เมียพรหมจรรย์ ชุด ภรรยาของมหาเศรษฐีซาตาน - ตอนที่ 29
“อุ้ย…!”
จันทร์เจ้าขาอุทานด้วยความตกใจ เมื่อจู่ๆ ก็มีมือใหญ่ของใครบางคนมาคว้าข้อมือของหล่อนเอาไว้และกระชากหล่อนเข้าไปหา
“อา… อาจารย์ไทเลอร์!”
“ใช่ ฉันเอง…”
ไทเลอร์ไม่เสียเวลายิ้มให้กับหล่อนแม้แต่วินาทีเดียว เพราะตอนนี้สมองของเขาจดจ่ออยู่ที่ความเร่าร้อนที่กำลังจะเกิดขึ้น มือหนาอีกข้างกระชากประตูห้องเก็บของให้เปิดออก จากนั้นร่างของจันทร์เจ้าขาก็ถูกฉุดกระชากเข้าไปภายในอย่างง่ายดาย
“อาจารย์จะทำอะไรคะ…”
คนตัวโตไม่พูดพร่ำทำเพลง เขาหันไปลงกลอนประตูอย่างแน่นหนา จากนั้นก็ย่างสามขุมเข้ามาหาหล่อน จ้องหน้าหล่อนเขม็ง ไม่… ไม่ใช่แค่หน้าหรอกที่เขามองแต่เป็นทั้งตัว ทั้งตัวเลยจริงๆ
“แล้วเธอคิดว่าฉันจะทำอะไรล่ะ หากอยู่ในนี้กับเธอสองต่อสอง”
เขาเดินต้อนเข้ามาหา ดันร่างของหล่อนให้ชิดกับผนังห้อง ดวงตาของเขากลับมาเต็มไปด้วยความหิวกระหายอีกครั้ง แต่จันทร์เจ้าขาก็น้อยใจเกินกว่าจะดีใจกับสิ่งที่ได้เห็น
“ถ้าอยากมีเซ็กซ์…”
หล่อนมองเขาด้วยสายตาขุ่นเคือง
“ก็ไปหาจากแม่นักศึกษาคนที่อาจารย์ลากไปเมื่อสิบนาทีที่แล้วสิ มาวุ่นวายกับของเน่าๆ ที่อาจารย์เบื่อแล้วคายทิ้งทำไมกัน”
“ไม่มีผู้หญิงคนไหนตอบสนองฉันได้ร้อนแรงเท่ากับเธอ”
คนบ้า พูดแบบนี้ออกมา หล่อนดีใจไม่ออกหรอกนะ
“แต่ฉันไม่ยอม ฉันจะออกไปจากห้องนรกห้องนี้”
จันทร์เจ้าขาผลักไสแผงอกกว้างเต็มแรง แต่มันก็เหมือนแผ่นหินเพราะไม่ว่าหล่อนจะพยายามผลักพยายามดันแค่ไหน มันก็ไม่ขยับ
“หลีกไปนะ”
“ไม่มีทาง…”
เขาคว้ามือบางให้ไปกุมที่เป้ากางเกงอย่างเผด็จการ หญิงสาวหน้าแดงก่ำ จะดึงมือหนีแต่พ่อคนเอาแต่ใจก็ไม่เปิดโอกาสให้เช่นเคย
“มันต้องการเธอ”
“ผู้หญิงคนไหนก็ทำให้อาจารย์ได้เหมือนกันล่ะค่ะ”
เพราะยังน้อยใจกับท่าทางห่างเหินของเขา หล่อนจึงยังโต้ตอบอย่างเผ็ดร้อน พยายามชักมือออกแต่ก็ไม่สำเร็จจนในที่สุดก็จำต้องกอบกุมมันเอาไว้เต็มมือ
“ก็อย่างที่บอก… ไม่มีใครร้อนแรงเท่าเธอ”
“ไม่… อย่ามาแตะต้องตัวฉันนะ”
หล่อนร้องและขัดขืนพัลวันเมื่อถูกคนตัวโตจับเปลื้องผ้าจนล่อนจ้อน ตอนนี้แม้แต่กางเกงชั้นในตัวน้อยก็ลงไปกองอยู่กับพื้นจนได้
“อย่าทำแบบนี้”
“ฉันจะทำ… ฉันจะทำมากกว่านี้ และฉันก็มั่นใจว่าเธอเองก็ต้องการมันพอๆ กับฉัน”
คนตัวโตใช้มือข้างที่ว่างอยู่เพียงข้างเดียวถอดกางเกงขายาวออกไป จากนั้นก็ตามด้วยบ๊อกเซอร์สีเข้มพอๆ กับสีของห้องในขณะนี้
“ไม่ ฉันไม่ต้องการ… ปล่อยฉันนะ”
“เดี๋ยวก็ได้รู้ เราจะพิสูจน์กัน”
แล้วพ่อเจ้าประคุณจอมเผด็จการก็ก้มลงประกบปากจูบหล่อนอย่างดูดดื่มหิวกระหายราวกับตายอดตายอยากมาแรมปี มือหนาก็ไม่อยู่สุขข้างหนึ่งขยำเต้างามและบี้บดเม็ดทรวงจนมันแข็งเป็นไต ในขณะที่อีกข้างหนึ่งเลื่อนต่ำลงไปชอนไชเข้าไปในร่องกลีบสาว
“อ๊ะ…”
“นี่ไง… เธอชุ่มฉ่ำอย่างที่ฉันคิดจริงๆ”
จันทร์เจ้าขาแสนจะอับอายเมื่อความเป็นจริงถูกประจาน แต่กระนั้นก็ไม่สามารถที่จะขัดขืนอะไรคนตัวโตได้ เพราะหล่อนเองก็กำลังร้อนเป็นไฟ ต้องการเขาแทบบ้าเหมือนอย่างที่เขากล่าวเอาไว้อย่างโอหังจริงๆ
“สี่วันมันนานเหลือเกิน มันนานเกินไปที่ฉันต้องอดทนกับมัน”
คนตัวโตถอนจูบดุเดือด และก้มต่ำลงไปดูดดื่มปลายถันอย่างหิวกระหาย ดูดอมกลืนกินด้วยท่าทางไม่ต่างจากทารกน้อยในขณะนิ้วมือก็ทำงานไม่หยุด ยังคงโจมตีรุกรานกลีบสาวจนหยาดรักราดรดนิ้วมือชุ่มฉ่ำ
“ฉัน… แทบบ้าที่ต้องทนเก็บความต้องการนี้เอาไว้ เธอต้องชดใช้ให้ฉันจนกว่าฉันจะอิ่ม”
“อ๊า… อาจารย์ขา…”
หญิงสาวครางลั่น เมื่อพ่อเทพบุตรสุดหล่อคุกเข่าลงกับพื้นห้อง จากนั้นก็จับต้นขาอวบข้างหนึ่งให้ขึ้นไปพาดบนบ่าบึกบึน และซบหน้าลงไปโลมเลียกลีบสาวอย่างหิวกระหาย หล่อนกรีดร้อง ตัวเกร็งระริก สะโพกส่ายไหวราวกับใบไม้ต้องลมพายุ
“อาจารย์ขา… อาจารย์ อู๊ย… อ๊า…”
ยิ่งเขาตวัดลิ้นแกร่ง ยิ่งปากของเขาดูดดึงกลีบเนื้อมากเท่าไหร่ ร่างกายของหล่อนก็ลอยสูงขึ้นทุกขณะ นิ้วมือที่สอดแทรกอยู่ในเส้นผมหนานุ่มจิกทึ้งและกดรั้งให้เขาซบหน้าลงมาหาแนบแน่น จนสุดท้าย… สุดท้ายความสุขลูกแรกก็ระเบิดใส่หน้าอย่างรุนแรง บ้าคลั่ง และเต็มไปด้วยความหวานฉ่ำแทบขาดใจ หล่อนหายใจระรัวกับสิ่งที่ได้พานพบ
มันวิเศษเหลือเกิน ปากกับลิ้นของไทเลอร์เป็นยิ่งกว่าเครื่องทรมานทางเพศเสียอีก เขาทำให้หล่อนแตกเป็นเสี่ยงๆ ได้อย่างง่ายดายเพียงแค่เขาเลีย เขาดูด และขบเม้ม
“ยังกล้าบอกอีกไหม…”
คนตัวโตลุกขึ้นยืน และก้มหน้าลงจ้องลึกเข้ามาในดวงตาไหวระริกของหล่อนนิ่ง
“กล้าพูดไหมว่าไม่ต้องการฉัน… อยากให้ฉันหยุด”
หล่อนอยากพูดแบบนั้น อยากบอกว่าไม่ต้องการเขา อยากบอกว่าเขาคือตัวอันตราย และหล่อนอยากหนีไปให้พ้น แต่สุดท้ายสิ่งที่หล่อนทำออกไปมันกลับตรงกันข้ามกับสิ่งที่หล่อนคิดทุกอย่าง หล่อนส่ายหน้าน้อยๆ และพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเสน่หา
“อย่าหยุดค่ะ ได้โปรดอย่าหยุด”
ไทเลอร์คำรามออกมาด้วยความพึงพอใจ จากนั้นก็จับร่างของหล่อนให้ไปคุกเข่าอยู่ตรงหน้าต้นขากำยำของตัวเอง ยามที่ปากของเธอกำลังกลืนกินฉัน”
คำพูดของเขาสร้างความเสียดเสียวให้กับเนินนางเป็นที่สุด หล่อนยิ้มหวานให้กับเขา มองเขาด้วยสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยไฟเสน่หาเช่นกัน
“ค่ะ ฉันจะกลืน… จะกินอาจารย์ ทั้งตัว”
มือบางยกขึ้นจับความแข็งชันที่ทั้งยาวทั้งใหญ่เอาไว้มั่น จากนั้นก็ค่อยๆ ก้มศีรษะเข้าไปหา ปากของหล่อนห่อน้อยๆ ยามกลืนกินความอลังการเข้าไปภายใน เขาใหญ่โตจนหล่อนรู้สึกคับแน่นไปทั้งปาก แต่กระนั้นมันก็ไม่สามารถหยุดความหิวกระหายที่หล่อนมีต่อไทเลอร์ได้
หล่อนต้องการเขา… อยากกินเขาทั้งตัว อยากโลมเลียเขาไปทั้งเรือนกาย ถ้าเขาเปิดโอกาสให้ หล่อนสัญญาว่าจะทำ จะทำมันจริงๆ
“โอ้ว… ว้าว… ทูนหัว เธอใช้ปากเก่งมาก ฉัน…”
สะโพกเพรียวเกร็งเครียดขึ้น และมือหนาของเขาก็เลื่อนมาจับที่ศีรษะของหล่อน จับหล่อนกดเข้าหาและถอนถอยออกห่างเป็นจังหวะ เป็นการเลียนแบบการร่วมรักทางร่างกายได้อย่างแนบเนียน ซึ่งหล่อนก็ตั้งใจทำมันอย่างดี เพราะต้องการให้เขามีความสุขที่สุด
ไม่นานหลังจากที่หล่อนทั้งกลืนกินเขาด้วยปาก ตวัดเลียด้วยลิ้น และรูดไปมาด้วยฝ่ามือนุ่ม พ่อเทพบุตรสุดหล่อก็แตกระเบิดออกมาอย่างรุนแรง ในปากของหล่อนนั่นเอง มันเป็นอีกครั้งที่หล่อนรู้สึกว่าเขาคือของหล่อน และหล่อนก็ชอบความรู้สึกนี้เหลือเกิน
“เจ้าขา… เธอทำให้ฉันไปก่อนเวลาอันควรอีกแล้วนะ”
เขาดึงหล่อนขึ้นไปบดจูบอย่างเร่าร้อน ดุดัน จากนั้นก็เริ่มบทรักใหม่อีกครั้ง ด้วยการลูบไล้ โลมเลียไปทั่วทั้งกายสาว ก่อนจะเดินมาถึงสุดทางแห่งความสัมพันธ์เมื่อเขายกขาเรียวของหล่อนให้รัดรอบเอวสอบเอาไว้ จากนั้นก็ดุนดันสอดใส่เข้ามาหาอย่างเชื่องช้า
“ฉันอยากจะไปช้าๆ และอยู่ในตัวของเธอให้นานที่สุด โอ้ว…”
แม้จะพยายามบอกตัวเองให้ช้า ให้เนิบนาบแค่ไหน แต่ความคับแน่นจากกล้ามเนื้อนุ่มลื่นที่โอบกระชับอยู่รอบความแข็งขืนก็ผลักดันให้เขาเดินหน้าไปอย่างรวดเร็ว จากที่เคยเชื่องช้า และควบคุมทุกจังหวะด้วยสมอง ตอนนี้มันหลุดหลง และมีแต่ไฟเสน่หาเท่านั้นที่ควบคุมทุกอย่างเอาไว้ เขาจัดหนักด้วยการกระแทกกระทั้นเข้าใส่
“อ๊า… อ๊า… อาจารย์ขา”
เสียงครวญครางที่เต็มไปด้วยความเสียวกระสันของหล่อนผลักดันให้เขาเดินหน้าไปไกลจนไม่สามารถควบคุมอะไรเอาไว้ได้เลย เขากระแทก จ้วงโจนเข้าใส่อย่างดุเดือด ถอนถอยออกมาจนหมดความยาวและเสียบสอดลงไปหาใหม่ ซ้ำๆ อย่างเร่งเร้า ดุดัน ทุกสัมผัสอัดแน่นไปด้วยความป่าเถื่อนและบ้าคลั่ง ไม่นานทุกอย่างก็ระเบิดพร่างพราวออกมาอย่างรุนแรง รุนแรงที่สุดในชีวิต
“เจ้าขา… เธอ… เธอทำให้ฉันทนไม่ได้อีกแล้ว โอ้ว…”
เป็นอีกครั้งที่ทั้งเขาและหล่อนต่างสุขสมอย่างพร้อมเพรียงกัน เสียงหอบหายใจกระชั้นของเขาที่อยู่ชิดกับใบหน้าของหล่อนมันช่างไพเราะไม่ต่างจากเสียงดนตรีที่ขับขานด้วยเหล่านางฟ้านางสวรรค์แม้แต่นิดเดียว
ไทเลอร์ทำให้หล่อนเสียวซ่าน เสียดสยิว อย่างที่ไม่เคยพบพานมาก่อน เขาทำให้หล่อนร้อนเป็นไฟเพียงแค่จูบ… จูบเดียวจากปากเซ็กซี่คู่นี้เท่านั้น
คนตัวโตเงยหน้าขึ้นมองหล่อน จากนั้นก็ถอนตัวออกห่าง
“เธอยังร้อนเหมือนเดิม ทำให้ฉันเป็นบ้าได้เหมือนเดิม”
จันทร์เจ้าขาอับอายเกินกว่าจะเค้นคำใดออกไปได้ สิ่งที่ทำได้ในตอนนี้ก็คือก้มหน้าลงเก็บเสื้อผ้าของตัวเองมาสวมใส่เท่านั้น แต่ก็ไม่สำเร็จ
“จะรีบใส่ไปไหน ฉันขี้เกียจถอดอีก”
“ว่าไงนะคะ อย่าบอกว่าอาจารย์จะ…”
ไทเลอร์ระบายยิ้มจากนั้นก็หมุนร่างอรชรเปลือยเปล่าขาวเนียนให้หันหน้าเข้าไปกับผนังห้องเก็บของ ก่อนจะดึงให้บั้นท้ายอวบยื่นออกมาด้านหลัง
“สี่วันเชียวนะ คิดหรือว่าฉันจะอิ่มง่ายๆ”
“แต่ว่า… อาจจะมีใครมาได้ยิน อ๊ะ…”
สาวน้อยค้านก่อนจะครางออกมาอย่างสุดเสียวเมื่อถูกพ่อคนตัวโตที่ยืนจดจ่ออยู่ด้านหลังล้วงลึกเข้ามาหาด้วยปลายนิ้ว
“แม้ว่าห้องนี้จะไม่ใช่ห้องเก็บเสียง แต่มันก็อยู่ห่างไกลผู้คนมาก ฉันสร้างมันเอาไว้เพื่อสิ่งนี้โดยเฉพาะ ทูนหัว… อู๊ย…”
พ่อคนตัวโตครางลั่นเมื่อผลักดันความใหญ่โตเข้ามาหาทางด้านหลังและถูกกล้ามเนื้อสาวบีบรัดอย่างรุนแรง แต่กระนั้นก็ยังฝืนพูดต่อไปอีก
“และสิ่งเดียวที่ฉันไม่พอใจกับห้องนี้ก็คือ… มันขาดเตียง”
แล้วเขาก็กระแทกแล้วก็กระแทก กระแทกเข้าใส่อย่างดุเดือดบ้าคลั่ง ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเสียงเนื้อดังพรึ่บพรั่บ
“อาจารย์ขา อ๊า…”
“ทูนหัว ทำไมรัดแน่นแบบนี้นะ ฉันจะขาดใจตายอยู่แล้ว”
แล้วห้องเก็บของที่แสนมืดมิดก็เจิดจ้าไปด้วยแสงไฟแห่งความปรารถนา ไทเลอร์ตักตวงความสุขจากร่างกายอวบอิ่มแสนหวานของจันทร์เจ้าขาต่อไปอย่างตะกละตะกลาม ไม่ยอมหยุดพัก ครั้งแล้วครั้งเล่าจนสาวน้อยหมดแรงพับไปคาอกในขณะที่ไทเลอร์ยังแรงดีไม่มีตก
“ทูนหัว… เราไปต่อกันที่เพนท์เฮ้าส์ของฉันกันเถอะ ฉันยังไม่อิ่ม”
ไม่มีแรงพอที่จะพูดคำใดได้อีกแล้ว นอกจากปล่อยกายปล่อยใจให้คนตัวโตชักจูงไปในทิศทางที่ต้องการ
ขณะที่จันทร์เจ้าขากำลังร้อนเป็นไฟอยู่กับไทเลอร์ เจนี่กับฟิลิเซียก็กำลังเดินพล่านเป็นหนูติดจั่นอยู่ที่สนามหลังมหาวิทยาลัยเพราะเหยื่อไม่ยอมมาตามเวลานัดหมาย
“ทำไมมันยังไม่มานะ รอเป็นครึ่งชั่วโมงแล้วเนี่ย”
ฟิลิเซียบ่นอุบและเต็มไปด้วยความหงุดหงิด
“สงสัยมันกลัวเลยไม่กล้ามามั้งฟิลิเซีย”
เจนี่รีบตอบทันควันก่อนจะพูดออกมา
“แต่เดี๋ยวก็รู้ว่ามันหายหัวไปไหน เอเน่ไปตามแล้วนี่ นั่นไงมาแล้ว”
คนที่เจนี่เอ่ยถึงวิ่งกระหืดกระหอบมาหยุดตรงหน้า ฟิลิเซียรีบถามอย่างร้อนรนทันที
“เป็นยังไง เจอนังเจ้าขาไหม”
“เห็นมันขึ้นรถไปกับอาจารย์ไทเลอร์เมื่อกี้นี้เอง”
คนถูกถามตอบออกไปด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหอบ ในขณะที่คนฟังอย่างฟิลิเซียตาลุกเป็นกองไฟบัลลัยกัลป์
“ว่าไงนะ?! นังนั่นมันออกไปกับอาจารย์ไทเลอร์ของฉันอย่างนั้นเหรอ”
“ใช่ ฉันเห็นเต็มสองตาเลย”
จบคำยืนยันของเอเน่เพื่อนในกลุ่มดวงตาของฟิลิเซียก็ลุกเป็นไฟ ทุกอณูเนื้อเต็มไปด้วยความคลั่งแค้นและอาฆาตมาดร้าย
“ฉันจะต้องฆ่าแกให้ได้ นังเจ้าขา นังกระหรี่ชั้นต่ำ!”
“ใจเย็นๆ น่าฟิลิเซีย อย่าคิดมาก วันพระยังมีอีกหลายวัน”
ทั้งๆ ที่ไม่ได้จริงใจเลยแต่เจนี่ก็อดที่จะเตือนสติหญิงข้างกายไม่ได้
“แกจะให้ฉันเย็นลงได้ยังไง เจนี่ ไม่เห็นหรือไงว่านังนั่นมาคาบผู้ชายของฉันไปกินอีกแล้ว ไหนเธอว่ามันห่างจากอาจารย์ไทเลอร์แล้วไง”
“ฉัน… ฉันก็เห็นมาเหมือนกับที่เธอเห็นนั่นแหละ อาจารย์ไม่มองมันเลยเมื่อตอนเที่ยงน่ะ เธอก็เห็นด้วยตาไม่ใช่เหรอ”
ฟิลิเซียยืนนิ่ง กำหมัดแน่นด้วยความเจ็บแค้น
“งั้นมันก็คงเป็นแม่มดที่มีคาถาวิเศษทำให้ผู้ชายลุ่มหลงสินะ”
“ต่อให้มันเป็นผีร้ายหรือแม่มด ก็ไม่สามารถต่อกรกับคนฉลาดๆ อย่างเธอได้หรอกฟิลิเซียเชื่อฉันเถอะ ใจเย็นๆ แล้วค่อยเริ่มแผนการนี้ใหม่”
ฟิลิเซียหันไปจ้องหน้าเจนี่ก่อนจะข่มจิตใจให้เยือกเย็นลง จากนั้นก็สั่งให้เอเน่ไปบอกไอ้พวกผู้ชายที่ตัวเองเป็นคนจ้างวานมาให้มารุมโทรมจันทร์เจ้าขากลับไปและมาใหม่ในวันพรุ่งนี้ ส่วนตัวเองกับเจนี่ก็รีบเดินกลับไปยังรถยนต์ด้วยความเจ็บใจเป็นที่สุด