เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 293 โอนทรัพย์สิน
บทที่ 293 โอนทรัพย์สิน
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินจงหลีพูด แต่ไม่ได้พูดอะไรอยู่นาน
เธอจะไม่รู้ความหวังดีของจี้จิ่งเชินได้อย่างไร?
แต่ว่า ตอนเธอถูกหลอกลวงและปิดบังอีกครั้งและอีกครั้ง ในใจของเธอก็แตกสลายมากจริงๆ
จงหลีพูดทุกอย่างออกมา เรื่องต่อมา ก็ได้แค่ทำให้เวินเที๋ยนเที๋ยนคิดได้อย่างชัดเจนด้วยตัวเองได้
รถค่อยๆจอดลงที่หน้าตระกูลหล่อน
เวินเที๋ยนเที๋ยนลงจากรถ
“คุณอยู่ดูแลจี้จิ่งเชินที่โรงพยาบาลดีๆ อย่าทำให้เขาวุ่นวายอีก รอฉันคิดละเอียดดีแล้ว ฉันจะไปเจอเขา”
พูดจบ เวินเที๋ยนเที๋ยนก็หมุนตัว ไม่หันกลับมาอีก
ในสมอง กลับคิดถึงคำพูดของจงหลีเมื่อกี๊ตลอด
สัญญาที่รับซื้อฉบับนั้นของบริษัทเอ็มไอกรุ้ปกับตระกูลหล่อน มีความลับอะไรกันแน่?
เธอเดินไปที่หน้าห้องตัวเอง กับหยุดเท้าลง
เห็นว่ายังเช้าอยู่ ก็หมุนตัวเดินไปที่ห้องทำงานของคุณนายหล่อน
เดินเข้าไป เห็นคุณนายหล่อนกำลังหาข้อมูล
เธอเห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนเข้ามา ค่อยๆยิ้ม ในสายตามีความอ่อนโยน
“กลับมาจากโรงพยาบาลเหรอ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้า
“ให้คนอื่นดูแลจี้จิ่งเชิน ฉันกลับมาก่อนสองวันค่ะ”
พูดไป เวินเที๋ยนเที๋ยนก็มองคุณนายหล่อน พูด “ได้ยินพวกเขาพูด คุณมาเยี่ยมฉันด้วย?”
รอยยิ้มของคุณนายหล่อนก็ชัดยิ่งขึ้น
“ตอนที่ฉันไป พวกคุณกำลังพักผ่อน ก็เลยไม่รบกวน เดิมทีวันนี้ยังอยากไปเยี่ยมพวกคุณด้วย แต่คิดไม่ถึงว่าคุณจะกลับมาก่อน”
พูดไป คุณนายหล่อนก็สำรวจท่าทางเวินเที๋ยนเที๋ยนด้วย แต่เห็นท่าทางของเธอไม่ค่อยมีความสุขอย่างที่คิดไว้
จึงถาม “คุณเป็นอะไร?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนกุมมือทั้งสองไว้ ค่อยๆพูด “คุณนายหล่อน ฉันได้ยินว่าคุณรู้แผนของจี้จิ่งเชินมาโดยตลอด”
ได้ยินประโยคนี้ คุณนายหล่อนจึงมีสีหน้าหน่อย สายตามองตรงไปที่เวินเที๋ยนเที๋ยน
เหมือนกำลังมองหัวใจของเธอ
สักพักหนึ่ง ในที่สุดคุณนายหล่อนก็พยักหน้า เอาแว่นกรอบทองลง
“ถูกแล้ว เป็นแบบนี้จริงๆ”
ถึงแม้เวินเที๋ยนเที๋ยนจะรู้ว่าตัวเองแค่ลูกสาวบุญธรรม การตัดสินใจของคุณนายหล่อน ตัวเองทำอะไรไม่ได้
แต่ว่า คิดถึงคุณนายหล่อนที่ตัวเองเชื่อใจมาตลอด จะร่วมมือกับจี้จิ่งเชินหลอกตัวเอง ในใจก็หดหู่
เธอสูดหายใจลึกๆ พูด “แต่ทำไมคุณไม่บอกฉัน?”
คุณนายหล่อนมองเธอ พูด “เพราะว่าจากระดับแล้ว ฉันเห็นด้วยกับความคิดของจี้จิ่งเชิน ความตั้งใจเดิมของเขาโอเคแล้ว”
“อีกอย่างคนที่เธอชอบ ฉันเต็มใจช่วย ส่วนจะเกิดอะไรขึ้นนั้น ฉันว่าถึงตอนนั้นเขาจะบอกคุณเอง”
เวินเที๋ยนเที๋ยนค่อยๆมองลง
“งั้นแผนควบกิจการของบริษัทเอ็มไอกรุ้ปกับตระกูลหล่อน สรุปยังไงเหรอคะ?”
คุณนายหล่อนเหมือนรู้นานแล้ว ว่าเธอจะถามคำถามนี้ ยื่นมือเอาสัญญาเอกสารที่วางไว้ที่โต๊ะตลอด ส่งไปให้
“นี่ก็คือสัญญาฉบับนั้น คุณดูเองได้ เหตุผลที่ฉันเหตุด้วยกับเขา”
เวินเที๋ยนเที๋ยนรับเข้ามา แต่ไม่ได้ได้เปิดออก
เธอมองคุณนายหล่อนแล้วพูด “คุณยอมรับจี้จิ่งเชินแล้วเหรอ?”
ก่อนหน้านี้ คุณนายหล่อนเอาแต่คิดว่าจี้จิ่งเชินไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุด
แต่ตั้งแต่เรื่องครั้งนี้ เธอกลับยืนข้างจี้จิ่งเชิน
คุณนายหล่อนค่อยๆพูด “ที่จริงจี้จิ่งเชินไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุด แต่กลับเป็นคนที่รักคุณที่สุด”
“เรื่องอื่นของเขา ฉันสามารถโต้แย้งได้ แต่แค่เรื่องนี้ ฉันกลับเห็นความตั้งใจของเขา”
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยิน ก็ยิ่งสงสัยมากขึ้น หยิบสัญญามา
“ขอบคุณค่ะ คุณนายหล่อน”
พูดจบ เธอก็เอาสัญญาแล้วหมุนตัวออกไป กลับไปที่ห้องของตัวเอง
พอนั่งลง เวินเที๋ยนเที๋ยนก็เปิดสัญญาที่มีเป็นร้อยกว่าหน้านั่น
ด้านในเป็นเงื่อนไขที่ซับซ้อนและยาวเหยียด ทำให้เวินเที๋ยนเที๋ยนปวดหัวหน่อยๆ
แต่เป็นแบบนี้ เธอก็ตั้งใจอ่านไป
แป๊บหนึ่ง เธอก็พบสิ่งผิดปกติ
สัญญาฉบับนี้แสดงเหมือนว่าเป็นแผนการซื้อกิจการของตระกูลหล่อนต่อบริษัทเอ็มไอกรุ้ป แต่ความหมายจริงๆแล้ว กลับเป็นสัญญาโอนทรัพย์สิน!
ในสัญญาฉบับนี้ ระบุอุตสาหกรรมภายใต้ชื่อของจี้จิ่งเชินอย่างละเอียด
ไม่ว่าจะเป็นบริษัทเอ็มไอกรุ้ป หรือว่าทุกบริษัทและอุตสาหกรรมภายใต้กรุ้ป ทั้งหมดมอบให้เวินเที๋ยนเที๋ยน
เวินเที๋ยนเที๋ยนยิ่งอ่านยิ่งตะลึง
อ่านทุกอย่างในสัญญาฉบับนั้นเสร็จ ในใจเธอก็ตะลึงยิ่งขึ้น
เวินเที๋ยนเที๋ยนค่อยๆถอนหายใจออกมา นั่งอยู่บนเก้าอี้ ในใจรู้สึกหนักอึ้งอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
เธอนึกถึงคำที่จี้จิ่งเชินเคยพูด ทุกอย่างที่เขาสร้าง บริษัทในเครือของเขา บริษัทของเขา ปราสาทของเขา ทุกอย่างยกให้เวินเที๋ยนเที๋ยนหมด
แต่ในเวลานั้น เวินเที๋ยนเที๋ยนคิดว่าคำนี้ก็แค่เปรียบเปรยเท่านั้น
แต่คิดไม่ถึง นั่นกลับเป็นประกาศของเขา
ถ้าเวินเที๋ยนเที๋ยนรับสัญญาฉบับนี้จริงๆ ตั้งแต่ที่เวินเที๋ยนเที๋ยนเริ่มลงชื่อลงไป จี้จิ่งเชินก็จะไม่เหลืออะไรเลย
เขาพยายามมาหลายปีเพื่อของพวกนี้ อาชีพที่เขาภาคภูมิใจ เขาต้องต่อต้านตระกูลจี้และพยายามอย่างหนัก
ทั้งหมด ยกให้เวินเที๋ยนเที๋ยนหมด
ถึงเป็นแบบนี้ เขาจะไม่เสียใจภายหลังเหรอ?
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองสัญญาฉบับนี้ แต่หมดหนทางลงชื่อ
เธอเอาเก็บเข้าลิ้นชักใหม่ ยังไม่หายจากอาการช็อกเมื่อครู่
เธอยังลังเล ว่าจะไปโรงพยาบาลหรือไม่
และอารมณ์ของตัวเองก็ยังไม่ชัดเจน ไม่รู้ว่าควรจะทำไงต่อไป ถึงจะเผชิญหน้ากับจี้จิ่งเชิน
เวินเที๋ยนเที๋ยนเดินไปมาที่สวนของโรงพยาบาลอย่างว้าวุ่นใจ ในใจว้าวุ่นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่รู้ควรทำอย่างไรดี
ผ่านไปสักพัก กลับได้ยินพนักงานสวนหลายคนกำลังตัดดอกไม้ กำลังถกเถียงกันเบาๆ
“เหรอ?ได้ยินว่าคนข้างนอก ยืนอยู่หลายชั่วโมงแล้ว พ่อบ้านไม่ให้เข้า”
“ไม่ใช่มั้ง?ได้ยินว่า พ่อบ้านฉวีผิงจะให้เข้ามาอยู่ แค่คนนั้นไม่อยากเข้ามาเอง”
“ยืนอยู่แต่หน้าประตู ไม่รู้ทำอะไร”
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินพวกเขาพูด เดินเข้าไปอย่างสงสัย
“พวกคุณพูดถึงใคร?”
สองสามคนนั้นมองเวินเที๋ยนเที๋ยน พูด “ได้ยินว่าหน้าประตูมีคน เอาแต่ยืนอยู่หน้าประตู ไม่ยอมไปไหน และก็ไม่ยอมเข้ามา อากาศหนาวขนาดนี้ ใกล้จะแข็งอยู่แล้ว”
“ถามเขา ก็ไม่พูดอะไรเลย ไม่รู้จะทำอะไร”
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินพวกเขาบรรยาย คิ้วก็ขมวด
คนที่ยืนอยู่ด้านนอกตลอด นอกจากจี้จิ่งเชินแล้วจะเป็นใครได้?
แต่ว่าเขาตอนนี้ไม่ใช่ว่าควรรักษาตัวที่โรงพยาบาลเหรอ?
เห็นๆอยู่ว่ากระดูกหัก ที่ไหล่ก็มีแผล ยังจะกล้าวิ่งไปด้านนอกอีก
กำลังคิดอยู่นั้น สองสามคนนั้นก็พูดต่อ “โอ๊ย!ใช่สิ ก่อนหน้านี้เขาไม่ใช่ว่ายังมาอีกตั้งหลายครั้งเหรอ?”
“ใช่ มาดูคุณหนู”
สองสามคนนั้นถกเถียงกันขึ้นมาอย่างน่าสนใจ
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินประโยคนี้ ในใจก็ยิ่งมั่นใจ หมุนตัวเดินไปข้างนอก
ยังเดินไปไม่ถึงหน้าประตู ก็มองเห็นจี้จิ่งเชินที่ยืนอยู่ด้านนอก