เมื่อคืนหล่อนโทรไปลางานที่ผับเพราะไปทำไม่ไหวจริงๆ ร่างกายและหัวใจของหล่อนไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับใครในตอนนั้นเลย ไทเลอร์ทำร้ายหล่อนอย่างเหี้ยมโหด และเขาก็ทำให้หล่อนนอนร้องไห้ตลอดทั้งคืนได้อย่างเลือดเย็น
“อุ๊ย… ขะ ขอโทษค่ะ…”
เพราะความใจลอยแท้ๆ ทำให้หล่อนเดินชนเข้ากับร่างของใครคนหนึ่งเข้าและเมื่อเงยหน้าขึ้นก็มองเห็นทันทีว่าเป็นใคร
“อาจารย์โจชัว”
“เดินใจลอยแต่เช้าเลยนะจันทร์เจ้าขา”
หญิงสาวฝืนยิ้ม ก่อนจะเอ่ยขอโทษอีกครั้ง
“ฉันขอโทษค่ะอาจารย์…”
“ไม่เป็นไรหรอก แล้วเจอกันในชั่วโมงเรียนก็แล้วกันนะ”
ชายหนุ่มจะเดินจากไป แต่จันทร์เจ้าขาร้องเรียกเอาไว้เสียก่อน
“เอ่อ อาจารย์คะ เมื่อวานอาจารย์ไม่ได้มาสอน อาจารย์ไม่สบายหรือเปล่าคะ”
คำถามของหล่อนทำให้คนถูกถามแสดงสีหน้าเซ็งเป็ดขึ้นมาในทันที
“ผมสบายดี ร่างกายแข็งแรงมาก และไม่ได้ป่วยอะไรทั้งนั้น”
“อ้าว… แล้วเมื่อวานอาจารย์ทำไมไม่มาสอนล่ะคะ ทำไมให้… เอ่อ อาจารย์ไทเลอร์มาสอนแทน”
“ผมถูกขังเอาไว้ในห้องน้ำน่ะ โดนขังอยู่เกือบสองชั่วโมง ดีนะที่คุณไทเลอร์ผ่านไปเจอแล้วช่วยผมออกมา ไม่อย่างนั้นคงได้นอนตายอยู่ในนั้นแหละ เอ่อ ว่าแต่คุณไทเลอร์ไปสอนแทนผมหรือ”
“ค่ะ อาจารย์ไทเลอร์มาสอนแทน”
โจชัวแสดงสีหน้าแปลกใจน้อยๆ ก่อนจะคิดไปในแง่ดี
“คุณไทเลอร์คงไม่อยากให้พวกคุณเสียเวลาไปเปล่าๆ มั้ง เลยไปสอนแทนผม เอาล่ะ ผมไปสอนก่อนนะ ไว้เจอกัน”
“ค่ะ อาจารย์โจชัว”
อาจารย์โจชัวเดินจากไป จันทร์เจ้าขาเองก็จะมุ่งหน้าไปยังห้องเรียนของตัวเองเช่นกัน แต่เสียงเรียกที่เต็มไปด้วยความเย้ยหยันของฟิลิเซียและพวกก็ดังขึ้นด้านหลังเสียก่อน
“จะรีบไปไหนล่ะ แม่คนมีแบล็คใหญ่”
จันทร์เจ้าขาถอนใจออกมา ก่อนจะพูดออกไปเพราะไม่อยากมีเรื่อง
“ฉันจะไปเรียน พวกเธอช่วยหลีกทางให้ฉันเถอะ”
ฟิลิเซียกับเจนี่หันไปหัวเราะให้กัน ก่อนที่ทั้งสองคนจะหันมาจ้องหน้าหล่อนด้วยสายตาร้ายกาจและน่ากลัว
“วันนี้… หรืออาจจะเป็นทุกๆ วันต่อจากนี้ด้วยก็เป็นได้ จริงไหมเจนี่”
ฟิลิเซียยิ้มเหยาะหล่อน ก่อนจะหันไปหาเสียงสนับสนุนจากพวกของตัวเอง ซึ่งเจ้าหล่อนก็ไม่ได้ผิดหวังแม้แต่นิดเดียว เพราะแม่เจนี่ใส่เต็มแม็กซ์เลยทีเดียว
“จริงสิจ๊ะฟิลิเซีย ฉันว่าแม่เจ้าขาคงจะมีโอกาสได้เหยียบในมหาลัยเป็นวันสุดท้ายแล้วล่ะ”
“นี่พวกเธอหมายความว่ายังไง”
“งงเหรอจ๊ะ แม่จันทร์เจ้าขา…”
ฟิลิเซียเดินหมุนรอบตัวของหล่อน ก่อนจะมาหยุดตรงหน้า และใช้สายตามองอย่างเหยียดหยามตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า
“ใช่ ฉันไม่เข้าใจสิ่งที่พวกเธอกำลังพูด”
“งั้นเธอคงต้องไปถามจากอาจารย์ทอมสันเองแล้วล่ะ”
“อาจารย์ทอมสัน…”
จันทร์เจ้าขาทวนคำ
“ใช่ เชิญไปห้องฝ่ายปกครองด่วนจ้ะ จันทร์เจ้าขา อาจารย์ทอมสันกำลังรอจัดการกับเธออยู่”
ฟิลิเซียพูดจบก็หัวเราะร่วนก่อนจะเดินจากไปพร้อมๆ กับเจนี่คู่หูของตัวเอง ทิ้งให้หล่อนมองตามไปด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังขาเป็นที่สุด
เข้าห้องฝ่ายปกครองอีกแล้วหรือ… สัปดาห์นี้หล่อนเข้าไปถึงสามครั้งแล้ว นี่จะเป็นครั้งที่สี่ ซึ่งหล่อนมั่นใจว่าคงเป็นเรื่องเดิมๆ อีกนั่นแหละ จันทร์เจ้าขาถอนใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย แต่ก็จำต้องเดินตรงไปยังห้องฝ่ายปกครองอย่างไม่มีทางเลือก
ไม่นานห้องฝ่ายปกครองที่ติดกระจกมืดดำจนมองทะลุเข้าไปด้านในไม่เห็นก็อยู่ตรงหน้า หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ ก่อนจะตัดสินใจดึงประตูให้เปิดออก และก้าวข้ามธรณีประตูเข้าไปหยุดอยู่ภายในห้องนั้น
ความเย็นเหยียบจากเครื่องปรับอากาศชั้นดีภายในห้องยังไม่สามารถทำให้หล่อนสั่นสะท้านไปทั้งตัวและหนาวไปจนถึงขั้วหัวใจได้เท่ากับการได้ประสานสายตากับนัยน์ตาสีเขียวจัดของผู้ชายที่อยู่ในความนึกคิดตลอดเวลาอย่างไทเลอร์ อิสไมนอฟ มาร์คิเดฟ
เนื้อตัวของหล่อนเย็นเฉียบ หัวใจของหล่อนเต้นแรง แค่สบตากับไทเลอร์เท่านั้นโลกทั้งใบของหล่อนก็ตีลังกากลับหัวได้อย่างน่าอัศจรรย์ที่สุด ผู้ชายเจ้าของนัยน์ตาสีเขียวมรกตคู่นี้ช่างมีอิทธิพลกับทุกสรรพสิ่งในร่างกายของหล่อนเสียเหลือเกิน จนหล่อนคิดว่ามันมากเกินไปซะด้วยซ้ำ
“เอ่อ… อาจารย์ทอมสันมีอะไรกับฉันหรือคะ”
กัดฟันละสายตามาจากไทเลอร์ที่ยืนจ้องหล่อนนิ่งอยู่ริมหน้าต่างห้องได้สำเร็จก็หันมาเอ่ยถามทอมสันด้วยน้ำเสียงที่พยายามฝืนให้ราบเรียบ
“เธอรู้จักผู้ชายสามคนนี้หรือเปล่า”
น้ำเสียงและสายตาของทอมสันที่มองมายังหล่อนนั้นเต็มไปด้วยความขยะแขยง และเกลียดชัง ลางสังหรณ์ร้องเตือนอย่างบ้าคลั่งว่าหล่อนกำลังจะพบกับจุดจบที่น่าสะพรึงกลัว
“เอ่อ…”
หญิงสาวหันไปจ้องผู้ชายสามคนที่ยืนอยู่ไม่ห่างนัก หล่อนไม่ทันได้มองพวกเขายามที่ก้าวเข้ามาในห้องนี้ เพราะสายตาของหล่อนถูกตรึงอยู่กับไทเลอร์เพียงคนเดียว แต่ตอนนี้หล่อนมองเห็นพวกเขาแล้ว และก็เห็นรอยยิ้มหยันของพวกเขาด้วยเช่นกัน
“ฉันไม่รู้จักค่ะ”
หล่อนตอบตามความจริง แต่กลับได้ยินเสียงหัวเราะจากผู้ชายทั้งสามคนตรงหน้า รวมถึงทอมสันด้วย มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ยังยืนสงบนิ่ง ไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไรออกมาเลย นั่นก็คือไทเลอร์ เขายังคงมองหล่อนนิ่ง มองด้วยสายตามืดดำอ่านไม่ออก
“เธอมีสิทธิ์ที่จะไม่ยอมรับ แต่ผู้ชายทั้งสามคนนี้บอกว่ารู้จักเธอ…”
ทอมสันลุกขึ้นจากโต๊ะและเดินอ้อมโต๊ะออกมาเผชิญหน้ากับหล่อน
“และรู้จักดีด้วย”
จันทร์เจ้าขาเลิกคิ้วสูง และพยายามอธิบาย ตอนนี้หล่อนกำลังมึนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นยิ่งนัก นี่มันอะไรกัน และผู้ชายสามคนนี้นี่เป็นใคร ทำไมถึงบอกว่ารู้จักกับหล่อนล่ะ
“แต่ฉันไม่รู้จักพวกเขานะคะ ฉันไม่รู้จักจริงๆ ค่ะ”
“ทำไมพูดแบบนี้ล่ะสาวน้อย…”
หนึ่งในสามชายโฉดยื่นมือมาแตะที่ต้นแขนของหล่อนอย่างหยอกเย้า หญิงสาวรีบเบี่ยงตัวหนีอย่างรังเกียจ หล่อนชิงชังขยะแขยงสัมผัสของผู้ชายทุกคนในโลกใบนี้ ยกเว้นสัมผัสทมิฬของผู้ชายที่ชื่อไทเลอร์เพียงคนเดียวเท่านั้น
“เรารู้จักกันดีมาก รู้จักทุกซอกทุกมุม”
“นี่พวกคุณพูดอะไร ฉันไม่เข้าใจ และอย่ามาทำรุ่มร่ามกับฉันแบบนี้นะ”
ชายทั้งสามคนหัวเราะร่วน
“พวกเราเคยทำกับเธอมากกว่าแค่แตะแขนเสียอีกนะ บนเตียงน่ะเราสนุกกันมาก จำไม่ได้หรือไง ที่เราไปสวิงกิ้งกันในบ้านของฉันน่ะ เราสนุกกันโต้รุ่ง และก็เป็นเธอนะสาวน้อยที่เป็นฝ่ายนัดพวกเราให้มาสนุกกันหลังจากนั้นอีกตั้งหลายครั้ง”
“ไอ้พวกบ้า ฉันไม่รู้จักพวกคุณ อย่ามาพูดแบบนี้นะ”
จันทร์เจ้าขาปฏิเสธลั่น และมองไปยังไทเลอร์อย่างพยายามวิงวอนให้เขาเชื่อ หล่อนไม่อยากให้เขามองหล่อนแย่มากไปกว่านี้ แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้ว เพราะสายตาของเขาที่มองมายังหล่อนตอนนี้เต็มไปด้วยความชิงชังเป็นที่สุด หล่อนเจ็บปวดเหลือเกิน เจ็บจนแทบจะกระอักออกมาเป็นเลือด
“ฉันไม่รู้จักพวกคุณ… และถ้าพวกคุณยังใส่ร้ายป้ายสีฉันอยู่แบบนี้ ฉันจะไปแจ้งความ”
“พวกเราไม่กลัวหรอกจันทร์เจ้าขา น้องเจ้าขาคนสวย…”
หนึ่งในนั้นเรียกชื่อของหล่อนอย่างสนิทสนม จันทร์เจ้าขาหน้าซีดเผือด
“นี่พวกคุณรู้จักชื่อของฉันได้ยังไง”
“อย่าทำเป็นไร้เดียงสาน่า เธอขายตัวอยู่ในผับ พวกเราและเพื่อนๆ ของพวกเราอีกตั้งหลายคนเคยซื้อเธอไปสนุกด้วย อย่ามาทำเป็นใสซื่อเลย มันไม่เนียนหรอก”
“พวกคนเลว…!”
จันทร์เจ้าขาเค้นเสียงโกรธแค้นออกมา ก่อนจะกระโจนเข้าไปฟาดปากของคนพวกนั้นด้วยกำปั้นเล็กๆ ของตัวเอง แต่ก็ยังทำได้ไม่สาแก่ใจเลยทอมสันก็เข้ามากระชากหล่อนออกไปซะก่อน จากนั้นทอมสันก็แสดงท่าทางขยะแขยงหล่อนออกมา
“ฉันไม่น่าเอามือไปแตะเนื้อตัวสกปรกของเธอเลย จันทร์เจ้าขา”
“อาจารย์ทอมสันคะ แต่ฉันไม่ได้ทำจริงๆ นะคะ ไม่ได้ทำ…”
“แต่พวกผมยืนยันได้ครับว่าผู้หญิงคนนี้ทำงานอย่างว่าจริงๆ พวกผมเคยซื้อเธอไปนอนด้วยตั้งหลายครั้ง และก็เคยติดโรคจากเธอด้วย”
“ไอ้บ้า! ฉันไม่ได้นอนกับพวกแกสักหน่อย”
จันทร์เจ้าขาปฎิเสธอย่างบ้าคลั่ง และหันกลับไปมองไทเลอร์อย่างวิงวอนอีกครั้ง
“อาจารย์ไทเลอร์คะ ฉัน… ฉันไม่เคยนอนกับคนพวกนี้จริงๆ ไม่เคย…”
ทั้งๆ ที่ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปใส่ใจว่าเขาจะคิดยังไง แต่หล่อนก็ยังอยากให้เขามองหล่อนในแง่ดีบ้าง แม้จะสักนิดก็ยังดี
“หุบปากซะ หลักฐานทุกอย่างมัดตัวเธอแน่น เธอไม่สามารถดิ้นหลุดแล้วล่ะจันทร์เจ้าขา”
น้ำตาแห่งความขมขื่นหลั่งรินออกมา หญิงสาวมองผู้ชายตรงหน้าอย่างผิดหวัง แม้แต่เขาก็ยังไม่เชื่อใจหล่อน แต่จะไปหวังอะไรจากไทเลอร์กันล่ะ ในเมื่อหล่อนเองก็ต่ำต้อยไร้ค่าในสายตาของเขามากมายอยู่แล้ว ที่เขาไม่เชื่อก็ไม่ใช่ว่าเขาจะผิดสักนิด
“ทอมสัน ผมให้สิทธิ์คุณจัดการกับเรื่องนี้เต็มที่”
“ส่วนเธอ…” เขาหันมาจ้องหน้าหล่อนด้วยสายตาลุกเป็นไฟ
“ไปกับฉัน…”
แล้วข้อมือของหล่อนก็ถูกคว้าหมับด้วยครีมเหล็กที่ร้อนระอุ
“ไม่นะคะ อาจารย์จะพาฉันไปไหนคะ”
คนที่ฉุดกระชากลากถูหล่อนไม่หยุดเดินและลากหล่อนตรงไปที่รถอย่างเผด็จการ ท่ามกลางสายตาที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจของทอมสัน
“ทำไมคุณไทเลอร์จะต้องลากแม่จันทร์เจ้าขาไปด้วยแบบนี้นะ”
และไม่ใช่แค่ทอมสันคนเดียวหรอกที่แปลกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะฟิลิเซียและเจนี่ที่แอบดูเหตุการณ์อยู่ก็รู้สึกไม่แตกต่างกันเลย
“นั่น… อาจารย์ไทเลอร์จะพานังเจ้าขามันไปไหนน่ะ”
ฟิลิเซียอุทานด้วยความกังขา
“นั่นสิ ลากไปที่รถ หรือว่า…”
“หรือว่าอะไรยายเจนี่…”
คำถามของฟิลิเซียทำให้เจนี่ต้องรีบอธิบายออกมา
“หรือว่าอาจารย์ไทเลอร์จะหึง และลากนังเจ้าขามันไปปล้ำ…”
“ไม่มีทาง ยายเจนี่ ห้ามพูดแบบนี้เด็ดขาด อาจารย์ไทเลอร์ไม่มีทางตาต่ำแบบนั้นหรอก ยิ่งอาจารย์รู้เรื่องที่เราสร้างขึ้นมาด้วยแล้ว ไม่มีทางที่อาจารย์ไทเลอร์ที่รักของฉันจะยอมลดตัวไปเกลือกกลั้วกับของสกปรกอย่างนังเจ้าขาแน่ ไม่มีทาง…”
แม้เจนี่จะไม่ได้คิดไปในทิศทางเดียวกับฟิลิเซีย แต่หล่อนก็จำต้องเออออตามน้ำไป เพราะไม่อยากถูกยายฟิลิเซียเจ้าอารมณ์ตะกุยเล็บใส่หน้า
“เธอว่ายังไงฉันก็ว่างั้นแหละ ไปเถอะ เราไปฉลองกับความสำเร็จของแผนการของเราเถอะ”
“ใครว่าแผนการของเรา แผนของฉันคนเดียวต่างหาก”
ฟิลิเซียตอกกลับจนเจนี่หน้าหงาย
“แต่ฉันเป็นคนคิดแผนการนี้ขึ้นมานะ และไอ้สามคนนั้นมันก็คนรู้จักของฉันทั้งนั้น”
เจนี่อดแย้งไม่ได้ แต่กระนั้นก็ไม่สามารถเอาชนะฟิลิเซียคุณหนูเอาแต่ใจได้อยู่ดี
“ลืมไปแล้วหรือไงเจนี่ ฉันจ่ายเงินค่าหัวสมองของเธอไปแล้ว ดังนั้นแผนการนี้มันคือแผนการของฉัน เธอก็แค่เบ๊รับใช้ฉันเท่านั้น”
พูดจบแล้วฟิลิเซียก็สะบัดหน้าเดินจากไปทันที จึงไม่ทันได้เห็นแววตาคลั่งแค้นในสายตาของเจนี่แม้แต่นิดเดียว
MANGA DISCUSSION