เพื่อนบ้านผมคือคุณหนูสาวเจ้าเสน่ห์ - ตอนที่ 30 ถูกเรียกเข้าห้องพักครู
ตอนที่ 30 ถูกเรียกเข้าห้องพักครู
ระหว่างที่เขากำลังนั่งเรียน
นั่งเรียนตามตารางตามกิจวัตรประจำวันไม่มีทำอย่างอื่นเพิ่มเติม ความเจ็บปวดมากมายมหาศาลก็พวยพุ่งออกมาจากแขนข้างที่บาดเจ็บ
นอกจากความเจ็บปวดที่กำลังกลืนกินสติสัมปชัญญะของเขา ยังมีอาการปวดหัวแทรกซ้อนสอดเข้ามา เรียกได้ว่าสองอาการพร้อมเพรียงเดินหน้าเล่นงานเขาจนเกือบหมดสติ
ทราเวียร์ลอบกัดปากตัวเองแน่น
…‘แผลมัน—’
“…”
“คุณทราเวียร์?”
“…”
“คุณทราเวียร์?!”
เสียงเรียกร้องดังลั่นดึงให้ทุกคนหันสายตาไปจับจ้องมอง
ส่วนผู้ที่กำลังตกเป็นเป้าสายตาให้จับจ้องมองทำได้แค่นั่งหอบหายใจ เหงื่อใสไหลอาบเต็มโครงหน้าไปหมดมองดูด้วยตาเปล่าก็น่าจะรู้ว่าชายหนุ่มไม่ปรกติธรรมดาอย่างที่เห็น
ทราเวียร์กล่าวตอบรับเบาบางด้วยเสียงแหบแห้ง
“…”
“ครับ”
ภาพล้อมรอบกายเข้าขั้นมัวหมอง
มัวหมองถึงขั้นจับจ้องมองได้ไม่ชัดเจน เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าอาการที่เขากำลังเป็นกังวลมาตลอดหลายต่อหลายวันในที่สุดมันก็ปะทุออกมาจนได้
ขณะที่ทุกคนในห้องกำลังเป็นห่วงอาการชายหนุ่มสวมแว่นคล้ายกลัวว่าอีกฝ่ายจะล้มฟุบลงไปกับพื้นแต่ไม่ใช่สำหรับอาจารย์เฒ่าเบื้องหน้า
อีกฝ่ายไม่ได้สนใจท่าทีของเขาเลยแม้แต่น้อย
“หลังเรียนช่วงเช้าเสร็จ”
“มาหาผมที่ห้องส่วนตัว”
“ผมมีเรื่องอยากจะคุยกับคุณ”
“…”
“คำตอบล่ะ?”
“ครับ”
พอเห็นทราเวียร์ยินยอมรับปากเรียบร้อยมันก็เลยเดินออกจากห้องไป
ปล่อยทิ้งบรรยากาศชวนให้รู้สึกอึดอัดหัวใจทิ้งท้าย แน่นอนว่าพออาจารย์เฒ่าน่าเบื่อหน่ายก้าวเท้าพ้นออกจากห้องเหล่าเพื่อนร่วมห้องต่างเริ่มซุบซิบนินทาทันทีไม่ปล่อยผ่าน
ทั้งให้ได้ยินบ้างไม่ให้ได้ยินบ้างแตกต่างกันออกไป
“โดนเรียกไปด่าแน่นอน”
“ฉันก็ว่างั้นแหละ”
“คนแปลกโดนเรียกไปแล้ว”
และก็เป็นอย่างที่ใครคนอื่นครุ่นคิดเอาไว้ไม่มีผิด
ทันทีที่ชายหนุ่มสวมแว่นเปิดประตูเข้าไปในห้องพักครู ทันทีที่ประตูห้องปิดสนิทไม่มีสุ้มเสียงหลุดลอดออกไปข้างนอก
อีกฝ่ายก็เริ่มเปิดปากด่าทอทันที
“แล้วมันเกิดอะไรขึ้น?”
“เกิดอะไรขึ้นหมายถึงอะไรครับ?”
“คุณก็น่าจะรู้ดีว่าผมหมายถึงอะไร?”
“…”
“หรือวิชาที่ผมสอนมันน่าเบื่อ?”
“…”
“ไม่ครับ”
“ไม่เลยแม้แต่นิดเดียว”
แม้จะได้รับคำตอบจากชายหนุ่มเบื้องหน้า
แต่อาจารย์เฒ่าก็ยังไม่ยินยอมโอนอ่อนง่ายดาย สายตาอีกฝ่ายยังจดจ้องมองเขม็งมากไปด้วยแรงกดดันตามเดิมทั้งยังไม่มีท่วงท่าว่าจะลดลงเลยแม้แต่น้อย
กลับกันยิ่งนานเข้าแรงกดดันยิ่งเพิ่มเป็นเท่าทวีคูณ
“ถ้าไม่ได้น่าเบื่อเหมือนที่คุณบอก”
“แล้วทำไมคุณถึงไม่ตั้งใจเรียน”
“เห็นเรื่องเรียนเป็นเรื่องเล่น”
“หรือว่าคุณไม่เห็นหัวผม”
“เห็นผมเป็นตัวตลกเหรอ?”
“…”
“ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เนื้อหาการเรียน”
“ไม่ได้อยู่ที่ตัวของอาจารย์”
“แต่เป็นที่ตัวผมมากกว่าครับ”
“สรุปให้เข้าใจง่าย?”
“…”
“หากจะให้เจาะจงลึกลงไปก็ต้องบอกเป็นที่ร่างกายของผมมากกว่า”
“เป็นร่างกายของผมที่ไม่พร้อมสำหรับนั่งเรียนในห้องครับ”
“ไม่สบาย?”
“…”
“ผมเจ็บแผลครับ”
“…”
“เจ็บแผล?”
“ข้ออ้างแบบไหนอีก?”
คล้ายอีกฝ่ายไม่คิดเชื่อถือเชื่อฟังเหตุผลของอีกฝ่าย
เอาเข้าจริงต่อให้ทราเวียร์หยิบยกเหตุผลอะไรออกมา
อีกฝ่ายก็ยังเฉยเมยทำเมินคล้ายต้องการเอาเรื่องเขาให้ถึงที่สุด ในเมื่อไม่มีทางเลือกหลงเหลืออยู่ทราเวียร์เลยทอดถอนหายใจเบื่อหน่ายก่อนตัดสินใจกระทำบางสิ่งอย่าง
นิ้วมือเริ่มเคลื่อนมารูดซิปถอดเสื้อกันหนาวออก
“ข้ออ้าง?”
“ไม่ใช่ครับ”
“…”
“ต้องบอกว่าอาการผลข้างเคียงมันค่อนข้างรุนแรงกว่าที่คิดครับ”
“กระทั่งตัวผมเองก็ยังคิดไม่ถึงว่ามันจะรุนแรงขนาดนี้”
“คิดจะทำอะไร?”
“ให้ดูด้วยตาตัวเองน่าจะเข้าใจได้ง่ายกว่าอธิบายปากเปล่า”
ทราเวียร์เลือกปลดเสื้อกันหนาวออก
ภายใต้เสื้อกันหนาวตรงบริเวณหัวไหล่แขนขวา
มีผ้าพันแผลเยอะแยะมากมายเต็มไปหมด อีกทั้งบริเวณผ้าพันแผลโดยรอบยังมีรอยเลือดสีแดงสดประดับทับแสดงให้เห็นเต็มสองตาว่ามีเลือดไหลซึมออกมา
แม้จะกวาดตามองครั้งนี้ครั้งเดียวก็รับรู้ได้เลยทันที ว่าบาดแผลที่ปรากฎขึ้นบนแขนขวาของนักเรียนชายหนุ่มเบื้องหน้าหาใช่เรื่องเล็กน้อยปรกติธรรมดา
แววตาอาจารย์เฒ่าสั่นสะท้าน
…‘ผ้าพันแผล’
“…”
“แผล?”
“ของปลอมรึเปล่า?”
“เป็นของจริงหรือว่าของปลอม?”
“ตอบผมมา?”
“…”
“ทำไมผมต้องทำอะไรแบบนั้นด้วย”
หัวคิ้วชายหนุ่มนักเรียนขมวดเข้าหากันเป็นปม
เอาเข้าจริงต้องเป็นคนแบบไหนที่พบเห็นบาดแผลบนร่างกายนักเรียนแล้วพยายามบอกกล่าวว่ามันเป็นของปลอม
คิดว่าเขามีเวลามากพอเอาเวลาอันสุดแสนมีค่าไปทำอะไรที่มันเปล่าประโยชน์ขนาดนั้นเลยเหรอ หรือว่าหัวสมองมีปัญหาหาทางแก้ไม่ได้
อาจารย์เฒ่าที่พบเจอนักเรียนหนุ่มแทรกแซงด้วยคำกล่าวเหน็บแนมก็เริ่มเกิดอาการธาตุไฟแทรกแซงแทรกซ้อนก่อนเริ่มเปิดฉากด่าทอ
เปิดฉากหยิบยกถ้อยคำมากมายมาทิ่มแทงใส่อีกฝ่าย
“นิคุณ!”
“ใครให้คุณแทรก!”
“ผมกำลังพูดอยู่ห้ามแทรก!”
“…”
“ไม่ใช่พูดแทรกครับ”
“ผมแค่ต้องการแก้ต่างให้กับตัวเอง”
“แก้ต่างเพื่อไม่ให้เกิดข้อเข้าใจผิด—”
“ห้ามเถียง!”
“…”
แววตาขุ่นมัวเริ่มปรากฏ
แต่ทราเวียร์ก็เลือกนิ่งเงียบไม่คิดกล่าวอย่างอื่นเพิ่มเติม
นอกจากไม่คิดรับฟังความคิดเห็นของคนอื่นยังหัวแข็งอีกต่างหาก ถ้อยคำมากมายหลังจากที่สั่งให้ชายหนุ่มเงียบปากหาใช่ถ้อยคำสั่งสอนปรกติธรรมดาทั่วไป
มันคือถ้อยคำยกตนข่มท่าน เป็นคำสั่งสอนที่มากไปด้วยอคติเหยียดหยามดูถูกดูแคลนสติปัญญาคนรุ่นใหม่ พอนานเข้าแทนที่จะเบาบางจะปรับเปลี่ยนไปใช้ไม้อ่อนตามสถานการณ์ อาจารย์เฒ่ากับโหมกระหน่ำหนักหน่วงมากขึ้นไม่มีถอยห่าง
หนักหน่วงจนทราเวียร์ที่รับฟังมาตลอดเลือกลุกออกจากเก้าอี้
เตรียมก้าวเท้าออกจากห้อง
…‘เสียเวลาเปล่า’
“…”
“ผมยังต้องไปทำแผลที่ห้องพยาบาลต่อ”
“ขอตัวก่อนนะครับ”
“ห้ามไปไหน!”
“ก่อนฉันจะอนุญาต!”
“ห้ามไปไหนทั้งนั้นเด็ดขาด!”
“…”
ไร้ซึ่งการตอบสนองตอบกลับมา
เมื่ออยู่ต่อไปก็เปล่าประโยชน์หาค่าไม่ได้แล้วทำไมเขาต้องอยู่ต่อด้วย
สุดท้ายปลายทางชายหนุ่มสวมแว่นเลือกย่างเท้าก้าวเดินหน้าต่อ มุ่งไปยังประตูทางออกหวังหวนคืนกลับสู่ห้องเรียนของตน
แน่นอนว่าการกระทำของเขาที่ขัดต่อคำสั่งของอาจารย์เฒ่าอย่างรุนแรงจนแทบไม่เห็นหัว มันก็เลยทำให้หัวสมองอีกฝ่ายที่เคยเดือดดาลอยู่ก่อนแล้วกับยิ่งเดือดดาลหนักหน่วงยิ่งขึ้นเข้าไปอีก
และด้วยอารมณ์บวกกับอะไรหลายต่อหลายสิ่งอย่างที่เกิดขึ้นพร้อมเพรียงโดยไม่ได้นัดมหาย เฒ่าชรามันก็เลยตัดสินใจเด็ดขาด ตัดสินใจด้วยสัญชาตญาณดิบเป็นหลัก
ตัดสินใจพุ่งฝ่ามือเข้าไปหาชายหนุ่ม
เข้าไปคว้าจับแขนข้างที่เป็นแผล
หมับ!
“…”
“ฉันบอกว่าห้าม—”
“อึก!”
“ปล่อย!”
เสียงกรีดร้องเจ็บปวดดังขึ้น
เป็นช่วงจังหวะเวลาเดียวกับที่ความเจ็บปวดมากมายมหาศาล พวยพุ่งออกมาจากร่างกายพวยพุ่งออกมาไม่มีหยุดหย่อน
ทั้งยังเป็นความเจ็บปวดรวดร้าวที่เหนือล้ำเกินกว่าจินตนาการของใครหลายคนจะครุ่นคิดได้เสียอีก และด้วยความเจ็บที่มารวดเร็วเกินกว่าจะตอบสนองได้ทันท่วงที
ชายหนุ่มสวมแว่นทราเวียร์จึงเลือกสะบัดฝ่ามือที่กำลังบีบแผลของเขาเต็มเรี่ยวแรงสะบัดมันออกก่อนเลือกก้าวเท้าถอยหลังก้าวไปหลายต่อหลายก้าว
ตอนแรกหลังจากได้ยินชายหนุ่มสวมแว่นร้องตะโกนบอกให้ปล่อย ตัวอาจารย์เฒ่าตัวมันเองก็สติหลุดไปเหมือนกันเพียงแต่ความโกรธเกรี้ยวทั้งหมดที่เกิดขึ้นชั่ววูบ
มันได้หายไปจนหมดสิ้นเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นฝ่ามือตัวเองเปื้อนเลือด
ดวงตามันเบิกกว้างตื่นตระหนกขั้นสุด
…‘นะ นี่มันเลือด!’
“…”
“ผะ ผมขอโทษ”
“ขอ—”
“ไม่เป็นไรครับ”
“แค่เรื่องเล็กน้อย”
“แค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น”
เปลือกตาหลับแน่น
คล้ายต้องการสะกดข่มบางสิ่งอย่างในร่างกาย ส่วนอาจารย์เฒ่าผู้เป็นต้นสายปลายเหตุทั้งหมดพลันนิ่งแข็งค้างทำอะไรไม่ถูกเหตุการณ์เฉกเช่นนี้ตัวมันเองก็พึ่งเคยพบเจอ
แววตามันสั่นสะท้านมากไปด้วยความกลัว
“…” ก่อนจะตัดสินใจสิ้นคิดเป็นที่สุด
“ดะ เดี๋ยวผมจะไปตามคนมาช่วย”
“คะ คุณรออยู่ที่นี่ก่อนนะ”
“รอก่อนนะ”
“เดี๋ยวผมมา”
กล่าวเสร็จอาจารย์เฒ่ารีบเปิดประตูก้าวเท้าพ้นออกจากห้องทันที
ส่วนคำกล่าวอ้างที่ว่าจะไปตามใครคนอื่นมาช่วยเหลือตน สำหรับผู้รับฟังคำกล่าวอ้างเฉกเช่นเขาผู้มีส่วนได้ส่วนเสียโดยตรงมันช่างเป็นอะไรที่ไร้สาระหาค่าไม่ได้เสียจริง
ด้วยลักษณะนิสัยสันดานเลวร้ายที่สะสมมานานนับปี เขามั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าอาจารย์เฒ่าชราผู้น่าเคารพต้องเลือกหนีห่างไม่คิดเหลือบมองหันกลับมาด้านหลัง
เลือกหนีออกไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ก่อนทำเหมือนทุกสิ่งอย่างเป็นเพียงเหตุการณ์ง่ายดายไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทำเหมือนฉากภาพเมื่อครุ่เป็นเพียงเหตุการณ์ชวนเข้าใจผิดโดยบังเอิญ แน่นอนเขามั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่ามันจะต้องเกิดขึ้น
ทราเวียร์มองอีกฝ่ายออกประตูไป
ก่อนแค่นเสียงเย้ยหยัน
“ไปตามคนมาช่วย?”
“…”
“ไปตามใคร?”
“ไปตามที่ไหน?”
“ต้องรออีกนานเท่าไหร่?”
“…”
ปราศจากสุ้มเสียงตอบกลับมา
เกิดรั้งรออยู่ต่อตามคำพูดของอาจารย์เฒ่าหัวสมองคงโง่งมเต็มที
ชายหนุ่มสวมแว่นเลือกจัดการช่วยเหลือตัวเองอย่างง่ายดายที่สุด ด้วยการหยิบชุดปฐมพยาบาลที่เก็บเอาไว้ในกระเป๋าเสื้อกันหนาวเป็นอุปกรณ์พกพาขนาดเล็ก
ทราเวียร์ไม่รอเช้าเลือกดำเนินการปฐมพยาบาลตัวเองทันที
…‘ต้องไปหาใบเฟิร์นก่อน’
“…”
“สังหรณ์ใจไม่ดีเลย”
“หวังว่าพอเปิดหน้าเปิดประตูออกไป”
“จะไม่เจอหน้าใครโดยบังเอิญนะ”
เพียงแค่ครุ่นคิดจินตนาการก็ทำเอาปวดหัวสมองไปทั่วกระบาล
ลองนึกภาพตามว่าอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า พอเขาเลือกเปิดประตูเตรียมไปห้องพยาบาลแล้วต้องมาพานพบเจอหน้าหล่อนคุณหนูสาวยืนยิ้มหัวเราะอยู่หน้าประตูห้อง
แค่คิดว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อจากนั้นก็ไม่อยากจะคิดต่อแล้ว
ทราเวียร์ทอดถอนหายใจเหนื่อยหน่าย
…‘ขออย่าได้เจอหน้ากันเลย’
“…”