เพื่อนบ้านผมคือคุณหนูสาวเจ้าเสน่ห์ - ตอนที่ 28 ความฝันที่ไม่ใช่ความฝัน
ตอนที่ 28 ความฝันที่ไม่ใช่ความฝัน
สุดปลายสายตามากมายล้วนจับจ้องมองไปชายหนุ่มหญิงสาวคู่หนึ่ง
แต่เอาเข้าจริงจะเรียกว่าชายหนุ่มหญิงสาวก็ไม่น่าจะเรียกได้เต็มปาก เนื่องจากอายุทั้งสองค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับใครคนอื่นโดยรอบ แต่จะเรียกอะไรก็ช่างคงไม่มีใครสนใจ
สิ่งที่ผู้คนมากมายกำลังมอบความสนใจให้คือบางสิ่งอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ต่างหากคือสิ่งที่เหล่าประชาชนคนปรกติธรรมดามอบความสนใจให้
หนึ่งในกลุ่มเพื่อนผู้ไม่รู้เรื่องอะไรเลยกล่าวถามขึ้น
“…”
“ดูอะไรอยู่?”
“สารภาพรัก”
“จริงเหรอ?”
“ดูเอาเองสิ”
“ยังเด็กอยู่เลย”
“น่ารักจัง~”
หลากหลายผู้คนเริ่มพูดคุยสนุกสนานไปตามอารมณ์ขณะจ้องมอง
จับจ้องมองชายหนุ่มกับหญิงสาวตัวน้อยคู่หนึ่ง ที่กำลังยืนสงบนิ่งต่างฝ่ายต่างจดจ้องมองซึ่งกันและกันขณะทุกคนกำลังลุ้นระลึกว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อจากนี้
ฝ่ายชายหนุ่มสวมแว่นก็ออกหน้าเดินเกมคิดกล่าวถ้อยคำความในใจเสียก่อน
“…” ฝ่ามือยื่นดอกส่งให้
ช่อดอกไม้ถูกยื่นให้กับหญิงสาว
นอกจากช่อดอกไม้ที่ถูกหยิบยื่นให้กับหล่อนยังมีถ้อยคำสารภาพรักสารภาพความรู้สึกที่ได้ระบายออกไปทั้งหมดไม่มีหลงเหลือเลยแม้แต่น้อย
หล่อนเพียงจ้องมองและมองต่อไป
“ผม”
“คือ—”
“เอาดอกไม้ของนายกลับไปเถอะ”
“ฉันไม่ต้องการ”
สายตาเหยียดหยามจดจ้องมอง
จ้องมองมาที่ช่อดอกไม้ในมือเขามองด้วยแววตาขยะแขยงขั้นสุดคล้ายกำลังจดจ้องมองมดปลวกมดแมลงที่สกปรกเกินกว่าจะเหลือบหันมอง
ทราเวียร์ที่ได้ยินถึงกับทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ
“ครับ?”
“…”
“หมายความว่ายังไง?”
“…”
“ที่บอกว่าไม่ต้องการ”
“คะ คือผมไม่เข้าใจ—”
“ฉันไม่รับรักจากนาย”
“เรื่องมันก็แค่นั้น”
น้ำเสียงหล่อนยังราบเรียบตามเดิม
ผิดกับชายหนุ่มผู้รับฟังถ้อยคำ หัวสมองคล้ายโดนของแข็งบางอย่างกระแทกจนเขาเกือบทรุดตัวนั่งลงพื้นทุกสิ่งอย่างที่เคยวาดฝันที่เคยครุ่นคิดเอาไว้เป็นอันต้องพังทลาย
รอยยิ้มเหยเกปรากฎบนใบหน้าทราเวียร์
“…”
“ไม่รับรักจากผม”
“ทำไมล่ะ?”
“…”
“ทำไมถึง—”
“ฉันมีเหตุผลเป็นของตัวเอง”
“และฉันก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องบอกกับนาย”
“ฉะนั้นทำตามที่ฉันบอก”
“เอาดอกไม้ของนายกลับไป”
“แล้วไสหัวไปให้พ้นหน้าฉันซะ”
เอาดอกไม้กลับไปพร้อมไสหัวไปให้พ้นหน้า
ประโยคปฏิเสธแข็งกร้าวไม่ยินยอมเปิดช่องทางให้เจรจาต่อรอง มันช่างเป็นอะไรที่หนักหน่วงหนักแน่นสำหรับชายหนุ่มสวมแว่นผู้มาพร้อมความคาดหวังขั้นสุด
เพราะคาดหวังมากเกินไปเวลาเสียใจจึงเจ็บปวดมากเป็นเท่าทวีคูณ
“โกหก”
“…”
“โกหก!”
“…”
“ฉันไม่ได้โกหก”
“นี่แหละคือความจริง”
“ไม่จริง!”
“มันก็แค่เรื่องโกหกหลอกลวง”
อาการตอบสนองรุนแรงหลุดมาจากทราเวียร์
จะบอกว่าเกินเลยก็คงไม่ได้ เนื่องจากเขามีเหตุผลมากมายรองรับการกระทำของตน เพราะมีเหตุผลมากพอเขาถึงกล้ามุ่งหน้ามาสารภาพรักกับหล่อน
ผลลัพธ์เฉกเช่นนี้จึงเป็นอะไรที่ยากจะคาดการณ์
…‘ไหนบอกว่าจะอยู่ด้วยกัน’
“…”
“ทั้งที่บอกจะทำตามสัญญา?!”
“ไหนล่ะ?!”
“ที่บอกว่าพวกเราจะอยู่ด้วยกัน!”
“ถ้าอยากจะอยู่ด้วยกันทำไมถึงทำแบบนี้ล่ะ!”
“นุช—”
ยังไม่ทันกล่าวจบครบถ้วนกระบวนความ
หนึ่งฝ่ามือพุ่งเข้ามาตบหน้าเขาทิ้งรอยแดงขนาดใหญ่บนใบหน้า ทราเวียร์ที่โดนตบถึงกับอึ้งนิ่งแข็งค้างไปในทันทีผลลัพธ์เฉกเช่นนี้เขาไม่เคยคิดว่าจะเจอขึ้นกับตน
อาการแสบร้อนบนใบหน้าคงอยู่เป็นหลักฐานว่าเขาไม่ได้ฝันไป
เพี๊ยะ!
“…”
“น่าขยะแขยง”
“อะไรทำให้นายกล้าคิดแบบนั้นกับฉัน”
“แค่พูดนิดหน่อยคิดเป็นจริงเป็นจังไปได้”
“จะฝันกลางวันยังไงก็เชิญเลย”
“แต่อย่าลากพาฉันเข้าไปเกี่ยวด้วย”
“มันน่ารำคาญ”
“…”
“และที่สำคัญที่สุด”
“เลิกยุ่งวุ่นวายกับฉันสักที!”
“นายคิดว่าตัวเองเป็นใคร!”
“ถึงได้เสนอหน้ามาสารภาพรักกับฉันคนนี้!”
“หน้าตาก็ธรรมดาไม่มีอะไรโดดเด่น!”
“ส่วนสูงก็เตี้ยอย่างกับเสาบอกหลักกิโล!”
“คิดจะสารภาพรักกับฉันยังเร็วไปร้อยปี!”
ชัดเจน ตรงไปตรงมา ไม่มีอ้อมค้อม ไม่มีรักษาน้ำใจ
บทสรุปเรื่องราวทั้งหมดจวบจนมาถึงตอนนี้เป็นเพียงความเข้าใจผิดของเขาคนเดียว ไม่ว่าจะเป็นคำสัญญามากมาย ถ้อยคำหอมหวานจากหล่อน การกระทำส่อแววให้หลงรัก
ทุกสิ่งอย่างล้วนเป็นเพียงเขาครุ่นคิดไปเองคนเดียว
กลายเป็นเขาที่โง่งมคิดเองเออเองไปคนเดียว
“…” นุชหรี่ตามองไม่ชอบใจ
ก่อนทิ้งท้ายเป็นของขวัญก่อนจาก
“สุดท้าย”
“ฉันจะบอกอะไรให้นะ”
หญิงสาวผู้งดงามเลือกขยับหน้าเข้ามาใกล้
พร้อมกระซิบถ้อยคำเย้ยหยันเหยียบย่ำความรู้สึกของอีกฝ่าย เหยียบย่ำต่อเนื่องไม่คิดปล่อยผ่านปล่อยให้เขาได้มีช่วงเวลาพักหายใจ
เหยียบย่ำหวังบีบบังคับให้เขาแตกสลาย
“อย่างน้อยที่สุดก็ในฐานะเพื่อน”
“ไม่สิต้องบอกว่าอดีตเพื่อนร่วมทุกข์ร่วมสุขถึงจะถูก”
“…”
“นายกับเขามันคนละชั้นกัน”
“เอามาเทียบเคียงไม่ได้หรอก”
“เอามาเทียบไม่ได้เลยแม้แต่น้อย”
“…”
“ฉันรักเขาและเขาก็รักฉัน”
“แถมยังรักกันมากด้วย”
“ฉะนั้นไสหัวไปพ้นหน้าฉัน”
“แล้วอย่าได้โผล่หน้ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก”
หลังจากได้ยินถ้อยคำทั้งหมด
หัวสมองชายหนุ่มสวมแว่นพลันว่างเปล่า
ในเมื่อไม่รับรักจากเขา ไม่ต้องการให้เขาอยู่เคียงข้างกาย ไม่ต้องการให้เขาได้ใช้ชีวิตร่วมกับหล่อน ทำไมถึงไม่ปฏิเสธให้มันนุ่มนวลรักษาน้ำใจให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ทำไมต้องกล่าวถ้อยคำเฉกเช่นนั้นออกมา บางทีคำตอบทั้งหมดคงมีแค่หล่อนเท่านั้นที่เข้าใจ เหมือนหล่อนยังไม่สาแก่ใจ ยังทำร้ายจิตใจเขาไม่มากพอ
นุชยิ้มเย็นยื่นหน้าเข้ามาใกล้
พร้อมกระซิบข้างใบหู
“เกือบลืมไป”
“ฉันรู้นะว่าพวกเราเข้ามัธยมปลายโรงเรียนเดียวกัน”
“หากพบเจอกันที่โรงเรียนไม่ต้องมายุ่งวุ่นวายกับฉัน”
“ฉันไม่อยากถูกเหมารวมว่าเป็นพวกต่ำต้อยแบบนาย”
“…”
“ลาก่อน~”
“ความทรงจำอันแสนทุกข์~”
หลังจากปฏิเสธตัดขาดอย่างโหดเหี้ยม
หญิงสาวในห้วงความทรงจำก็ก้าวเท้าละจากไป ก้าวจากไปโดยไม่คิดเหลือบมองหันกลับมา ปล่อยให้ชายหนุ่มสวมแว่นผู้ถูกกระทำไม่เป็นธรรมยืนนิ่งแข็งค้างไปทั้งแบบนั้น
พอเห็นแผ่นหลังอีกฝ่ายกำลังถอยห่าง หัวสมองเริ่มสั่งการทันทีโดยไม่ครุ่นคิดให้เปล่าประโยชน์สั่งการให้ทราเวียร์ยื่นเข้าไปจับคว้าหญิงสาวในห้วงความทรงจำเอาไว้
แต่สุดท้ายปลายทางบางสิ่งอย่างที่มันสูญเสียไปแล้ว ใช่ว่าจะสามารถหวนคืนกลับมาได้ตามสะดวก ชายหนุ่มผู้จิตใจแหลกสลายทำได้แค่จดจ้องมองแผ่นหลังของหล่อน
มองหล่อนหายลับไปจากสายตา
ทราเวียร์สะดุ้งตื่นขึ้นมา
“…”
“อึก!”
“…”
สายตาขุ่นมัวกวาดมองไปทั่วทั้งห้อง
ไม่มีภาพหญิงสาวในห้วงความทรงจำ ไม่มีถ้อยคำสารภาพรักสุดแสนเจ็บปวด ไม่มีกระทั่งช่อดอกไม้ในมือของเขา ทั้งหมดทั้งมวลล้วนเป็นเพียงความฝันหาใช่ความเป็นจริง
แน่นอนจะบอกว่าเป็นความฝันทั้งหมดเลยคงไม่ใช่เสียทีเดียว เนื่องจากฉากภาพที่เขาพบเห็นมันคือความฝันที่ครั้งหนึ่งเคยเกิดขึ้นจริงเมื่อหลายปีก่อน
ฝ่ามือลูบดวงตาตัวเองเขาสัมผัสได้ถึงหยดน้ำของเหลวที่ไหลออกมา
ทราเวียร์ปาดก่อนเอามาจดจ้องมองดู
…‘น้ำตา?’
“…”
“ฝัน?”
หัวคิ้วชายหนุ่มขมวดแน่น
ขณะหัวสมองกำลังครุ่นคิดอย่างหนักหน่วง
ฉากภาพความทรงจำเมื่อครู่เขายังจำมันได้ติดตา
ไม่ว่าจะกลิ่นหรือว่าเสียงทุกสิ่งอย่างล้วนชัดเจนเกินไป ราวกับไม่ใช่ความฝันแต่เป็นช่วงจังหวะเวลาหนึ่งที่เขาถูกกระชากให้เข้าไปมีส่วนร่วมกับอดีต
เป็นเหตุการณ์ที่แปลกแยกแปลกประหลาดเหลือเกิน
“ทั้งหมดเป็นแค่ความฝัน?”
“…”
“แค่ความฝันอย่างเดียวเหรอ?”
“…”
“ไม่รู้สึกว่าฝัน”
“ไม่ใช่”
“ไม่น่าจะใช่ฝัน”
“มันสมจริงเกินไป”
แววตาหรี่มองมั่นใจเต็มเปี่ยม
ทราเวียร์มั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าเหตุการณ์เมื่อครู่หาใช่ความฝันปรกติธรรมดาทั่วไปเหมือนที่เขาเคยเข้าใจ บางทีต้นสายปลายเหตุหลักใหญ่ใจความสำคัญอาจไม่ใช่ตัวเขา
ไม่ใช่ตัวเขาที่ผิดปรกติจนสามารถสร้างเหตุการณ์แปลกประหลาดเหนือธรรมชาติขึ้นมาได้ บางทีมันน่าจะเกี่ยวข้องกับบางสิ่งอย่างที่เขาพบเจอเมื่อหลายวันก่อน
ต้องบอกว่านับตั้งแต่วันที่เขาพานพบเจอเจ้าหนังสือสีขาวด้านบวกกับภาพถ่ายเหนือธรรมชาติที่สามารถส่องผ่านไปยังอนาคตตรงหน้าห้องน้ำหลังจากคุยกับใบเฟิร์น
หลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตก็แปรเปลี่ยนไปเลยทั้งยังแปรเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือคล้ายตัวเขากำลังออกห่างจากวิถีชีวิตที่เป็นมาตลอดนับสิบปี
ทราเวียร์หรี่ตามองจับจ้องมองเขม็งจ้องมองเจ้าหนังสือปริศนาเบื้องหน้า ต่อให้ไม่ใช่ฝีมือพวกมันทั้งหมดเต็มขั้นแต่มันก็น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องไม่มากก็น้อย
เขาเชื่อแบบนั้นทั้งยังเชื่อสนิทใจอีกด้วย
…‘ต้องเกี่ยวกับพวกมันแน่นอน’
“…”
“เวรกรรม”
“มีแต่เรื่องไม่เข้าใจเต็มไปหมด”