เพื่อนบ้านผมคือคุณหนูสาวเจ้าเสน่ห์ - ตอนที่ 8 อันธพาลทั้งสาม
ตอนที่ 08 อันธพาลหนุ่มทั้งสาม
แววตาชายหนุ่มออกอาการหวั่นไหวขั้นสุด
ด้วยเหตุการณ์เหนือธรรมชาติยากจะหาสิ่งใดมาอธิบายเพิ่มเติมสุดท้ายปลายทาง เวลานอนที่ควรนอนพักผ่อนร่างกายตามกิจวัตรประจำวันก็ถูกใช้งานอย่างหนักหน่วง
ใช้งานเพื่อหาคำตอบของเหตุการณ์สถานการณ์เมื่อครู่ที่เกิดขึ้น น่าเสียดายที่ความพยายามทั้งหมดของเขาล้วนจบลงที่ความล้มเหลว นอกจากหาอะไรเพิ่มเติมไม่ได้เลยแม้แต่น้อยยังเสียเวลานอนเกือบทั้งหมดไปกับสิ่งเปล่าประโยชน์จับต้องไม่ได้อีก
แต่แล้วคำตอบที่เขาพยายามตามหามาตลอดกับโผล่ออกมาเร็วกว่าที่คิด
เมื่อช่วงเช้าวันใหม่มาเยือน
[ ขาย ]
“…” ทราเวียร์เหลือบมองประตูห้องติดข้างเคียง
ก่อนก้าวเท้าเดินผ่านโดยไม่คิดเหลือบมองอีกเป็นครั้งที่สอง
แน่นอนว่าห้วงอารมณ์ห้วงความรู้สึกทั้งหมดล้วนถูกนำไปใช้ครุ่นคิดเหตุการณ์เมื่อคืนมากกว่า มากกว่าเอามาใช้กับเรื่องไม่เป็นเรื่องทั้งยังเป็นเรื่องไกลตัวอีกต่างหาก
แต่ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งมืดแปดด้าน
“ฝันแปลกประหลาด”
ขณะทราเวียร์กำลังมุ่งหน้าตรงไปยังโรงเรียนตามเดิม
ข้ามผ่านพ้นพื้นที่สวนสาธารณะ หลงเหลืออีกเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้นก่อนจะเข้าสู่พื้นที่เขตการค้าสถานที่อัดแน่นเต็มเปี่ยมไปด้วยผู้คนมากมายหากแต่ก่อนจะได้ก้าวเท้าไปถึง
ดันมีเหตุการณ์บางอย่างบางประการโผล่เข้ามาสวัสดีเสียก่อน
“นิ ดูโน้นสิ?”
“เด็กผู้หญิง?”
“เหมือนจะเกิดเรื่องนะ”
ปลายนิ้วชี้นำสายตาหลายต่อหลายคู่ให้จ้องมอง
ทันทีที่ปลายสายตามากมายมองตามนิ้ว มองไปยังกลุ่มผู้คนที่อยู่ไม่ห่างไกลมากนัก เหล่าผู้คนทั้งหลายก็เริ่มเปิดปากวิพากษ์วิจารณ์สนุกปาก
ความคิดเห็นล้วนไปในทิศทางเดียวกันหมด
“…” มุ่งไปยังกลุ่มชายวัยรุ่นสามคนโดยตรง
“อันธพาลสารเลวพวกนั้นมันเอาอีกแล้ว”
“แถมครั้งนี้ยังเป็นเด็กสาวอีก”
“กระทั่งเด็กมัธยมยังไม่เว้น”
สิ้นเสียงคำบอกกล่าวของใครสักคนในระแวงแถวนั้น
ทราเวียร์รีบหันหน้าไปมองทันที หากเป็นเพียงเหตุการณ์ปรกติธรรมดาเขาอาจปล่อยผ่านหลงลืมไปในระยะเวลาอันสั้นแต่เนื้อหารายละเอียดของเหตุการณ์ครั้งนี้
มันดันทำให้เขาสนใจอย่างแรง
…‘เด็กสาวกับพวกอันธพาล?’
“…”
“ไม่น่าใช่หรอกมั้ง?”
“ต้องไม่ใช่สิ”
แม้ปากบอกไม่ใช่
แต่ฝีเท้ากับกระทำตรงกันข้าม
เริ่มขยับสาวเท้าก้าวเข้าไปใกล้โดยไม่มีห้วงความคิดอื่นเลยอยู่ในหัวสมอง
และทุกครั้งที่เขาขยับสาวเท้าเข้าไปใกล้ หัวใจดวงน้อยภายในทรวงอกยิ่งเต้นสัมผัสแรงไปอีกหลายเท่าตัว แรงจนเขาครุ่นคิดว่ามันอาจระเบิดกลายเป็นหมอกเลือดไปในที่สุด
ต่อให้มันระเบิดกลายเป็นหมอกเลือด เขาก็ยังไม่ละพยายามยังก้าวเท้าไปตามเดิมหวังยืนยันข้อสงสัยบางประกายขอเพียงยืนยันได้ทุกสิ่งอย่างล้วนกระทำได้หมด
และทันทีที่เขาก้าวเท้าไปถึงจุดหมายปลายทาง ก้าวเท้าเข้ามาพบเห็นเข้ามาพบเจอฉากภาพเหตุการณ์ทั้งหมดเต็มสองตา ชายหนุ่มสวมแว่นถึงกับร้องเสียงหลงออกมา
พร้อมก้าวเท้าถอยหลังไปหลายต่อหลายก้าว
…‘เป็นไปไม่ได้’
“…”
แววตาชายหนุ่มสวมแว่นเบิกกว้างตื่นตระหนกตกใจขั้นสุด
เรียกได้ว่าอาการตื่นตระหนกตกใจถูกแสดงออกมาให้เห็นโดยไม่มีกักเก็บเลยแม้แต่น้อย จะไม่ให้เขาตื่นตระหนกตกใจได้ยังไง ในเมื่อฉากเบื้องหน้าที่เขากำลังพบเห็นเขาเคยพบเห็นมาก่อนหน้านี้แล้ว
ฉากที่หญิงสาวรุ่นราวคราวเดียวกับเขากำลังยืนประจันหน้ากับเหล่าอันธพาลน่าตายทั้งหลาย พวกมันต่างคงสันดานเสื่อมเสียไม่มีแปรเปลี่ยนพร้อมเปิดเผยรอยยิ้มหื่นกระหายไม่มีกักเก็บ
ขณะหญิงสาวผู้งดงามปานเทพธิดาเพียงนิ่งเงียบจดจ้องมองด้วยแววตาราบเรียบตามเดิมคล้ายฉากภาพเบื้องหน้าเป็นเพียงเหตุการณ์เล็กน้อยด้อยค่า
ไม่คู่ควรเหลือบตามองด้วยซ้ำ
…‘ระ เราเคยเห็นมาก่อน’
“…” ทราเวียร์มั่นใจเต็มเปี่ยม
มั่นใจว่าภาพนี้เขาเคยเห็นมาก่อน
“เหมือนที่เห็นในภาพ”
“นิ มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น”
ทราเวียร์นิ่งชะงักแข็งค้างไปในเรียบร้อย
สุดปลายสายตาที่เขากำลังพบเห็นในตอนนี้เป็นเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นไปแล้ว แน่นอนว่าฉากภาพเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นไป ไม่ได้เป็นเหตุการณ์จริงเหมือนฉากภาพเบื้องหน้า
แต่เป็นกระบวนการแปลกประหลาดเป็นกระบวนการที่พิเศษเหลือล้ำเกินกว่ามนุษย์ปรกติธรรมดาจะนึกถึงหรือว่าทำความเข้าใจ หากจะให้กล่าวอุกอาจมากกว่านี้กล่าวให้ชัดเจนแจ่มแจ้งตรงประเด็นเขาครุ่นคิดได้เพียงประการเดียวเท่านั้น
มันคือเหตุการณ์เหนือธรรมชาติอย่างแท้จริง
…‘แปลกประหลาด’
“…”
“นี่มันออกจะแปลกประหลาดเกินไป”
“หรือว่าเรื่องเมื่อคืน—”
“มาแล้ว!”
“…”
แววตาอันธพาลหนุ่มเผยร่องรอยชื่นมื่นขั้นสุด
ก่อนจะร้องเสียงหลงทันทีที่พบเห็นหญิงสาว
“พระเจ้าช่วย!”
“สวยมาก”
“สวยมากจริง ๆ”
“เป็นแค่เด็กแท้ ๆ แต่หน้าตาดันสวยเกินหน้าเกินตา”
“เป็นไงละ บอกแล้วว่าต้องเป็นของดี”
“ของดีแบบนี้เกิดปล่อยผ่านคงเสียดายแย่”
กล่าวจบพวกมันต่างเลือกกระชับวงปิดล้อมทันที
ชายหนุ่มอันธพาลเปิดเผยรอยยิ้มน่ารังเกียจก่อนเลียริมฝีปาก
ทั้งยังใช้สายตาหยาบโลนหื่นกระหายจดจ้องมองไปทั่วทั้งร่างกายอีกฝ่าย เป็นสายตาที่ไม่ว่าจดจ้องมองหญิงสาวคนไหนเป็นต้องตัวสั่นสะท้านไปด้วยความหวาดหวั่น
แต่ถึงอย่างนั้นเมญ่าก็ยังนิ่งเงียบตามเดิมทำเหมือนสายตาหื่นกระหายที่จดจ้องมองมาเป็นเพียงสายตาปรกติธรรมดาไม่สิ ต้องบอกว่าเป็นสายตาด้อยค่าด้อยปัญญา
ไม่มีค่าพอให้เหลือบมองด้วยซ้ำ
“…” เมญ่าก้มหัวให้เล็กน้อยพอเป็นพิธี
“ดิฉันขอตัวค่ะ”
“ไม่เอาน่า”
“อุตส่าห์พบเจอหน้ากันทั้งที”
“อย่าพึ่งรีบไปสิ”
อันธพาลหนุ่มก้าวเท้ายืนดักหน้า
ด้วยท่วงท่าลักษณะดังกล่าวที่พวกมันแสดงออกมาให้เห็น ล้วนบ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่าเจตนาแท้จริงของพวกมันสกปรกน่าขยะแขยงขนาดไหน
หากยังปล่อยผ่านปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินต่อไปเกรงว่าสิ่งที่เลวร้ายมากที่สุดสำหรับหญิงสาวคนหนึ่งคงไม่พ้นต้องเกิดขึ้น แม้จะรู้แบบนั้นแต่ทุกคนก็ยังคงนิ่งเงียบ
ปล่อยให้หญิงสาวประสบพานพบชะตากรรมแต่เพียงผู้เดียว ท่ามกลางสายตามากมายที่กำลังจับจ้องมองไปที่หญิงสาวงดงามปานเทพธิดา
ยังมีอีกหนึ่งสายตาที่แปลกแยกยิ่งกว่า
…‘ช่วยหรือไม่ช่วย’
“…” หลากหลายความเป็นไปได้กำลังไหลแล่นเข้ามาในหัวสมอง
อีกทั้งความหลากหลายที่ว่ายังรวมไปถึงเส้นทางย่ำแย่ที่สุดอีกด้วย ซึ่งเส้นทางที่ว่านั่นอาจจะหมายถึงตัวหล่อนไม่มีใครคนอื่นยื่นมือเข้าช่วยเหลือ กลายเป็นว่ามีเพียงเขาคนเดียวที่ช่วยเหลือได้และเพราะมีเขาคนเดียวที่ช่วยเหลือได้
ใครสักคนหรืออะไรสักอย่างเลยส่งภาพอนาคตมาให้เขาตัดสินใจก่อน ซึ่งความเป็นไปได้เฉกเช่นนั้นใช่ว่าจะไม่มีทางเป็นไปได้เสียทีเดียว หลังจากไตร่ตรองครุ่นคิดอย่างบ้าคลั่ง
ในที่สุดบทสรุปอย่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้น
…‘ยุ่งวุ่นวายเป็นบ้า’
“…” ทราเวียร์ลอบกำหมัดแน่นสบถออกมา
“เวรกรรม”
“ครั้งนี้ครั้งสุดท้ายแล้วนะ” หลังจากกล่าวจบสิ้น
ชายหนุ่มสวมแว่นเพียงก้มตัวพร้อมหยิบของบางอย่างขึ้นมาบนฝ่ามือเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์เบื้องหน้า ขณะเดียวกันเมญ่าหญิงสาวผู้งดงามยังคงเลือกเผชิญหน้าต่อ
ไม่มีท่วงท่ายินยอมโอนอ่อนง่ายดายปรากฎให้เห็น
“…” แน่นอนว่าพวกมันเองก็ไม่มีท่วงท่าคิดปล่อยผ่านเหมือนกัน
“ไปกับพวกเราเถอะ”
“พี่ชายมีสถานที่อยากจะแนะนำ”
“รับรองว่าเป็นของดี”
“ไปกับพวกพี่ชาย—”
“ดิฉันจะกล่าวอีกเพียงครั้งเดียวค่ะ”
“กรุณาถอยเปิดทางกับดิฉัน”
“ก่อนดิฉันจะโทรเรียกตำรวจ”
เมญ่ากล่าวเสียงเรียบ
และแล้วสถานการณ์ที่ประคับประคองมาจนตอนนี้ก็ถึงคราวระเบิดออกมา เนื่องจากเศษเดนเศษสวะทั้งสามไม่อาจหยุดยั้งความต้องการของตัวเองได้อีกต่อไปแล้ว
สุดท้ายปลายทางพวกมันสามคนเลยตัดสินใจขั้นเด็ดขาด ในเมื่อใช้คำพูดคำกล่าวปรกติธรรมดาไม่ได้ผลก็ต้องหันเปลี่ยนมาใช้กำลังแทน อีกทั้งด้วยระยะเวลาบวกกับผู้คนกำลังจับจ้องมองเพิ่มขึ้นหากไม่ทำอะไรสักอย่างแผนการครั้งนี้คงไม่พ้นต้องล้มเหลว
หนึ่งตัวเปิดเดินหน้าเข้าหาเมญ่า
…‘หึ เธอเลือกเองนะ’
“…”
“โทรเรียกตำรวจ?”
“เข้าใจพูดดีนิ”
“ดูเหมือนน้องสาวจะไม่ให้ความร่วมมือกับพวกเราสินะ”
ในเมื่อขอความร่วมมือปรกติธรรมดาไม่ได้ผล งั้นคงต้องปรับเปลี่ยนวิธีการเปลี่ยนจากวิธีการสันติวิธีหันไปใช้วิธีการหยาบโลนตามวิถีธรรมชาติตามต้องการ
เงื้อมือเตรียมยื่นเข้าหาหญิงสาว
“วิธีการนุ่มนวลมีไม่ชอบก็ต้องอาศัยกำลังเข้าว่า”