“อย่าลืมนัดฉันเย็นนี้ล่ะคนสวย ดินเนอร์ท่ามกลางแสงเทียน”
เสียงนุ่มทุ้มที่กรอกมาตามสาย ทำให้คนที่กำลังนั่งรอเรียนวิชาสุดท้ายของวันนี้อยู่อดที่จะอมยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
“เจ้าค่ะ เจ้านาย”
“อย่าสักแต่รับปากแล้วลืมล่ะ เพราะฉันเกลียดคนผิดสัญญาที่สุด”
จันทร์เจ้าขาหัวเราะเสียงใสไปตามสาย ก่อนจะต้องเอามือป้องปากเอาไว้เพราะเพื่อนๆ รอบตัวเริ่มหันมามองกันหลายคนแล้ว
“รับรองไม่ลืมหรอกค่ะ ถ้าลืมให้ทำโทษ”
“แน่นอนอยู่แล้ว ถ้าเธอลืม หรือปล่อยให้ฉันคอยแม้แต่นาทีเดียว ฉันฟัดเธอตายคาเตียงคืนนี้แน่ จำเอาไว้คนสวย”
แม้น้ำเสียงของเขาจะดุดันและทรงอำนาจ หางเสียงข่มขู่นิดหน่อย แต่หล่อนก็ยังคงยิ้มออกมาได้เพราะรู้ว่าไทเลอร์ทำเสียงดุให้หล่อนกลัวเท่านั้นเอง
“รับทราบค่ะ ถ้าไปช้า ให้ทำโทษตลอดทั้งชีวิตเลยค่ะ”
“ฉันจะจำคำนี้เอาไว้”
แล้วพ่อเจ้าประคุณจอมเอาแต่ใจก็วางสายไป หญิงสาวกำลังจะเก็บโทรศัพท์มือถือลงกระเป๋าสะพายแต่มันก็ดังขึ้นมาอีกรอบจนต้องรีบกดรับโดยไม่ทันได้มองเบอร์ที่หน้าจอ
“ว่าไงคะ อาจารย์ขา…”
จันทร์เจ้าขาคิดว่าคงเป็นใครไปไม่ได้นอกเสียจากพ่อคนแสนโอหังอย่างไทเลอร์ที่พึ่งวางสายไปเมื่อครู่นี้แต่ก็ผิดคาดไปถนัดตาเลยทีเดียว
“ใช่คุณจันทร์เจ้าขา โชติฐากรหรือเปล่าครับ”
สุ้มเสียงที่ได้ยินประกอบกับภาษาที่ดังออกมาจากปลายสายทำให้หญิงสาวรู้ว่าต้นทางคือประเทศไทยนั่นเอง แล้วผู้ชายคนนี้เป็นใครกัน
“เอ่อ ใช่ค่ะ ว่าแต่คุณเป็น…”
ยังพูดไม่ทันจบ เสียงของคนปลายสายก็ดังแทรกขึ้นมาเสียก่อน ด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความความเป็นกังวลใจจนหล่อนรู้สึกได้อย่างชัดเจน
“คุณพ่อของคุณชื่อคุณจาตุรงค์ โชติฐากรใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ”
พอผู้ชายคนนั้นเอ่ยถึงชื่อบิดา ลางสังหรณ์รุนแรงก็วิ่งเข้าใส่หัวใจอย่างไม่ปรานี
“พ่อของฉันเป็นอะไรไปคะ”
“ใจเย็นๆ ก่อนนะครับ ผมเป็นคุณหมอเจ้าของไข้ของคุณจาตุรงค์”
“เจ้าของไข้?!”
หัวใจของคนฟังอย่างหล่อนแทบหยุดเต้นกับสิ่งที่ได้ยิน น้ำตาไหลซึมออกมา ก่อนจะทะลักออกมาอาบแก้มนวลมหาศาล
“คุณหมอ… พ่อ… พ่อของฉันเป็นอะไรไปคะ พ่อ…”
“ใจเย็นๆ ก่อนนะครับ ตอนนี้พ่อของคุณอยู่ในห้อง ICU คุณแม่ของคุณขอร้องให้ผมโทรติดต่อคุณให้กับท่าน เดี๋ยวคุณคุยกับคุณแม่ของคุณนะครับ”
“ฮัลโหล… เจ้าขาใช่ไหม… พ่อ… พ่อ… เขาเจ็บหนักมากเลยลูก”
“แม่… พ่อ… พ่อเป็นอะไรไปแม่ แล้วทำไมพ่อถึงเจ็บหนัก แม่… แม่บอกฉันสิ แม่บอกฉันสิแม่”
จันทร์เจ้าขาไม่สนใจอีกแล้วว่าเพื่อนในห้องจะจับจ้องมองดูมายังไง ตอนนี้หัวใจของหล่อนเต็มไปด้วยความหวาดกลัว กลัวต่อการพลัดพราก
“พ่อถูกรถชน ตอนนี้เลือดคลั่งในสมอง อาการห้าสิบห้าสิบน่ะเจ้าขา”
“พ่อ…”
“ถ้าลูกกลับมาได้ ก็กลับมานะเจ้าขา มาดูใจพ่อเป็นครั้งสุดท้าย”
ไม่รู้ว่าหล่อนเดินออกมาจากห้องเรียนมาหยุดที่หน้ารั้วมหาวิทยาลัยได้ยังไง รู้เพียงแต่ว่าตอนนี้หล่อนต้องไปสนามบินให้เร็วที่สุด ต้องรีบบินกลับเมืองไทยไปหาพ่อ ไปช่วยพ่อให้รอดชีวิตให้ได้ แม้จะรู้ดีว่าการเดินจากไปแบบนี้จะทำให้การศึกษาที่กำลังจะจบในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าต้องดับวูบลง แต่หล่อนก็จำเป็นต้องเลือกชีวิตของบิดามาก่อน
“หนูกำลังจะกลับไปหาพ่อ… รอหนูด้วยนะ…”
หญิงสาวก้าวขึ้นรถแท็กซี่ไปทั้งน้ำตาหัวใจเจ็บปวดอย่างรุนแรง
“ไป… สนามบินค่ะ”
หญิงสาวร้องไห้คร่ำครวญด้วยความทุกข์ทรมาน และเรื่องความเจ็บป่วยของบิดาทำให้หล่อนลืมนัดสำคัญของไทเลอร์ไปสนิทใจเลยทีเดียว
บรรยากาศรอบตัวถูกความมืดสลัวปกคลุมเสียทั้งหมดแล้ว แต่แม่สาวน้อยคนสวยที่เขากำลังนั่งรอการมาเยือนของหล่อนอยู่ก็ยังไม่ยอมปรากฏตัวเสียที ชายหนุ่มยกนาฬิกาข้อมือราคาแพงระยับขึ้นมอง ก็พบว่าตอนนี้เลยเวลานัดหมายมานานเกือบชั่วโมงแล้ว
“มาเมื่อไหร่เธอถูกทำโทษหนักแน่”
ชายหนุ่มคาดโทษและนั่งรอต่อไป เขานั่งรินบรั่นดีมาจิบอย่างใจเย็น แต่ก็ผ่านมาอีกเกือบครึ่งชั่วโมงก็ยังไม่เห็นวี่แววของจันทร์เจ้าขาสักที ให้ตายเถอะ ตั้งแต่เกิดมาเขายังไม่เคยต้องมาเสียเวลานั่งคอยใครนานเป็นชั่วโมงแบบนี้เลย แค่นาทีเดียวเขาก็ไม่เคยรอ บ้าชะมัดทำไมเขาจะต้องมานั่งรอแม่นั่นด้วยนะ แม้จะก่นด่าความผิดปกติของตัวเอง แต่สุดท้ายไทเลอร์ก็ยังคงนั่งรอต่อไป
มือหนาหยิบโทรศัพท์มือถือมากดต่อสายหาจันทร์เจ้าขาอีกครั้ง แต่ก็พบว่าไม่มีสัญญาณตอบรับเหมือนสามครั้งแรกที่ผ่านมาเช่นเดิม
ชายหนุ่มกระแทกลมหายใจออกมาอย่างหงุดหงิด แต่ก็ไม่มีทางเลือก เขาจำเป็นต้องทนนั่งรอต่อไป รอไปจนกว่าจันทร์เจ้าขาจะมาเพราะตอนนี้รู้แล้วว่าเจ้าหล่อนสำคัญต่อตัวเองมากแค่ไหน
“ฉันจะให้โอกาสเธออีกหนึ่งชั่วโมง ถ้าเธอยังไม่มาอีกฉันจะกลับ”
ไทเลอร์พูดแบบนั้น แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ยังคงนั่งรอต่อไปชั่วโมงแล้วชั่วโมงเล่าด้วยความหวังเต็มเปี่ยมว่าหล่อนจะมา ลูกค้าค่อยๆ ทยอยออกไปจากร้านทีละคนสองคน จนตอนนี้ก็เหลือเพียงแค่เขาคนเดียวที่ยังคงนั่งอยู่ในนี้
“รับอาหารเลยไหมครับ”
เสียงบริกรที่มาโค้งคำนับอยู่ข้างกายไม่ได้ทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมาเลย ไทเลอร์เงยหน้าขึ้นมองคู่สนทนาด้วยสายตาที่ไม่อาจจะซ่อนความร้าวรานเอาไว้ได้
“ไม่ต้องแล้วล่ะ อาหารพวกนั้นฉันยกให้พวกนายทั้งหมด”
“เอ่อ…”
บริกรอึ้งขณะไทเลอร์ผุดลุกขึ้นยืนอย่างสิ้นหวัง แต่เขาก็เข้มแข็งพอที่จะไม่แสดงอาการใดๆ ออกไปเพื่อประจานตัวเอง
“ส่วนเค้กวันเกิด… พวกนายก็กินกันไปได้เลย ฉันอนุญาต”
ไทเลอร์วางเงินค่าอาหารและเค้กวันเกิดลงบนโต๊ะ จากนั้นก็เดินออกไปทันที เขามันบ้าไปเอง เวอร์ไปเองที่ลงทุนทำถึงเพียงนี้ ทั้งๆ ที่มันไม่มีประโยชน์อะไรเลยสักนิด จันทร์เจ้าขาลืมเขา หล่อนลืมนัดสำคัญของเขาได้อย่างน่าเจ็บใจ ทั้งๆ ที่เขาตั้งใจจะเซอร์ไพรส์วันเกิดของเขา แต่สุดท้ายทุกอย่างก็พังพินาศลงพร้อมๆ ดื่นๆ แบบนี้ อาจารย์มารอใครหรือเปล่าคะเนี่ย”
คนพูดอมยิ้ม ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างรู้ทันเมื่อเห็นอีกฝ่ายอึ้งไม่ยอมตอบ
“หรือว่าไม่รอ… แม่จันทร์เจ้าขา…”
“อย่ามายุ่งเรื่องส่วนตัวของฉันอีก ฉันจะกลับล่ะ”
“เดี๋ยวสิคะอาจารย์ไทเลอร์… จะรีบไปไหนล่ะคะ”
ไทเลอร์หรี่ตาแคบมองคนที่ถือวิสาสะจับต้นแขนของเขาด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะสะบัดออกอย่างไม่ใยดี
“เธอกลับไปหลับไปนอนซะฟิลิเซีย และเธอควรจะรีบหาที่เรียนใหม่ให้จบ ก่อนที่จะแก่เกินเรียน”
“ขอบคุณค่ะที่สั่งสอน แต่ช่วยตอบหน่อยได้ไหมคะว่าอาจารย์มารอใครที่นี่”
“มันเรื่องของฉัน ไสหัวไปให้พ้นเลยไป”
ไทเลอร์กระชากประตูให้เปิดออกและก้าวขึ้นไปนั่งทันที
“อย่าพึ่งไปสิคะ บางทีสิ่งที่ฉันกำลังจะบอกอาจารย์ อาจจะทำให้อาจารย์หูตาสว่างขึ้นมาได้บ้างนะคะ”
ฟิลิเซียรีบจับประตูรถสปอร์ตคันงามเอาไว้ และไม่ยอมให้คนตัวโตกระชากมันปิดลงง่ายๆ
“ฉันไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้น”
“แล้วถ้าเป็นเรื่องของจันทร์เจ้าขาล่ะคะ อาจารย์ยังอยากจะฟังหรือเปล่า”
ได้ผล คนที่หน้าตาบูดบึ้งและแสดงท่าทางไม่สนใจหล่อน อ่อนลงในทันที และนั่นก็ทำให้หล่อนรู้ทันทีเลยว่าไทเลอร์กำลังรอจันทร์เจ้าขาจริงๆ
“จันทร์เจ้าขาทำไม”
“แหม… อาจารย์คะ พอได้ยินชื่อของแม่นี่ อาจารย์ก็สนใจขึ้นมาในทันทีเลยนะคะ ว่าแต่อาจารย์ต้องตอบฉันมาก่อนว่าอาจารย์มารอแม่จันทร์เจ้าขาที่นี่ และแม่นั่นไม่มาใช่ไหมคะ”
“ฉันไม่จำเป็นต้องตอบคำถามของเธอ”
ไทเลอร์กระชากเสียงตอบอย่างหงุดหงิด
“งั้นฉันก็คงไม่มีอะไรจะบอกอาจารย์เหมือนกันล่ะค่ะ ไปก่อนนะคะ”
คราวนี้เป็นไทเลอร์บ้างที่กระชากมือของหล่อนเอาไว้ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยโทสะที่ไม่สามารถจะเปิดมันออกมาได้
“เดี๋ยวก่อน… ก็ได้ฉันมารอจันทร์เจ้าขาที่นี่ แต่จันทร์เจ้าขาผิดนัด”
ฟิลิเซียหัวเราะสะใจ สมน้ำหน้าผู้ชายตรงหน้าเป็นที่สุด คนที่จงรักภักดีแบบหล่อนไม่ยอมเหลียวแล แต่ดันไปสนใจอีตัวสกปรกอย่างนังจันทร์เจ้าขา
“น่าสงสารจังเลยนะคะ ไม่คิดว่าผู้ชายเพอร์เฟคอย่างอาจารย์ไทเลอร์จะต้องมานั่งรอผู้หญิงเก้อแบบนี้ด้วย”
เสียงหัวเราะที่เต็มไปด้วยความเยาะหยันของฟิลิเซียยิ่งทำให้เนื้อตัวของไทเลอร์เกร็งเครียด ใช่… สิ่งที่ฟิลิเซียพูดมันคือเรื่องจริงทุกอย่าง เขาไม่เคยต้องเสียศักดิ์ศรีมานั่งรอใครแบบนี้ มีแต่คนอื่นต่างหากที่ต้องยอมมานั่งรอเขา แต่จันทร์เจ้าขากลับทำให้เขาต้องยอมทำทุกอย่างที่น่าละอาย ชายหนุ่มขบกรามแน่นจนขึ้นสันนูน
“หยุดพล่ามเรื่องอื่นได้แล้ว และบอกฉันเกี่ยวกับเรื่องของจันทร์เจ้าขา”
ฟิลิเซียยิ้มเยาะ และช้อนตาขึ้นมองผู้ชายตรงหน้าด้วยความสะใจ
“เพื่อนของฉันเห็นแม่นั่นที่สนามบิน”
“สนามบิน?”
“ใช่ค่ะ แม่จันทร์เจ้าขาไปที่สนามบิน และตอนนี้ก็บินไปจากรัสเซียแล้ว”
เสมือนพื้นดินใต้ฝ่าเท้าแยกออกจากกันแล้วสูบร่างของเขาให้ตกลงไปในขุมนรก
“ไม่จริง จันทร์เจ้าขาไม่มีทางทำแบบนั้นได้ จันทร์เจ้าขาจะไม่ละทิ้งปริญญาที่กำลังจะได้มันมาครอบครองในอีกไม่กี่อาทิตย์แน่นอน”
“แต่มันคือเรื่องจริงค่ะ ฉันไม่ได้โกหกอาจารย์ไทเลอร์ ไม่เชื่อก็ลองโทรไปเช็คกับทางสนามบินได้เลย และอาจารย์ก็จะรู้ว่าแม่นังขมิ้นเหลืองอ่อนของอาจารย์ตีปีกหนีออกไปจากกรงทองของตัวเองแล้ว”
ไม่… เขาไม่มีทางเชื่อ ไม่มีทางเชื่อ ไทเลอร์คำรามลั่นอยู่ภายในอก ก่อนจะจัดการทำตามคำแนะนำของฟิลิเซียเพื่อพิสูจน์ความจริงทันที เขาวิงวอน วิงวอนต่อพระเจ้าให้ทุกอย่างที่ฟิลิเซียพูดคือเรื่องโกหก ขอร้องให้จันทร์เจ้าขาอย่าจากเขาไปไหนเลย เขาสัญญาเลยว่าจะไม่ทำโทษหล่อน เรื่องที่หล่อนผิดนัดในวันนี้ เขาสาบาน
“เราตรวจพบรายชื่อผู้โดยสารชื่อคุณจันทร์เจ้าขา โชติฐากรในเที่ยวบิน RC 3075ครับ”
“ปลายทาง… อยู่ที่ไหน”
ไทเลอร์แทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเสียงแปร่งๆ ที่เปล่งออกไปตามสายเมื่อครู่นี้จะเป็นเสียงของตัวเอง
“ประเทศไทยครับ”
“ขอบใจมาก”
ชายหนุ่มกดตัดสายการสนทนา ใบหน้าของเขายังคงนิ่งเฉยไร้ความรู้สึกก็จริง แต่สายตาของเขากลับเต็มไปด้วยความคลั่งแค้นและผิดหวังอย่างรุนแรง
“ฉันไม่ได้โกหกอาจารย์ เห็นไหมล่ะคะ”
ฟิลิเซียระบายยิ้ม และก้มหน้าลงมาหาคนตัวโต มองอย่างเชิญชวน
“ไม่มีใครจงรักภักดีต่ออาจารย์ไทเลอร์ได้เท่ากับฉันอีกแล้ว ฟิลิเซียคนนี้สัญญาว่าจะไม่ทอดทิ้งอาจารย์ไปไหน จะอยู่กับอาจารย์ไปชั่วชีวิต”
ปากของฟิลิเซียลดต่ำลงมาใกล้ ในขณะที่ไทเลอร์ยังคงนั่งนิ่งงันอยู่ภายในรถ สมองของเขากำลังพังพินาศ มันก็พังยับเยินพอๆ กับหัวใจของเขาในตอนนี้นั่นแหละ ไม่อยากจะเชื่อเลย ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจันทร์เจ้าขาจะกล้าทำแบบนี้กับเขา หล่อนจะกล้าหนีไปแบบนี้
“ออกไปให้พ้น!”
“โอ๊ย… อาจารย์มาผลักฉันทำไมเนี่ย”
คนที่ถูกผลักอย่างไม่ปรานีจนแทบล้มไปกองกับพื้นตวาดกลับอย่างโมโห
“ไปให้พ้นหน้าฉัน ไปสิ”
ฟิลิเซียกัดฟันแน่น แค้นใจนักที่ไทเลอร์ไม่ยอมเห็นความดีความชอบของหล่อน ทั้งๆ ที่รู้อยู่เต็มอกว่านังจันทร์เจ้าขามันหลอกลวงเอา
“นังนั่นมันสารเลว ทิ้งอาจารย์ไปแบบนี้ อาจารย์จะยังไปอาลัยอาวรณ์มันอีกเหรอคะ จะไปสนใจมันทำไม ฉันนี่ไง… ฉันรออาจารย์อยู่รอมาตั้งหลายปีแล้วนะ ทำไมอาจารย์ไม่มองฉันเลย ทำไมมองข้ามผู้หญิงสวยๆ ฉลาดๆ อย่างฉันไปคว้าเอานังอีตัวชั้นต่ำอย่างนังจันทร์เจ้าขามันได้ หรือว่าอาจารย์ชอบกินอาจมกันคะ!”
“หุบปากเน่าๆ ของเธอซะฟิลิเซีย และอย่าเรียกจันทร์เจ้าขาว่าอีตัวต่ำๆ อีก เพราะมันไม่ใช่เรื่องจริง”
ฟิลิเซียฟังแล้วก็อยากจะหัวเราะออกมาให้ดังก้องโลกนัก มองผู้ชายตรงหน้าด้วยสายตาสมเพชเป็นที่สุด
“มันหลอกมันสวมเขาให้แบบนี้ อาจารย์ก็ยังแสนดีกางปีกปกป้องมันอีกเหรอคะ นี่ถามจริงๆ เถอะค่ะอาจารย์ไทเลอร์ เสือร้ายในตัวของอาจารย์มันเผ่นหายไปไหนกัน ทำไมตอนนี้ฉันเห็นแต่ผู้ชายอ่อนแอที่กำลังจมอยู่ในกองทุกข์เท่านั้นล่ะคะ”
“บอกให้หุบปากไง!”
แล้วไทเลอร์ก็กระชากประตูรถให้ปิดสนิทลง ก่อนจะพุ่งทะยานรถสปอร์ตคู่ใจของตัวเองจากไปด้วยความเร่งปานจรวด
ฟิลิเซียมองตามไปด้วยความเจ็บแค้น ไม่อยากจะเชื่อเลยไทเลอร์จะไม่มองหล่อน ทั้งๆ ที่นังมารหัวใจอย่างจันทร์เจ้าขาก็ไม่อยู่ที่นี่แล้ว หรือว่าชาตินี้หล่อนจะไม่มีทางได้ครอบครองผู้ชายคนนี้จริงๆ แม้จะเต็มไปด้วยความผิดหวัง แต่ก็เหนื่อยเกินกว่าจะสู้รบตบมือกับใครได้อีกแล้ว หญิงสาวคิดอย่างท้อแท้ก่อนจะเดินคอตกกลับขึ้นรถของตัวเองไปในที่สุด
MANGA DISCUSSION