เพื่อนบ้านผมคือคุณหนูสาวเจ้าเสน่ห์ - ตอนที่ 31อาจารย์ที่ตื่นตระหนก
ตอนที่ 31 อาจารย์ที่ตื่นตระหนก
สติอันน้อยนิดกำลังแหกแหลกสลายกลายเป็นฝุ่นผง
ด้วยความโกรธเกรี้ยวที่พวยพุ่งปะทุขึ้นมากะทันหัน ทำให้มันตัดสินใจระบายห้วงอารมณ์ด้านลบทั้งหมดใส่ชายหนุ่มสวมแว่นทราเวียร์
ระบายอารมณ์ใส่โดยไม่สนใจสิ่งอื่นใดเลยแม้แต่น้อย ไม่สนใจเลยว่าการกระทำของมันจะส่งผลกระทบแบบไหนแบบใดออกมา
และด้วยการระบายห้วงอารมณ์ความเห็นแก่ตัวใส่อีกฝ่ายโดยไม่สนใจสิ่งอื่นใด มันก็เลยทำให้สถานการณ์ที่เลวร้ายอยู่แล้วเลวร้ายหนักหน่วงเข้าไปใหญ่
เลวร้ายจนถึงขนาดที่ว่าสามารถเล่นงานอีกฝ่ายจนหน้าที่การงานพร้อมจะดับวูบสูญสลายตลอดเวลา
สีหน้าอาจารย์เฒ่าชราพลันซีดเผือกไร้เลือด
ขณะหัวสมองกำลังครุ่นคิดอย่างหนักหน่วง
…‘ทะ ทำยังไงดี’
“…”
“ฉันไม่ได้ตั้งใจ”
“ฉะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ นะ”
“มันเป็นอุบัติเหตุ”
“ทั้งหมดมันเป็นอุบัติเหตุ—”
ถ้อยคำเดิมถูกกล่าวย้ำหลายต่อหลายครั้ง
กล่าวติดปากจนไม่มีเว้นว่างให้พักหายใจ นอกจากถ้อยคำเดิมที่กล่าวซ้ำไปซ้ำมา ท่วงท่าจากเดิมที่เคยเดินก้าวต่อก้าวตอนนี้ได้แปรเปลี่ยนกลายเป็นวิ่งบนทางเดินบนตึกอาคารไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แน่นอนว่าทุกโรงเรียนล้วนแล้วแต่มีกฎระเบียบเป็นของตัวเองทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนแห่งไหนแห่งใดก็ตาม ซึ่งกฎระเบียบขั้นพื้นฐานที่สุดคงหนีไม่พ้นต้องเป็นห้ามวิ่งบนตึกอาคาร
ถึงแม้จะมีกฎระเบียบขวางกั้นกันไม่ให้ใครคนอื่นทำตาม แต่กล่าวสำหรับอาจารย์เฒ่าในช่วงจังหวะเวลานี้
กฎเกณฑ์กฎระเบียบคงไม่สำคัญอีกต่อไป เหล่านักเรียนทั้งหลายตามทางเดินเริ่มเหลือบมองเหลือบหันไปหาอาจารย์เฒ่า เหลือบหันไปหาอาจารย์ผู้ทำผิดกฎระเบียบเสียเอง
หนึ่งเสียงเริ่มกล่าวเสียดสีเปิดประเด็น
“…”
“วิ่งบนทางเดิน?”
“ใครสั่งสอนให้วิ่งบนทางเดิน?”
“ระวังปากหน่อย”
“ดูให้ดีว่าใครกำลังวิ่งบนทางเดิน”
“…”
“อาจารย์เฒ่า?”
“ใช่”
“เห็นแบบนี้นายยังกล้าว่ารึเปล่า?”
แววตาผู้เป็นเพื่อนออกอาการอยากลองใจ
ส่วนเจ้าเพื่อนหนุ่มผู้ที่กำลังต้องเป็นเป้าของคำถาม สีหน้าของมันพลันดำมืดก่อนจะเปิดเผยรอยยิ้มประชดประชันไม่มีเกรงกลัว
เรียกได้ว่าพร้อมท้าชนท้าทายทุกอุปสรรค
…‘ฉันเนี่ยนะไม่กล้า?’
“…”
“ทำไมจะไม่กล้า?”
“เป็นอาจารย์แล้วด่าไม่ได้?”
“ไอ้ด่ามันด่าได้”
“ทำไมจะด่าไม่ได้ล่ะ”
“แต่นายกล้าด่าต่อหน้าอีกฝ่ายไหมล่ะ?”
การนินทาลับหลังล้วนเป็นการกระทำที่ทำได้ง่ายดายยิ่งนัก
แต่สิ่งที่เพื่อนหนุ่มกำลังบอกกล่าวกับเพื่อนพ้องของตนคือ การเปิดปากด่ากราดต่อหน้าต่อตาเลือกท้าชนซึ่งหน้าไม่มีหลบซ่อน
น่าเสียดายที่คำท้าทายล้วนถูกตอบโต้กลับด้วยความเงียบงันเป็นหลัก อย่าว่าแต่ตัวเพื่อนพ้องที่นิ่งเงียบตัวมันเองก็นิ่งเงียบเหมือนกัน
อย่าได้หลงลืมเป็นอันขาด แม้อีกฝ่ายจะแก่ลงโลงจะกลายเป็นไม้ใกล้ฝั่งพร้อมพังทลายทุกเมื่อตลอดเวลาแต่อีกฝ่ายก็ยังมากไปด้วยอำนาจ
การไปยืนโต้ตอบซึ่งหน้าล้วนแล้วแต่เป็นการกระทำที่โง่งมเสียจริง
เพื่อนพ้องที่นิ่งเงียบพยายามเปลี่ยนเรื่อง
“พอพูดถึงอาจารย์เฒ่า”
“ฉันเคยได้ยินข่าวลือมานะ”
“เป็นข่าวลือเกี่ยวกับตัวเขา”
“มัน—”
บทสนทนาดำเนินต่อไป
ฉากภาพเฉกเช่นนี้เกิดขึ้นต่อเนื่องไม่มีหยุดหย่อน
แตกต่างเพียงแค่คนกระทำเท่านั้นที่เหลือยังคงเดิมทั้งหมด ฝีเท้าจากเดิมที่รวดเร็วอยู่แล้วเริ่มแปรเปลี่ยนเริ่มเร็วมากขึ้นเร็วจนหยุดไม่อยู่
มาพร้อมกับริมฝีปากขบแน่นจนแทบเรียกเลือด
ก่อนเสียงร้องตะโกนดังลั่นจะหลุดออกมา
…‘ไม่ว่าหน้าไหนก็เหมือนกันหมด’
“…”
“บัดซบ!”
“หุบปาก!”
“หุบปากไปหมด!”
“ไปตายซะ!”
“…”
“อาจารย์?”
ทันทีที่ได้ยินเสียงหวาน
มันรีบเงยหน้ามองทันที
และสิ่งที่พานพบเห็นเป็นอย่างแรกก็คือเรือนร่างงดงามปานเทพธิดาทั้งยังมาพร้อมกับใบหน้ายอดเยี่ยมเกินกว่ามนุษย์ปรกติธรรมดาจะครอบครอง
อาจารย์เฒ่าถึงกับหยุดชะงักนิ่งแข็งค้าง อารมณ์เดือดดาลทั้งหมดทั้งมวลล้วนจางหายไปจนหมดสิ้นคล้ายไม่มีอะไรเคยเกิดขึ้นมาก่อน
คุณหนูสาวเมญ่ากะพริบตามอง
พร้อมกล่าวทักทาย
“สวัสดีค่ะ”
“คะ คุณเมญ่า”
“…”
“สวัสดีอีกครั้งค่ะ”
“อาจารย์—”
“มาได้จังหวะพอดี!”
“คะ?”
หล่อนมองเฒ่าชราเบื้องหน้าด้วยความสงสัย
ตอนแรกคุณหนูสาวหล่อนไม่เข้าใจเลยแม้แต่นิดเดียวว่าอะไรทำให้อีกฝ่ายแสดงท่วงท่าดีใจคล้ายคนกระหายน้ำไม่ได้ดื่มน้ำมานานหลายวันและบังเอิญไปพบเจอทะเลสาบเข้า
จนกระทั่งหล่อนได้รับฟังเรื่องราวทั้งหมดจากปากอีกฝ่าย หล่อนถึงได้เข้าใจเต็มขั้นเข้าใจแจ่มแจ้งว่าต้นสายปลายเหตุทั้งหมดมันเกิดขึ้นจากอะไรและทำไมถึงดีใจที่ได้พบเจอหน้าเธอ
แน่นอนว่าหากจะให้กล่าวสรุปง่ายดายเอาให้ง่ายเสียยิ่งกว่าง่าย น่าจะประมาณว่าอาจารย์เฒ่าผู้มักง่ายเผลอกระทำสร้างความผิดบาปใส่ผู้อื่น ผู้ที่ตนไม่สมควรกระทำใส่
หลังจากการก่อกรรมทำเข็ญเสร็จสิ้นเรียบร้อยครบถ้วนกระบวนความ แทนที่จะออกหน้าแบกรับความผิดยื่นอกแบกรับผลการกระทำผิดบาปของตน
เฒ่าชราผู้กระทำผิดกับเลือกเมินเฉยเลือกวิ่งหนีถอยหนีถอยห่าง หนีจากความเป็นจริงทั้งหมดทั้งมวลทั้งยังขาดความรับผิดชอบในฐานะมนุษย์ปรกติธรรมดาเป็นที่สุด
สุดท้ายปลายทางเมื่อไม่มีทางเลือก เมื่อไม่สามารถแบกรับความผิดบาปของตนได้อีกต่อไป มันก็เลยอยากจะให้เมญ่าเข้าไปแบกรับแทน
แทนมันที่คิดหลบเลี่ยงหลบหนีไม่คิดกล้าเผชิญหน้า
อาจารย์เฒ่ากล่าวเสียงเบาแหบแห้ง
“…”
“ก็อย่างที่เล่าไป”
“พอจะทำอะไรได้ไหม?”
“…”
“คุณเมญ่า?”
“ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของดิฉันเองค่ะ”
“ดิฉันพร้อมช่วยเหลือท่านเสมอ”
“หากท่านต้องการความช่วยเหลือจากดิฉัน”
“ขอบคุณมาก!”
หมับ!
ฝ่ามือขาวเนียนถูกกุบแน่น
อาจารย์เฒ่าดีใจจนเผลอร้องเสียงหลงออกมา
ตอนแรกมันนึกว่าคำร้องขอของตนคงไม่พ้นต้องถูกโยนทิ้งง่ายดาย
คงไม่พ้นต้องถูกทำเหมือนของไร้ค่าจับต้องไม่ได้ แต่พอพบเห็นคุณหนูสาวยินยอมโอนอ่อนให้ ยอมรับฟังคำร้องขอเอาแต่ใจมันก็เลยเกิดความคาดหวังอีกครั้ง
คุณหนูสาวยิ้มขณะก้มมองฝ่ามือตนที่กำลังถูกกอบกุม
แววตาหล่อนเริ่มแปรเปลี่ยนกลายเป็นเย็นชา
“…”
“เพียงแต่ว่า”
“…”
“มีอะไรรึเปล่า?”
“ดิฉันค่อนข้างถือตัวนิดหน่อย”
“พอดีไม่ชอบให้ใครคนอื่นมาแตะเนื้อต้องตัว”
“คงไม่ว่าอะไรใช่ไหมคะ?”
“หากดิฉันจะร้องขอให้ท่านปล่อยมือดิฉัน”
“ปล่อยตอนนี้เดี๋ยวนี้เลย”
“…”
แววตาเฒ่าชราเบิกกว้าง
อาการหนาวสั่นสะท้านปกคลุมไปทั่วทั้งร่างกาย
แม้อีกฝ่ายจะเป็นเพียงนักเรียนตามชั้นเรียนปรกติธรรมดา หากแต่เนื้อแท้ของหญิงสาวเบื้องหน้าก็ยังคงเดิมไม่มีอะไรแปรเปลี่ยนยังคงเป็นคุณหนูสาวโดยกำเนิด
การไปแตะเนื้อต้องตัวโดยไม่ขออนุญาตไปกระทำเป็นอื่นที่แสดงออกให้เห็นชัดเจนว่าต้องการคุกคามอีกฝ่ายไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อมก็ล้วนแล้วแต่เป็นการกระทำที่โง่เขลา อาจารย์เฒ่าที่พลันรู้สึกตัวรีบปล่อยฝ่ามือขาวเนียนทันที
ทั้งยังไม่ลืมกล่าวคำขอโทษหวังขอให้อีกฝ่ายอภัยให้
“…”
“คือ”
“ขะ ขอโทษ”
“ผะ ผมไม่ได้ตั้งใจ”
“…”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“แค่อาจารย์เข้าใจก็เพียงพอแล้วค่ะ”
“แต่ครั้งต่อไปไม่ได้นะ”
คุณหนูเมญ่ายิ้มเย็นขณะลดฝ่ามือลง
แม้จะแก่หัวขาวหัวสมองทำงานได้ไม่เต็มที่ แต่ใช่ว่าอาจารย์เฒ่าชราจะเป็นคนโง่งมไร้หัวสมองกับกันด้วยอายุที่มากจนเกือบทะลุขีดกำจัด
ด้วยหัวสมองของมันบวกกับประสบการณ์ที่สะสมมาทั้งชีวิต ทำให้มันพอคาดเดาสถานการณ์เบื้องหน้าได้บางส่วนว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้อาจสุ่มเสี่ยงหนักหน่วงกว่าเดิม
มันเลยตัดสินใจรวดเร็ว
ตัดสินใจหนีห่าง
…‘อยู่ไม่ได้แล้ว’
“…”
“อีกเรื่อง”
“คะ?”
“…”
“คะ คือผมคงไปด้วยไม่ได้”
“ยังมีเรื่องอื่นเยอะแยะมากมายต้องไปจัดการต่อ”
“ฝากขอโทษเขาแทนผมด้วยนะ”
“ผมไปไม่ได้จริง ๆ ครับ”
“…”
“ได้ค่ะ”
“ไม่ถือว่าเป็นเรื่องเกินเลย”
พอเห็นคุณหนูสาวเมญ่าอาสารับเผือกร้อนแทน
อาจารย์เฒ่าชรารีบเดินหนีหายจากไปคล้ายกลัวหญิงสาวกลับคำ
หนีหายไปโดยไม่คิดร่วมทางไปแบกรับความรับผิดชอบที่สมควรเป็นของตน ไม่แม้กระทั่งหาเส้นทางเป็นอื่นเพื่อหวังชดเชยให้อีกฝ่าย
ราวกับตัดขาดความรับผิดชอบทั้งหมดและโยนให้เป็นหน้าที่ของหล่อนแทน ส่วนผลลัพธ์สุดท้ายปลายทางจะออกมาเป็นแบบไหนอย่างไรหาใช่ธุระของมันอีกต่อไป
ช่างเป็นการกระทำที่ไร้ความรับผิดชอบเหลือเกิน
คุณหนูสาวเผยรอยยิ้มเย้ยหยัน
…‘ช่างกล้าทำ’
“…”
“เป็นถึงครูบาอาจารย์ดันมีมุมมองคับแคบ”
“ดันนิยมชมชอบสร้างปัญหาไปทั่ว”
“เพราะแบบนี้ไง”
“ถึงได้โดนคนอื่นเขานินทาลับหลังตลอด”
คุณหนูสาวเมญ่ามองส่งท้าย
มองจนแผ่นหลังอีกฝ่ายหายลับไปจากสายตา
พอแผ่นหลังของอีกฝ่ายหายลับไปจากสายตาเรียบร้อย ห้วงอารมณ์ความรู้สึกที่เคยราบเรียบไม่บ่งบอกอารมณ์ก็แปรเปลี่ยนไปในทันที
แปรเปลี่ยนกลายเป็นคนละคนไปเลย
แววตาหรี่มองประกายคมกร้าว
…‘น่าขยะแขยง’
“…”
น่าขยะแขยงเกินคำบรรยาย
ครุ่นคิดในใจอย่างเดียวไม่เพียงพอ
คุณหนูสาวเหลือบจดจ้องมองฝ่ามือตัวเอง ความรู้สึกร้อนวูบยังคงประทับไม่จางหายเพียงแค่นึกถึงความรู้สึกด้านลบมากมายพลันเข้ากลืนกินจิตใจทันที
หล่อนหยิบผ้าเช็ดหน้าส่วนตัวขึ้นมาก่อนเช็ดทำความสะอาดฝ่ามือ
เช็ดไปด้วยพลางกล่าวระบายห้วงอารมณ์ไปด้วย
…‘รู้งี้ไม่น่าให้จับ’
“…”
“เอาเถอะ”
“แม้จะใช้สถานภาพอาจารย์ผู้ทรงเกียรติ”
“จะพยายามสร้างภาพเป็นอาจารย์ผู้ยอดเยี่ยม”
“แต่ใช่ว่าทุกคนจะประสบความสำเร็จเหมือนกันหมดสินะ”
“สุดท้ายคุณภาพของคุณ”
“ก็เป็นตัวกำหนดฐานะทางสังคมสินะ”
หลังจากเช็ดทำความสะอาดเสร็จสิ้นเรียบร้อย
ผ้าเช็ดหน้าหรูหราราคาแพงก็ถูกทิ้งลงถังขยะ ทิ้งลงถังขยะราวกับเป็นของเสียไม่มีใครคนอื่นต้องการ
เมื่อกำหนดเป้าหมายจุดหมายปลายเป็นสถานที่ห้องพักของอาจารย์เฒ่า คุณหนูสาวก็เลือกแปรเปลี่ยนเส้นทางมุ่งหน้าไปยังห้องพักครูตามที่อาจารย์เฒ่าได้ร้องขอ
หล่อนหยิบโทรศัพท์ของตนขึ้นมาพร้อมกดเลือกเบอร์โทรศัพท์เบอร์หนึ่งขึ้นมา ส่วนเป็นเบอร์ของใครคนไหนคงมีเพียงหล่อนคนเดียวเท่านั้นที่รับรู้
หลังจากกดโทรเพียงแค่ไม่กี่วินาทีต่อมาปลายสายก็กดรับ
เมญ่าคุณหนูสาวไม่มีรีรอบอกกล่าวร้องขอสิ่งที่ตนต้องการทันที
“…”
“ของที่สั่งเอาไว้ค่ะ”
“ค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ”
“ขอบคุณที่ทำงานหนักมาโดยตลอด”
เมื่อเสร็จสิ้นเป้าหมายของตน
หล่อนเลื่อนวางสายตัดขาดจากอีกฝ่ายทันที
หากว่ากล่าวกันตามตรงจากแรกเริ่มเดิมทีที่เคยรู้สึกย่ำแย่กับอีกฝ่ายอยู่แล้ว พอต้องมาพานพบเจอสถานการณ์แปลกประหลาดเฉกเช่นนี้เข้าไป
และยิ่งเมื่อฝ่ายถูกกระทำครั้งนี้หาใช่ใครคนอื่น แต่เป็นถึงผู้มีพระคุณของหล่อนความเกลียดชังที่เคยคงที่จึงเพิ่มพูนเป็นเท่าทวีคูณเพิ่มเติมมากกว่าเดิมไปอีกหลายเท่าตัว
อารมณ์ส่วนอารมณ์ ความรู้สึกส่วนความรู้สึก ความเกลียดชังก็แยกย่อยไปอีกส่วน งานการที่รับปากมาแล้วว่าจะทำก็ต้องทำให้สำเร็จเสร็จสิ้น ไม่อาจปล่อยผ่านทำเมินง่ายดาย
แม้จะขัดใจอยู่บ้าง แต่เอาเถอะในเมื่อรับปากมาแล้วบวกกับสามารถบรรลุวัตถุประสงค์เพิ่มเติมโดยไม่ต้องสร้างโอกาสวาสนาให้กับตัวเองทำไมต้องปฏิเสธด้วย
รอยยิ้มพริ้มใจปรากฎบนใบหน้า
ขณะสายตาจ้องมองรูปภาพ
…‘เป็นภาพที่ไม่เลว’
“…”
“เป็นภาพที่ไม่เลวจริง ๆ นั่นแหละ”
ภาพที่ปรากฎอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์ของคุณหนูสาว
เป็นภาพชายหนุ่มสวมแว่นกำลังนั่งเรียนอยู่ในห้องเรียนประจำของตน
เหนือขึ้นไปบริเวณมุมขวารูปภาพถ่ายมีวันเวลาบอกให้เห็นอย่างชัดเจน ว่าเป็นภาพถ่ายของวันไหนเวลาใด หลังจากจดจ้องมองมองจนพอใจหล่อนจึงเลือกเก็บภาพถ่าย
ก่อนกล่าวพึมพำเบาบางพอให้ได้ยินคนเดียว
กล่าวพร้อมรอยยิ้มหวานหยดย้อย
“…”
“พักหลังมานี้เจอหน้าคุณตลอด”
“จะเจอกันบ่อยเกินไปแล้วนะคะ”
“…”
“หรือว่านี่จะเป็นโชคชะตาอย่างที่เขาว่ากัน”