เมียเก็บมาเฟีย ชุด เทพบุตรมาเฟีย - ตอนที่ 33
คิ้วโก่งที่ถูกตัดแต่งมาอย่างดีของลินดาเลิกขึ้นสูงด้วยความแปลกใจ ก่อนจะพูดออกมาด้วยความข้องใจสุดขีด
“อย่าบอกนะว่าที่เธอนอนกับเขาก็เพราะแลกเปลี่ยน”
ยาหยีพยักหน้าทั้งน้ำตา ขณะที่ลินดาถึงกับยกมือขึ้นทาบอกด้วยความตกใจ
“ฉันไม่อยากเชื่อ…ทำไมเธอทำแบบนี้ล่ะลูกหยี เธอหวงความสาวจะตายไป แล้วทำไม? ทำไมถึงได้ยอมทำเรื่องแบบนี้ไปได้ หรือว่าเงินขาดมือน่ะลูกหยี?”
เจ้าของชื่อส่ายหน้าช้าๆ ความโศกเศร้าเจ็บปวดอัดแน่นอยู่ในทุกอณูเนื้อหัวใจ กลีบปากสาวสั่นระริกด้วยความชอกช้ำ
“ถ้าไม่ใช่เรื่องเงินแล้วเรื่องอะไรล่ะ เรื่องอะไรกันที่มันทำให้เธอต้องยอมขายศักดิ์ศรีแบบนี้” ลินดาเขย่าร่างของเพื่อนรักแรงๆ เมื่อแม่เพื่อนสาวคนงามพยายามจะก้มหน้าหลบตา
“บอกมาสิลูกหยี บอกฉันมาว่าทำไมเธอถึงทำเรื่องบ้าๆ แบบนี้”
“เขาจะฆ่าพ่อของฉัน!”
ยาหยีโพล่งออกมาเสียงเบาหวิว ลินดาถึงกับอ้าปากค้างด้วยความตกใจกับสิ่งที่ได้ยินจากปากของเพื่อนรัก ผู้ชายหล่อระเบิดคนนั้นเนี่ยนะจะฆ่าพ่อของยาหยี มันไม่น่าจะเป็นไปได้เลยให้ตายสิ
“ว่ายังไงนะ เขาจะฆ่าพ่อของเธอ นี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมพ่อรูปหล่อคนนั้นเขาจะต้องทำแบบนั้นด้วยล่ะ หรือว่าเขาจะเป็นพวกโจร แต่จากที่ฉันเห็น ท่าทางของเขาแตกต่างจากคำว่าโจรมากเลยนะ เหมือนพวกเจ้าชาย พวกเทพบุตรมากกว่า”
“เขาไม่ได้เป็นโจรหรอกลินดา แต่ว่าพ่อของฉันไปขโมยเพชรของเขามา เขาก็เลยมาทวงคืน” พอได้ยินคำอธิบายของยาหยี ลินดาก็ร้องอ๋อออกมาในทันทีอย่างเข้าใจความหมายทุกอย่าง
“พ่อสุดหล่อนั่นก็เลยมาลากเธอขึ้นเตียงเพื่อชดใช้ความเสียหายที่พ่อของเธอทำขึ้นอย่างนั้นใช่ไหม แหม! เหมือนกับนิยายที่ฉันพึ่งอ่านจบไปเมื่อวันก่อนเลยอะ พระเอกโกรธพ่อนางเอกก็เลยมาแบล็กเมล์นางเอกเอาตัวมาแลก ตอนแรกก็กะจะว่าได้แล้วก็จะเขี่ยทิ้ง แต่ดันติดใจซะงั้น ท้ายสุดก็ไปไหนไม่รอดต้องถูกนางเอกขังไว้ในกรงวิวาห์ชั่วชีวิต”
บรรยากาศที่โศกเศร้าแถมยังตึงเครียดเหลือแสนกลับกลายเป็นขำขันทันทีที่ลินดาหัวเราะออกมา ยาหยีก็อยากจะให้ชีวิตของตัวเองเป็นอย่างนางเอกในนิยายที่เพื่อนเล่าให้ฟังเหลือเกิน แต่มันจะเป็นไปได้ยังไงกันล่ะ ในเมื่อหล่อนไม่มีทางเป็นนางเอกสำหรับคอร์เนลไปได้ ต่อให้พยายามมากแค่ไหนก็ตาม
“ฉันไม่ใช่นางเอกสำหรับเขาหรอก”
“อย่าพึ่งด่วนสรุปสิลูกหยี บางทีเธออาจจะเข้าใจผิดไปเองก็ได้”
ลินดาเอียงหน้าเข้ามากระซิบกระซาบข้างหูของเพื่อนสนิท ระบายยิ้มออกมาด้วยความโล่งใจ เพราะในสายตาของหล่อนนั้นออกจะมั่นใจด้วยซ้ำว่าพ่อสุดหล่อตาสีเขียวคนนั้นหลงเพื่อนรักของตัวเอง แต่ไม่ยอมพูดออกมาเท่านั้น
“ฉันเข้าใจถูกทุกอย่าง ฉันก็แค่อีตัว ผู้หญิงชั่วคราวของเขาเท่านั้น”
“แต่ฉันคิดว่าเขาถูกใจเธอนะยายลูกหยี ก็คิดดูสิ เขาไม่จำเป็นเลยที่จะต้องมาตามหาเธอถึงที่มหาวิทยาลัย เพราะผู้ชายเพอร์เฟ็กต์ขั้นเทพแบบเขาจะหาผู้หญิงสวยๆ หุ่นสะบึมสักร้อยสักพันคนก็ได้แค่กระดิกนิ้วเรียกเท่านั้น แต่เขากลับมาหาเธอ บุกไปถึงห้องเรียน แถมยังตามมาหาถึงหอพักอีก ฉันคิดว่าเขาต้องรู้สึกพิเศษกับเธอแน่ๆ เชื่อฉันเถอะ”
หัวใจที่เหี่ยวแฟบลงไปตั้งแต่คอร์เนลออกไปจากห้องกลับมาฟูฟ่องอีกครั้ง แต่เพียงครู่เดียวก็เหี่ยวเฉาลงไปเช่นเดิม เมื่อสมองร้องเตือนว่าที่คนตัวโตทำแบบนั้นก็เพราะว่ายังไม่เบื่อร่างกายของหล่อนเท่านั้นเอง
“เลิกพูดถึงเขากันเถอะลินดา ฉันไม่อยากจดจำชื่อของผู้ชายนั้นอีก”
ทุกความรู้สึกยังคงอัดแน่นไปด้วยความเจ็บช้ำ หัวใจกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด หล่อนจะต้องลืมผู้ชายคนนั้นให้ได้ จะต้องลืมให้หมดว่าเคยมีความสุขแค่ไหนเมื่ออยู่ใต้ร่างทรงพลังของเขา แม้ว่ามันจะต้องใช้เวลานานแค่ไหนก็ตาม
“ฉันเกลียดเขา…เกลียดที่สุด…”
“โกหก! มองก็รู้ว่าเธอหลงรักพ่อเทพบุตรตาเขียวนั่นตั้งแต่แรกสบตา” ลินดาพูดเสียงจริงจัง และไม่มีปรนผ่อนแม้แต่นิดเดียว
“อ๊ะๆ อย่าบอกเชียวนะว่าไม่ใช่ เพราะฉันไม่มีวันเชื่อแน่ๆ”
ความรู้สึกของหล่อนมันไม่สำคัญอะไรหรอก ในเมื่อคอร์เนลไม่เคยมองเห็นมันเลยแม้แต่ครั้งเดียว หล่อนจะรัก จะเกลียด หรือว่าจะแค้นยังไง ผู้ชายคนนั้นไม่สนใจ ไม่ใส่ใจอยู่แล้ว
“ฉันไม่ได้ต้องการให้ใครเชื่อ และฉันจะย้ายออกไปจากที่นี่ทันที หากเธอยังไม่หยุดพูดถึงผู้ชายสารเลวคนนั้น” น้ำเสียงของยาหยีแม้ว่ามันจะแผ่วเบาแต่ก็เต็มไปด้วยเด็ดขาดจริงจังจนลินดาต้องตอบตกลงในทันที
“โอเคๆ ฉันจะไม่พูดถึงพ่อเทพบุตรตาเขียวให้เธอได้ยินอีก พอใจไหมแม่ลูกหยี”
ยาหยีพยักหน้าน้อยๆ ขณะพาร่างกายอิดโรยของตนเองก้าวลงไปยืนกับพื้นห้องด้วยท่าทางไม่มั่นคงนัก ลินดาเห็นแล้วก็ต้องรีบเข้าไปประคองด้วยความเป็นห่วง ขณะลอบถอนใจออกมาด้วยความเบื่อหน่ายกับความปากแข็งใจแข็งของเพื่อนรัก
“นั่งก่อนเถอะลูกหยี ไข้คงกลับมาอีกแล้ว”
“ไม่เป็นไรหรอกลินดา ฉันเดินไหว” ยาหยีฝืนพาตัวเองเดินไปหยุดที่ประตูห้องน้ำ โดยมีลินดาเดินตามประกบไปด้วยความห่วงใย
“วันนี้เรามีติวหนังสือสอบกันในห้องสมุดใช่ไหม”
“ใช่ แต่เธอไม่ต้องไปก็ได้นะ เธอทำข้อสอบวันพรุ่งนี้ได้อยู่แล้วล่ะ”
ลินดาพูดขึ้นเพราะเป็นห่วงเพื่อน แต่แม่เพื่อนสาวตัวดีกลับไม่ยอมรับความหวังดีซะงั้น จนหล่อนอดอ่อนอกอ่อนใจไม่ได้
“ฉันไปไหว ขอเวลาสิบห้านาทีเท่านั้น”
จบคำพูดเหนื่อยๆ ร่างของยาหยีก็หายเข้าไปในห้องน้ำ ลินดามองตามไปด้วยความเวทนาแกมหมั่นไส้
“ขอให้ใจแข็งแบบปากเถอะยายลูกหยี”
ขณะที่ลินดาบ่นกระปอดกระแปดด้วยความอ่อนอกอ่อนใจอยู่นั้น ยาหยีก็กำลังจ้องมองตัวเองในกระจกเงาและร่ำไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวด
“ทำไมฉันต้องนึกถึงคุณด้วย ทำไมฉันตัดใจจากคุณไม่ได้” คร่ำครวญด้วยความชอกช้ำ กายสาวถูกบีบคั้นด้วยความร้าวรานอย่างรุนแรง เจ็บจนหัวใจแทบแหลกละเอียดกับการกระทำของชายคนนั้น ชายที่หล่อนโหยหาทั้งเวลาหลับและเวลาตื่น
เห็นได้ชัดๆ เลยว่าเขาไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรกับสิ่งที่เกิดขึ้นเลยแม้แต่นิดเดียว ตรงข้ามกับหล่อนที่ทั้งตื่นเต้นและโหยหากับสัมผัสอันแนบชิดสนิทสนมที่เกิดขึ้นเหลือเกิน ทุกอย่างที่เขาทำกับผิวสาวของหล่อนมันช่างงดงามสวยสดและน่าหลงใหลยิ่งนัก มันพิเศษสุดๆ สำหรับหล่อน มันติดตราตรึงใจจนไม่อาจจะลบเลือนได้เลย
แต่สำหรับเขา…คงมีแต่ความน่าเบื่อและน่ารำคาญ เขาคงนึกเกลียดตัวเองเลยล่ะมั้งที่เผลอมาข้องแวะกับสาวไร้ประสบการณ์แถมยังจืดชืดน่าเบื่อหน่ายแบบหล่อน และก็เพราะสาเหตุนี้ล่ะมั้งที่ทำให้คอร์เนลเฉยชาทุกครั้งที่สงครามสวาทจบสิ้น
เขาทำราวกับว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น ไม่พูดไม่จา ไม่เอ่ยถึงสิ่งล้ำค่าที่หล่อนมอบให้เลยแม้แต่คำเดียว น่าเจ็บปวด น่าน้อยใจ และน่าอดสูเป็นที่สุด หล่อนมันก็แค่อีตัว อีตัวชั้นต่ำที่เขาต้องครอบครองเพียงเพราะว่าต้องการถอนทุนคืนจากการกระทำของบิดาของหล่อนเท่านั้น มันแค่นี้จริงๆ
หญิงสาวกัดปากแน่นจนปลายลิ้นได้ลิ้มรสเลือด ขณะร้องสั่งตัวเองให้เงยหน้าเผชิญกับความจริง ที่แม้มันจะโหดร้ายน่าสะพรึงกลัวมากแค่ไหน แต่หล่อนก็ต้องยอมรับมัน และก้าวข้ามความร้าวรานแสนเจ็บปวดพวกนี้ไปให้จงได้
มือบางยกขึ้นเช็ดคราบความเสียใจจากใบหน้างามครั้งแล้วครั้งเล่า น้ำตาแห้งเหือดลงไปแล้ว แต่ความโศกเศร้าที่อัดแน่นอยู่ในหัวอกนั้นหาได้ลดน้อยลงไม่ มันยังคงท่วมท้นหัวใจอยู่อย่างมากมายมหาศาลเฉกเช่นเดิม