เพื่อนบ้านผมคือคุณหนูสาวเจ้าเสน่ห์ - ตอนที่ 4 ด้านฟ้ายามเย็น
ตอนที่ 04 ด้านฟ้ายามเย็น
ระหว่างที่ชายหนุ่มสวมแว่นกำลังเดินอยู่บนทางเดิน
สุ้มเสียงไม่พอใจของหญิงสาวกลุ่มหนึ่งก็ดังขึ้น น้ำเสียงของพวกหล่อนค่อนข้างขุ่นมัวคล้ายพึ่งพานพบเจอเรื่องราวชวนให้รู้สึกอารมณ์เสีย
เรียกได้ว่ายิ่งระยะห่างขยับเข้ามาใกล้มากเท่าไหร่ ถ้อยคำสบถมากมายก็ยิ่งปรากฎให้ได้ยินมากขึ้นเท่านั้น
ทราเวียร์ยังคงราบเรียบเรียบเฉยหาได้สนใจใครคนอื่น
“…” ขณะกลุ่มหญิงสาวกับกระทำตรงกันข้าม
“ทำลงไปได้ยังไง?!”
“พวกเกเรก็แบบนี้แหละ”
“ไปกันเถอะ”
“อืม!”
แม้ใจไม่ต้องการไม่ยินยอม
แต่สุดท้ายปลายทางเรื่องราวของคนอื่นก็เป็นเรื่องราวของคนอื่นหาใช่เรื่องราวของตนการเข้าไปยุ่งวุ่นวายด้วย มีแต่จะสร้างผลเสียหาใช่สร้างผลดีโดยเฉพาะเมื่ออีกฝ่ายเป็นเพียงพวกขยะสังคมเดินได้
ตอนแรกชายหนุ่มสวมแว่นก็มีครุ่นคิดจินตนาการเหมือนกัน เขาอยากรู้ว่าต้องเป็นสถานการณ์แบบไหนถึงทำให้พวกหล่อนเลือกสบถออกมาโดยไม่สนใจใครหน้าไหนทั้งสิ้น
แต่แล้วไม่ว่าจะเป็นห้วงความคิดทั้งหมดหรือห้วงจินตนาการ ล้วนเปล่าประโยชน์หาค่าไม่ได้เมื่อสายตาของเขาเหลือบหันไปเจอของจริง
ไปเจอสถานการณ์ที่ทำให้กลุ่มหญิงสาวเมื่อครู่เลือกสบถออกมา
และฉากภาพเบื้องหน้าที่ทราเวียร์พบเห็น
ก็คือฉากที่ชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังถูกปิดล้อมไปด้วยคนหมู่มาก แถมคนหมู่มากที่ว่ายังเข้ามาปิดล้อมด้วยเจตนาเลวร้ายไม่คิดปกปิด
นอกจากเจตนาเลวร้ายที่พวกมันแสดงออกมา ทั้งสีหน้า ท่าทาง และน้ำเสียงก็ยังดังต่อเนื่องพยายามเข้าคุกคามชายหนุ่มผู้โชคร้ายคล้ายต้องการเล่นงานอีกฝ่ายให้ถึงตาย
หนึ่งในพวกมันเริ่มหมดความอดทนอดกลั้นกับความหัวดื้อของอีกฝ่ายที่ยังไม่คิดยินยอมโอนอ่อนให้ พวกมันเลยคิดปรับเปลี่ยน
เปลี่ยนไปใช้วิธีการอื่นที่ง่ายดายและทรงประสิทธิภาพ
“…” นั้นก็คือการใช้กำลังเข้าว่าเป็นหลัก
“หุบปาก!”
“อย่าเอาแต่ร้องอย่างเดียวสิวะ”
“รีบส่งเงินมาได้แล้ว”
“ตะ แต่—”
“บอกเอาไว้ก่อนยิ่งแกช้า”
“แกจะยิ่งเจ็บหนัก”
“เข้าใจไหม?”
“…” ชายหนุ่มผู้โชคร้ายย้ายสายตาไปทางอื่น
แววตาสิ้นหวังในตอนแรกแปรเปลี่ยนเปี่ยมล้นไปด้วยความหวังคล้ายพานพบเจอแสงสว่างส่องเข้ามาในชีวิต
แน่นอนว่าพฤติกรรมแปลกประหลาดมีเหรอ พวกมันจะมองไม่เห็นหลากหลายสายตาหันมองย้อนกลับไปด้านหลัง
จนกระทั่งพบเห็นทราเวียร์ที่กำลังเดินเข้ามาใกล้ หนึ่งในพวกมันรีบร้องตะโกนตักเตือนกันไม่ให้ทราเวียร์คิดทำอะไรยุ่งยาก
น้ำเสียงตวาดดังลั่นขึ้นมาทันที
“มองอะไรวะ?!”
“…”
“ฉันถามว่ามองอะไร?!”
“เดี๋ยวก่อน”
“อะไรอีก?”
“…” ฝ่ามือยกห้ามกันไม่ให้มีเรื่อง
แววตาหนึ่งในพวกมันหรี่มองคล้ายรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาอีกฝ่าย
หลังจากไตร่ตรองอยู่กับตัวเองปล่อยให้หัวสมองครุ่นคิดไปเรื่อยเปื่อย ในที่สุดภาพจำของใครคนหนึ่งก็ไหลผ่านเข้ามาในหัวสมอง
มันกะพริบตาถามกลับด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจ
“คนแปลก?”
“…”
“คนแปลกของโรงเรียน?”
“เอาจริงดิ”
“จริงด้วยวะ”
“ไอ้ตัวแปลกประหลาด?!”
คำว่า ‘คนแปลก’ มันคือชื่อที่สองของทราเวียร์
ซึ่งต้นสายปลายกำเนิดของชื่อที่สองมันก็มาจากใบหน้าของเขาที่นิ่งเงียบราบเรียบตลอดเวลาไม่ว่าใครจะทำอะไรจะนินทาว่าร้ายยังไง
เขาก็เพียงนิ่งเงียบไม่ตอบสนองหรือโต้ตอบกลับไป จนสุดท้ายปลายทางกลุ่มคนที่เคยหยอกล้อเคยต้องการลองของก็พากันเบื่อหน่าย
ก่อนพากันตั้งชื่อเรียกให้เขาส่งท้าย
“…”
“แกจะไปทั้งแบบนี้จริงเหรอ?”
“…”
“ทางใครทางมันครับ”
“พวกคุณอยากจะทำอะไรก็เชิญ”
“…” แววตาไม่มีแปรเปลี่ยน
ท่วงท่าเป็นเอกลักษณ์ถูกแสดงออกมาให้เห็น
แม้ฉากภาพเบื้องหน้าฉากภาพการรังแกคนอ่อนแอมันจะทำให้ใครคนอื่นเกิดอารมณ์ร่วมแต่ไม่ใช่สำหรับเขาไม่ใช่สำหรับทราเวียร์
เขาเพียงเหลือบมองพอเป็นพิธีเท่านั้นไม่มีคิดกระทำเป็นอย่างอื่น ซึ่งตรงจุดนี้จุดที่ชายหนุ่มสวมแว่นตอบตามตรงมันทำให้เหล่าอันธพาลทั้งหลายรู้สึกถูกใจเป็นอย่างมาก
พวกมันต่างพากันระเบิดเสียงหัวเราะออกมาทันที
“แกได้ยินไหม?”
“มันบอกให้เรากระทืบแกได้ตามใจต้องการ”
“คุณ!”
“…” ไม่เหมือนกับที่คิด
สิ่งที่ตอบสนองกลับมา
คือแววตาราบเรียบตามแบบฉบับของคนแปลก ชายหนุ่มนักเรียนที่โดนกระทำเนื้อตัวสั่นสะท้านก่อนแผดเสียงร้องด่าดังลั่น
เป็นเสียงร้องที่เต็มเปี่ยมไปด้วยห้วงอารมณ์ด้านลบขั้นสุด
“ไอ้คนเห็นแก่ตัว!”
“เห็นคนอื่นเดือดร้อนทำไมไม่ช่วย!”
“แก—”
ยังกล่าวไม่ทันจบประเด็น
ฝ่าเท้าเหล่าอันธพาลในชุดนักเรียนก็ต่างพากันยกถีบเข้าตามลำตัวอีกฝ่ายหวังให้มันหยุดร้องตะโกนเสียงดังสักที
แน่นอนมันได้ผลทั้งยังได้ผลมากอีกด้วย
ตึง!
“…”
“หุบปาก!”
“ถ้าแกไม่อยากหุบพวกฉันจะช่วยให้!”
ทราเวียร์ละสายตากลับไม่คิดสนใจ
ก่อนเดินมุ่งหน้าไปยังจุดมุ่งหมายปลายทาง ส่วนชายหนุ่มที่โดนกระทืบโดนรังแกมันจะมีสภาพแบบไหนโดนกระทืบยังไงเขาหาได้สนใจเลยแม้แต่น้อย
ระหว่างกำลังเดินมุ่งหน้าไปยังสถานที่ความลับของเขากับใบเฟิร์น ชายหนุ่มสวมแว่นเลือกหยิบเอาสมุดจดบันทึกขนาดเล็กขึ้นมาก่อนเปิดมันด้วยนิ้วมือเรียวงาม
เปิดไปเรื่อยเปิดจนกระทั่งไปหยุดอยู่หน้าหนึ่ง มีรูปใบหน้าของคนคุ้นหน้าคุ้นตามันคือใบหน้าของชายหนุ่มคนที่พึ่งโดนกระทืบเมื่อครู่
ทราเวียร์หยิบจับปากกาขึ้นมาเตรียมขีดเขียน
…‘โดนคนแบบมันด่านี่ไม่ชอบเลย’
“…”
“โดนด่ามา 60 ครั้ง”
“ไม่สิ”
“ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 61 สินะ”
“…” ทราเวียร์ใช้ปากกาขีดเพิ่มแต้มไปอีกหนึ่ง
ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาโดนด่าโดนต่อว่าและจะไม่ใช่ครั้งสุดท้ายแน่นอน แม้ว่าครั้งนี้มันออกจะเกินเลยไปหน่อยที่ปล่อยให้โดนกระทืบระบายอารมณ์
แต่ครั้งก่อนหน้า 60 ครั้ง ล้วนเป็นการแซะว่ากล่าวด่าทอต่อหน้าหรือไม่ก็นินทาหยอกล้อลับหลังให้ได้ยินมาตลอด
อีกทั้งยังเป็นคำด่าที่ปราศจากเหตุผลปราศจากความขัดแย้งส่วนตัว เอาแค่มีอารมณ์ร่วมนึกสนุกที่เหลือมันจะเป็นยังไงก็ช่างจะทำร้ายจิตใจใครคนอื่นก็ช่าง
เพราะฉะนั้นครั้งนี้ก็รับกรรมของตัวเองไปละกัน
“โดนบ้างก็ดี”
“เผื่ออาการปากหมามันจะได้ดีขึ้น”
ช่วงจังหวะเวลานั้นเอง
ช่วงที่เขากำลังเก็บสมุดบันทึกเล่มเล็กของตน หญิงสาวคนงามทั้งสองก็โผล่หน้าออกมาจากหัวมุมทางเดิน พวกหล่อนทั้งสองช่างโดดเด่นมีเอกลักษณ์ขั้นสุด
หนึ่งคนเป็นคุณหนูสาวตระกูลใหญ่ อีกหนึ่งคือเมดสาวในชุดดำมากไปด้วยเสน่ห์อันตราย ใช่ พวกหล่อนคือเมญ่ากับฮเยริน
สองนายบ่าวคนที่เขาพึ่งไปมีสายสัมพันธ์ทางอ้อมมา ทั้งสองฝ่ายต่างเมินเฉยไม่มองหน้าซึ่งกันและกันไม่คิดเหลือบมองให้เปลืองสายตาจนกระทั่งทั้งสองต่างเดินสวนไปตามเส้นทางของตัวเอง
และเป็นฝ่ายเมญ่าที่ดวงตาหวั่นไหวเมื่อพบเห็นแววตาคุ้นเคยจากอีกฝ่ายน่าเสียดายกว่าจะรู้สึกตัวอีกฝ่ายก็หายลับไปจากสายตาเรียบร้อย
คุณหนูสาวหยุดย่างก้าวของตน
…‘เมื่อกี้นี้มัน?!’
“…”
“คุณหนู?”
เมื่อเมญ่าหันหลังกลับไปมองก็หลงเหลือแต่เพียงความว่างเปล่าปราศจากผู้คน หล่อนมองนิ่งแข็งค้างจนผิดสังเกต
ก่อนจะกล่าวพึมพำขึ้นมาเบาบาง
“ผู้ชายคนเมื่อกี้”
“คะ?”
“…”
“ไม่”
“ไม่เป็นไร”
“ช่างเถอะ”
“อีกเดี๋ยวก็รู้เองว่าคิดไปเองหรือว่าเป็นเรื่องจริง”
ยังเร็วเกินไปที่จะตัดสินใจบางทีมันอาจเป็นเพียงเหตุบังเอิญ
เป็นเพียงหัวสมองของหล่อนที่ครุ่นคิดจินตนาการไปเอง แม้ว่าคุณหนูสาวของฮเยรินจะกล่าวออกมาแบบนั้นแต่ในฐานะข้ารับใช้
หล่อนไม่อาจปล่อยผ่านง่ายดายและเมื่อไม่อาจปล่อยผ่านง่ายดายหล่อนจึงเลือกเส้นทางอีกเส้นสายที่แตกต่างออกไป
เป็นเส้นทางที่ฮเยรินมีความถนัดมากที่สุด
“ต้องการให้ดิฉันตามสืบไหมคะ?”
“…”
“เอาพอประมาณ”
“อย่าให้อีกฝ่ายรู้ตัวเด็ดขาด”
“ค่ะ” ฮเยรินก้มหัวน้อมรับคำสั่ง
ก่อนก้าวเท้าถอยหลังเตรียมมุ่งหน้าไปทำหน้าที่ของตน ส่วนคุณหนูสาวหล่อนเพียงนิ่งเงียบไม่คิดกล่าวเพิ่มเติม
เมญ่าลอบขบปากตัวเองแน่น
…‘ต้องรีบหาให้เจอ’
“…”
“คุณหนูเมญ่า?”
“สวัสดีค่ะ”
สีหน้าเคร่งเครียดแปรเปลี่ยนรวดเร็ว
นอกจากสีหน้าที่แปรเปลี่ยนรวดเร็ว เมดสาวที่อยู่เคียงข้างกายมาตลอดพลันหายลับไปจากสายตาหลงเหลือเพียงแค่หล่อนคนเดียวเท่านั้น
ท่ามกลางอิสตรีมากหน้าหลายตาที่เข้ามาทักทายก่อนกลับบ้าน หล่อนก็ยังสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ตามเดิมปฏิบัติหน้าที่ในฐานะคุณหนูสาวได้อย่างยอดเยี่ยม
อีกด้านหนึ่งของเส้นทาง
ทราเวียร์ก้าวเท้าเดินไปเรื่อยเปื่อย
เดินไปตามอารมณ์ เดินไปตามเส้นทางมุ่งหน้าไปยังสถานที่เดิมสถานที่แห่งความลับระหว่างเขากับหมอสาวใบเฟิร์น แน่นอนระหว่างเส้นทางล้วนพบเจอนักเรียนมากหน้าหลายตาเยอะแยะเต็มไปหมด
ยิ่งขาทั้งสองก้าวเท้าไปไกลมากเท่าไหร่ นักเรียนตามเส้นทางปรกติธรรมดายิ่งลดน้อยถอยลงมากขึ้นเท่านั้น จวบจนกระทั่งมาถึงหน้าประตูบานใหญ่เป็นประตูเหล็กหนาตลอดทั้งบาน ทราเวียร์เพียงยิ้มเล็กน้อยก่อนหยิบเอากุญแจขึ้นมา
พร้อมไขเปิดประตูเปิดเผยให้เห็นวิวทิวทัศน์ยอดเยี่ยม เบื้องหลังประตูหนามันไม่ใช่ห้องเรียนเต็มเปี่ยมไปด้วยอุปกรณ์หรือเต็มเปี่ยมไปด้วยหนังสือหลายร้อยหลายพันเล่ม แต่เป็นด้านฟ้าสถานที่เปล่าเปลี่ยวปราศจากผู้คน
สายตาชายหนุ่มสวมแว่นกวาดมองไปทั่วบริเวณหวังมองหาบางสิ่งอย่าง ก่อนไปหยุดที่หญิงสาวนางหนึ่งคนที่กำลังเกาะรั่วมองเบื้องสูงลงมายังเบื้องล่าง
มองด้วยแววตายากจะคาดเดา
“…” หล่อนเพียงยิ้มเล็กน้อย
คล้ายรับรู้ว่าใครบางคนได้มาถึงเป็นที่เรียบร้อย
ก่อนกล่าวขึ้นมาเบาบาง
“ปล่อยให้คนสวยรอนานแบบนี้”
“ไม่เป็นสุภาพบุรุษเลยนะคะ”
“สุภาพบุรุษ?”
“ใครละครับนั่น”
ทราเวียร์ย้ายขยับมาอยู่เคียงข้างกายหมอสาว
ต่างฝ่ายต่างนิ่งเงียบไม่คิดพูดจาเพิ่มเติม เอาแต่จับจ้องมองเหล่าเด็กน้อยทั้งหลายกำลังพูดคุยหัวเราะสนุกสนานไปตามอารมณ์ หลังจากนิ่งเงียบไปนานเกือบนาที
ใบเฟิร์นก็เริ่มเปิดปากถามขณะสายตายังเหลือบมองเบื้องล่างตามเดิมไม่มีแปรเปลี่ยน
“แล้วรู้สึกยังไงบ้าง?”
“หลังจากเข้าเรียนทั้งที่พึ่งเย็บแผลเสร็จ”
“…”
“ปรกติครับ”
“มีอาการเจ็บหรือว่าตึงชาบริเวณแผลไหม?”
“นิดหน่อยครับ”
“แต่ยังอยู่ในขอบเขตยอมรับได้”
“…”
หมอสาวขมวดคิ้วแน่น
คล้ายพบเห็นสิ่งไม่ชอบใจไม่ตรงตามความต้องการ
ทั้งที่หล่อนอุตส่าห์บอกกล่าวไปขนาดนั้น ร้องขอบอกให้เขากลับไปพักผ่อนกลับไปนอนบ้าน แต่เจ้าตัวก็ยังเลือกเมินเฉยทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อนทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ใบเฟิร์นถอนหายใจเหนื่อยหน่าย
…‘อยู่ในขอบเขตยอมรับได้?’
“…”
“หัวดื้อเป็นบ้า”
เมญ่าส่ายหน้าให้กับความดื้อดึงของอีกฝ่าย
เอาเถอะเรื่องว่ากล่าวตักเตือนคงต้องยกยอดไปก่อน ช่วงจังหวะเวลานี้มีเรื่องสำคัญยิ่งกว่ารอคอยให้หยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็น ซึ่งก่อนจะได้เปิดปากพูดคุย
เป็นชายหนุ่มสวมแว่นที่กล่าวแทรกกลางขึ้นมากะทันหัน
“แล้วเรียกผมมาทำไม?”
“…”
“คงไม่ใช่ว่าผูกใจเจ็บที่ผมปฏิเสธคุณ”
“หรือว่าโกรธที่ผมขู่คุณด้วยความลับหรอกนะ”
“เห็นฉันเป็นคนใจแคบขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“หรือไม่จริง?”
“…” ใบเฟิร์นหรี่ตามอง
มองด้วยแววตาประกายแหลมคม
ต้องบอกว่าเจ้าลูกศิษย์คนนี้กล้ามาก
กล้ามาบอกว่าหมอสาวอย่างหล่อนเป็นคนใจแคบเป็นคนไม่มีน้ำใจ หากหล่อนใจแคบจริงอย่างที่เขาบอกกล่าวหล่อนคงไม่มาปรากฎตัวที่นี่หรอก
หมอสาวเลือกส่ายหน้าไม่เอาความ
“…” พร้อมตัดเข้าประเด็นทันที
“เมื่อประมาณบ่าย 3 โมง”
“คุณหนูเมญ่าบุกเข้ามาหาฉันถึงห้องพยาบาล”
“…”
“บุกเข้ามาถามรายละเอียดทั้งหมดเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น”
“ถามมันตั้งแต่เกิดอะไรขึ้นกันแน่”
“ทำไมหล่อนถึงหมดสติ”
“ใครเป็นคนช่วยเหลือ”
“อาการของผู้ช่วยเหลือเป็นยังไง”
“ชายหนุ่มคนที่ช่วยเหลือหล่อนหายไปไหน”
“หน้าตายังไง”
“ส่วนสูงเท่าไหร่”
“กระทั่งชื่อเล่นเธอ”
“หล่อนยังถาม”
“เรียกได้ว่าตลอดระยะเวลาที่ถาม”
“หล่อนถามแต่เรื่องของเธอทั้งนั้น”
“ไม่มีถามเรื่องของคนอื่นเลยแม้แต่น้อย”
“เนื้อหอมจังนะ~”
สีหน้าเย้าหยอกไม่ได้ทำให้ทราเวียร์แปรเปลี่ยนสีหน้า
เขายังคงเยือกเย็นเย็นชาเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน สำหรับประเด็นโดนตามตัวชายหนุ่มสวมแว่นไม่ได้เป็นกังวลเลยแม้แต่น้อยเนื่องจากเขาได้วางมาตรการรองรับเอาไว้แล้ว
ติดปัญหาอยู่อย่างเดียวเลยคือหมอสาวได้บอกไปรึเปล่าว่าเขาเป็นใครมาจากไหน
“…” ทราเวียร์หรี่ตาถามเสียงเรียบ
“ได้บอกไหมครับ?”
“ไม่ได้บอก”
ใบเฟิร์นส่ายหน้าปฏิเสธ
แม้เบื้องหลังคุณหนูเมญ่าจะยิ่งใหญ่ ใหญ่โตจนไม่มีใครหน้าไหนกล้าปฏิเสธคำร้องขอของพวกหล่อนแต่หมอสาวก็หาได้สนใจ ไม่มีคิดเก็บมาใส่หัวสมองให้เหนื่อยเปล่า
ทำเสมือนทุกสิ่งอย่างเป็นเพียงเรื่องปรกติธรรมดา
…‘อีกอย่างเกิดบอกไปคนที่จะซวยที่สุดก็คือฉันน่ะสิ’
“…”
“วางใจได้เห็นแบบนี้ใช่ว่าฉันจะเป็นพวกปากมาก”
“ความลับของเธอไม่มีทางหลุดออกไปจากปากฉันแน่นอน”
“ให้มันจริงเถอะครับ”
“เมื่อกี้พูดอะไรนะ?”
“เปล่าครับ”
“ไม่ได้พูด”
ทราเวียร์เพียงบ่ายเบี่ยงทำเมินไม่สนใจ
มีเหรอว่าเขาจะไม่ล่วงรู้แนวคิดของหล่อน เกิดมีผลประโยชน์มากพอหรือมีเหตุการณ์ปัจจัยอื่นเข้ามาแทรกแซงทั้งยังทำให้หล่อนได้รับประโยชน์มากมายกว่าที่เป็นอยู่
เกรงว่าหล่อนคงเลือกขายเขาทิ้งโดยไม่มีความคิดลังเลด้วยซ้ำ
“…” สายตาเขียวคล้ำยังมองมาที่ทราเวียร์
ก่อนต่อยเขาบางเบา
…‘ทำผิดแล้วยังไม่รู้จักยอมรับผิดอีก’
“…”
“เจ้าคนกะล่อน”