เมียพรหมจรรย์ ชุด ภรรยาของมหาเศรษฐีซาตาน - ตอนที่ 31
ขณะที่ทุกคนกำลังวุ่นวายอยู่นั้น ฟิลิเซียกับพวกก็ลากร่างไร้สติของจันทร์เจ้าขามาถึงสนามหลังโรงเรียนได้สำเร็จ
“ฟิลิเซีย เมื่อกี้ฉันได้ยินสัญญาณคล้ายๆ กับเสียงเรียกรวมพลรปภ. เลยนะ”
เจนี่กระซิบบอกหลังจากจับร่างไร้สติของจันทร์เจ้าขาให้นอนราบลงไปกับพื้นหญ้า แต่ฟิลิเซียหาได้สนใจไม่
“เธออาจจะหูแว่วไปเองก็ได้เจนี่”
“ฉันก็ได้ยิน”
เอเน่รีบยืนยันด้วยอีกคน แต่ฟิลิเซียก็ยังไม่สนใจเช่นเคย ตอนนี้สายตาของหล่อนกำลังจับจ้องไปที่ร่างไร้สติของจันทร์เจ้าขา ความโกรธแค้นทำให้หล่อนทรุดกายลงนั่งบนส้นเท้าของตัวเองจากนั้นก็ใช้มือบีบปลายคางมนได้รูปของคนไร้สติแรงๆ มองอย่างเหยียดหยาม
“หน้าจืดๆ แบบนี้ ไม่รู้อาจารย์ไทเลอร์หลงเข้าไปได้ยังไง”
ฟิลิเซียลุกขึ้นยืน ก่อนจะพูดขึ้นอีก
“แต่นับจากนี้ไป แกจะเป็นแค่ขยะเน่าๆ สำหรับอาจารย์ไทเลอร์เท่านั้น เพราะฉันไม่เชื่อหรอกว่าอาจารย์ไทเลอร์ของฉันจะหันกลับมาสนใจแกอีก เมื่อเห็นแกถูกผู้ชายเอาสดๆ เป็นสิบๆ คนแบบที่กำลังจะเกิดขึ้น”
ฟิลิเซียหัวเราะดังลั่น สุ้มเสียงไม่ผิดจากนางมารร้ายเลยสักนิดเดียว
“เอเน่ ไปเรียกไอ้หื่นสิบกว่าคนนั้นออกมา ให้มันถอดเสื้อ ถอดกางเกงรอได้เลยนะ บอกมันว่าผู้หญิงพร้อมแล้ว”
“ได้เลยฟิลิเซีย”
เอเน่รีบทำตามคำสั่งของฟิลิเซีย ไม่นานนักศึกษาชายร่างใหญ่บ้างผอมบ้างอ้วนบ้างก็เดินออกมาจากด้านหลังสนาม เดินมาหยุดตรงหน้าฟิลิเซีย
“นี่ไงของหวานของพวกแก กินมันซะ จะกินยังไง จะเวียนเทียนกันกี่รอบก็เอาตามสบายเลย ฉันจะยืนถ่ายรูปอยู่ตรงนี้ แต่ขอย้ำนะว่า เอาให้มันหนักๆ ให้มันพังให้มันยับเยินไปทั้งตัว หรือทำให้มันไม่สามารถใช้การได้อีกเลยยิ่งดี”
ฟิลิเซียพูดอย่างเหี้ยมโหด อำมหิต ไอ้ผู้ชายพวกนั้นยกมือขึ้นปาดปากเช็ดน้ำลายอาการหื่นจัด ในขณะที่จ้องมองร่างไร้สติของจันทร์เจ้าขาด้วยความหิวกระหาย
“ไม่ต้องห่วงคุณฟิลิเซีย แค่เงินถึง พวกเราจัดหนักให้นังนี่แน่ รับรองรับแขกไม่ได้อีกตลอดชั่วชีวิตเชื่อพวกผมสิ”
เจ้าของชื่อเบ้ปาก เพราะรู้ดีว่ากำลังถูกทวงค่าจ้าง
“นี่เงิน รับไปแล้วก็ทำงานให้สำเร็จด้วย เอามันให้เดินขาถ่างหุบไม่ได้เลยนะ”
ไอ้คนหัวหน้าตัวใหญ่ที่สุดรับเงินปึกใหญ่เอาไว้ในมือและยกขึ้นจูบ
“ขอบคุณครับ งั้นผมลงมือเลยแล้วกันนะครับ”
“เอาเลย รีบๆ เข้าก่อนที่จะมีใครมาเห็น เจนี่ส่งกล้องมาให้ฉันสิ เร็วเข้า”
เจนี่รีบส่งกล้องถ่ายรูปที่ตัวเองคล้องคอเอาไว้ให้กับเจ้าของน้ำเสียงเลือดเย็นทันที จากนั้นหล่อนกับเอเน่ถอยออกมาดูห่างๆ
“เร็วเข้าสิ เริ่มสักทีเถอะ”
“ได้ครับเดี๋ยวนี้แหละ”
ไอ้ตัวหัวหน้าถอดกางเกงออกไปจากตัว เหลือแต่กางเกงชั้นใน จากนั้นก็เดินไปหยุดที่เหนือร่างของจันทร์เจ้าขา กำลังจะลูบไล้ขยำเนื้อนวล แต่เสียงกระด้างที่ฟังยังไงก็เป็นเสียงของมัจจุราชดังขึ้นเสียก่อน มันชะงักและหันกลับไปมองทันที
“อาจารย์ไทเลอร์…?! ซวยแล้วพวกมึง ตัวใครตัวมันนะโว๊ย”
แล้วพวกมันก็เผ่นแนบกันไปคนละทิศละทาง แต่ไอ้ตัวหัวหน้ามัวแต่ก้มลงเก็บกางเกงที่ถอดเอาไว้เลยถูกไทเลอร์อัดซะเละคาเท้า
“พอ… ได้โปรดพอเถอะครับอาจารย์… ผม… ผมไม่รู้เรื่อง”
“ไอ้ระยำ! มึงจะไม่รู้เรื่องได้ยังไง กูเห็นมึงกำลังจะปล้ำเมียกูชัดๆ”
ไทเลอร์จะซัดหมัดเข้าใส่อีกแต่มันวิงวอน
“ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลยครับ ให้ผมไปสาบานที่ไหนก็ได้ ผมยังไม่ได้แตะผู้หญิงคนนั้นเลยแม้แต่ปลายก้อย ผม…”
“ไอ้ลูกหมาเอ๊ย!”
ไทเลอร์ตะบันหน้าของมันด้วยหมัดหนักๆ ซ้ำอีกครั้งก่อนจะลุกขึ้นยืนและหันไปเรียกรปภ. ที่ยืนรอรับคำสั่งอยู่ด้านหลัง
“ลากมันไปส่งตำรวจ ให้มันติดคุกไปตลอดชีวิต”
“อาจารย์ไทเลอร์เมตตาผมด้วย… ผมถูกว่าจ้างมา ความจริงผมไม่อยากทำเลย ช่วยผมด้วย นะครับ อย่าทำกับผมแบบนี้เลย…”
ไทเลอร์ไม่สนคำวิงวอนของมันแม้แต่นิดเดียว และเมื่อไอ้เดนนรกถูกลากไปพ้นหูพ้นตาแล้ว ชายหนุ่มก็หันไปสั่งรปภ.ที่เหลืออีกสิบกว่าชีวิตด้วยน้ำเสียงกระด้างน่าสะพรึงกลัว
“ไปตามลากคอไอ้พวกนรกพวกนั้นมาให้ครบ และพาพวกมันไปส่งตำรวจ ฉันจะเอาเรื่องพวกมันทุกคนให้ถึงที่สุด”
“ครับ คุณไทเลอร์”
รปภ. ก้มหน้าน้อมรับคำสั่ง ก่อนจะรีบเดินจากไป และนั่นก็คือจังหวะเดียวกันกับที่ไทเลอร์หันมาจ้องหน้าผู้หญิงสามคนที่ยืนตัวสั่นอยู่
“ครั้งที่สามแล้วนะที่ฉันได้เห็นความชั่วของพวกเธอ”
“คือว่าพวกเรา…”
เจนี่ปากสั่นเทาระริกด้วยความหวาดกลัว ในขณะที่เอเน่เองก็เช่นกัน ซึ่งตรงกันข้ามกับฟิลิเซียยิ่งนักเพราะตอนนี้หล่อนยืนนิ่ง กำมือแน่น ดวงตาเต็มไปด้วยความคลั่งแค้น
“ฉันไม่กลัวหรอกนะอาจารย์ไทเลอร์…”
“มาถึงบัดนี้แล้วเธอยังกล้าพูดแบบนี้อีกนะ ฟิลิเซีย”
ไม่มีความเมตตาใดๆ เจือปนอยู่ในน้ำเสียงของไทเลอร์เลย ทุกอณูเนื้อหนุ่มยิ่งเดือดดาลเมื่อสายตามองเห็นว่าจันทร์เจ้าขาถูกทำร้ายยังไง
“ฉันกล้าพูดสิ ในเมื่ออาจารย์ไม่เคยมองฉันเลย ฉันอุตส่าห์ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้อยู่ใกล้ชิดกับอาจารย์ แต่อาจารย์กลับตาต่ำไปคว้านังกระหรี่ชั้นต่ำอย่างนังจันทร์เจ้าขาขึ้นมากก มันทั้งสกปรกและต่ำต้อย แต่อาจารย์ก็แสดงท่าทางหลงใหลมัน ฉันทนไม่ได้หรอกนะที่ผู้ชายของตัวเองถูกแย่งชิงไปหน้าด้านๆ แบบนี้ ฉันทนไม่ได้อาจารย์ได้ยินไหม ได้ยินหรือเปล่า?!”
ฟิลิเซียระเบิดอารมณ์แค้นออกมา มองผู้ชายที่ตัวเองหมายปองด้วยความผิดหวัง ก่อนที่ความผิดหวังจะแปรเปลี่ยนเป็นความคลั่งแค้นเดือดดาล แต่ไทเลอร์ไม่แสดงอาการสะทกสะท้านแม้แต่นิดเดียว ตรงกันข้ามเขากลับอยากจะขยี้แม่จอมร้ายกาจคนนี้ให้แหลกเหลวคามือต่างหาก
“เข้าใจเสียใหม่ฟิลิเซีย ฉันไม่ใช่ผู้ชายของเธอ”
“แต่ฉันจะทำให้มันใช่ อาจารย์จะต้องเป็นของฉันคนเดียว”
ไทเลอร์หัวเราะเย้ยหยัน พลางพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงขยะแขยงชิงชัง
“ต่อให้ในโลกนี้ไม่เหลือผู้หญิงสักคน ฉันก็ไม่มีทางชายตาแลผู้หญิงจิตใจคับแคบ เต็มไปด้วยความอิจฉาริษยาแบบเธอ ฟิลิเซีย”
“อาจารย์ไทเลอร์!”
“หุบปากซะ และก็เลือกเอาว่าจะเข้าไปนอนในคุกหรือจะยอมเดินออกไปจากมหาวิทยาลัยของฉันด้วยตัวเอง”
ฟิลิเซียอึ้งพูดไม่ออก ดวงตาเต็มไปด้วยความแค้นเคือง ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าทุกอย่างที่เฝ้าวางแผนเอาไว้จะพังพินาศลงแบบนี้ นังจันทร์เจ้าขามันมีอะไรดี ทุกครั้งที่หล่อนจ้องจะทำลายมัน ไทเลอร์จะต้องโผล่มาช่วยทันเวลาซะทุกครั้ง นี่มันเป็นแม่มดหรือเปล่านะ
“ฉันไม่มีทางยอมติดคุก”
“งั้นเธอก็ต้องออกไปจากที่นี่ ฉันเห็นแก่พ่อของเธอหรอกนะถึงได้เสนอทางเลือกให้ เพราะไม่อย่างนั้นฉันจะพิพากษาเธอตามกฏของอิสไมนอส มาร์คิเดฟเชียวล่ะ”
ไม่ใช่แค่ฟิลิเซียที่หน้าซีดเผือดแต่เจนี่กับเอเน่ที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ก็ตกใจจนแทบช็อกไปเช่นกัน ในรัสเซียตระกูลที่คุมทุกอย่างเอาไว้ทั้งหมดก็คืออิสไมนอส มาร์คิเดฟ แม้พวกเขาจะไม่ใช่ประธานาธิบดี แต่พวกเขาเปรียบเสมือนพระเจ้าของรัสเซียเลยทีเดียว ทุกคนเกรงกลัวและไม่กล้าต่อกร ข้าราชการระดับสูงทั้งทบวงทุกกองกรมต่างเกรงใจพวกเขาทั้งนั้น ดังนั้นจึงไม่ยากเลยหากไทเลอร์จะสั่งฆ่าพวกหล่อนแล้วทำให้เรื่องมันเงียบหายไปกับกาลเวลา
“อาจารย์… อาจารย์ไทเลอร์… ฉัน… ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำแบบนี้ แต่… ฉันขัดคำสั่งของฟิลิเซียไม่ได้ ฉัน…”
เจนี่รีบวิ่งเข้ามาก้มหน้าวิงวอนกับไทเลอร์
“นังเจนี่ นี่แกกล้าทรยศฉันหรือไง”
“ฉันทนทำเรื่องเลวร้ายตามคำสั่งเธอไม่ได้อีกแล้วฟิลิเซีย เธอร้ายเกินไป และขอให้รู้ไว้ว่าฉันน่ะไม่เคยจริงใจกับเธอเลย ที่ฉันทำไปทุกอย่างก็เพราะความจำเป็น แท้จริงแล้วฉันเกลียดคุณหนูเอาแต่ใจอย่างเธอที่สุด ฉันเกลียดเธอที่เอาแต่กดขี่ฉัน และตบหัวฉันด้วยเงินตลอดเวลา”
เจนี่สุดจะทนต่อไปได้อีก หล่อนพรั่งพรูความอึดอัดที่อยู่ภายในอกออกมายาวเหยียด และนั่นก็ทำให้ฟิลิเซียยืนอึ้ง
“นังเพื่อนทรยศ!”
“ฉันก็ไม่เอาด้วยคนนะฟิลิเซีย ฉันไม่น่าหลวมตัวเข้ามาร่วมแก๊งกับเธอเลย อาจารย์ไทเลอร์ ให้โอกาสฉันสักครั้งเถอะค่ะ อย่าไล่พวกเราออกเลย นะคะฉันขอร้อง”
เอเน่เป็นอีกคนที่ตีตัวออกห่างฟิลิเซียทันควัน และนั่นก็ทำให้ฟิลิเซียมองเห็นเลยว่าเพื่อนแท้นั้นหายากมากแค่ไหนในชีวิต
“นังพวกเพื่อนทรยศ เลี้ยงเสียข้าวสุกจริงๆ”
ไทเลอร์ยืนมองเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดกันอยู่นานเกือบนาทีก็เลือกที่จะจัดการทุกอย่างให้จบลงโดยไม่คิดจะรั้งรอใดๆ อีก
“พวกเธอทั้งสามคนถูกไล่ออกจากมหาวิทยาลัยของฉัน นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป”
“อาจารย์ไทเลอร์…”
แม่สามสาวที่ถูกไล่ออกอุทานออกมาเสียงเบาหวิวด้วยความตื่นตระหนกและผิดหวัง แต่ไทเลอร์ไม่สนใจอะไรอีกแล้ว เขาเดินไปช้อนร่างไร้สติของจันทร์เจ้าขาขึ้นมาอุ้มแนบอก ก่อนจะก้าวเดินจากไปด้วยอาการไม่ใยดีผู้หญิงใจร้ายพวกนั้นอีกเลย
“ได้โปรด… อาจารย์ไทเลอร์ ได้โปรดเห็นใจฉันด้วย อาจารย์”
ทั้งเอเน่และเจนี่ต่างวิงวอน แต่ก็ไม่ได้รับความหวังตอบกลับมาเลยสักนิด ในที่สุดก็ทำได้แต่ร่ำไห้อย่างเจ็บใจ
“เพราะเธอฟิลิเซีย ถ้าไม่ใช่เธอฉันก็คงไม่ต้องถูกไล่ออกกลางคันแบบนี้”
เจนี่หันไปชี้หน้าตัวต้นเหตุอย่างเจ็บแค้น และเดินตรงเข้าหาอย่างหมายจะทำร้าย ฟิลิเซียตกใจจนหน้าซีดเผือด
“อย่าทำอะไรฉันนะนังเจนี่ ลืมไปแล้วหรือไงว่าแกกับพ่อของแกเป็นขี้ข้าฉันอยู่น่ะ ฉันจะไล่พ่อแกออกถ้าแกบังอาจแตะต้องเนื้อตัวของฉัน… ว๊าย…!”
แล้วเสียงตุบตับก็ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งมือทั้งเท้าของเจนี่และก็มีเอเน่อีกคนที่เข้ามาร่วมวงเอาคืนฟิลิเซียด้วย จนในที่สุดฟิลิเซียก็มีสภาพยับเยินน่าเวทนา
“ฉันจะให้พ่อเอาเรื่อง… พวกแก…”
“เชิญตามสบาย ไปเอเน่ เราหมดเวรหมดกรรมกันแล้ว”
แล้วเจนี่กับเอเน่ก็เดินจากไปทิ้งให้ฟิลิเซียที่ถูกรุมตบตีคลานไปกับพื้นเพราะเดินไม่ไหวอย่างน่าเวทนาเป็นที่สุด
“เรื่องมันไม่จบแน่ ฉันจะไม่ยอมจบแน่…!”
น้ำตาแห่งความคลั่งแค้น อาฆาตไหลออกมาอาบแก้มเป็นทางยาว