เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 77 ผมกลัวว่าเชือกจะรั้งคุณไว้ไม่อยู่
บทที่77 ผมกลัวว่าเชือกจะรั้งคุณไว้ไม่อยู่
เวินเที๋ยนเที๋ยนที่เกิดอาการอกสั่นขวัญหาย แต่เธอคิดว่าการแสดงครั้งนี้ทำให้เกิดเรื่องราววุ่นวาย ทำให้นักศึกษาทุกคนเดือดพล่านขึ้นมา
หลาย ๆ คนคาดคะเนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนเวทีว่าจริง ๆ แล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่ จนกระทั่งมีคนเอารูปในวันแสดงวันนั้นลงเว็บ
เวินเที๋ยนเที๋ยนยังไม่ทันได้หายจากอาการอกสั่นขวัญหายในเรื่องวันนั้น ก็ได้พบว่าตนเองนั้นไม่อาจออกจากบ้านได้แล้ว
พ่อบ้านยืนอยู่ที่ประตู และยืนขวางหน้าเวินเที๋ยนเที๋ยนพอดี
“คุณหนู อย่าทำให้พวกเราลำบากใจเลยนะครับ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดคิ้วขึ้น
“ฉันก็แค่อยากไปบ้านอาจารย์จาง”
“แต่ไม่ได้รับอนุญาตจากคุณชาย คุณหนูออกไปไม่ได้นะครับ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองดูคนที่อยู่ข้างนอกด้วยสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อว่าจี้จิ่งเชินจะมีคำสั่งแบบนี้กับเธอ
“นี่เขาจะขังฉันเหรอ? ”
พ่อบ้านมองเธอด้วยสีหน้าที่ลำบากใจ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าทำไมจู่ ๆ คุณชายจี้จะสั่งให้ทำแบบนี้
แต่นี่จะเป็นคำสั่งของคุณชาย เขาจึงไม่กล้าขัด
เวินเที๋ยนเที๋ยนแอบเดินออกไปที่ประตูด้านนอก แต่ก็โดนบอดี้การ์ดดักเอาไว้
“ฉันจะออกไป อาจารย์จางกำลังรอฉันอยู่”
พ่อบ้านพูดโน้มน้าวเธอจนปากเปียกปากแฉะ
“คุณหนูเจี่ยง อย่าโกรธคุณชายเลยนะครับ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนที่กำลังจะเดินออกจากบ้านไป แต่ทันใดนั้นจี้จิ่งเชินก็ปรากฏตัวขึ้นอยู่บนชั้นสอง
“คุณจะไปไหน? บอกผมได้”
เวินเที๋ยนเที๋ยนหันหน้ากลับมา เห็นจี้จิ่งเชินค่อย ๆ เดินลงมาจากบันไดชั้นสอง
“วันนี้ฉันรับปากอาจารย์จางเอาไว้ว่าจะไปช่วยซื้อของ”
จี้จิ่งเชินมองหน้าเธอ จากนั้นก็เอามือกอดอกไว้
“ผมไปส่ง”
เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่รู้เลยว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ หันหน้ากลับไม่มองหน้าเขา
“ไม่ต้อง ฉันไปเองได้”
จี้จิ่งเชินมองหน้าเขา จากนั้นพูดด้วยความเย็นชาว่า: “ผมไปส่ง หรือคุณจะไม่ไป”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเม้มปากแน่น และเงียบไปครู่ใหญ่
“จี้จิ่งเชิน คุณจะขังฉันไปจนถึงเมื่อไหร่? ”
“จนผมจะพอใจ”
จี้จิ่งเชินเดินออกไปด้านนอก เวินเที๋ยนเที๋ยนเดินตามหลังไป และเธอก็ยิ่งไม่พอใจมากขึ้น
“คุณไปส่ง ฉันถึงจะได้ออกไป แสดงว่าตอนที่ฉันจะกลับ คุณก็ต้องเป็นคนไปรับฉันใช่ไหม? ”
น้ำเสียงของจี้จิ่งเชินเด็ดเดี่ยว และแน่วแน่มาก: “ขากลับผมจะให้พ่อบ้านไปรับคุณกลับมา หนึ่งชั่วโมง ไม่เร็ว และไม่ช้าจนเกินไป ผมจะพาคุณไปส่งตามเวลา”
“ทำไมถึงไม่เอาเชือกมาลากฉันไปเลยล่ะ? ”
แบบนี้แล้วเธอจะพูดอะไรได้อีกล่ะ?
จี้จิ่งเชินหันหน้ากลับมา สายตาจ้องมองไปที่เธอ
“อย่าคิดว่าผมจะไม่คิดมาก่อนนะ ผมก็แค่กลัวว่าเชือกจะรั้งคุณไว้ไม่อยู่ ผมอยากจะใช้โซ่เหล็กด้วยซ้ำ”
เขาพูดเหมือนกับจะล่ามเธอไว้จริง ๆ
เวินเที๋ยนเที๋ยนสูดลมหายใจลึก
“จี้จิ่งเชิน คุณมันบ้าไปแล้ว……”
จี้จิ่งเชินยิ้มเย้ยหยัน และเหยียบเร่งอย่างแรง
เมื่อมาถึงบ้านอาจารย์จาง เวินเที๋ยนเที๋ยนกำลังจะลงจากรถ จี้จิ่งเชินเตือนเธออีกครั้งว่า: “จำไว้นะ หนึ่งชั่วโมง”
เธอไม่ได้พูดตอบโต้อะไร เธอลงจากรถไปโดยที่ไม่มองหน้าเขาเลย
จี้จิ่งเชินนั่งอยู่ในรถ มองดูเธอเดินเข้าไปในบ้านอาจารย์จางจนสุดสายตาเขาถึงจะออกรถไป
เดิมทีคิดว่าจี้จิ่งเชินแค่ขู่เธอเฉย ๆ คิดไม่ถึงเลยว่ายังไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง พ่อบ้านก็มารับเธอแล้ว
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองดูเครื่องปั้นดินเผาสีฟ้า และสีขาวที่ถืออยู่ในมือ ทันใดนั้นพ่อบ้านก็เข้ามายืนทำความเคารพอยู่ข้าง ๆ
“คุณหนูเจี่ยง ใกล้จะถึงเวลาแล้วครับ”
อาจารย์จางมองดูนาฬิกาที่แขวนอยู่บนกำแพง และพูดขึ้นด้วยความแปลกใจว่า: “เพิ่งจะมาจะกลับแล้วเหรอ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเงียบไปครู่หนึ่ง และวางวัตถุโบราณในมือลง ฝืนใจยิ้มอ่อน ๆ
“อาจารย์จาง พอดีหนูมีธุระนิดหน่อยค่ะ ต้องกลับก่อนนะคะ”
“จะไปแล้วจริง ๆ เหรอ? อาจารย์ว่าจะให้อยู่ทานข้าวด้วยกันก่อน”
อาจารย์จางขมวดคิ้วขึ้น วันนี้ที่เวินเที๋ยนเที๋ยนมา เขารู้สึกแปลก ๆ
เขาดึงเวินเที๋ยนเที๋ยนมาข้าง ๆ และพูดขึ้นด้วยความเป็นห่วงว่า: “เด็กน้อย จี้จิ่งเชินรังแกเธอใช่หรือเปล่า? หากว่าเขากล้าทำเช่นนั้นจริง ๆ เธอบอกครูมา”
ลุงสวี และท่านเฉินต่างพากันพยักหน้า
“ถึงแม้ว่าพวกเราจะแก่แล้ว แต่อยู่ที่บ้านพวกเรายังพอจะพูดคุยกันได้ พวกเราคอยหนุนหลังเธอเอง”
เวินเที๋ยนเที๋ยนส่ายหน้า
“ไม่เป็นไรค่ะ”
เธอบอกลาทุกคน ฉะนั้นก็เดินขึ้นรถตามพ่อบ้านไป
“จี้จิ่งเชินจะขังฉันไว้ตลอดเลยใช่ไหม? ”
พ่อบ้านมองดูเธอผ่านกระจกรถ พูดปลอบใจเธอว่า: “คุณชายก็แค่โกรธนะครับ คุณหนูเจี่ยง หากคุณเข้าใจความรู้สึกของคุณชายคุณจะเข้าใจเขา”
“ฉันจะเข้าใจเขาได้ยังไง? ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนนั่งชิดติดกระจกรถ สายตามองไปยังทิวทัศน์ด้านนอกรถ
“คุณหนูเจี่ยง ประสบการณ์ที่ผ่านมาของคุณชายไม่เหมือนกับคนทั่วไปนะครับ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนละสายตากลับมา
“ประสบการณ์อะไรเหรอคะ? ”
แต่พ่อบ้านไม่พูดอะไรต่อ แต่กลับเงียบ
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเขาด้วยความงุนงง เมื่อก่อนจี้จิ่งเชินได้เจออะไรมาเหรอ?
ทำไมอาจารย์จางถึงได้มองว่าเขาเป็นผีดุ แต่พ่อบ้านกลับมองเขาอีกแบบหนึ่ง?
เกิดอะไรขึ้นกับจี้จิ่งเชินกันแน่?
เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดคิ้วขึ้น แต่ทันใดนั้นทางที่พ่อบ้านขับไปนั้นไม่ใช่ทางกลับบ้าน
“เราจะไปที่ไหน? ไม่ใช่กลับบ้านเหรอ?”
พ่อบ้านพูดว่า: “คุณชายบอกว่าให้ไปส่งคุณหนูที่บริษัทครับ”
“บริษัทเหรอ? เขาให้ฉันไปทำไมกัน?”
“คุณชายก็แค่ให้ผมไปส่งที่นั่นครับ”
รถค่อย ๆ จอดที่หน้าบริษัทเอ็มไอกรุ้ปช้า ๆ เวินเที๋ยเที๋ยนเงยหน้าขึ้นมอง
ตึกใหญ่ขนาดหกสิบหกชั้นนี้เป็นของบริษัทเอ็มไอกรุ้ป ได้รับการออกแบบเป็นกระจกใส แสงแดดสาดส่องอย่างเห็นได้ชัด
ด้านหน้าบริษัทจะมีลานกว้าง ๆ บ่อยครั้งจะมีผู้คนสวมชุดสูท รองเท้าหนังเดินไปเดินมา
เมื่อพ่อบ้านส่งเวินเที๋ยนเที๋ยนถึงบริษัท เขาก็ขับรถออกไป
เธอเดินไปที่ฝ่ายต้อนรับ แต่เห็นพนักงานสาวสวยสองคนที่รอต้อนรับอยู่
เมื่อพนักงานเห็นเธอก็กล่าวต้อนรับด้วยความยิ้มแย้มทันที
“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่ามีอะไรให้ช่วยไหมคะ? ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นที่ผนังติดตัวอักษรตัวใหญ่ว่า “M.I” และพูดว่า: “ฉันมาหาคุณจี้ค่ะ”
เมื่อทั้งสองได้ยิน สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที
“มาหาประธานจี้? ได้นัดไว้หรือเปล่าคะ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนส่ายหน้า
“ไม่ได้นัดค่ะ แต่เขาให้ฉันมาที่นี่”
ทั้งสองมองดูเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสีหน้าที่ดูถูกดูแคลน
“ไม่ได้นัดไว้ก็เข้าพบไม่ได้นะคะ คุณคิดว่าประธานจี้ของพวกเราใครอยากเจอเมื่อไหร่ก็ได้เหรอ? ”
“ฉันจะบอกอะไรให้นะ คนแบบคุณมีมาทุกวัน คุณคิดว่าวิธีนี้จะได้เจอประธานจี้งั้นเหรอ อย่าโลกสวยหน่อยเลย”
“หรือต่อให้เป็นไปได้ เธอคิดว่าจะถึงคุณเหรอ? ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ได้สนใจอะไรกับคำพูดของทั้งสอง เธอหยิบมือถือขึ้นมาดูกลับพบว่าแบตเตอรี่มือถือหมดไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
เธอขมวดคิ้วขึ้น และพูดว่า: “ขอแค่คุณบอกคุณจี้ว่าเจี่ยงเนี่ยนเหยามาหา เขาก็รู้แล้วค่ะ”
ทั้งสองมองหน้ากันแล้วก็หัวเราะเย้ยหยันขึ้น
“เจี่ยงเนี่ยนเหยาเหรอ? ฉันขอคิดดูก่อนนะว่าเดือนนี้มีคนชื่อเจี่ยงเนี่ยนเหยากี่คนแล้ว? ทำไมไม่เปลี่ยนชื่อบ้างล่ะ?”
พนักงานอีกคนหนึ่งยิ้มพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ตั้งโต๊ะขึ้น
“ช่างเถอะ คุณหญิงจี้ ฉันเข้าใจ เดี๋ยวฉันจะรายงานขึ้นไป ดูสิว่าประธานจี้จะมาพบคุณหรือเปล่า”
เธอส่งเสียงด้วยความโกรธพร้อมทั้งชี้นิ้วไปที่เก้าอี้
“คุณไปนั่งรอตรงนู้นนะ หากได้รับรายงานมาฉันจะแจ้งอีกที”
เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดคิ้วขึ้น แต่คิดในใจหากจี้จิ่งเชินรู้ว่าเธอกลับไปเขาจะต้องโกรธยิ่งกว่าเดิมแน่ ดังนั้นเธอจึงไปนั่งรอแต่โดยดี