไปกระชากคอเสื้อของอีวานให้เงยหน้าขึ้นสบตาคมกริบที่กำลังเรืองรองไปด้วยโทสะร้ายของตัวเองอย่างเดือดดาล
“ฉันไม่ได้ถามว่ามันเป็นอุบัติเหตุหรือเปล่า แต่ฉันถามว่านายกำลังทำอะไรอยู่”
ทุกคำพูดที่เล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากของคอร์เนลนั้นช่างเหี้ยมเกรียมและน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก ยาหยีมองเหตุการณ์เบื้องหน้าด้วยความมึนงง ทำไมคอร์เนลถึงได้แสดงท่าทางแบบนี้ออกมานะ คล้ายกับว่าเขากำลังหึงหวงหล่อนอย่างนั้นแหละ แต่มันจะเป็นไปได้ยังไงล่ะ ในเมื่อเขาพึ่งประกาศใส่หน้าของหล่อนเองว่า เขาไม่มีวันรักผู้หญิงอย่างหล่อนได้แน่ๆ
“ฉันขาเจ็บ อีวานก็เลยช่วยฉัน มันก็เท่านั้นเอง”
เพราะเห็นว่าอีวานผู้ที่มีน้ำใจกับหล่อนหน้าซีดเผือดด้วยความยำเกรงผู้ชายเลือดเย็น บ้าอำนาจตรงหน้า หญิงสาวจึงเป็นฝ่ายตอบเสียเอง แต่คนตัวโตที่กำลังควันออกหูหาได้ฟังคำพูดของหล่อนไม่ เขายังคงเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันใส่อีวานเช่นเดิม
“ผม…ผมไม่ได้ทำอะไรครับ”
“ฉันเห็นนายกอดยาหยี”
“ผมแค่ช่วยเธอครับ เธอเท้าเจ็บ…”
อีวานยังพูดไม่ทันจะจบประโยคก็ถูกหมัดหนักๆ ของคอร์เนลฟาดเข้าใส่ใบหน้าซะก่อน มันแรงจนร่างสูงใหญ่ของอีวานล้มลงไปกองกับพื้น ยาหยีอุทานออกมาด้วยความตกใจ และรู้สึกผิดต่อชายที่นอนเลือดกบปากเหลือเกิน คอร์เนลทำเกินไปจริงๆ
“คนเลว คุณทำร้ายเขาทำไม เขาช่วยฉันนะ…”
หญิงสาวพยายามจะพยุงกายตัวเองเพื่อจะเข้าไปประคองอีวาน แต่ก็ถูกมือใหญ่ของคอร์เนลหิ้วปีกเอาไว้เสียก่อน เขากระชากร่างของหล่อนเข้ามาไว้ในอ้อมแขน ลดศีรษะแสนทระนงลงมากระซิบที่ข้างหูเล็กของหล่อนเสียงเลือดเย็น
“ถ้าไม่อยากให้ใครเจ็บตัว ก็อย่าให้ใครแตะต้องเนื้อตัวอีก จำเอาไว้”
“แต่คุณไม่มีสิทธิ์มาสั่งฉันนะ”
คอร์เนลแสยะยิ้ม หรี่ตาแคบมองหล่อนตลอดทั้งตัว
“อย่าพูดถึงเรื่องสิทธิ์เลยดีกว่า เพราะคุณก็รู้ดีอยู่เต็มอกว่าผมเป็นผู้ชายคนเดียวที่มีสิทธิ์ทำอะไรกับเนื้อตัวของคุณก็ได้”
“คนทุเรศ ฉัน…ว้าย!” หวีดร้องออกมาด้วยความตกใจเมื่อถูกคนตัวโตจับร่างของหล่อนขึ้นพาดบนบ่าทรงพลังเอาไว้ มือใหญ่ของเขาตบบั้นท้ายของหล่อนหนักๆ สองสามทีเมื่อเห็นหล่อนเริ่มดิ้นรน
“ถ้าไม่อยากข้ามขั้นจากขาแพลงเป็นขาหักละก็ อยู่เฉยๆ”
เขาสั่งหล่อนเสียงดุดัน ก่อนจะเดินเข้าไปหยุดตรงหน้าของอีวานที่กำลังยืนก้มหน้ามองพื้นอยู่ด้วยท่าทางคุกคามน่ากลัว
“จำเอาไว้นะอีวาน มีแค่ฉันเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถแตะต้องผู้หญิงคนนี้ได้”
“ครับนายน้อย ต่อไปผมจะระวัง”
อีวานก้มหน้ารับคำสั่งด้วยความยำเกรง คอร์เนลไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกนอกจากเดินดุ่มๆ มุ่งหน้ากลับสู่ห้องนอนของตัวเองในทันที