แม้ว่าสภาพของหล่อนในยามนี้จะไม่เอื้ออำนวยให้ก้าวออกจากห้องเลยก็ตาม แต่จันทร์เจ้าขาก็ลากสังขารอันบอบช้ำของตัวเองมาเรียนจนได้ แม้ว่าจะต้องเข้าเรียนสายไปเกือบชั่วโมง และต้องทนต่อสายตาที่เต็มไปด้วยการเหยียดหยามประณามของบรรดาเพื่อนในชั้นเรียนก็ตาม แต่หล่อนก็ต้องทน ทนจนกว่าจะสำเร็จการศึกษาในชั้นปริญญาตรีนี้อย่างที่พ่อกับแม่ตั้งความหวังเอาไว้
จันทร์เจ้าขากัดฟันแน่นเมื่อการทรุดกายลงนั่งบนเก้าอี้ส่งผลต่อบางส่วนของร่างกายที่ถูกย่ำยีอย่างป่าเถื่อนมาตลอดทั้งคืนให้เจ็บร้าวทรมานและครางประท้วงออกมา แต่หล่อนก็แสดงท่าทางใดๆ ออกไปไม่ได้เพราะเท่าที่ทุกๆ คนเห็นสภาพยับเยินของหล่อนในตอนนี้ก็ถือว่าอัปยศที่สุดแล้ว
“เมื่อคืนคงรับแขกไม่ได้พักเลยสินะ”
ฟิลิเซียคู่ปรับหน้าเดิมของหล่อนพูดขึ้นลอยๆ และแน่นอนว่าตั้งใจจะให้หล่อนได้ยินมัน แต่ถึงแม้จะได้ยินหล่อนก็จำเป็นต้องนั่งนิ่งเงียบ หยิบหนังสือขึ้นมากางออกและแสดงท่าทางตั้งอกตั้งใจฟังอาจารย์เจ้าของวิชา ทั้งๆ ที่ภายในใจแล้วนั้นไม่มีกระจิตกระใจจะเรียนเลยแม้แต่นิดเดียว สมองกระหวัดไปถึงคนใจร้ายอย่างไทเลอร์ตลอดเวลา
เขาทำกับหล่อนเต็มไปด้วยความอดสู แล้วทำไมหล่อนถึงยังอดคิดถึงเขาไม่ได้นะ คิดถึงฝ่ามือ ริมฝีปาก ปลายลิ้นชุ่มชื้นนั้น และ… ตรงนั้นที่แข็งชันราวกับท่อนเหล็ก บ้าชะมัดทำไมหล่อนถึงไร้ยางอายแบบนี้นะ ทำไมจะต้องไปคิดถึงเขาด้วย มันก็แค่ฝันร้าย ท่องเอาไว้จันทร์เจ้าขา มันก็แค่ฝันร้ายที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้เท่านั้น และตอนนี้หล่อนก็ตื่นแล้วด้วย ฝันนั้นไม่สามารถมาหลอกหลอนหล่อนได้อีกแล้ว แม้จะบอกตัวเองเช่นนั้นแต่ไทเลอร์ก็ยังฝังลึกอยู่ในสมองของหล่อนเช่นเดิม
“ทำเป็นนิ่งเงียบ ไม่ตอบ สงสัยจะหมดแรงจนไม่มีแม้แต่แรงพูดจริงไหมเจนี่”
ยังเป็นฟิลิเซียแม่ดาวมหาวิทยาลัยคนเดิมที่ยังคงซัดหล่อนด้วยวาจาเหยียดหยามดูแคลนไม่ยอมหยุด ซึ่งไม่นานลูกคู่ของหล่อนก็ตามขึ้นมาสนับสนุน
“จริงจ้ะ ดูปากสิบวมเบ่งเลย คงจะทั้งอมทั้งดูดมาทั้งคืน”
สองสาวหัวเราะคิกคักและนั่นก็ส่งผลให้เพื่อนนักศึกษาที่นั่งอยู่ใกล้ๆ และได้ยินคำพูดของสองคนนี้หัวเราะและมองหล่อนอย่างสมเพชเวทนาไปด้วย
จันทร์เจ้าขาพยายามบอกตัวเองให้อดทน อดทนต่อความโหดร้ายของจิตใจมนุษย์ จากนั้นก็เลือกที่จะเปลี่ยนที่นั่ง แต่แม่สองสาวก็ยังราวีหล่อนไม่หยุดหย่อน
“เห็นไหม ต้องหนีไปนั่งที่อื่น เพราะทนรับความจริงไม่ได้”
ฟิลิเซียหัวเราะสะใจ ขณะที่เจนี่ก็หัวเราะตามเสียงดังจนอาจารย์ประจำวิชาต้องหันมาทำตาดุใส่ และพูดเตือน
“เงียบๆ กันหน่อยนักศึกษา อีกไม่กี่วันก็สอบแล้วนะ ถ้าทำไม่ได้อย่ามาโอดครวญก็แล้วกัน”
“ค่ะ อาจารย์”
ฟิลิเซียกับเจนี่ก้มหน้ารับคำ แต่กระนั้นก็ยังไม่หยุดจ้องหน้าหล่อนด้วยสายตาเหยียดหยามไปตลอดคาบเรียน และเมื่อหมดชั่วโมงการเรียนการสอน อาจารย์ประจำวิชาเดินออกไปจากห้องแล้ว สงครามที่มีฟิลิเซียและเจนี่เป็นผู้นำทัพก็เกิดขึ้นทันควัน มันเร็วจนจันทร์เจ้าขาหนีไม่ทันเลยทีเดียว
“จะรีบไปไหนล่ะแม่สาวแว่น”
ฟิลิเซียรีบเดินมาขวางหน้าเอาไว้ โดยด้านหลังของหล่อนมีเพื่อนๆ อีกนับสิบคนทั้งชายและหญิงยืนคอยให้การสนับสนุนอยู่ ในขณะที่หล่อนโดดเดี่ยวเพียงลำพัง
“หลีกไป ฉันจะไปเรียน”
“ไปเรียน?”
ฟิลิเซียหันไปมองพวกพ้องของตัวเอง ก่อนที่คนพวกนั้นจะหัวเราะเยาะออกมา
“นังอีตัวชั้นต่ำ”
“เธอไม่มีสิทธิ์มาว่าฉันแบบนี้นะฟิลิเซีย”
แม้จะพยายามระงับอารมณ์เอาไว้แค่ไหน แต่ก็อดที่จะโต้ตอบออกไปไม่ได้ เมื่อศักดิ์ศรีถูกเหยียดหยามด้วยฝ่าเท้าของคู่อริ
“ทำไมฉันจะว่าเธอไม่ได้ นังอีตัวชั้นต่ำ! อีผู้หญิงขายตัวแลกเงิ.. โอ๊ย!”
ฟิลิเซียร้องลั่นเมื่อใบหน้าของตัวเองถูกฝ่ามือของจันทร์เจ้าขาฟาดเต็มแรง หล่อนร้องกรี๊ดๆ และร้องด่าทอเพื่อนที่ไม่ช่วยตัวเอง
“พวกเธอยืนเป็นสากกะเบืออยู่ทำไมยะ ไม่เห็นหรือไงว่ามันตบหน้าฉันน่ะ ไปจัดการมันสิ”
เจนี่ตั้งสติได้ก่อนรีบรับคำเอาหน้าทันที
“ได้ ฉันจะจับมันเอาไว้ และให้เธอซัดมันให้หายแค้นเลย ฟิลิเซีย”
“ดีมาก เจนี่ เธอนี่เลี้ยงไม่เสียข้าวสุกจริงๆ”
เจนี่ลอบกัดฟันอย่างเจ็บแค้น แต่ก็แสดงออกมาไม่ได้
“เอา เร็วเข้าพวกเรา มาช่วยกันจับนังอีตัวชั้นต่ำคนนี้กันเร็ว ฟิลิเซียของพวกเราจะได้ตบมันให้หน้าหงายไปเลย”
เจนี่เดินเข้าไปหา พร้อมๆ กับเพื่อนๆ อีกกลุ่มใหญ่ และไม่นานจันทร์เจ้าขาก็ถูกตรึงข้อมือเอาไว้ด้านหลัง ในขณะที่ฟิลิเซียเดินยิ้มร้ายกาจเข้ามาหา
“ปล่อยฉันนะ!”
จันทร์เจ้าขาดิ้นรนสุดแรง แต่ก็สู้แรงพวกของฟิลิเซียไม่ได้ สุดท้ายก็จะต้องมายืนให้คู่อริจิกทึ้งศีรษะจากนั้นก็ฟาดหน้าของหล่อนด้วยฝ่ามือเต็มแรง จนแก้มนวลของหล่อนชาดิกไปทั้งแถบ
“พอใจหรือยัง… พอใจแล้วก็ปล่อยฉัน”
“พอใจเหรอ ยังหรอกนังอีตัว ฉันยังมีวิธีทรมานแกอีกเยอะ ไหนส่งคัตเตอร์มาให้ฉันสิ”
จันทร์เจ้าขาหน้าซีดเผือด พยายามดิ้นรนช่วยเหลือตัวเองแต่ก็ไม่สามารถทำได้
“อย่าทำแบบนี้นะ ฉัน… ฉันขอร้องล่ะ”
ฟิลิเซียไม่สนใจ หัวเราะร่วน ขณะถือมีดคัตเตอร์ที่ดันใบมีดขึ้นสุดเงาของใบมีดสะท้อนกับแสงไฟบอกความคมกริบของมันเข้ามาหาหล่อนช้าๆ ด้วยรอยยิ้มเลือดเย็น
“ครั้งที่แล้วแกรอด เพราะอาจารย์ไทเลอร์ผ่านมาเห็นซะก่อน แต่ครั้งนี้ต่อให้เทวดาก็ช่วยอะไรแกไม่ได้ แกจะต้องเสียโฉม”
ฟิลิเซียหัวเราะอย่างสะใจ จ่อปลายมีดคัตเตอร์เข้าหาช้าๆ ทุกจังหวะการขยับเขยื้อนของคนตรงหน้าแทบจะหยุดลมหายใจของหล่อนได้เลย
ใช่… ครั้งที่แล้วไทเลอร์ผ่านมาช่วยหล่อนเอาไว้ แต่ครั้งนี้… หล่อนคงไม่รอดแน่แท้
จันทร์เจ้าขาคิดอย่างหวาดกลัว ก่อนจะพยายามเบือนหน้าหนี แต่ก็ไม่พ้นเพราะศีรษะถูกจิกทึ้งเอาไว้ด้วยมือปีศาจของเจนี่และพวก
“อย่า… อย่าทำแบบนี้นะ ได้โปรดเถอะ…”
หญิงสาวหลับตาและพยายามวิงวอน แต่ดูเหมือนสิ่งที่ได้ยินกลับมานั้นจะมีแต่เสียงหัวเราะที่เต็มไปด้วยความสะใจของทุกคนรอบๆ ตัวเท่านั้น ไม่มีใครคิดที่จะยื่นมือเข้ามาช่วยหล่อนเลยสักคน ทุกคนใจดำ ใจคออำมหิตกันเหลือเกิน
ไทเลอร์… ใช่… ตอนนี้อาจารย์ไทเลอร์อยู่ที่ไหนกันนะ ขอให้เขาผ่านมา ผ่านมาช่วยหล่อนอีกสักครั้ง ได้โปรด…
“หยุดนะ พวกเธอทำบ้าอะไรกันน่ะ!”
เสียงของเขา เสียงของไทเลอร์จริงๆ จันทร์เจ้าขาลืมตาขึ้น พร้อมๆ กับอิสรภาพที่ถูกโยนใส่หน้าทันควัน ฟิลิเซียรีบส่งมีดให้กับเจนี่ และถอยห่างจากหล่อนอย่างรวดเร็ว
“อาจารย์ไทเลอร์…”
“ฉันถามว่าพวกเธอกำลังทำอะไรกัน?!”
เขาตวาดเสียงดังลั่น ขณะก้าวยาวๆ มาดึงหล่อนไปซ่อนไว้ที่ด้านหลัง
“เธอไม่เป็นอะไรนะ จันทร์เจ้าขา”
MANGA DISCUSSION