ในเมื่อไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้วหล่อนจึงจำต้องเดินทางมายังตามที่อยู่ในกระดาษที่เจ๊สีเศรษฐีนีประจำหมู่บ้านยื่นให้ แม้มารดาจะทัดทานเพราะเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย แต่หล่อนก็ไม่อาจจะทนรอให้ถึงเช้าวันต่อไปได้ หล่อนจะต้องจัดการทุกอย่างให้จบสิ้นลง จะต้องทำทุกทางเพื่อรักษาบ้านที่พ่อกับแม่รักให้ไว้จงได้
โรงแรมระดับห้าดาวหรูสุดในตัวจังหวัด หล่อนแจ้งความประสงค์กับประชาสัมพันธ์ว่ามาขอพบเจ้าของห้องหมายเลข 999 และตั้งใจจะนั่งรออยู่ที่ล็อบบี้ แต่ประชาสัมพันธ์สาวกลับบอกให้หล่อนขึ้นไปหาเจ้าของห้องได้เลย หล่อนอยากจะปฏิเสธแต่ก็ทำไม่ได้อย่างที่ใจคิด ด้วยไม่อยากขัดใจเจ้าของห้องที่เป็นผู้ที่หล่อนต้องมาขอความเมตตาตั้งแต่ยังไม่ได้พบหน้า ดังนั้นจึงไม่มีทางเลือกอื่นใดอีกนอกจากเดินหายเข้าไปในลิฟต์ ปล่อยให้เจ้าลิฟต์แก้วพาร่างของหล่อนขึ้นไปยังชั้นเป้าหมายด้วยหัวใจเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น ไม่นานก็มาถึงหน้าห้องดังกล่าว
“ห้อง 999 ห้องนี้แน่นอน”
ยืนหยุดอยู่หน้าห้องพักใหญ่ สูดลมหายใจเข้าปอดเพื่อเรียกความมั่นใจให้กับตัวเอง ก่อนจะตัดสินใจยกมือบางขึ้นเคาะเบาๆ ลงกับประตูบานใหญ่ ไม่มีเสียงตอบอนุญาตตอบกลับมา แต่ประตูตรงหน้ากลับค่อยๆ เปิดกว้างออกโดยอัตโนมัติ หญิงสาวยืนงงอยู่พักใหญ่ ก็ตัดสินใจก้าวข้ามธรณีประตูเข้าไปหยุดภายในห้องกว้าง ที่ทุกตารางนิ้วถูกปูเต็มด้วยพรมหนาสีขาวจนเต็ม จากนั้นก็ต้องรีบหันหลังกลับไปมองบานประตูเมื่อได้ยินเสียงมันปิดเข้าหากันแผ่วเบาด้วยความทึ่งจัด โรงแรมแห่งนี้เต็มไปด้วยความสะดวกสบายสมคำร่ำลือจริงๆ
หญิงสาวเอ่ยชมในใจ ก่อนจะหมุนตัวไปรอบๆ ห้องเพื่อมองหาเจ้าของห้องที่หล่อนไม่รู้จักแม้แต่ชื่ออายุและก็เพศด้วยความประหลาดใจ
“ไม่เห็นมีใครสักคน”
จันทร์เจ้าขาบ่นพึมพำ และค่อยๆ ก้าวเท้าตรงไปยังทางเดินที่ทอดตัวยาวไปด้านใน ลึกมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างลืมตัว จนในที่สุดก็มาหยุดภายในห้องๆ หนึ่งที่แยกย่อยมาจากห้องใหญ่ ห้องนี้ประกอบไปด้วยเตียงนอนกว้าง ปูทับด้วยผ้าสีขาวสะอาด ขณะที่เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นถูกออกแบบมาอย่างประณีตและลงตัวแบบสุดๆ
และเมื่อรู้ว่าเดินหลงเข้ามาภายในห้องนอนของคนที่หล่อนไม่แม้จะรู้จักชื่อ จันทร์เจ้าขาก็คิดจะรีบเดินออกไป เพราะถ้าเจ้าของห้องเห็นเข้าหล่อนอาจจะถูกตำหนิว่าเสียมารยาทได้ เท้าบอบบางกำลังจะก้าวข้ามธรณีประตูได้แล้วเชียว แต่เสียงห้าวลึกที่ดังขึ้นด้านหลังก็ทำทุกสรรพสิ่งภายในกายสาวหยุดทำงาน มีแต่ก้อนเนื้อที่เรียกว่าหัวใจเท่านั้นที่ยังคงเต้นอยู่
เสียง… เสียงนี้…
ไม่จริง ไม่มีทางเป็นไปได้ ไม่ใช่ไทเลอร์ไม่มีทางเป็นเขาไปได้ เมื่อความขัดแย้งระเบิดขึ้นภายในอกหญิงสาวก็ไม่อาจจะทัดทานต่อความสงสัยได้อีก หล่อนตัดสินใจหมุนตัวกลับไปมองเจ้าของเสียงห้าวกระด้างคุ้นหูนั้น และสิ่งที่หล่อนได้เห็นมันก็ทำให้หล่อนเหมือนตกลงไปในขุมนรก
“อาจารย์ไทเลอร์…?!”
ร่างสูงใหญ่ที่หล่อนแสนจะคุ้นเคยขณะนี้อยู่ในชุดเสื้อคลุมผ้าขนหนูสีขาวสะอาดตัดกับผิวสีแทนอร่ามของเขาชนิดสุดกู่เลยทีเดียว เส้นผมของเขายังคงเปียกลู่ด้วยหยาดน้ำ ขณะที่ริมฝีปากหยักสวยคลี่ออกน้อยๆ เป็นรอยยิ้มหยัน ดวงตาคมกริบสีเขียวมรกตแทบจะเผาหล่อนให้กลายเป็นเถ้าธุลี เขาไม่ได้มองหล่อนอย่างเป็นมิตรเลยสักนิดเดียว
“ฉัน… ฉันคงเข้าห้องผิด”
หัวใจที่เต้นแรงเพราะความหวาดหวั่นทำให้หญิงสาวคิดจะวิ่งหนี แต่ก็ช้าไปกว่าคนที่ว่องไวอย่างไทเลอร์เสียทุกครั้งไป เพราะในที่สุดข้อมือก็ถูกพันธนาการเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย
“ปล่อยนะ ปล่อยสิ”
หล่อนดิ้นรน และขัดขืนสุดกำลังแต่เขาไม่ปล่อย แถมยังรั้งร่างที่ดิ้นเร่าๆ ให้เข้าไปปะทะอกกว้างเปลือยอย่างแนบแน่นเสียอีก
“ปล่อย…”
“จะรีบไปไหนล่ะ อยู่คุยกันก่อนสิ”
“ไม่ ฉัน… ฉันคิดว่าตัวเองน่าจะเข้าห้องผิด ขอตัวนะคะ… ฉันมีธุระที่ต้องรีบไปทำ”
หล่อนยังดิ้นรนเช่นเดิม และเขาก็ยังกอดรัดแน่นเช่นเดิมเหมือนกัน
“ถ้าคนที่เธอจะทำธุระด้วยคือเจ้าของห้อง 999 ล่ะก็ ไม่ต้องไปที่ไหนหรอก…”
ดวงตาสีเขียวของไทเลอร์น่ากลัวเหลือเกิน
“เพราะนั่นคือฉันเอง ไทเลอร์ อิสไมนอฟ มาร์คิเดฟ”
คนฟังอ้าปากค้างเติ่ง ดวงตาเบิกกว้างด้วยความเหลือเชื่อ
“ไม่จริง… ฉันไม่เชื่อ”
“ฉันเป็นคนจะซื้อที่ดินพร้อมทั้งบ้านของเธอต่อจากเจ๊สีเอง”
เหมือนถูกทุบหัวแรงๆ จนดิ้นพล่าน ความมึนงง สับสนและอัปยศต่างเดินพาเหรดเข้าใส่หัวใจของหล่อนอย่างไม่ปรานี ไม่จริง ต้องไม่ใช่ไทเลอร์ ผู้คนในโลกนี้มีตั้งมากมาย ไม่มีทางเป็นเขาไปได้ ไม่มีทางเป็นเขาไปได้ หากเขาไม่ตั้งใจให้มันเกิดขึ้น หรือว่า…
“มันคือ… แผนของอาจารย์ใช่ไหมคะ”
ไหล่กว้างไหวน้อยๆ อย่างไม่แยแสต่อคำพูดของหล่อน
“ทำไมฉันจะต้องมีแผนการอะไรด้วย เธอมีค่าพอที่จะทำให้ฉันต้องลงทุนเสียเงินหลายล้านเพื่อให้ได้ที่ดินเท่ากระหยิบมือนั่นเชียวหรือ”
เขาหัวเราะสะใจ และมองหล่อนอย่างชิงชัง
“ตอนนี้สำหรับฉัน เธอมันก็แค่อีตัวที่ฉันเคยใช้แล้วเท่านั้น ดังนั้นอย่าคิดว่าตัวเองมีค่ามีราคาจนฉันต้องติดตามมาบีบคั้นบังคับให้เธอกลับมาหา เพราะมันไม่มีทางเป็นไปได้”
แต่มันใช่ทุกอย่าง
เสียงนี้ระเบิดขึ้นในสมองของไทเลอร์ แต่เขาก็เลือกที่จะไม่ใส่ใจมัน เลือกที่จะไม่สนใจมัน ผู้หญิงคนนี้ทอดทิ้งเขามาอย่างไม่ใยดี หล่อนจะต้องเจ็บปวดเพราะน้ำมือของเขาอย่างแสนสาหัส
“จำใส่หัวเอาไว้นะ ที่ฉันตัดสินใจซื้อที่ดินของเธอ ก็เพราะฉันต้องการมันจริงๆ ไม่มีนัยอะไรแอบแฝง”
คนฟังน้ำตาร่วงกราว คำดูถูกดูแคลนของผู้ชายตัวโตตรงหน้านั้นเป็นยิ่งกว่าเข็มกว่ามีดที่ทิ่มแทงหัวใจของหล่อนเสียอีก หล่อนทรมาน ขมขื่น และตายทั้งเป็น
“ฉัน… ฉันรู้ว่าตัวเองมีค่าแค่ไหน”
“ถ้ารู้ แล้วเสนอหน้ามาที่นี่ทำไม มาเสนอตัวให้ฉันทำไม”
“ไม่… ฉันไม่ได้คิดจะทำแบบนั้น”
หญิงสาวดิ้นรนแต่ก็ไม่หลุดแม้เขาจะใช้แค่แขนข้างเดียวรัดเอวของหล่อนเอาไว้ก็ตาม
“นี่ปล่อยฉันนะ ฉันจะกลับ ปล่อยสิ!”
“มาแล้วก็อย่าให้เสียเปล่าสิ อยากได้ที่ดินคืนไม่ใช่หรือ”
คนที่กำลังดิ้นรนอยู่หยุดเคลื่อนไหวลงทันที พลางช้อนตาขึ้นมองเจ้าของคำพูดด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด
“นี่อาจารย์กำลังจะยื่นข้อเสนออะไรให้กับฉันหรือคะ”
ไทเลอร์แสยะยิ้ม มือกระด้างลูบไล้ไปตามแผ่นหลังเนียน และแม้จะมีเสื้อเชิ้ตขวางกั้นอยู่ แต่ความร้อนผ่าวจากมือของเขาก็ทำให้หล่อนสะท้านราวกับจับไข้สูง
“แล้วเธอคิดว่าข้อเสนออะไรจะเหมาะกับผู้หญิง…”
เขาหยุดพูดและกวาดตามองร่างอรชรตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างหยาบคาย จากนั้นจึงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความชิงชัง
“ร่านๆ แบบเธอล่ะ”
จันทร์เจ้าขากัดปากแน่น ดิ้นรน และต่อต้านสุดกำลัง
“ฉันรู้ดีค่ะว่าตัวเองเลวแค่ไหนในสายตาอาจารย์ ปล่อยค่ะ ฉันจะกลับบ้าน และจะลืมเรื่องวันนี้ที่เกิดขึ้นให้หมด”
“จะกลับไปบ้าน… บ้านที่เธอจะต้องขนข้าวขนของออกไปตั้งแต่พรุ่งนี้เช้าน่ะหรือ”
MANGA DISCUSSION