เมียเก็บมาเฟีย ชุด เทพบุตรมาเฟีย - ตอนที่ 19
ลินดาอุทานออกมาด้วยความตกใจเมื่อลงมาจากหอแล้วพบร่างไร้สติของยาหยีนั่งพิงกับกำแพงหอพัก หญิงสาวหน้าตาตื่น รีบวิ่งเข้าไปประคองเพื่อนด้วยความเป็นห่วง แต่พอมือของหล่อนถูกตัวของยาหยีเท่านั้นแหละ ลินดาก็ต้องอุทานออกมารอบสอง
“ตัวร้อนจี๋เลยยายลูกหยีเอ๊ย”
หญิงสาวรีบแบกร่างของเพื่อนรักขึ้นหอพักไปอย่างทุลักทุเลท่ามกลางสายตาแปลกใจของเพื่อนร่วมหอที่ตื่นแต่เช้าหลายต่อหลายคน
ลินดาใช้เท้าเตะให้บานประตูห้องเปิดออก จากนั้นก็ลากร่างไร้สติของยาหยีไปวางลงบนเตียง มือเรียวยกขึ้นปาดเหงื่อเม็ดเล็กบนใบหน้าของตัวเอง ก่อนจะก้มหน้าลงไปมองใบหน้าซีดเผือดของเพื่อนสนิทอย่างพินิจพิเคราะห์ แล้วหญิงสาวก็ต้องอุทานซ้ำออกมาอีกครั้งเมื่อเห็นสภาพของยาหยีเต็มๆ ตา
กลีบปากอิ่มบวมช้ำราวกับถูกคนเถื่อนสักสิบคนบดขยี้ เนื้อนุ่มที่ลำคอก็แดงช้ำ ลินดาเริ่มหายใจไม่ทั่วท้องกับภาพที่เห็น หญิงสาวทรุดตัวลงนั่งบนขอบเตียง ค่อยๆ ลงมือปลดกระดุมชุดนักศึกษาของยาหยีออกด้วยความร้อนใจ
และภาพที่ได้เห็นก็ทำให้ลินดาถึงกับอึ้งกิมกี่ เนื้อตัวของยาหยีมีแต่ร่องรอยฟอนเฟ้น แดงเถือกไปหมดทั้งเนื้อทั้งตัว ลินดาสอดมือไปด้านหลังแล้วปลดตะขอบราเซียร์ของเพื่อนรักออก เต้าอวบใหญ่ที่มีแต่ร่องรอยของนิ้วมือขนาดใหญ่ดีดเด้งออกมา หญิงสาวตาค้าง อ้าปากเหวอ สมองสรุปออกมาได้อย่างแม่นยำว่าเมื่อคืนยาหยีเพื่อนรักของหล่อนไปพบเจอกับเรื่องเลวร้ายอะไรมา
ข่มขืน?
สภาพของยาหยีเหมือนถูกผู้ชายนับสิบข่มขืนมา ลินดาหน้าซีดเผือด รีบตวัดผ้าห่มคลุมร่างของเพื่อนรักเอาไว้ ก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำ และหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กและก็สีฟ้าใบพอเหมาะติดมือออกมา
“โธ่! ยายลูกหยีของฉัน ทำไมถึงโชคร้ายแบบนี้ ไม่น่าเลย…”
เช็ดตัวให้เพื่อนไปก็ร้องไห้ไปด้วยความสมเพชเวทนา ผู้ชายพวกนั้นคงจะถ่อยเถื่อนกับเพื่อนของหล่อนมากมายเลยทีเดียว ยาหยีถึงได้มีสภาพไม่ต่างจากซากศพแบบนี้ แถมยังตัวร้อนจัดไข้ขึ้นสูงอีกต่างหาก ไอ้คนพวกนั้นมันใจร้ายใจดำนัก อย่าให้หล่อนได้เจอเชียว หล่อนจะพาตำรวจไปลากคอมันเข้าคุกให้หมด
“อย่า…อย่า…”
ยาหยีละเมอออกมาเสียงแหบแห้ง ดวงตาที่เคยหวานฉ่ำยังปิดสนิท ลินดาแตะแก้มเพื่อนรักเบาๆ ด้วยความสงสาร
“ไม่มีอะไรแล้วนะลูกหยี ฉันอยู่นี่แล้ว”
ลินดาเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้กับยาหยีจนอุณหภูมิลดลงแล้วก็รีบไปนำยาแก้ปวดลดไข้ที่ยังพอมีเหลืออยู่มาให้กับเพื่อนรักกิน
“ลูกหยี…กินยาหน่อยนะ”
ลินดาก้มลงไปกระซิบเรียกเบาๆ อยู่สองสามครั้ง ในที่สุดยาหยีก็ค่อยๆ ปรือตาที่หนักอึ้งราวกับมีหินสักพันก้อนถ่วงเอาไว้ขึ้นมา ทำเอาลินดาระบายยิ้มกว้างด้วยความดีใจ
“ลูกหยี…”
ยาหยีเห็นหน้าเพื่อนก็โผเข้ากอดแน่น ร้องไห้ออกมาอย่างบ้าคลั่ง ความเสียใจและความชอกช้ำกัดกินหัวใจของหล่อนแม้กระทั่งในฝัน
“ไม่เป็นไรแล้วนะ ไม่เป็นไรแล้ว”
ลินดาลูบหลังลูบไหล่เพื่อนเบาๆ อย่างปลอบประโลม ก่อนจะค่อยๆ ดันตัวของยาหยีออกห่าง และส่งยากับแก้วน้ำดื่มให้
“กินยาซะก่อนนะจะได้หายป่วย”
ยาหยีรับยามากินอย่างว่านอนสอนง่าย ขณะที่น้ำตายังไหลพรากไม่หยุด เหตุการณ์เมื่อคืนยังถล่มยับอยู่ในสมอง โดยเฉพาะความใจร้ายของคอร์เนล
ลินดามองเพื่อนร้องไห้อยู่พักใหญ่จึงเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงลำบากใจ
“เอ่อ…พวกมันเป็นใครกันหรือลูกหยี พวกที่มันรุมข่มขืนเธอน่ะ”
คนถูกถามหน้าแดงก่ำ ช้อนตามองเพื่อนสนิทด้วยสายตาแห่งความเจ็บปวด กลีบปากอิ่มเต็มเม้มสนิท ขณะที่กายสาวสั่นสะท้านอย่างรุนแรง
‘ข่มขืนเหรอ? ไม่ใช่หรอก คอร์เนลไม่ได้ข่มขืนหล่อน เขาแค่ใช้ความช่ำชอง ความชำนาญในเชิงรักปลุกปั่นให้หล่อนคล้อยตามเกมสวาทของเขาเท่านั้นเอง และหล่อนก็โง่งมพอที่จะเดินตามเกมนรกนั่นอย่างว่านอนสอนง่าย’
“เธอรู้?”
ลินดาเอื้อมมือมาบีบมือของยาหยีเอาไว้อย่างต้องการให้กำลังใจ
“ฉันเห็นตอนที่เช็ดตัวให้เธอนั่นแหละ แดงเป็นจ้ำไปทั้งตัว…”
“ฉัน…” พูดไม่ออก น้ำตาไหลพรากออกมาไม่หยุด
“อย่าเสียใจไปเลยยาหยี คิดว่ามันเป็นแค่ฝันร้าย อีกหน่อยเราก็จะลืมมันเอง ลืมมันนะ” คราวนี้เป็นลินดาเองที่ระงับความสงสารเพื่อนรักเอาไว้ไม่ไหวหลั่งน้ำตาออกมา
“ฉันจะจับพวกมันเข้าคุกให้หมด บอกสิลูกหยีว่ามันมีกันกี่คน หน้าตามันเป็นยังไง ฉันจะไปแจ้งความกับตำรวจ…”
ยาหยีส่ายหน้าช้าๆ กัดฟันแน่นเพื่อกลั้นเสียงสะอื้น
“คนเดียว…”
ลินดาเบิกตากว้าง อ้าปากค้าง ก่อนจะอุทานออกไปด้วยความเหลือเชื่อขณะกวาดมองร่างกายของเพื่อนสาวอีกครั้ง
“คนเดียวจริงๆ เหรอ”
แม้ความอดสูจะกระแทกใส่หน้ารุนแรงแค่ไหนแต่ยาหยีก็ยังฝืนพยักหน้ารับออกไป
“ฉันไม่อยากจะเชื่อ ทำไมผู้ชายคนเดียวถึงทำให้เธอมีสภาพราวกับถูกรุมโทรมมาอย่างนี้ล่ะ” เป็นลินดาอีกแล้วที่ร้องออกมาด้วยความตื่นตระหนกขณะสายตาจับจ้องไปที่กลีบปากบวมช้ำของเพื่อนรักที่ตอนนี้หน้าแดงสลับขาว
“ฉันไม่รู้…ฉัน…”
“เอาละ ไม่ต้องคิดถึงมันแล้ว นอนพักซะนะ เอาไว้ให้เธอสบายใจมากกว่านี้แล้วเราค่อยไปแจ้งความกัน เราจะต้องลากไอ้บ้ากามมาเข้าคุกให้ได้”
‘ไอ้บ้ากามหรือ? คอร์เนลไม่ใช่ไอ้บ้ากาม แต่เขาเป็นนักรักผู้ช่ำชองต่างหาก เขาไม่ได้ใช้กำลังกับหล่อนเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะแค่ปาก ลิ้น และมือของเขาก็ปลุกเร้าจนหล่อนเตลิดได้อย่างง่ายดายแล้ว เขาไม่ได้ข่มขืนสักนิด แต่หล่อนสมยอมเองต่างหาก’
“ฉันไม่อยากยุ่งกับผู้ชายคนนี้อีก”
ยาหยีล้มตัวลงนอนอีกครั้ง น้ำตาแห่งความเสียใจยังไม่เหือดแห้งไปจากดวงตาเลยแม้แต่นิดเดียว ลินดาถอนใจออกมาขณะเลื่อนผ้าห่มขึ้นมาคลุมร่างให้กับเพื่อนรัก
“เอาละ ตอนนี้ไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้น นอนซะนะ พักผ่อนให้หายดี เดี๋ยวฉันจะลาป่วยกับอาจารย์ให้ แล้วตอนเที่ยงฉันจะแวะมาหานะ” ลินดาลุกขึ้นยืน มองเพื่อนรักที่นอนน้ำตานองหน้าเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินหายออกไปจากหอพัก
และเมื่อต้องอยู่ตามลำพังอีกครั้ง ความทรงจำอันน่าสะอิดสะเอียนก็ผุดพรายขึ้นมาราวกับตาน้ำ ภาพที่คอร์เนลจูบ ภาพที่คอร์เนลลูบไล้โลมเลีย และภาพที่เขาแนบชิดสนิทสนมครอบครองหล่อนในความสัมพันธ์ขั้นสุดท้าย ภาพทุกอย่างมันชัดเจนเสียเหลือเกิน ทำไมนะ ทำไมหล่อนถึงได้ลืมภาพน่าอาเจียนพวกนี้ไม่ลงสักที ทำไมต้องจดจำมันเอาไว้แน่นหนาแบบนี้ด้วย
แปดโมงเช้าบนเตียงนอน คอร์เนลนั่งหน้าบูดบึ้งตวาดใส่โทรศัพท์ที่บังอาจโทรข้ามทวีปมารบกวนเวลานอนที่แทบจะไม่ถึงสองชั่วโมงของตัวเองด้วยความหงุดหงิด ความไม่พอใจที่ส่งผ่านสายโทรศัพท์ไปทำให้เลขาฯ สาวที่ประจำอยู่ ณ กรุงมอสโกถึงกับหน้าซีดเผือด
“ห้ามโทรมาวุ่นวายกับผมอีก อีกสามสี่วันผมจะบินกลับไปที่มอสโกเอง”
“แต่ท่านประธานคะ เรื่องสัญญา…”
“ผมบอกแล้วไงว่าจะบินกลับไปจัดการในอีกสามสี่วันข้างหน้า หูแตกหรือไง”
คอร์เนลตวาดใส่เลขาฯ สาวที่ประจำอยู่ในสำนักงานของตัวเองที่กรุงมอสโกด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด ตอนนี้ต่อให้เป็นเรื่องด่วนคอขาดบาดตายแค่ไหน เขาก็ไม่มีกะจิตกะใจจะคิดอะไรทั้งนั้น เรื่องงานที่เคยเป็นเรื่องใหญ่ที่สุดในชีวิตตอนนี้ดูจะไร้ค่าไร้ราคาลงอย่างสิ้นเชิง หากเทียบกับเรื่องของยาหยีแม่สาวดีกรีต่ำที่พึ่งจะมอบความสาวสดให้กับเขาเมื่อคืนนี้
ร่างกายของเขาเรียกหา ร้องหาความหวานฉ่ำจากกายสาวรัดรึงของเจ้าหล่อนตลอดทั้งคืน เป็นร้อยเป็นพันครั้งมั้งที่เขากระโดดลงจากเตียงและมุ่งมั่นจะไปลากตัวเจ้าหล่อนกลับมาฟัดให้หายคลั่ง แต่โชคดีที่ศักดิ์ศรีแรงกล้ายับยั้งเขาเอาไว้
“ค่ะท่านประธาน”
หนุ่มหล่อที่ตอนนี้กำลังเดือดดาลสุดขีดปาโทรศัพท์มือถือราคาแพงระยับของตัวเองลงกับที่นอนแรงๆ อย่างไม่ไยดี สองมือใหญ่ยกขึ้นลูบใบหน้าแดงก่ำด้วยโทสะของตัวเองแรงๆ ราวกับต้องการข่มอารมณ์ร้ายเอาไว้
ไม่เคยเลยสักครั้งที่เขาจะมีความต้องการผู้หญิงคนไหนรุนแรงขนาดนี้มาก่อน แทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตัวเองจะหลงใหลร่างกายของสตรีนางไหนได้ถึงขั้นบ้าบอแบบนี้ ยาหยีไม่ได้ดีเด่น หน้าตาสะสวยก็จริงแต่ก็ไม่ได้งามไปกว่าสาวๆ ที่เขาเคยผ่านมาแม้แต่น้อย แล้วทำไมเขาถึงติดใจจนถึงขั้นหลงใหลเจ้าหล่อนล่ะ? ร้องถามตัวเองแต่ก็หาคำตอบที่น่าเชื่อถือไม่ได้เลยแม้แต่คำเดียว หัวใจของเขาร่ำร้อง ร่างกายของเขาเพรียกหา อยากจะดำดิ่งลงสู่ห้วงความหวานฉ่ำของเจ้าหล่อนอีกสักครั้ง
คอร์เนลสบถออกมาเสียงเดือดดาล เกลียดชังร่างกายของตัวเองนักที่ตื่นเร้าขานรับเสน่ห์ของยาหยีเพียงแค่สมองจินตนาการภาพเท่านั้น
ทั้งๆ ที่เขาก็รู้ชัดเจนว่าเจ้าหล่อนคือเลือดเนื้อเชื้อไขของคนที่ตัวเองกำลังตามไล่ล่าอยู่ แต่ทำไมนะ ทำไมเขาถึงยังไม่สามารถตัดเจ้าหล่อนออกจากสมองได้เลยแม้แต่วินาทีเดียว ตัณหาราคะที่ครอบงำร่างกายยังเต้นเร่ารุนแรงอยู่ภายในช่องท้อง
ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนเดินดุ่มๆ เข้าไปในห้องน้ำ ร่างสูงใหญ่เดินไปหยุดใต้ฝักบัวก่อนจะเปิดก๊อกให้สายน้ำเย็นเยียบไหลราดรดลงมาบนศีรษะ หวังไว้ลึกๆ ว่าน้ำเย็นฉ่ำจะช่วยลดแรงปรารถนาที่กำลังเข่นฆ่าเขาอย่างโหดเหี้ยมให้ลดลงได้บ้าง แต่ก็ต้องผิดหวังเพราะแม้แต่น้ำเย็นๆ ก็ไม่สามารถลดความเร่าร้อนของแรงสิเน่หาที่เขามีต่อยาหยีได้เลยแม้แต่นิดเดียว ตรงกันข้ามมันกลับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนร่างกายปวดร้าวอีกต่างหาก
“โธ่เว้ย!” มือใหญ่กำเป็นหมัดแล้วซัดเปรี้ยงเข้ากับกำแพงห้องน้ำอย่างรุนแรง
‘ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วยนะ! ทำไมเขาจะต้องมาเกิดหลงใหลคลั่งไคล้ลูกสาวของไอ้ยอดชายคนทรยศด้วย ทั้งๆ ที่ผู้หญิงในโลกยังมีอีกตั้งมากมาย’
กรามแกร่งที่มีหนวดขึ้นเขียวครึ้มขบกันแน่นจนปูดเป่ง ดวงตาสีเขียวจัดวาวโรจน์ด้วยโทสะ ก่อนจะหัวเราะเสียงเครียดในลำคอเมื่อเห็นสภาพความต้องการของตัวเองเต็มตา
เขาคงไม่มีทางหลีกหนีแม่สาวที่ชื่อยาหยีคนนี้พ้นเสียแล้ว ถ้าหนีไม่พ้น งั้นเขาก็จะต้องใช้หล่อนให้คุ้มค่า ใช้งานบนเตียงให้หนักหน่วง และรับรองเลยว่าแค่ไม่ถึงอาทิตย์เขาก็จะสามารถลบไอ้ความรู้สึกน่าสังเวชพวกนี้ลงถังขยะได้อย่างง่ายดาย
ยาหยีโชคดีที่สามารถทำให้เขาพบเจอกับเซ็กส์ที่แสนมหัศจรรย์ได้เท่านั้นเอง ก็แค่นั้น…มันไม่มีอะไรมากกว่าการติดใจและถูกใจ
คอร์เนลยิ้มเครียดอีกครั้ง ยกมือขึ้นลูบใบหน้าของตัวเอง ปิดก๊อกน้ำ เอื้อมมือไปหยิบผ้าขนหนูสีขาวมาเช็ดผมและผิวกาย จากนั้นก็ก้าวยาวๆ ออกจากห้องน้ำไปในทันที