เมียเก็บมาเฟีย ชุด เทพบุตรมาเฟีย - ตอนที่ 29
“ยาหยีไปไหน!”
คอร์เนลคำรามก้องบ้านเมื่อเดินไปหาหญิงสาวที่ห้องนอนฝั่งตะวันออกแล้วไม่พบเจ้าหล่อนอย่างที่ตั้งใจเอาไว้
“ฉันถามว่าผู้หญิงคนนั้นไปไหน หูแตกกันหรือไง!”
บรรดาสาวใช้และเหล่าบอดี้การ์ดสะดุ้งโหยงกับอารมณ์เกรี้ยวกราดบ้าคลั่งของเจ้านายหนุ่ม โดยเฉพาะเซอร์เกที่ตกใจแทบช็อกกับโทสะของนายน้อยตัวเอง เพราะตั้งแต่รับใช้กันมาหลายปี ไม่ว่าจะมีเรื่องผิดพลาดรุนแรงแค่ไหน ก็ไม่เคยเลยสักครั้งที่คอร์เนลจะฟิวส์ขาดขนาดควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่ได้แบบนี้
แม่เด็กสาวคนนี้มีอิทธิพลอย่างรุนแรงต่อนายน้อยของเขาอย่างไม่น่าเชื่อ อันตราย หายนะลูกใหญ่กำลังจะเคลื่อนเข้ามาทาบทับจิตวิญญาณของคอร์เนล เซอร์เกทำนาย และก็ไม่คิดว่าตัวเองจะทายพลาดด้วย เพราะท่าทางของเจ้านายหนุ่มหลงใหลยาหยีจนโงหัวไม่ขึ้นเชียวแหละ
นี่แหละน่าคนที่ไม่เคยคิดจะรักใคร พอมีความรักขึ้นมาจริงๆ ก็รักแรงแบบนี้นั่นแหละ แม้เจ้าตัวจะยังไม่ยอมรับความรู้สึกของตัวเองก็ตามที
“เธอกลับไปแล้วครับ”
เซอร์เกเป็นคนตอบคำถาม และก็ได้เสียงคำรามที่เต็มไปด้วยความขัดเคืองใจจากคอร์เนลมาเป็นรางวัล
“ปล่อยกลับไปหรือ นี่พวกนายเป็นบ้าอะไรกัน ฉันอุตส่าห์ไปลากเธอมาจากมหาวิทยาลัย แต่พวกนายกลับปล่อยเธอไปง่ายๆ แบบนี้เนี่ยนะ”
คอร์เนลประชดเสียงเดือดดาล ขณะเดินกลับไปกลับมาด้วยความงุ่นง่านอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เชอรี่ อีวาน และเหล่าสาวใช้ รวมทั้งบอดี้การ์ดต่างอึ้งไปตามๆ กัน มีเพียงเซอร์เกเท่านั้นที่มองออกว่าเจ้านายของตัวเองกำลังเป็นอะไร
“เธอบอกว่านายน้อยไล่ให้กลับ ผมก็เลยให้คนขับรถไปส่ง”
“ดี…ทำได้ดีมาก ระวังเถอะฉันจะไล่พวกนายออก”
หนุ่มหล่อที่ตอนนี้ร้อนเป็นไฟเพราะสตรีที่คะนึงหาขัดคำสั่งหนีหายไปกัดฟันแน่น กรามแกร่งปูดเป่งแทบแตกละเอียด
“ให้ผมไปรับเธอกลับมาไหมครับ” อีวานเสนอตัว แต่ก็ถูกคอร์เนลตัดบทด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียมจนต้องสงบปากนิ่งเช่นเดิม
“หุบปากไปซะ ฉันจะกลับมาจัดการกับพวกนายแน่” หนุ่มหล่อคำรามเสียงดุดัน ขณะหันไปหาเซอร์เกที่ยืนก้มหน้าอยู่ไม่ห่าง
“กุญแจรถ”
“กุญแจรถหรือครับ” เซอร์เกทวนคำสั่งของคอร์เนลด้วยน้ำเสียงกังวล นี่นายน้อยของเขาจะขับรถเองอีกแล้วเหรอ เขาไม่ไว้ใจให้เจ้านายขับรถเองเลยให้ตายสิ เพราะคอร์เนลขับรถเร็วมาก กลัวจะเกิดอันตรายขึ้น
“ก็ใช่น่ะสิ เอากุญแกรถสปอร์ตมาให้ฉัน เร็วเข้า”
“ให้ผมขับให้เถอะครับ”
“อย่าทำให้ฉันเดือดมากไปกว่านี้นะ ฉันต้องการกุญแจรถ หรือต้องให้ฉันไปหาเอง เซอร์เก!”
ท่าทางของคอร์เนลไม่มีผ่อนปรนเลย ทำให้เซอร์เกหมดปัญญาที่จะเหนี่ยวรั้งไว้ได้อีก ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพิษรักของยาหยีจะออกฤทธิ์รุนแรงถึงเพียงนี้ แค่วันสองวันทำเอานายน้อยของเขาติดงอมแงมราวกับติดยาเสพติดอย่างนั้นแหละ
“นี่ครับกุญแจ นายน้อย”
คอร์เนลกระชากกุญแจรถจากมือของคนสนิท กำลังจะหมุนตัวเดินไป แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินน้ำเสียงห่วงใยของเซอร์เกดังขึ้น
“ให้ผมขับรถตามนายน้อยไปนะครับ”
หนุ่มหล่อหันกลับไปมองคนสนิท ก่อนจะส่ายหน้าปฏิเสธ
“อย่าเลยเซอร์เก นอนหลับอยู่บนเตียงให้สบายเถอะ เพราะบางทีฉันอาจจะค้างคืนที่หอพักของยาหยี” จบคำพูดห้วนกระด้างนั้นแล้ว คอร์เนลก็เดินหายออกไปจากตึกใหญ่ในพริบตา
เชอรี่ยกมือขึ้นทาบอกด้วยความตกใจ ขณะหันไปพูดเบาๆ กับเซอร์เก
“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่านายน้อยของเราจะคลั่งแบบนี้เพียงเพราะว่าแม่หนูยาหยีหนีกลับหอพักไป เมื่อสามเดือนก่อนตอนสำนักงานถูกไฟไหม้นายน้อยยังไม่เดือดดาลขนาดนี้เลย”
“เดี๋ยวคุณเชอรี่ก็ชินเองนั่นแหละ เพราะต่อจากนี้ไปนายน้อยคงจะแสดงอภินิหารแปลกๆ ให้พวกเราดูอีกหลายอย่างทีเดียว หากเด็กยาหยียังไม่ยอมศิโรราบให้กับนายน้อยนะ”
แม้จะไม่เข้าใจความหมายของคู่สนทนาอย่างเซอร์เกนัก แต่เชอรี่ก็อดถอนใจออกมาไม่ได้
“ก็นายน้อยไม่เคยถูกใครขัดใจนี่นา พอถูกงัดข้อก็เต้นแบบนี้แหละ น่าสงสารนายน้อยจัง เพราะถ้าขืนโมโหควันออกหูแบบนี้บ่อยๆ เดี๋ยวโรคหัวใจก็ถามหากันพอดี”
เซอร์เกส่ายหน้าน้อยๆ ยิ้มบางๆ
“นายน้อยของเราไม่น่าสงสารหรอกคุณเชอรี่ แต่คนที่น่าสงสารที่สุดในตอนนี้ก็คือแม่หนูยาหยีของคุณเชอรี่ต่างหาก ยิ่งไปแบบคลั่งๆ แบบนี้ด้วย คงโดนเละแน่”
แม่บ้านวัยกลางคนยกมือขึ้นทาบอกด้วยความตื่นตกใจ เบิกตากว้างขณะร้องอุทานออกมา
“นายน้อยจะฆ่าแม่หนูยาหยีของฉันไหมเนี่ย”
“ฆ่าน่ะคงไม่ฆ่าหรอกคุณเชอรี่ แต่คงจะบอบช้ำยิ่งกว่าเมื่อคืนที่ผ่านมาเท่านั้นเอง” เจ้าของคำพูดเดินหนีจากไปแล้ว ทิ้งให้เชอรี่ยืนตาเหลือกตกใจอยู่เพียงลำพัง
“ช้ำยิ่งกว่าคืนนั้นเหรอ แล้วจะรอดไหมเนี่ยแม่หนูยาหยี”
ภาพปากเจ่อๆ ผิวกายแดงเป็นจ้ำๆ ของยาหยียังติดตรึงตาไม่จางหาย เชอรี่ถอนใจออกมาด้วยความเวทนา แต่ก็จนใจที่จะช่วยเหลือ เพราะคนอย่างคอร์เนลใครขัดใจได้ที่ไหนกันล่ะ ขัดใจเป็นเละ
“คุณ? มาอีกแล้วเหรอ”
ลินดาที่พึ่งลงมาจากหอพักอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ เมื่อเห็นคอร์เนลหยุดอยู่ตรงหน้า เผลอมองอย่างคลั่งไคล้อยู่หลายอึดใจกว่าจะสามารถรวบรวมสติสตังที่กระเจิดกระเจิงกลับมาค้นหาคำพูดได้
“มีอะไรกับเพื่อนของฉันอีกคะ พึ่งลากไปเมื่อตอนสาย เย็นมาตามอีกแล้ว”
“เขาหนีผมมา และผมก็มีสิทธิ์ที่จะมาลากตัวเพื่อนของคุณกลับไปทำโทษ” คอร์เนลพูดเสียงเย็นชา กำลังจะก้าวขึ้นบันไดหอ แต่ก็ถูกลินดาเรียกเอาไว้เสียก่อน
“นี่มันหอหญิงนะคะ คุณเป็นผู้ชายขึ้นไปไม่ได้หรอก”
“ครั้งแรกผมยังขึ้นไปได้ แล้วทำไมครั้งนี้ผมจะขึ้นไปไม่ได้ หุบปาก และคุณก็จงไสหัวไปให้พ้นๆ ซะ”
หนุ่มหล่อแต่นิสัยร้ายโคตรควักธนบัตรปึกใหญ่ในกระเป๋าสตางค์ราคาแพงส่งให้กับสตรีตรงหน้า ลินดารีบรับเอาไว้ทันทีโดยที่คอร์เนลไม่ต้องเสียเวลาคะยั้นคะยอใดๆ เลย
“คืนนี้ไม่ต้องกลับมาที่นี่”
“อย่าบอกนะว่าคุณจะค้างที่นี่กับยายลูกหยี…” ลินดาอุทานออกมา อดอิจฉาเพื่อนรักไม่ได้เลยให้ตายสิ มีผู้ชายหล่อปานเทพบุตรตามมาหาถึงที่ แล้วอย่างนี้ทำไมเพื่อนของหล่อนถึงยังเอาแต่ร้องห่มร้องไห้นะ ดูท่าทางของเขาก็ไยดีแม่ยาหยีดีนี่นา
“ลูกหยี?” คิ้วเข้มที่ขนานกับดวงตาคมกริบไม่ผิดจากใบมีดโกนเลิกขึ้นน้อยๆ
“นี่แสดงว่าคุณยังไม่รู้สิท่าว่ายาหยีมีชื่อเล่นว่าลูกหยี” ลินดาหัวเราะเบาๆ ขณะเก็บเงินใส่กระเป๋าสตางค์สีหวานจ๋อยของตัวเอง จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นพูดกับผู้ชายที่หล่อสุดในสามโลกอย่างคอร์เนลเสียงจริงจัง
“ถ้าคุณจริงจังกับลูกหยี อะนี่กุญแจห้อง”
หญิงสาวยื่นกุญแจห้องตัวเองให้กับคอร์เนล เพราะตอนที่ตัวเองออกมานั้นจำได้ว่ากดล็อกลูกบิดเอาไว้
“แต่ถ้าไม่จริงจัง ก็โยนมันทิ้งซะ แล้วกลับไป”
คอร์เนลยักไหล่กว้างอย่างไม่แยแสในคำพูดของลินดา ก่อนจะชูกุญแจในมือของตัวเองให้กับหญิงสาวได้เห็น
“ผมไม่จำเป็นต้องพึ่งพาใคร แล้วผมก็ไม่จำเป็นต้องเชื่อฟังคำพูดของใครด้วย ไปเที่ยวให้สบายใจซะเถอะ รับรองว่าผมจะไม่ทำอะไรรุนแรงกับเพื่อนของคุณ” คนตัวโตหยุดพูดเล็กน้อย ขณะระบายยิ้มเลือดเย็นออกมา
“หากแม่ตัวดีไม่พยศมากจนเกินงามอะนะ”
“ไม่รุนแรงอะไรล่ะ เดี๋ยวก็ช้ำทั้งตัวเหมือนเมื่อคืนนี้อีกหรอก” ลินดาบ่นอุบอิบ ก่อนจะยัดกุญแจของตัวเองใส่มือใหญ่ของคอร์เนล และเดินจากไปทันที หนุ่มหล่อก้มลงมองมือตัวเองแล้วก็ระบายยิ้มเหี้ยมเกรียมออกมา
“เจอดีแน่แม่ตัวแสบ บอกให้ไปรอในห้องนอนดันหนีกลับมาซะนี่” กรามแกร่งขบกันแน่นจนแทบระเบิด ขณะเคลื่อนเท้าแกร่งขึ้นไปตามขั้นบันไดที่ค่อนข้างเก่าแก่นั้นด้วยความเดือดดาลที่ยังกรุ่นอยู่ในกระแสเลือด