เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 101 รูปภาพครึ่งใบ
บทที่ 101 รูปภาพครึ่งใบ
เวินเที๋ยนเที๋ยนเงยหน้ามองเขา ความหวาดกลัวที่เหลืออยู่ในใจก็ถูกเขาทำให้หายไปตั้งนานแล้ว
จี้จิ่งเชินวางเธอลงบนเตียง ห่มผ้าห่มให้เธอ
“ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว”
จี้จิ่งเชินยืนกรานพูด “คุณดูไม่เหมือนคนไม่เป็นอะไร เชื่อสิ นอนซะ หรือจะให้ผมนอนเป็นเพื่อนคุณไหม”
พูดจบ เวินเที๋ยนเที๋ยนก็รีบหลับตา
ท่าทางของจี้จิ่งเชินหยุดชะงัก ที่จริงเขาก็หวังเป็นอย่างยิ่งให้เวินเที๋ยนเที๋ยนขัดขืนตอนนี้
ทำไมการนอนเป็นเพื่อน ถึงสามารถใช้เป็นเป็นการข่มขู่ลงโทษได้
เขาจ้องเวินเที๋ยนเที๋ยนสักพัก จากนั้นช่วยห่มผ้าให้เธอ แล้วลุกขึ้นเดินจากไป
พอประตูปิดลง สีหน้าของเขา ทันใดนั้นก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้นมา
ปราสาทโบราณที่สร้างอยู่บนยอดเขา ดยุกต่างประเทศก็สร้างปราสาทที่นี่
ต่อมาหลังจากพ่ายแพ้ ดยุกก็หนีไปอย่างรวดเร็ว แม้แต่ปราสาทหลังนี้ก็ถูกพวกคนที่โกรธแค้นทุบทำลาย เหลือเพียงซากปรักหักพัง
ห้าปีก่อน จี้จิ่งเชินอยากจะ “” ก่อสร้างอาณาจักรที่เป็นของพวกเขาเอง จึงเลือกที่นี่ และอาณาจักรรอบๆ
ปราสาทที่ทรุดโทรม ถูกก่อสร้างใหม่ บนพื้นดินก่อสร้างใหม่หมด
แต่ใต้พื้นดิน เก็บห้องสอบสวนตามธรรมเนียมของชาวยุโรปโบราณ ห้องขังและห้องใต้ดินกลับถูกเก็บรักษาไว้ทั้งหมด
จี้จิ่งเชินเดินไปที่ห้องใต้ดินโดยไม่รีบ
แผ่นหินสีเขียวก่อเป็นขั้นบันไดลาดลงด้านล่าง ไฟติดผนังส่องสว่างสลัวบริเวณโดยรอบ
เนื่องจากไม่เจอแสงแดดมาหลายปี อากาศจึงอับชื้น
จี้จิ่งเชินเดินลงไป แสงไปส่องบนหน้าที่ไร้อารมณ์ของเขา เย็นชา และน่าเกรงขาม
ท่าทางของเขาสง่างามอย่างที่สุด เสื้อเชิ้ตสีฟ้าเป็นสีเดียวกันกับลายของเสื้อกั๊ก ดูแล้วเหมือนชนชั้นผู้ดีในศตวรรษที่แล้ว
แต่ในที่ที่แสงไฟส่องประกายแสงถึง ในตาดำมืดคู่นั้น แววตาลึกล้ำ ดุร้ายและน่ากลัว และยังเหมือนพวกเดนตายที่ชั่วช้าอย่างขีดสุด
นิสัยสองอย่างนี้ผสมผสานกันอย่างสมบูรณ์ในตัวเขา
เขาเดินช้าๆไปยังคนที่ถูกขังไว้ในคุกใต้ดินเพียงคนเดียว
พ่อบ้านและบอดี้การ์ดสองคนยืนอยู่ด้านข้างหิ้งที่ หลิวอ้านถูกมัดไว้
เลือดที่บาดแผลบนหน้าผากหยุดไหลแล้ว เหลือเลือดที่แข็งตัวอยู่บนใบหน้า เลือดที่แห้งแล้วก็กลายเป็นสีแดงเข้ม
“คุณท่าน ” พ่อบ้านก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าว
แม้เขาจะรู้ว่าหลิวอ้านคนนี้จับตัวพี่สาวไป ยังเกือบทำเรื่องที่ผิดมหันต์กับเธอ แต่แท้จริงก็คือหนึ่งชีวิต
ก่อนหน้าจงหลีไม่ส่งคนไปสถานีตำรวจ แต่จับตัวมาที่นี่โดยตรง เขาเดาอะไรได้บางอย่าง และเป็นห่วงว่าจี้จิ่งเชินจะลงมือเพราะหุนหันพลันแล่น
แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น แต่ถ้าคุณท่านจะลงมือจริงๆ เขาก็จะช่วยทำลายให้สิ้นซาก อย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย
จี้จิ่งเชินโบกมือ
“พวกคุณออกไปก่อน”
พ่อบ้านอึ้ง มองดูหลิวอ้านที่ยังไม่ได้สติ
“ครับ คุณท่าน”
เดินออกจากห้องใต้ดิน แล้วปิดประตู
ยังไม่รอให้เขาเดินไปไกล ก็ได้ยินเสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดดังออกมาจากด้านใน
บอดี้การ์ดสองคนหันหน้าไปมองอย่างตกใจแวบหนึ่ง
หลังจากเกิดเรื่องนั้นเมื่อห้าปีก่อน พวกเขาก็ไม่เคยเห็นจี้จิ่งเชินลงมือแบบนี้อีก
ได้ยินเสียงขอร้องและเสียงร้องอย่างเจ็บปวด บอดี้การ์ดก็ขมวดคิ้ว
พ่อบ้านหน้านิ่ง พูดอย่างเรียบเฉย “รอให้คุณท่านออกมาแล้ว ค่อยเข้าไปทำความสะอาด”
บอดี้การ์ดทั้งสองคนพยักหน้า
“พ่อบ้าน คุณท่านเขา…”
“คุณท่านมีความบันยะบันยัง”
รอเต็มๆสี่ชั่วโมง เสียงกรีดร้องที่ดังออกมาจากด้านในก็ดังอยู่สี่ชั่วโมงเต็ม
จนกระทั่งฟ้าค่อยๆมืด ประตูที่อยู่ด้านหลังถึงถูกเปิดออก
ลมหนาวพัดมาจากห้องใต้ดิน กลิ่นคาวเลือดแรงๆพัดเข้าหน้า
พ่อบ้านและบอดี้การ์ดทั้งสองคนขมวดคิ้ว เห็นจี้จิ่งเชินที่ไม่แปดเปื้อนอะไรเดินออกมาจากข้างใน
กลิ่นคาวเลือดบนตัวเขาแรงเป็นพิเศษ ราวกับเพิ่งถูกแช่ในน้ำเลือด แต่ไม่ว่าจะเป็นบนมือหรือบนชุดสูทก็ไม่มีรอยเลือดติดอยู่สักหยด
สายตาของจี้จิ่งเชินยิ่งอึมครึมกว่าเดิม ยังคงมีรูปลักษณ์ที่ดุร้าย
“ส่งไปที่สถานีตำรวจเถอะ”
พอบอดี้การ์ดที่ยืนอึ้งอยู่ได้ยิน ก็รีบพยักหน้า เดินเข้าไปในห้องใต้ดินที่อบอวลไปด้วยกลิ่นคาวเลือด
เพิ่งเดินไปถึงสถานที่ที่ หลิวอ้านถูกคุมขัง แม้ว่าพวกเขาจะผ่านการรบมานับร้อย ก็อดตัวสั่นไม่ได้
ด้านนอก พ่อบ้านหยิบรูปภาพที่ติดอย่างละเอียดในมือออกมา
“คุณท่าน รูปภาพที่คุณให้ผมปะติดกันก่อนหน้านี้ ผมปะติดกันได้ครึ่งหนึ่งแล้ว”
จี้จิ่งเชินหยิบไปดูแวบหนึ่ง
“มีแค่ครึ่งเดียวเหรอ”
จำใจปะติดรูปภาพออกมา ในภาพมีเด็กสองคนยืนอยู่ข้างกัน
เด็กมัดผมแกะคนหนึ่งในนั้น เขาจำไม่ผิดคนแน่ ก็คือ“เวินเที๋ยนเที๋ยน”!
จี้จิ่งเชินหันหน้า
“นี่ใช้รูปภาพจากในห้องของเจี่ยงเนี่ยนเหยาปะติดกันออกมาเหรอ”
พ่อบ้านพยักหน้า
“รูปอื่นยังอยู่ระหว่างการปะติด มีเพียงแผ่นนี้ที่ปะติดออกมาเป็นตัวอย่างก่อน”
สายตาของจี้จิ่งเชินมืดลงเล็กน้อย จ้องรูปภาพในมือสักครู่
ในรูปภาพมีเด็กผู้หญิงทั้งหมดสองคน
“ข้อมูลที่สืบเจี่ยงเนี่ยนเหยาก่อนหน้าละ”
พ่อบ้านหยิบข้อมูลออกมาปึกหนึ่ง ที่ไม่เหมือนกันก่อนหน้านั้นก็คือ ในข้อมูลของครั้งนี้แนบรูปภาพมาด้วย
บุคคลหลักในภาพ ตอนนี้กำลังพักผ่อนอยู่ชั้นสามของปราสาท
จี้จิ่งเชินพลิกเปิดดูแล้ว ส่งคืนให้พ่อบ้านอีกครั้ง
พ่อบ้านพูดอย่างระวัง “จะให้สืบต่อไปไหม”
“พรุ่งนี้ฉันจะโรงพยาบาลอีกรอบ”
พูดจบ เขาก็ก้าวเท้าเดินออกไปด้านนอก
ล้างกลิ่นคาวเลือดบนตัว แล้วค่อยออกไปเจอเวินเที๋ยนเที๋ยน
เวินเที๋ยนเที๋ยนกำลังทำขนมกับแม่ครัวอยู่ในครัว
จี้จิ่งเชินยืนอยู่ประตูมองดูเธอ
แม้ว่าคนที่อยู่ตรงหน้าจะเป็นลูกสาวคนเดียวของตระกูลเจี่ยงแล้วจะยังไง
เป็นภรรยาของจี้จิ่งเชิน ก็พอแล้ว
วันต่อมา จี้จิ่งเชินยังไม่ไปโรงพยาบาล เจียงหยู่เทียนก็มาพบเขาก่อน
ใบหน้าของเธอยังพันด้วยผ้าพันแผล พอเห็นจี้จิ่งเชิน ก็ร้องไห้ออกมา
“พี่จิ่งเชิน ทำไมพี่ไม่ไปเยี่ยมฉันที่โรงพยาบาลเลย”
จี้จิ่งเชินเห็นเธอ ก็คิ้วขมวด
“เธอว่า ฉันควรไปเยี่ยมเธอไหม”
เจียงหยู่เทียนมองขึ้นไปชั้นบน กัดฟันพูด “หลายวันมานี้พี่เอาแต่อยู่กับผู้หญิงคนนั้นเหรอ”
“เธอเป็นภรรยาของฉัน”
“แต่ฉันเป็นคนที่พี่รอมาสิบสองปี”
เจียงหยู่เทียนพลันพูดเสียงสูง พุ่งเข้าไปจับจี้จิ่งเชินไว้
“พี่จิ่งเชิน พี่บอกฉันเอง พี่รอฉันมาสิบสองปี ไม่นานพี่ก็จะไล่ผู้หญิงคนนั้นไป จะดูแลฉันตลอดไป”
“ตอนแรกชัดเจนว่าพี่เป็นคนพูดเอง ตอนนี้ล่ะ ผู้หญิงคนนั้นทำร้ายจนหน้าฉันต้องกลายเป็นแบบนี้ พี่กลับอยู่ข้างๆเธอตลอดเหรอ”
เธอชี้มือขึ้นไปชั้นบน พูดอย่างโมโห “ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ ฉันจะเป็นแบบนี้ไหม”
สีหน้าของจี้จิ่งเชินยิ่งดูไม่ดีกว่าสีหน้าของเธอ
“นี่เป็นเหตุผลที่ขังเธอกับหลิวอ้านไว้ในห้องห้องหนึ่งเหรอ”
เขาตะโกน ทันใดนั้นก็ทำให้เจียงหยู่เทียนสงบลงทันที
สีหน้าของเธอซีด
“นั้นคือฉันไม่ระวัง ฉันจะไปรู้ได้ยังไงละ ตอนนั้นฉันกลัวมาก กังวลว่าหลิวอ้านตามมา แล้วจะทำยังไง ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆนะ”