เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 320 ผู้มีสิทธิ์ในการทำหน้าที่แทนกองกำลังทหารฝ่ายพลาธิการ
- Home
- เมียหวานของประธานเย็นชา
- ตอนที่ 320 ผู้มีสิทธิ์ในการทำหน้าที่แทนกองกำลังทหารฝ่ายพลาธิการ
บทที่ 320 ผู้มีสิทธิ์ในการทำหน้าที่แทนกองกำลังทหารฝ่ายพลาธิการ
จี้จิ่งเชินที่เห็นพวกเขาเพียงแวบเดียว ก็ขมวดคิ้ว
“ถูกสะกดรอยตามซะแล้ว”
เขาพูดเพียงแค่ประโยคเดียว คนเหล่านั้นก็เดินเข้ามาถึงข้างในห้องผู้ป่วย
“คุณชายเวิน ”
คนเหล่านั้นก็ก้มหัวให้เวินหงหยู้ พวกเขายืนตรง ราวกับว่าเป็นทหารเลยทีเดียว
เวินหงหยู้มองไปที่พวกเขา พลางพูดขึ้นว่า:“คนของเวินหงไห่ไม่ได้มา แต่กลับเป็นคนของพ่อมาแทน ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นห่วงฉันมากจริงๆนะ”
“แต่ว่า……”
แต่จู่ๆคำพูดของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน รอยยิ้มตรงมุมปากก็ได้หายไป ดวงตาของเขาก็เปลี่ยนเป็นเฉียบแหลมขึ้น
“ฉันอนุญาตให้พวกนายเข้ามาตอนไหนกัน?”
คนเหล่านั้นก้มหน้าลง และไม่กล้าที่จะพูด
ผ่านไปครู่หนึ่ง คนที่ยืนอยู่ข้างหน้าสุดก็พูดขึ้นด้วยเสียงเบาๆว่า:“คุณชายเวิน พวกเราฟังคำสั่งของแม่ทัพ จึงได้มาที่นี่ครับ”
ในขณะที่พูด คนเหล่านั้นก็มองไปรอบๆห้องผู้ป่วย ราวกับว่ายังคงมองหาคนจนถึงตอนนี้
เวินหงหยู้จึงพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า:“ไม่ต้องหาหรอก คนที่พวกนายกำลังตามหาไม่ได้อยู่ที่นี่”
เมื่อได้ฟังประโยคนี้ พวกเขาจึงหยุดการกระทำลง และหันไปมองเวินหงหยู้
และหัวเราะ พลางพูดขึ้นว่า:“คุณชายเวิน พวกเราแค่เป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของคุณ อยากที่จะตรวจสอบสักหน่อยว่าที่นี่มีอันตรายอะไรหรือเปล่าก็เท่านั้นเอง”
เวินหงหยู้หัวเราะออกมาอย่างเย็นชา และค่อยๆพูดขึ้นว่า:“ฉันบอกแล้วไง ว่ามีฉันเพียงคนเดียว”
“คุณชายเวิน คุณทำแบบนี้ พวกเราจะกลับไปอธิบายไม่ได้นะครับ”
“พวกนายอธิบายไม่ได้? งั้นฉันจะบอกเขาด้วยตัวฉันเอง”
เมื่อพูดจบ เวินหงหยู้ก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้
เมื่อคนเหล่านั้นได้ยิน ก็มองเขาอย่างตกใจ
“คือว่า……”
พวกเขาพูดไม่ออกอยู่นาน
เวินหงหยู้เหลือบมองพวกเขาแวบนึง
“มีอะไรไม่ดีหรือเปล่า?”
“ไม่มีแน่นอนครับ……”
เผชิญหน้ากับเวินหงหยู้ พวกเขากล้าพูดว่าไม่ซะที่ไหนล่ะ ทำได้เพียงแค่พยักหน้า และมองเขาเดินเข้ามา
“งั้นก็ไปด้วยกันเถอะ จะเสียเวลาอยู่ทำไม?”
พวกเขามองดูทั้งข้างในและนอกห้องผู้ป่วย แต่ก็ไม่พบคุณนายหล่อน และพวกเขาก็ไม่ค่อยจะเต็มใจสักเท่าไหร่นัก
แต่ตอนนี้ได้ยินเวินหงหยู้พูดแบบนี้แล้ว ก็จำเป็นที่จะต้องหันหลังและเดินตามเขาไป
“คุณชายเวิน เชิญทางนี้ครับ”
เวินหงหยู้ค่อยๆเดินมา เมื่อเดินผ่านเวินเที๋ยนเที๋ยน เขาก็มองเธอแวบนึง
เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดคิ้ว และมองเขาอย่างเป็นกังวล
“คุณชายเวิน คุณจะกลับไปจริงๆหรอ?”
เวินหงหยู้พยักหน้า
“ได้เวลากลับไปสักครั้งแล้ว”
เมื่อเห็นแววตาที่ดูเป็นกังวลของเวินเที๋ยนเที๋ยน เขาจึงพูดปลอบว่า:“เธอวางใจเถอะ คนที่เธอตามหาอยู่น่ะปลอดภัยดี ไม่มีอันตรายอะไร”
เวินเที๋ยนเที๋ยนตาเบิกโพลงเล็กน้อย รูม่านตาก็หดเล็กลง
ที่เขาพูดถึงคือคุณนายหล่อน
เวินเที๋ยนเที๋ยนอ้าปากค้าง ในใจนั้นมีคำถามอยู่เยอะแยะมากมาย แต่เมื่อเห็นคนเหล่านั้นที่ยืนอยู่รอบๆ กลับต้องเก็บคำถามนั้นเอาไว้
เวินหงหยู้กลับไม่ได้พูดอะไรมาก และได้หันไปมองจี้จิ่งเชินที่ยืนอยู่ข้างๆ
“ดูและเธอให้ดีๆ อย่าให้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเธออีก”
จี้จิ่งเชินพยักหน้าอย่างหนักแน่น
“วางใจเถอะครับ”
เมื่อพูดจบ เวินหงหยู้จึงจะพยักหน้า และเดินจากไป
เวินเที๋ยนเที๋ยนก็หันหน้าไปตามเขาด้วย และมองดูด้านหลังของเขาที่เดินจากไป ในใจก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวล
เพราะเวินหงหยู้พ่ายแพ้ในการแย่งชิงสิทธิ์ในการสืบทอดมรดกต่อ จึงถูกไล่ออกจากตระกูลเวิน
ตอนนี้ต้องกลับไปอีกครั้ง ไม่รู้ว่าคนตระกูลเวินพวกนั้นจะปฏิบัติต่อเขายังไง?
เวินเที๋ยนเที๋ยนและจี้จิ่งเชินเฝ้าดูเขาเดินจากไป แต่กลับเข้าไปช่วยเขาไม่ได้
และในขณะนั้น ณ ตระกูลเวิน
เวินหงไห่ก็ถูกเรียกตัวกลับมา และกำลังถูกเวินฉี่ตำหนิอยู่
“ฉันเคยบอกแล้วใช่ไหม ว่าให้แกคิดให้รอบคอบก่อน! แกก็ไม่ฟัง! ตอนนี้เกิดเรื่องวุ่นวายแบบนี้ขึ้น แกพูดมาว่าแกจะทำยังไง?”
ไม้เท้าของเวินฉี่กระแทกลงตรงพื้นเป็นระยะๆ เสียงที่ดูกลัดกลุ้มนั้นราวกับว่าจะกระทบเข้ามาในใจของผู้คนโดยตรง
ภายในห้องหนังสือมีแต่เพียงเสียงของเขาเท่านั้น ยิ่งทำให้ห้องรู้สึกโล่งกว้างขึ้นไปอีก
เวินหงไห่ยืนเม้มมุมปากตรงข้ามเขา โดยที่ไม่ได้พูดอะไรเลย
ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็พูดอย่างไม่เต็มใจว่า:“ตอนนี้ตระกูลหล่อนมีผู้หญิงเพียงคนเดียวก็คือหล่อนหลี แถมตอนนี้เธอก็ได้รับบาดเจ็บและซ่อนตัวอยู่ ตระกูลหล่อนก็มีเพียงแค่เวินเที๋ยนเที๋ยนเท่านั้น ไม่จำเป็นที่จะต้องกลัว เพียงแค่คว้าโอกาสนี้ไว้ได้ ก็จะสามารถแก้ไขตระกูลหล่อนได้ง่ายนิดเดียว”
เวินฉี่ขมวดคิ้ว และไม่ได้พูดอะไรอยู่นาน
“เวินเที๋ยนเที๋ยน คนคนนี้ยังต้องตรวจสอบอีกครั้ง จะแตะต้องตัวเธอไม่ได้”
เวินหงไห่พูดขึ้นอย่างไม่พอใจว่า:“ยังมีอะไรที่จะต้องตรวจสอบอีก?ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่าได้ตรวจสอบไปแล้วหรอกเหรอ?”
“คนคนนี้เดิมทีก็ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลเวินอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าจะเป็นลูกของพี่ใหญ่จริงๆ……”
เมื่อเขาพูดไปได้ครึ่งนึง ก็ได้เงยหน้าขึ้นมองสีหน้าของเวินฉี่ และพูดดูเชิงว่า:“กับลูกของตระกูลเวินแล้ว คงไม่……”
เวินหงไห่ยังไม่ทันที่จะพูดจบ เวินฉี่ก็ตะคอกขึ้นด้วยเสียงที่น่ากลัว
“ถ้าหากเธอเป็นลูกของหงหยู้จริงๆละก็ นั่นก็เป็นสายเลือดของตระกูลเวินเหมือนกัน!ไม่สามารถจะปล่อยให้อยู่ข้างนอกได้ ต้องพาตัวกลับมา แกจะแตะต้องเธอไม่ได้!”
เมื่อเวินหงไห่ได้ฟัง ก็กัดฟันไว้แน่นในทันที
แต่ไหนแต่ไรมาเวินฉี่นั้นให้ความสำคัญกับเรื่องของสายเลือดเป็นอย่างมาก ถ้าหากว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนมีความเกี่ยวข้องกับตระกูลเวินจริงๆละก็ ก็คงต้องเอาตัวเธอไว้อย่างแน่นอน
ถึงตอนนั้น เวินหงหยู้ก็คงต้องใช้โอกาสนี้พลิกเป็นฝ่ายที่เหนือกว่าอย่างแน่นอน
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เวินหงไห่ก็ขมวดคิ้ว
“ถ้าอย่างนั้น ผมจะไม่แตะต้องตัวเธอ แต่เรื่องตระกูลเวินปล่อยไว้ไม่ได้”
สีหน้าของเวินฉี่จึงค่อยๆผ่อนลง และพยักหน้า
“เรื่องนี้แกไปเองเถอะ อย่าให้เกิดเรื่องอะไรอีกล่ะ”
ในขณะที่พูด ก็มีทหารนายหนึ่งวิ่งเข้ามาจากข้างนอกประตู
เขายืนอยู่ประตู และทำความเคารพต่อทั้งสองคน และเดินมาที่ด้านหน้าของท่านแม่ทัพเวิน
เขาก้มหน้าลง และพูดด้วยเสียงเบาๆว่า:“ท่านแม่ทัพ คุณชายเวินกลับมาแล้วครับ”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ เวินฉี่ก็ขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างรวดเร็ว สีหน้าก็ดูไม่ดีขึ้นมาในทันที
“ใครให้มันเข้ามา?”เขาตะคอกขึ้นด้วยความโกรธ
และพบว่า เวินหงหยู้ได้เดินเข้ามาจากข้างนอกแล้ว
“ผมเข้ามาเอง”
เวินหงหยู้เดินมาอยู่ตรงหน้าเวินฉี่ และก้มหน้าลงเล็กน้อย
“พ่อ”
เวินฉี่ที่เห็นเขา ก็พึมพำออกมาอย่างไม่พอใจ
“แกกลับมาทำไม?”
เวินหงหยู้ยิ้มพลางพูดว่า:“หรือว่าพ่อไม่ได้ให้คนไปตามตัวผมกลับมาหรือไง?”
เมื่อได้ฟัง เวินฉี่ ก็หันไปมองคนพวกนั้นที่เดินตามหลังเวินหงหยู้เข้ามา
คนพวกนั้นเป็นคนที่เขาสั่งให้ไปสะกดรอยตามเวินเที๋ยนเที๋ยนและจี้จิ่งเชิน
พวกเขาเห็นแววตาของเวินฉี่ ก็เดินมาข้างหน้า และพูดขึ้นด้วยเสียงเบาๆว่า:“หลังจากที่พวกเราไปถึงแล้ว ก็พบแต่คุณท่านคนเดียวเท่านั้น ไม่พบหล่อนหลีเลยครับ คุณท่านไม่ให้พวกเราค้นหาต่อ”
เวินหงหยู้ที่ได้ฟังประโยคนี้อยู่ข้างๆ ก็จงใจพูดขึ้นว่า:“จริงๆแล้วพวกนายไม่ได้ตั้งใจจะมาหาฉันหรอกเหรอ?”
เวินฉี่เม้มมุมปากไว้แน่น และมองเขาอย่างไม่พอใจ สีหน้าดูแย่เอามากๆ
“ไล่มันออกไป!”
ทหารสองสามคนเดินขึ้นมาข้างหน้า ก็ถูกเวินหงหยู้ยกมือขึ้นเพื่อห้ามไว้
“พวกนายแน่ใจเหรอว่าจะไล่ฉันออกไป?”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ การกระทำของคนเหล่านั้นจึงหยุดลง
ใครๆก็รู้ว่า เวินหงหยู้เป็นอดีตทายาทของตระกูลเวิน
ก่อนที่จะถูกไล่ออกจากตระกูลเวิน เขาควบคุมดูแลครึ่งหนึ่งของตระกูลเวิน และเป็นผู้มีอิทธิพลพอสมควรในตระกูลเวิน
เมื่อตอนนี้ได้ยินคำสั่งของเขา คนเหล่านั้นก็หยุดชะงักลงโดยไม่รู้ตัว
เวินหงไห่ที่ได้เห็น ก็ตะคอกอย่างไม่พอใจว่า:“ไม่ได้ยินหรือไง?ไล่มันออกไป!”
คนเหล่านั้นก็ยังคงไม่มีปฏิกิริยาใดๆ สีหน้าของเวินหงไห่ก็ดูแย่มากๆในชั่วขณะ
เวินฉี่มองไปที่เวินหงหยู้ และพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า:“แกถูกไล่ออกจากตระกูลเวินแล้ว ที่นี่ไม่ได้เป็นที่ที่แกจะสามารถมาได้!”
เวินหงหยู้ยิ้มขึ้นอย่างเย็นชา ท่าทางดูสุขุม และค่อยๆพูดขึ้นว่า:“ทุกๆสามปีจะต้องเปลี่ยนผู้มีสิทธิ์ทำหน้าที่แทนกองกำลังทหารฝ่ายพลาธิการครั้งนึง เดี๋ยวก็ใกล้จะถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยนแล้ว”
ประโยคสั้นๆนี้ ทำให้สีหน้าของเวินฉี่และเวินหงไห่เปลี่ยนไปในทันที
เวินหงไห่ก้าวขึ้นมาข้างหน้า และกำหมัดไว้แน่น
“ถึงแม้จะไม่มีแก ฉันก็สามารถเอาตำแหน่งผู้มีสิทธิ์ทำหน้าที่แทนมาได้ !”