เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 261 ภัยคุกคามที่ไม่สามารถปฏิเสธได้
บทที่ 261 ภัยคุกคามที่ไม่สามารถปฏิเสธได้
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองดูเขาด้วยความกังวลใจ
“แต่อาการป่วยของคุณ……”
จี้จิ่งเชินเลื่อนสายตาลงมองมือของเวินเที๋ยนเที๋ยน
แหวนเพชรอันแวววาวขับให้นิ้วมือของเธอ ยิ่งดูขาวและเรียวยาวขึ้น
เขาค่อยๆยิ้มแล้วพูด: “หมอจางมีวิธีการรักษาใหม่แล้วนะ และได้ผลดีมากด้วย”
“จริงเหรอ?”
“อืม”
จี้จิ่งเชินพยักหน้า ตอนแรกที่รับการตรวจจากโรงพยาบาล ก็ใช้วิธีการแบบนี้เหมือนกัน
ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังคุยกันอยู่ ในระยะไกลๆก็เห็นพ่อบ้านกำลังเดินเข้ามาจากข้างนอก ด้วยใบหน้าที่ไม่ค่อยดีนัก
เมื่อเห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนกับจี้จิ่งเชินยืนอยู่ด้วยกัน เขาจึงเดินเข้ามายืนข้างๆของจี้จิ่งเชิน แล้วพูดเสียงต่ำ
“นายครับ คนตระกูลจี้มาครับ”
เมื่อจี้จิ่งเชินได้ฟัง ก็ขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย
พ่อบ้านพูด: “พวกเขาบอกว่าพวกเขาเอาของมาให้ครับ”
ถ้าไม่ใช่เพราะคิดว่าคำพูดของพวกเขาน่าเชื่อถือ พ่อบ้านก็คงไม่เดินมารายงานจี้จิ่งเชิน
“พวกเขาอยู่ข้างนอกครับ แล้วกำลังเรียกร้องจะเข้ามา พวกเขาพูดว่าหากท่านได้เห็นสิ่งที่พวกเขาเอามาให้ ท่านจะไม่เสียใจแน่นอนครับ”
จี้จิ่งเชินมองออกไปดูนอกปราสาทแวบหนึ่ง ถึงตอนนี้แล้ว ตระกูลจี้ยังจะมีลูกไม้ไหนอีก?
เขาเงียบไปสักพัก แล้วก็ค่อยพยักหน้า
“ให้พวกเขาเข้ามาเถอะ”
พูดเสร็จ เขาก็หันไปมองที่เวินเที๋ยนเที๋ยนอีกครั้ง
เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดขึ้น: “ให้ฉันไปกับคุณไหม?”
จี้จิ่งเชินส่ายหัว
“คุณพักผ่อนต่อเถอะ เรื่องนี้เดี๋ยวผมเป็นคนจัดการเอง”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้าและยืนอยู่ที่เดิม มองจี้จิ่งเชินกับพ่อบ้านที่เดินออกไปพร้อมกัน
เมื่อจี้จิ่งเชินเดินมาถึงห้องรับแขก ก็เห็นฉวีช่วยฉินกับจี้ยี่หยันก็นั่งรออยู่ที่โซฟาแล้ว
จี้จิ่งเชินจึงเดินเข้าไป เขาไม่ได้นั่งลงแต่กลับยืนมองพวกเขา แสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้อยากจะอยู่ที่นี่นาน
“มีเรื่องอะไร?”
ฉวีช่วยฉินหันไปมองเขา แล้วพูด: “ได้ยินมาว่าแกกำลังจะแต่งงานกับเวินเที๋ยนเที๋ยนแล้วเหรอ?”
สายตาของจี้จิ่งเชินไม่แสดงอารมณ์ใดๆ มีแต่สายตาเย็นชาที่กำลังมองพวกเขา
“พวกคุณนำของอะไรมา?”
เมื่อเห็นว่าจี้จิ่งเชินไม่ได้ให้ความสนใจตัวเอง ฉวีช่วยฉินก็รู้สึกเสียหน้าเล็กน้อย
ผ่านไปสักพัก จึงค่อยพูดขึ้นมา: “พวกเราปรึกษากันเรียบร้อยแล้ว ว่าตระกูลจี้ไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานครั้งนี้ของแก”
เมื่อจี้จิ่งเชินได้ฟังประโยคนี้ ก็ยิ้มขึ้นมา
“งานแต่งงานของผม ต้องให้พวกคุณอนุญาตตั้งแต่เมื่อไหร่?”
เขานั่งลงฝั่งตรงข้ามของพวกเขาสองคน แล้วพูดออกไปตรงๆ: “เรื่องนี้ไม่ต้องถึงขั้นให้พวกคุณมายุ่งหรอก”
ฉวีช่วยฉินหันไปมองจี้ยี่หยันที่นั่งอยู่ข้าง แล้วกัดฟันพูด: “ในมือของฉันมีของสิ่งหนึ่ง และฉันก็เชื่อว่าแกคงไม่ปฏิเสธของสิ่งนี้แน่นอน ”
ทันทีที่เธอพูด ก็รู้สึกว่าน้ำเสียงของตัวเองมีความหยิ่งผยองมากขึ้น
“ถ้าแกยอมตกลงตามเงื่อนไขของพวกฉัน ฉันอาจจะเอาของสิ่งนี้ให้แกก็ได้”
เมื่อจี้จิ่งเชินเห็นท่าทีที่ดูมั่นใจของเธอ ก็ขมวดคิ้วขึ้นมา
“เงื่อนไขอะไร?”
ฉวีช่วยฉินจึงพูดต่อ: “พวกฉันหาผู้หญิงที่เหมาะสมกับแกไว้ให้แล้ว และเรื่องงานแต่งพวกฉันก็จะเป็นคนจัดการเหมือนกัน”
“แล้วยังมียี่หยัน แกต้องหาตำแหน่งในบริษัทเอ็มไอกรุ้ปให้เขา และต้องเป็นตำแหน่งที่เท่าเทียมกับแก เพื่อที่จะได้บริหารบริษัทร่วมกัน”
เมื่อได้ยินเงื่อนไขอันยาวเหยียดของเธอ จี้จิ่งเชินก็หัวเราะออกมา
“แค่นี้?”
เขายืนขึ้น และถามกลับไปด้วยสีหน้าที่เย็นชา
“พ่อบ้าน ส่งแขก”
พูดเสร็จ เขาก็หมุนตัว และเตรียมตัวจะเดินออกไป
ทันใดนั้นก็มีเสียงของจี้ยี่หยันดังขึ้นมา: “จี้จิ่งเชิน นายจะไม่ดูหน่อยเหรอ ว่าของที่พวกฉันเอามาคือของอะไร?”
เมื่อจี้จิ่งเชินได้ยินประโยคนี้ เขาก็ขมวดคิ้วทันที
ทันทีที่เขาหันกลับมา และเตรียมจะพูด ทันใดนั้น เขาก็เห็นสิ่งของที่วางไว้บนโต๊ะ
ร่างของจี้จิ่งเชินสั่นขึ้นมาทันที แล้วอยู่ๆคำพูดก็หายไปหมด
สีหน้าของเขาหม่นหมอง และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา: “ทำไมพวกคุณถึงมีของสิ่งนี้ได้?”
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของเขา จี้ยี่หยันก็หัวเราะออกมา
“อยากหรือไม่อยากเอาของสิ่งนี้คืน ก็ขึ้นอยู่กับความจริงใจเมื่อกี้ของนายแล้ว ”
จี้จิ่งเชินยืนอยู่ที่เดิมแล้วกำหมัดแน่น โดยไม่พูดไม่จา
สายตาของเขาจ้องลึกลงไปยิ่งขึ้น ดูดุร้ายจนแทบจะฉีกเนื้อของสองคนที่อยู่ข้างหน้าของเขาได้
เวินเที๋ยนเที๋ยนรออยู่ในลานบ้านอยู่นาน แต่รอยังไงจี้จิ่งเชินก็ไม่กลับมาสักที
เธอวางของในมือลงด้วยความประหลาดใจ เมื่อเดินเข้ามา ก็ไม่เห็นมีใครอยู่ในห้องรับแขกแล้ว
จี้จิ่งเชินนั่งอยู่บนโซฟาข้างๆ โดยไม่ขยับเขยื้อน
เวลานี้ท้องฟ้าก็เริ่มมืดแล้ว และในห้องรับแขกก็ไม่ได้เปิดไฟไว้ จึงมีแค่แสงไฟสลัวๆ
ร่างกายครึ่งหนึ่งของเขาถูกซ่อนไว้ในความมืด และเหลือไว้เพียงแค่เงา
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่า?”
จี้จิ่งเชินเหมือนกำลังจมลึกอยู่ในความคิดของตัวเอง แต่เมื่อได้ยินคำพูดของเวินเที๋ยนเที๋ยน เขาก็เงยหน้าขึ้นมาทันที
มองเวินเที๋ยนเที๋ยนอยู่พักหนึ่ง แล้วค่อยส่ายหัว
“ไม่มีอะไร”
เมื่อเวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นท่าทางของเขา ก็ดูออกว่าเขามีความเหม่อลอยนิดๆ เธอจึงรู้สึกกังวลขึ้นมาจนคิ้วเริ่มขมวดเข้าหากัน
จี้จิ่งเชินเดินเข้ามาหาเธอ แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม: “ทำธุระเสร็จแล้วเหรอ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้า แล้วมองสังเกตเขาไปด้วยและพูดไปด้วย: “ที่ลานบ้านมีคนสวนมาทำความสะอาดแล้ว”
พูดเสร็จ เธอก็ยื่นมือออกไปดึงจี้จิ่งเชินไว้
“จี้จิ่งเชิน คุณเป็นอะไรหรือเปล่า?”
จี้จิ่งเชินหันมามองเธอแวบหนึ่ง แล้วรีบดึงสายตากลับ
“ผมไม่ได้เป็นอะไร”
แต่เมื่อเห็นท่าทีของเขาแล้ว ไม่ว่าจะยังไงเวินเที๋ยนเที๋ยนก็รู้สึกกังวลอยู่ดี
เธอยังอยากถามต่อให้รู้เรื่อง แต่ว่าจี้จิ่งเชินกลับเดินขึ้นชั้นบนไปแล้ว
เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงทำได้แค่ยืนอยู่ที่เดิม แล้วขมวดคิ้วมองเขา
จี้จิ่งเชินดูไม่ปกติ
หลังจากจบเรื่องของตระกูลจี้ไปแล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ไม่ได้ไปที่บริษัทอีกเลย แต่ไม่นานเธอก็รับรู้ได้ถึงความผิดปกติของจี้จิ่งเชิน
และคนแรกที่เป็นคนบอกเธอก่อน ก็คือท่านจาง
ตอนเวินเที๋ยนเที๋ยนเรียนบูรณะโบราณวัตถุอยู่ที่บ้านของท่านเปิง ท่านจางได้สังเกตเธออยู่ตลอด
“สาวตัวน้อย พวกเธอจะแต่งงานกันเมื่อไหร่?”
ก่อนหน้านี้เรื่องที่เธอถูกขอแต่งงานถูกเล่าลือไปทั่ว ใครๆก็รู้ว่าอีกไม่นานเวินเที๋ยนเที๋ยนกับจี้จิ่งเชินก็จะแต่งงานกัน
เมื่อเวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินประโยคนี้ ก็ลำบากใจที่จะพูด: “ยังไม่มีกำหนดการเลยค่ะ”
ท่านจางลังเลอยู่สักพัก แล้วพูดขึ้นมา: “หนูได้ยินมาบ้างหรือเปล่า ว่าช่วงนี้ที่บริษัทของจี้จิ่งเชินเขามีปัญหาอะไรกัน?”
“อะไรนะคะ?”เวินเที๋ยนเที๋ยนหันหน้าไปด้วยความงุนงง
ท่านจางโบกมือแล้วพูด: “ลูกชายของผมให้ผมมาถามหนูนะ”
ในขณะที่พูดอยู่ เขาก็เขยิบเข้ามาใกล้นิดหนึ่ง แล้วพูด: “ทั้งๆที่บริษัทจี้ซือได้ล้มละลายไปแล้ว แต่ทำไมจี้จิ่งเชินถึงต้องรับจี้ยี่หยันเข้าไปอยู่ในบริษัทเอ็มไอกรุ้ปด้วย? และยังให้อำนาจในการตัดสินใจของบริษัทครึ่งหนึ่งแก่เขาอีก?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเขาด้วยสีหน้าที่ตกใจ
“จี้ยี่หยันเข้าไปอยู่ในบริษัทเอ็มไอกรุ้ปอย่างนั้นเหรอคะ?”
“หนูยังไม่รู้อีกเหรอ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนส่ายหัว
หลายวันมานี้เธอไม่เคยได้ยินจี้จิ่งเชินพูดถึงเรื่องนี้เลย
ท่านจางขมวดคิ้วแล้วพูด: “งั้นก็แปลกแล้วล่ะ แล้วมันคืออะไรกันแน่? ตอนนี้ลูกชายของฉันกำลังคุยเรื่องทำสัญญากับพวกเขาอยู่ ก็เลยให้ฉันมาถามหนูว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
“หนูก็ไม่แน่ใจค่ะ……”
เวินเที๋ยนเที๋ยนฟังด้วยความใจลอยอยู่สักพัก ในหัวเต็มไปด้วยคำพูดเมื่อสักครู่ของท่านจาง
ช่วงบ่าย เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ออกมาจากบ้านของท่านเปิง หลังจากที่เธอขึ้นไปนั่งในรถ
เธอก็ลังเลอยู่สักพัก แล้วพูดขึ้น:“ยังไม่กลับปราสาทนะ แต่ไปที่บริษัทเอ็มไอกรุ้ปก่อน”
คนขับรถพยักหน้า เมื่อเขาเหยียบคันเร่งแล้วรถก็เคลื่อนตัวออกไป
เมื่อมาถึงหน้าบริษัท พนักงานทุกคนที่อยู่ข้างในบริษัทก็หันมามองที่เวินเที๋ยนเที๋ยนเป็นตาเดียวกัน
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเธอเพิ่งฟังคำพูดของท่านจางมาหรือเปล่า จึงทำให้เธอรู้สึกว่าสายตาที่พนักงานใช้มองเธอนั้นมันดูแปลกๆ
เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วเดินไปกดลิฟต์เพื่อขึ้นไปชั้นบนสุด
แต่เมื่อประตูลิฟต์ถูกเปิดออก กลับมีจี้ยี่หยันยืนอยู่ข้างในลิฟต์
งั้นก็แสดงว่า สิ่งที่ท่านจางพูดมา เป็นความจริงทั้งหมดอย่างนั้นเหรอ?
แต่ทำไมจี้จิ่งเชินถึงต้องให้จี้ยี่หยันเข้ามาอยู่ในบริษัทด้วยล่ะ?
แถมลิฟต์นี้ก็เป็นลิฟต์ของระดับผู้บริหาร หรือว่าเขาเพิ่งจะลงมาจากห้องทำงานของผู้บริหาร?