คอร์เนลโยนโทรศัพท์มือถือของตัวเองลงบนโต๊ะทำงาน ก่อนจะลุกขึ้นเดินอ้อมโต๊ะไม้ใหญ่เอี่ยมอ่องที่เขาพึ่งสั่งให้คนงานนำขึ้นมาเปลี่ยนให้แทนตัวเก่าที่ชำรุดออกมาหยุดที่หน้าต่างห้อง เมื่อกี้เซอร์เกโทรมาบอกว่ายาหยีไม่ได้อยู่ที่หอพัก และหล่อนก็ไม่ได้ไปที่มหาวิทยาลัยด้วย แล้วยาหยีไปไหนกัน?
ความหึงหวงเดือดดาลแล่นพล่านในสายโลหิตอย่างรุนแรง มือใหญ่กำเข้าหากันแน่นเมื่อสมองจินตนาการภาพที่ยาหยีกำลังพลอดรักกับผู้ชายคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวเอง
ระยำ! เขาไม่มีทางทนมองเฉยๆ ได้แน่ ทั้งไอ้ผู้ชายคนนั้นและแม่ยาหยีคนงามจะต้องแหลกคามือแน่หากเจ้าภาพพวกนั้นมันเกิดขึ้นจริงๆ
เขาหวงยาหยี แล้วก็หวงมากเสียด้วย
ในที่สุดคอร์เนลก็ยอมรับออกมาจนได้ว่าตัวเองนั้นหวงแหนยาหยีมากมายแค่ไหน แต่ก็แค่หวงเท่านั้นแหละ เพราะเขาใช้เจ้าหล่อนจนเบื่อเมื่อไร ไอ้ความรู้สึกงี่เง่าน่าอาเจียนนี้ก็คงจะหมดสิ้นไปตามๆ กันนั่นแหละ
แล้วเมื่อไรล่ะเขาถึงจะเบื่อยาหยี? เมื่อไรกันเขาถึงจะไม่รู้สึกหัวใจเต้นแรงยามที่อยู่ใกล้ๆ เจ้าหล่อน แล้วเมื่อไรกันหล่อนถึงจะกลายเป็นอากาศธาตุสำหรับเขานะ แม้จะร้องถามตัวเองมากมายเท่าไร แต่คำตอบที่ได้กลับมาก็คือความเงียบ เงียบจนน่าตื่นตกใจยิ่งนัก
คอร์เนลถอนใจออกมาแรงๆ พร้อมกับหมุนตัวกลับเข้ามาภายในห้องทำงาน ซึ่งมันก็เป็นจังหวะเดียวกันที่ประตูไม้สักแกะสลักบานใหญ่เปิดออก ร่างของสตรีที่ตัวเองกำลังคิดถึงอยู่ก้าวข้ามธรณีประตูเข้ามาช้าๆ ราวกับเป็นภาพในความฝัน
แต่ไม่จริงหรอก เขาจะฝันไปได้ยังไง ในเมื่อตอนนี้มันยังเป็นตอนกลางวันอยู่เลย แม้จะไม่เชื่อว่าเป็นความฝันแต่ชายหนุ่มก็ยังหลับตาแล้วลืมขึ้นมาใหม่ช้าๆ และคราวนี้เขาก็ได้รู้ว่าภาพของหญิงสาวตรงหน้านั้นเป็นของจริง
“เอ่อ…ฉัน…”
หญิงสาวแทบล้มลงไปกองกับพื้นเมื่อเห็นสายตาคมกริบของพ่อเทพบุตรสุดหล่อจ้องมองมายังร่างของตัวเอง หล่อนลนลานหันไปปิดประตูห้องด้วยมือไม้ที่สั่นเทา ก่อนจะหันกลับมาเผชิญหน้ากับมัจจุราชที่หล่อบาดใจอีกครั้ง
“ฉัน…มาหาคุณ”
คอร์เนลหรี่ตาแคบมองผู้หญิงที่ทำใจกล้าเดินเข้ามาหยุดตรงหน้าของตัวเองนิ่งนาน เขาพยายามสร้างกำแพงป้องกันหัวใจของตัวเองเอาไว้สุดกำลัง แต่ดูเหมือนว่ามันจะพังครืนลงมาไม่เป็นท่าเพียงแค่ได้กลิ่นหอมอ่อนๆ จากกายสาวเท่านั้น
‘ให้ตายเถอะ นี่เขาจะไม่สามารถต้านทานเสน่ห์ของแม่สาวน้อยแสนสวยคนนี้ได้เลยแม้แต่ครั้งเดียวหรือไง’ คนตัวโตสบถในใจด้วยความชิงชังตัวเอง
“แต่ผมไม่ได้เรียกหาไม่ใช่หรือ”
หน้าร้อนผ่าวขึ้นมาในเฉียบพลัน ทั้งมือทั้งปากสั่นระริก
“ฉัน…ฉันมาเอง และหวังว่าคุณ…คงไม่ไล่ฉันกลับไปหรอกนะ”
ทั้งๆ ที่คิดถึงสาวน้อยตรงหน้าใจจะขาด อยากจะดึงเข้ามาจูบ เข้ามากอด และฟัดให้หายคลุ้มคลั่ง แต่ด้วยศักดิ์ศรีทำให้คอร์เนลเลือกที่จะยืนนิ่งเฉยอยู่กับที่ และซ่อนความรู้สึกมากมายเอาไว้ภายใต้สายตาเลือดเย็นของตนเอง
“จุดประสงค์ล่ะ? คุณมาหาผมเพื่ออะไร เพราะหากสมองของคุณไม่ได้เลอะเลือนละก็ เมื่อคืนคุณพึ่งบอกว่าเกลียดผมมากไม่ใช่หรือ เกลียดผมยิ่งกว่ากิ้งกือไส้เดือน” เขาเน้นคำว่าเกลียดหนักๆ เพื่อย้ำเตือนคนฟังที่หน้าซีดเผือดตรงหน้า
“คุณโกรธมากหรือคะ”
คอร์เนลส่ายหน้าด้วยรอยยิ้มเหยียดหยัน
“ก็นิดหน่อย เพราะปกติไม่เคยมีใครบอกว่าเกลียดผมต่อหน้าเลยสักคน แต่คุณบอกมันใส่หน้าผมถึงสามครั้ง”
“หากคุณจะรู้สึกดีขึ้น ฉันขอโทษ…”
หญิงสาวเอ่ยขอโทษออกไป แต่คนฟังอย่างคอร์เนลกลับไม่ซาบซึ้งเลยแม้แต่นิดเดียว เขาหรี่ตาแคบ จ้องหน้าเขม็ง
“บอกมาดีกว่าว่าที่มาหาผมถึงห้องทำงานนี่เพราะอะไร? กำลังจะต่อรองอะไรกับผมอย่างนั้นหรือ”
“ฉัน…คือว่า…”
สิ่งที่ต้องการพูดถูกกลืนหายเข้าไปในลำคออย่างรวดเร็วเมื่อเห็นสายตาเหยียดหยามแกมรู้ทันของคอร์เนลจ้องมองมา เขาเชือดหล่อนด้วยสายตาจนหัวใจเลือดทะลักอีกแล้ว
“จะเอาเนื้อตัวมาล่อเพื่อแลกกับอิสรภาพของพ่อสินะ”
คอร์เนลลองเดาออกไป และมันก็แม่นดั่งกับตาเห็นเพราะแม่สาวน้อยตรงหน้าพยักหน้ารับหงึกๆ ทันที
‘ให้ตายเถอะ นี่คือเหตุผลสำคัญที่ทำให้เจ้าหล่อนมาหาเขาใช่ไหม?’
ชายหนุ่มคิดด้วยความเดือดดาล โทสะแล่นฉิ่วอยู่ในกระแสเลือด ไม่ชอบใจตัวเองเลยที่รู้สึกหงุดหงิดงุ่นง่านยามที่รู้ว่ายาหยีมาหาตัวเองเพียงเพราะต้องการช่วยบิดาเท่านั้น หล่อนควรจะมาหาเขาด้วยหัวใจสิ! มาด้วยหัวใจด้วยหรือ? นี่เขากำลังหวังอะไรจากแม่เด็กสาวข้างถนนคนนี้กันแน่?
ไม่ๆ ท่องจำเอาไว้สิว่าหล่อนไม่มีดีคู่ควรกับเขาเลยแม้แต่น้อย ชาติตระกูลก็ต่ำต้อย ฐานะก็ยากจน แถมหน้าตาก็ไม่ได้สะสวยเหมือนกับบรรดานางแบบดาราที่เขาเคยควงด้วยเลยแม้แต่นิดเดียว จะมีดีอยู่หน่อยก็แค่ความไร้เดียงสาและพรหมจรรย์ที่มอบให้กับเขาเท่านั้นเอง
พรหมจารีหรือ ใช่สินะ ก็เพราะมันนี่แหละที่ทำให้เขาคลุ้มคลั่งเป็นบ้าเป็นหลังอยู่แบบนี้ ติดอกติดใจและโหยหาทุกลมหายใจ แค่เห็นหน้างามๆ เรือนร่างอรชรของหล่อนเท่านั้น กายหนุ่มก็ร้อนราวกับถูกสุมด้วยไฟเสียแล้ว รุ่มร้อนเดือดพล่านไปทั้งตัวเจียนคลั่ง
คอร์เนลขบกรามแน่นจนเนื้อข้างแก้มกระตุกเป็นริ้ว โทสะแรงกล้าฉายชัดในดวงตาสีเขียวดุจมรกตเนื้อดีนั้นมหาศาล เขาต้องท่องเอาไว้ให้ขึ้นใจว่ายาหยีเป็นเพียงแค่ผู้หญิงแพศยาเท่านั้น และที่หล่อนกลับมาหาอีกครั้งหลังจากพ่นคำว่าเกลียดใส่หน้าเขาเมื่อคืนก็เพราะว่าหล่อนต้องการช่วยเหลือบิดาของตัวเองเท่านั้น
หล่อนไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไรกับเขาเลยแม้แต่นิดเดียว ทุกอย่างมันคือเกม มันคือการแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน และเขาก็ต้องบังคับให้หัวใจตัวเองเข้มแข็งพอที่จะรับมือกับเกมนรกที่มีร่างสวยๆ ของเจ้าหล่อนเป็นเดิมพันนี้ให้จงได้
“ฉัน…”
“คงคิดว่าเนื้อตัวของคุณมีค่าดั่งทองสินะ” น้ำเสียงเหยียดหยันที่เล็ดลอดออกมาจากปากของผู้ชายที่ยืนประสานสายตากับหล่อนตรงหน้านั้นช่างไม่ต่างจากมีดแหลมที่กะซวกลงมากลางดวงใจ หล่อนเจ็บจนแทบจะขาดใจตาย
“แต่ว่าคุณเคย…รับปากว่าจะไม่ทำอะไรพ่อของฉัน”
คอร์เนลแค่นยิ้มหยัน
“ผมก็ไม่ได้ทำอะไรไอ้หมอนั่นนี่ ก็แค่ต้องการของของผมคืนเท่านั้น แต่เพราะว่ามันไม่ยอมเปิดปากน่ะสิผมถึงต้องขังมันเอาไว้” ดวงตาสีเขียวเข้มจัดเมื่อสบลงมาตรงๆ กับสายตาของหล่อน
“พ่ออาจจะไม่รู้เรื่องเพชรนั้นก็ได้ บางที…”
คราวนี้มือใหญ่ของคอร์เนลวางลงบนไหล่บอบบางของหล่อนหนักๆ รอยยิ้มเชือดเฉือนถูกส่งมอบมาให้หล่อนตลอดเวลาที่เผชิญหน้ากัน หัวใจสาวสั่นไหว ทั้งหวาดกลัวและหวั่นเกรง เพราะคอร์เนลวันนี้ดูเหี้ยมโหดกว่าทุกวันที่หล่อนเคยเห็นนัก
“กล้องวงจรปิดบันทึกภาพระยำของพ่อคุณเอาไว้ได้ และคุณคงไม่คิดหรอกนะว่าจะมีคนที่หน้าตาเหมือนพ่อของคุณราวกับฝาแฝดเข้าไปขโมยเพชรของผมไป” เขาปล่อยมือออกจากไหล่ของหล่อน และถอยหลังออกห่างด้วยท่าทางสุดแสนรังเกียจ ยาหยีทั้งเจ็บช้ำ ทั้งเจ็บปวด สมองสับสนคิดหาทางออกให้กับตัวเองไม่ได้เลยจริงๆ
นั่นก็พ่อบังเกิดเกล้า นี่ก็ชายที่ตัวเองตกหลุมรัก แล้วหล่อนจะทำยังไงดีนะ จะทำเพื่อใครดี? ถามตัวเองออกไป แล้วคำตอบที่ได้ก็คือ…
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะต้องช้ำใจมากแค่ไหน และไม่ว่าจะต้องถูกคอร์เนลมองต่ำต้อยยังไง หล่อนก็ควรจะตอบแทนบุญคุณบิดาก่อน ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้ท่านหลุดพ้นจากการจองจำจากอุ้งมือของคอร์เนล
“ไปให้พ้นหน้าผมซะ ก่อนที่จะไม่มีโอกาสได้ไปอีกเลย”
คนตัวโตหันหลังหนีเอาดื้อๆ หญิงสาวมองแผ่นหลังกว้างใหญ่ที่ตัวเองเคยลูบไล้ด้วยความโหยหา ก่อนจะขยับตัวเข้าไปใกล้ และพูดในสิ่งที่ผู้หญิงดีๆ ไม่ควรจะพูดมันออกไป
“ฉัน…อยากให้คุณลองพิจารณาเงื่อนไขของฉัน”
MANGA DISCUSSION