เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 174 เบาะแสปรากฏ
บทที่174 เบาะแสปรากฏ
จี้จิ่งเชินรับรูปถ่ายมาดู
“หารถเจอแล้วใช่ไหม?”
“ครึ่งชั่วโมงก่อน มีคนพบรถคันนี้ที่โกดังรถเก่าครับ รถคันนี้ถูกทำความสะอาดไว้เรียบร้อยแล้ว ไม่มีร่องรอยอะไรอยู่เลยแม้แต่นิดเดียว ถ้าพวกเราไปช้ากว่านี้อีกครึ่งชั่วโมง รถคันนี้คงจะถูกทำลายไปแล้วครับ”
จี้จิ่งเชินหันกลับมามองผ้าเช็ดหน้าไหมแพรสีดำที่อยู่ในมือ ตัวอักษรที่ปักอยู่ด้านบนว่า “หล่อน” ชัดเจนมาก ภายใต้แสงไฟนั้นราวกับมีแสงวาววับขึ้นมา
แล้วเขาก็มองไปยังรูปถ่ายที่จงหลีส่งมาให้ ด้วยแววตาที่ค่อยๆมืดมนลง
“จงหลี ให้ทุกคนกลับมาซะ”
จงหลีรู้สึกอึ้ง เขาคิดว่าจี้จิ่งเชินจะยอมละทิ้งการตามหาตัวเธอแล้ว ไม่คิดเลยว่าเขาจะพูดขึ้นมาต่อ : “ไปสืบตระกูลหล่อนแทน”
ประโยคเพียงสั้นๆ ทันใดนั้นเองก็ทำให้จงหลีเงยหน้าขึ้นมา พร้อมกับดวงตาที่เบิกกว้างขึ้น
ตระกูลหล่อน?
ตระกูลหล่อนที่ถูกเรียกว่าเป็นตระกูลที่ลึกลับที่สุดในประเทศอย่างนั้นหรือ?
ไม่มีใครกล้าสืบค้นอดีตของตระกูลหล่อน นั่นก็เป็นเพราะยังไม่ต้องรอให้ทันได้สืบข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ตระกูลหล่อนก็อาจจะเป็นฝ่ายมาหาถึงที่เองเลยก็ได้
หลังจากที่มีคนลองอยู่ไม่กี่ครั้งแล้วนั้น ก็ไม่มีใครกล้าลงมืออีกเลย
แต่ตอนนี้ จี้จิ่งเชินให้พวกเขาไปสืบข้อมูลของตระกูลหล่อน
ถ้าหากถูกคนของตระกูลหล่อนพบเข้าล่ะก็……
จงหลีรู้สึกลังเลอยู่บ้าง แต่แววตาของจี้จิ่งเชินนั้นกลับมีความมุ่งมั่นเป็นอย่างมาก
เขาจับผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นในมือเอาไว้ พลางเอ่ยขึ้นด้วยความมั่นใจ : “ตระกูลหล่อนจะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของเวินเที๋ยนเที๋ยนอย่างแน่นอน”
จงหลีขมวดคิ้ว ถึงแม้ว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลหล่อนจริงๆ บางทีพวกเขายังไม่ทันได้เริ่มลงมือสืบเข้าจริงๆ อาจจะถูกพวกเขาจับได้เสียก่อนก็ได้
“จะต้องสืบจริงๆใช่ไหมครับ?”
จี้จิ่งเชินหลับตาลง
“ใช่”
เขารู้ความกังวลนี้ของจงหลี แล้วไตร่ตรองอยู่พักหนึ่ง จึงลืมตาขึ้นมาพลางเอ่ยขึ้น : “เริ่มสืบจากฉวีผิงก่อน สืบคนที่อยู่เบื้องหลังของโรงพยาบาลนั้นมาให้ชัดเจน ว่ามีการติดต่อกันทางอ้อมกับตระกูลหล่อนหรือเปล่า แม้ว่าจะเป็นแค่เรื่องเล็กน้อยก็อย่าปล่อยให้หลุดไปได้”
จงหลียังคงรู้สึกลังเล แต่เมื่อเห็นแววตาที่มุ่งมั่นของจี้จิ่งเชินในเวลานี้แล้ว จึงทำได้เพียงแค่พยักหน้าลงเท่านั้น
“ครับ”
จี้จิ่งเชินกำชับ : “ระวังอย่างให้พวกเขารู้ตัว”
หลังจากที่รอจนจงหลีออกไปแล้ว จี้จิ่งเชินถึงได้ปลดจี้ที่ห้อยอยู่ที่ข้อมือออก รูปถ่ายเวินเที๋ยนเที๋ยนปรากฏอยู่ตรงหน้าเขา
จี้จิ่งเชินยื่นมือออกไปสัมผัสเบาๆ
“เที๋ยนเที๋ยน คุณกับตระกูลหล่อนมีความสัมพันธ์อย่างไรกันแน่?”
ตระกูลหล่อน ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองที่เจริญรุ่งเรือง
ท่ามกลางสถานที่ที่มีตึกสูงตั้งตระหง่าน มีสถานที่แห่งหนึ่งที่แยกออกมา โดยกลายเป็นตึกสูงที่เห็นได้อย่างชัดเจนในบริเวณรอบๆ
เดินจากทางประตูใหญ่เข้ามา สิ่งที่ปรากฏในสายตาก็คือวัตถุโบราณที่มีมูลค่าที่ถูกเก็บอยู่ในพิพิธภัณฑ์นั่นเอง
สิ่งของเหล่านั้นจะถูกจัดวางอย่างตามอำเภอใจเต็มสองข้างทางเดินนั้น บ่งบอกถึงฐานะของสิ่งของเหล่านั้นกับตระกูลหล่อนได้อย่างชัดเจน
จี้จิ่งเชินมาเยือนเป็นครั้งที่ห้าแล้ว
พ่อบ้านมองเขาแล้วพลางยิ้มออกมา แววตาทั้งสองนั้นราวกับสุนัขจิ้งจอก ที่ปรากฏแววความเจ้าเล่ห์ออกมา
เขามองคนที่ยืนอยู่ด้านนอกประตู
“คุณจี้ มาอีกแล้วหรือครับ?”
เริ่มตั้งแต่สองสามวันก่อน จี้จิ่งเชินก็มาเยือนที่บ้านหลังด้วยตัวเองทุกวัน เพื่อต้องการพบกับคุณนายหล่อน
แต่ทุกครั้ง ก็ล้วนแต่ถูกปฏิเสธให้อยู่แต่ด้านนอก
แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ เขาเองก็ไม่ยอมแพ้เลยแม้แต่นิดเดียว เขาก็ยังคงมารายงานตัวตรงเวลาในทุกๆวัน
จี้จิ่งเชินพยักหน้าเล็กน้อย แล้วเอ่ยถามเช่นเคยตามปกติ : “วันนี้คุณนายหล่อนอยู่รึเปล่าครับ? ผมมีเรื่องสำคัญอยากจะคุยกับท่าน”
“วันนี้คุณนายหล่อนมีธุระครับ ไม่สะดวกที่จะพบแขก คุณจี้เชิญกลับไปเถอะนะครับ”
จี้จิ่งเชินถูกปฏิเสธติดต่อกันมาแล้วห้าครั้ง ถ้าหากเป็นเมื่อก่อน เขาจะต้องไม่สนใจอะไรแล้วพุ่งตรงเข้าไปเลยอย่างแน่นอน เข้าไปหาทุกซอกทุกมุมภายในนั้น จนกว่าจะหาเวินเที๋ยนเที๋ยนเจอ
แต่ตอนนี้ เขากลับพยักหน้าลงอย่างสงบนิ่ง
“ถ้าอย่างนั้นขอถามหน่อยนะครับ ว่าคุณนายหล่อนจะพอมีเวลาว่างเมื่อไหร่หรือครับ ?ผมถึงจะสามารถพบท่านได้?”
ฉวีผิงยิ้มพลางเอ่ยตอบ : “ตารางงานของคุณนาย ไม่ใช่ว่าพ่อบ้านตำแหน่งเล็กๆอย่างผมจะทราบได้นะครับ คุณจี้ ผมขอเตือนให้คุณตัดใจเสียจะดีกว่านะครับ”
ขณะที่กำลังพูดอยู่นั้น บอดี้การ์ดคนหนึ่งที่จู่ๆก็เดินออกมาจากทางด้านใน
เขารีบมาหยุดลงตรงทางด้านหลังของฉวีผิง แล้วชะโงกหน้าเข้ามาเอ่ยกระซิบเสียงเบาข้างหูของเขาเพื่อพูดอะไรบางอย่าง
ได้ยินแล้วนั้น รอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าของฉวีผิงก็ปรากฏขึ้นมา เขาหันกลับมาแล้วก้มโค้งให้กับจี้จิ่งเชินลงมาเล็กน้อย
“คุณจี้ คุณนายเชิญด้านในครับ”
จี้จิ่งเชินมองเขาแวบหนึ่ง
“คุณไม่ได้บอกว่าคุณนายหล่อนไม่อยู่หรอกหรือครับ?”
พ่อบ้านยิ้ม พลางตอบคำถามไปตามระเบียบแบบแผน : “ตารางงานของคุณนายหล่อน ผมเป็นเพียงแค่พ่อบ้าน จะไปเข้าใจได้อย่างไรกันล่ะครับ?”
พูดจบแล้วนั้น เขาก็ผายมือออกมาทางด้านข้าง
“เชิญครับ คุณจี้”
จี้จิ่งเชินรู้สึกโล่งใจ เขามาเฝ้าอยู่ที่นี่ห้าวันแล้ว ในที่สุดก็สามารถก้าวเข้าประตูนี้มาได้เสียที ในใจของเขานั้นอดที่จะรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาไม่ได้
นี่เป็นครั้งที่สองที่เขาเข้ามาในบ้านของตระกูลหล่อน
เดินตามพ่อบ้านบนทางเดินที่ทอดยาว จี้จิ่งเชินมองดูวัตถุโบราณที่จัดวางอยู่ทั้งสองข้างของทางเดิน ในหัวของเขาก็มีภาพของเวินเที๋ยนเที๋ยนลอยขึ้นมาอีกแล้ว
เขาอดที่จะยกยิ้มมุมปากขึ้นมาไม่ได้
“เที๋ยนเที๋ยนชอบวัตถุโบราณตรงระเบียงทางเดินตรงนี้มากเลยนะครับ”
พ่อบ้านได้ยินเสียงจากทางด้านหลัง มุมปากของเขาก็ยังคงปรากฏรอยยิ้มเช่นเดิมไม่เปลี่ยน
“ของพวกนี้เป็นของตระกูลหล่อนที่สืบทอดกันมากว่าหลายชั่วอายุคนแล้วครับ”
เอ่ยพูดจบแล้วนั้น เขาก็พาจี้จิ่งเชินเดินมาทางระเบียง และเดินมายังห้องรับแขก
จี้จิ่งเชินเดินเข้ามา เขาเห็นคุณนายหล่อนที่สวมใส่ชุดกระโปรงสีดำนั่งอยู่บนเก้าอี้
มือทั้งสองข้างของเธอวางประสานกันอยู่ตรงหัวเข่า เห็นว่าเขาเดินเข้ามาแล้ว เธอจึงวางแก้วชาในมือลง แล้วเงยหน้าขึ้นมามองเขาอย่างช้าๆ
ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความเฉลียวฉลาด และยังดูมีพลังและความอ่อนโยนมากอีกด้วย
ในระหว่างที่จี้จิ่งเชินมองเธออยู่นั้น ในหัวของเขาก็ปรากฏลักษณะท่าทางของเวินเที๋ยนเที๋ยนลอยขึ้นมา
สายตาของคุณนายหล่อนมองเขาอย่างนิ่งๆ
“คุณจี้มาหาฉันหลายครั้ง มีเรื่องอะไรหรือคะ?”
สายตาของจี้จิ่งเชินมองไปยังแก้วชาสองใบที่วางอยู่บนโต๊ะ
“ไม่ทราบว่าก่อนหน้านี้คุณนายหล่อนดื่มชาอยู่กับใครอย่างนั้นหรือครับ?”
คุณนายหล่อนเงยหน้าขึ้นมามองเขา
“นี่คุณกำลังสอบสวนฉันอยู่อย่างนั้นหรือ?”
ยังไม่ต้องรอให้จี้จิ่งเชินตอบคำถาม เธอก็เอ่ยพูดออกมาอย่างช้าๆ
“คุณจี้ ฉันได้ยินมาว่าช่วงนี้คุณกำลังสืบเรื่องของตระกูลหล่อนมาตลอด ฉันหวังว่าคุณจะเข้าใจ ว่าของบางอย่างคุณสามารถสัมผัสแตะต้องได้ แต่ก็มีของบางอย่างที่คุณไม่สามารถจะแตะต้องมันได้”
มือทั้งสองข้างของจี้จิ่งเชินนั้นวางพาดอยู่ทางด้านหลัง เขามองเธอ
“คุณนายหล่อน รู้จักเวินเที๋ยนเที๋ยนหรือเปล่าครับ?”
แววตาของคุณนายหล่อนดูไม่สะทกสะท้าน
“สามารถทำให้คุณจี้พังทลายลงได้ ถึงขึ้นสั่งให้ตามหาตัวคนไปทั่วทั้งประเทศแบบนี้ จะไม่รู้จักได้อย่างไรล่ะ?”
“ถ้าอย่างนั้นคุณรู้สึกว่า เวินเที๋ยนเที๋ยนยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่าครับ?”
คุณนายหล่อนหันหน้ามาอย่างช้าๆ แล้วสายตาของเธอก็จ้องมองอยู่ที่จี้จิ่งเชินอีกครั้ง
“แล้วคุณจี้คิดว่าอย่างไรล่ะ?”
“แน่นอนว่าเธอยังมีชีวิตอยู่สิครับ”
จี้จิ่งเชินก้าวไปด้านหน้าอีกหนึ่งก้าว
“เธอเป็นคนที่ผมรักมากที่สุดในชีวิต เธอเป็นภรรยาของผมนี่ครับ”
พูดจบแล้วนั้น คุณนายหล่อนกลับหัวเราะออกมาเบาๆ
“คุณจี้คงไม่ได้ลืมไปแล้วหรอกใช่ไหมว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนเป็นเพียงแค่หมากตัวนึงที่เป็นตัวแทนของเจี่ยงเนี่ยนเหยาที่แต่งงานเข้าตระกูลจี้ของคุณเพียงเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นผลประโยชน์ทางด้านกฎหมาย หรือว่าจะดูจากความเป็นจริงแล้ว เธอกับคุณไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรต่อกันเลยด้วยซ้ำ”
แววตาของจี้จิ่งเชินมีความมุ่งมั่นเป็นอย่างมาก
“เวินเที๋ยนเที๋ยนเป็นภรรยาของผม ตลอดชีวิตนี้เธอก็จะเป็นภรรยาของผม ผมยอมรับเพียงแค่เธอเท่านั้นครับ”
แววตาของคุณนายหล่อนนั้นเปลี่ยนเป็นเฉียบคมขึ้นมาในทันที ใบมีดที่ซ่อนอยู่ภายใต้ความอ่อนโยนนี้ได้ปรากฏออกมา
“ฉันจำได้ว่า ตอนที่ตัวตนของเธอถูกเปิดเผยออกมาตอนนั้น คุณไม่ได้พูดแบบนี้นี่”