ตอนที่ 02 วิธีการน่ารังเกียจ
“โคตรยาก”
“ยากเกินไปรึเปล่าเนี่ย?”
“ไม่เห็นจะเข้าใจเลยสักนิด”
บรรยากาศในห้องเรียนตอนนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยความตึงเครียดขั้นสุด
เนื่องจากวิชาการที่กำลังเล่าเรียนอยู่เป็นวิชาคณิตศาสตร์ วิชายอดเยี่ยมเหมาะสำหรับระเบิดหัวสมองใครสักคนที่คิดเรื่อยเปื่อยเหม่อลอยไม่เอางานเอาการ
อาจารย์เฒ่าชรากวาดสายตามองไปทั่วทั้งห้องเรียน
“…” พร้อมกล่าวถามเสียงดัง
“จนถึงตอนนี้มีใครคนไหนยังไม่เข้าใจบ้าง?”
“มีไหม?”
“ถ้าไม่มีอาจารย์จะได้ไปเรื่องต่อไป”
“…”
นักเรียนทุกคนเลือกนิ่งเงียบ
แน่นอนที่เลือกนิ่งเงียบเนี่ย หาใช่เข้าใจทุกรายละเอียดที่อาจารย์เฒ่าสั่งสอนเพียงแต่ว่าหากคิดเปิดปากถามออกไปอาจได้บางสิ่งอย่างกลับมาแทนคำสั่งสอนปรกติธรรมดา
ประมาณว่า “เธอไม่ได้ฟังเหรอ” หรือไม่ก็ “เธอเคยเรียนมาแล้วนะทำไมถึงทำไม่ได้” หลากหลายเหตุผลหลากหลายมุมมองสุดท้ายปลายทาง ความเงียบจึงกลายเป็นคำตอบไปในที่สุดทั้งยังเป็นคำตอบที่ไม่ว่าใครหน้าไหนล้วนนำไปปฏิบัติกับทุกวิชาเรียน
แต่ไม่ใช่นักเรียนคนทุกคนจะเหมือนกันหมด
หนึ่งฝ่ามือยกขึ้นสูงเหนือหัว
“อาจารย์คะ?”
“ว่ามา”
“คือหนูมีเรื่องอยากจะสอบถามเกี่ยวกับวิธีการคำนวณเมื่อครู่—”
ขณะกำลังรับฟังบทสนทนาระหว่างศิษย์อาจารย์ ข้อความหนึ่งก็ถูกส่งตรงมายังโทรศัพท์เป็นข้อความจากอาจารย์สาวห้องพยาบาลคนเดิมคนที่พยายามโน้มน้าวขอให้กลับบ้าน
ทราเวียร์ขมวดคิ้วเล็กน้อยหลังจากอ่านเสร็จสิ้น
[ เรียนเสร็จแล้วมาหาฉันที่เดิม ]
“…”
“สุดท้ายเรื่องที่ต้องย้ำเตือนกับทุกคน”
“อย่างที่ทุกคนรู้”
อาจารย์เฒ่ากล่าวย้ำอีกครั้งก่อนจาก
ซึ่งเรื่องราวที่อาจารย์เฒ่าต้องการบอกกล่าวกับนักเรียนหนุ่มสาวทั้งหลายคงไม่พ้นต้องเป็นเรื่องเดิมเป็นเรื่องที่สังคมพยายามย้ำเตือนผู้คนประชาชนหลายต่อหลายครั้ง
และก็เป็นอย่างที่ทุกคนครุ่นคิดเอาไว้ไม่มีผิด
“ทุกวันนี้บ้านเมืองเรามันไม่ปรกติ”
“มีพวกโจรร้ายวิ่งยั้วเยี้ยเหมือนกับหนูท่อเต็มไปหมด”
“ฉะนั้นจะไปไหนมาไหนก็ระมัดระวังตัวให้มาก”
“เข้าใจไหม?”
“ค่ะ / ครับ”
“…”
“คาบหน้าเจอกันเวลาเดิม”
“ทำความเคารพ”
ทันทีที่อาจารย์เฒ่าก้าวเท้าพ้นออกจากห้องเรียน
สุ้มเสียงมากมายก็ดังขึ้นพร้อมกันราวกับนัดหมายมาตั้งแต่ทีแรก บรรยากาศเชื่อฟังคำสั่งสอนไม่มีหลงเหลือเลยแม้แต่น้อยมันถูกทดแทนด้วยบรรยากาศที่แตกต่างออกไป
ถูกทดแทนด้วยความรำคาญตารำคาญใจขั้นสุด
“…” หนึ่งในนั้นเริ่มกล่าวเปิดประเด็น
“ฟังมาเป็น 10 รอบ”
“เมื่อไหร่จะเลิกพูดเรื่องพวกนี้สักที”
“ฉันเบื่อที่ต้องมานั่งฟังแล้วนะ”
“…”
“อาจารย์เขาแค่อยากจะให้พวกเราระมัดระวังตัวให้มาก”
“อย่าไปโกรธเขาเลย”
“รู้หรอกน่า”
เพื่อนหนุ่มในห้องทอดถอนหายใจเหนื่อยหน่าย
เรื่องบางเรื่องแม้จะเป็นเรื่องร้ายแรงอันตรายเต็มเปี่ยมไปด้วยหายนะ แต่หากกล่าวเตือนบ่อยครั้งกล่าวเตือนทุกวันจากผลดีอาจแปรเปลี่ยนกลายเป็นผลร้ายไปโดยไม่รู้ตัว
เฉกเช่นสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้า
สถานการณ์ที่เหล่าเพื่อนร่วมห้องทั้งหลายต่างแสดงออกไปในทิศทางเดียวกัน นั่นก็คือเมินเฉยทำเมินไม่เห็นค่าในคำกล่าวตักเตือนของอาจารย์เฒ่า
ทั้งยังทำหูทวนลมกระทั่งเหลือบมองยังไม่คิดจะทำ
…‘พวกโจรงั้นเหรอ’
“…” ทราเวียร์มองออกไปนอกหน้าต่าง
ก่อนสายตาเขาจะพบเห็นสิ่งผิดปรกติบางอย่างเข้า
ซึ่งสิ่งผิดปรกติที่ว่าหาใช่สิ่งของแต่เป็นหญิงสาวคนงามคนหนึ่ง ทั้งยังเป็นสาวงามในชุดเมดสีดำ ความงามของหล่อนมันมากจนยากจะละสายตาหนีหายไปไหน
กระทั่งชายหนุ่มสวมแว่นยังเผลอเหม่อลอยนิ่งแข็งค้างไปหลายต่อหลายวินาที ก่อนสตินึกคิดของเขาจะหวนคืนกลับมาและเมื่อเขาพยายามมองหาหล่อนมองหาเมดสาว
หล่อนก็หายลับไปจากสายตาเรียบร้อยแล้ว หายไปโดยไม่หลงเหลือร่องรอยให้ตามติด
ทราเวียร์ลอบส่ายหน้าพยายายไม่เอาเรื่องแปลกประหลาดเข้ามาในหัวสมอง
…‘ต่อจากคุณหนูสาวก็เป็นเมดเลยเหรอ?’
“…”
ตามเส้นทางทางเดินระหว่างห้องเรียน
หญิงสาวในชุดเมดสีดำหล่อนเลือกย่างเท้าก้าวเบาบางไม่ปล่อยให้เกิดเสียง ความเร็วในการก้าวเท้าของหล่อนไม่มีเชื่องช้าไม่มีรวดเร็วจนเกินไปทุกสิ่งอย่างล้วนพอดิบพอดี
และเนื่องจากช่วงระยะเวลาที่หล่อนปรากฏตัวเป็นช่วงจังหวะเวลาเดียวกับที่เหล่านักเรียนเหล่าอาจารย์ทั้งหลายกำลังทำหน้าที่ของตัวเองอย่างขยันขันแข็ง
หญิงสาวในชุดเมดจึงสามารถเดินทางไปได้สะดวกสบายโดยไม่จำเป็นต้องระมัดระวังให้มากความ แน่นอนว่าทุกการเดินทางใช่ว่าจะปลอดภัยปราศจากปัญหา
หนึ่งในนักเรียนที่กำลังย้ายห้องเรียนจดจ้องมองมาที่เมดสาวในชุดดำ
เพื่อความแน่ใจเจ้าตัวเลยขยี้ตาซ้ำอีกครั้ง
หวังมองให้ชัดเจนเป็นที่สุด
“เมดสาว?”
“เมด?”
“…”
“ไหน?”
“ไม่เห็นจะมีเลย”
“แกไม่เห็นเหรอ?”
“…”
เพื่อนชายที่เดินมาด้วยส่ายหน้าปฏิเสธ
เอาเข้าจริงในโรงเรียนสถานที่เต็มเปี่ยมไปด้วยกฎระเบียบเยอะแยะมากมายเต็มไปหมด จะหาเมดสาวที่ไหนมาเดินเล่นแถวนี้ หากจะมีก็มีแต่ในจินตนาการเพ้อฝันเท่านั้นแหละ
มันก็เลยตอบกลับไปตามอารมณ์
ตอบไปโดยไม่คิดอะไรให้มากความ
“ไม่นิ”
“ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น”
“…”
“หรือว่าฉันจะตาฝาด”
“ไปเถอะ”
“ชักช้าเดี๋ยวก็ไม่ทันหรอก”
สุดท้ายปลายทาง
เจ้าตัวนักเรียนหนุ่มก็เลือกส่ายหน้าไล่ความคิดไร้สาระออกจากหัวสมอง
และเมื่อไล่ความคิดไร้สาระออกจากหัวสมองเรียบร้อยแล้ว เจ้าตัวก็มองทิ้งท้ายก่อนวิ่งหน้าตั้งมุ่งหน้าไปยังห้องเรียนต่อไป วิ่งไปโดยไม่คิดเหลือบมองให้เสียเวลาเสียสมาธิ
โดยหารู้ไม่ว่า
“รอด้วยสิ”
มีดวงตาคู่หนึ่งกำลังจับจ้องมองตลอดเวลา
หญิงสาวในชุดเมดเพียงยืนสงบนิ่งเงียบในมุมมืดสุดทางเดิน หล่อนรอคอยจนกระทั่งพบเห็นฝ่ายชายหนุ่มนักเรียนละสายตาวิ่งจากไป
ถึงก้าวเท้าเดินเปิดเผยตัวตนออกมา
“…”
“ยอดเยี่ยมมากค่ะ”
“เห็นเป็นคนปรกติธรรมดา”
“แต่ใช่ว่าจะปรกติธรรมดาไปเสียทั้งหมดสินะคะ”
หลังจากกล่าวชื่นชมเสร็จสิ้นครบถ้วนกระบวนความ
หล่อนก็หันหลังเตรียมมุ่งหน้าไปยังจุดมุ่งหมายปลายทางของตน
ซึ่งจุดหมายปลายทางที่ว่าก็คือห้องพยาบาลห้องที่อยู่บนชั้นสูงสุดของตึก เป็นห้องที่พร้อมรักษาอาการบาดเจ็บอาการเจ็บป่วยที่พอจะรับไหว ส่วนไหวแค่ไหนคงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของหมอสาว
ใช้ระยะเวลาเพียงไม่กี่นาทีในที่สุดหล่อนก็มาถึงห้องพยาบาล
เมื่อมาถึงหญิงสาวไม่รอช้ารีบเปิดประตูเข้าไปข้างในทันที
และสิ่งที่พบเห็นภายในห้องพยาบาลก็คือสองสาวแปลกหน้า
เป็นพวกอิสตรีสาวที่ไม่อยู่ในสารบบของตน
“ขออนุญาตค่ะ”
“เมด?”
“…”
สองสาวที่อยู่ในห้องต่างเหลือบซึ่งมองกันและกัน
ก่อนจะพร้อมใจหันสายตาทั้งหมดไปจดจ้องมองที่เมดสาว
นอกจากโครงหน้าที่งดงามเรือนร่างยังเต็มเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์เร่าร้อนของผู้ใหญ่ที่สำคัญสุดหล่อนยังอยู่ในชุดเมดสาวอีกต่างหาก
ช่างเป็นอะไรโดดเด่นเป็นสง่าเหลือเกิน แต่เหนือสิ่งอื่นใดเลยคือทำไมต้องเป็นเมดสาว ทำไมผู้หญิงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์เหลือล้ำถึงมาอยู่ที่นี่มาอยู่ทำไมในช่วงจังหวะเวลานี้
ด้วยความสงสัยพวกหล่อนจึงถามกลับไป
“คุณเป็นใคร?”
“ดิฉันเป็นใคร?”
“กลับกันค่ะ”
“พวกคุณต่างหากที่เป็นใคร?”
“มีความสัมพันธ์ยังไงกับคุณหนูเมญ่า?”
แววตาเมดสาวหรี่มองคล้ายต้องการจับผิด
หากเป็นคนปรกติธรรมดาไม่มีอะไรในใจคงตอบกลับมาได้เต็มปากคำเต็มคำติดที่ว่าอีกฝ่ายกับเลือกนิ่งเงียบไม่คิดกล่าวเพิ่มเติม
ยิ่งทำให้ดูสงสัยหนักหน่วงเข้าไปใหญ่
“…”
“เพื่อน”
“พวกเราคือเพื่อนของเธอ”
“…”
“แน่ใจนะคะว่าเป็นเพื่อน?”
“…”
ปากที่อ้าค้างไว้หยุดนิ่งเงียบไม่คิดกล่าวต่อ
สุดท้ายปลายทางจะด้วยเหตุผลอะไรก็ช่างที่ทำให้พวกหล่อนเลือกนิ่งเงียบไม่คิดโต้ตอบมันก็ไม่สำคัญสำหรับหล่อน
สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือทวงคืนของบางอย่าง
เอาของที่ควรเป็นของพวกหล่อนกลับมา
“คือ—”
“เอกสารส่วนบุคคลไม่ใช่ของที่พวกคุณสมควรจะมี”
“กรุณาส่งมอบคืนให้กับทางเราด้วยค่ะ”
“…”
“นี่น่ะ—”
“คิดให้ดีค่ะ”
“ก่อนจะพูดจะกล่าวอะไรออกมา”
“ช่วยคิดให้ดีคิดให้รอบคอบก่อนพูด”
“ไม่งั้นคุณอาจจะต้องเสียใจภายหลังที่กล้ากล่าวมันออกมา”
เมดสาวกล่าวน้ำเสียงราบเรียบไม่บ่งบอกอารมณ์
แม้จะไม่บ่งบอกอารมณ์แต่ท่วงท่าและแววตาที่แสดงออกมา มันก็มากพอทำให้ใครคนอื่นที่กำลังจับจ้องมองสั่นสะท้านทันที
พอโดนคั้นเข้ามากพวกหล่อนก็ตอบโต้กลับมา
“…”
“คุณเป็นใคร?”
“มีสิทธิ์อะไรมาสั่งให้พวกเราทำตาม”
“สิทธิ์?”
“ดิฉันคือเมดสาวโดยชอบธรรมของตระกูลเอมเมอริซ”
“เป็นเมดสาวส่วนตัวของคุณหนูเมญ่า”
“สิทธิ์เท่านี้ถือว่าเพียงพอไหมคะ?”
“…”
“มะ เมดสาวของคุณหนูเมญ่า”
“เหมือนฉันจะเคยเห็นหน้าเธอมาก่อน”
“แสดงว่าตัวจริง?”
แววตาของพวกหล่อนเบิกกว้างขั้นสุด
จากเดิมที่เคยหน้าหนาท้าชนได้ทุกคนทุกเมื่อทุกเวลา ตอนนี้กับเริ่มแปรเปลี่ยนกลายเป็นหวาดกลัวไม่สู้หน้ากระทั่งเงยหน้ายังไม่คิดกระทำ
เมดสาวหล่อนหาได้สนใจ
“…” ยังเดินหน้ากล่าวต่อ
“ดิฉันจะย้ำอีกครั้ง”
“เอกสารของคุณหนูหาใช่สิ่งที่พวกคุณสมควรจะมี”
“ส่งมาค่ะ”
“ก่อนดิฉันจะหันไปใช้วิธีการอื่นแทน”
“…”
“นี่ค่ะ”
พวกหล่อนกัดปากตัวเอง
ก่อนยินยอมมอบเอกสารสำคัญข้อมูลเกี่ยวกับอาการป่วยบาดเจ็บของคุณหนูเมญ่า แม้กระทั่งช่วงจังหวะเวลาสุดท้ายพวกหล่อนยังมองเอกสารไม่ละสายตาไปไหน
ยังคงยึดมั่นเหมือนเดิมไม่แปรเปลี่ยน
“พวกเราเป็นคนช่วยเธอ—”
“ออกไป”
“คะ ค่ะ”
“พวกชอบแอบอ้างความดีความของคนอื่น”
“ช่างน่ารังเกียจที่สุด”
“ขะ ขอตัวค่ะ”
หลังจากสองสาวออกไปจากห้องเรียบร้อย
บรรยากาศที่เคยเต็มเปี่ยมไปด้วยแรงกดดันก็กลับมาเงียบสงบอีกครั้ง เมดสาวไม่คิดขยับเรือนร่างไปไหนหล่อนเลือกก้มมอง
ก้มมองเอกสารมองไล่เรียงทุกตัวอักขระทุกตัวอักษรราวกับกลัวผิดพลาดรายละเอียดสำคัญ ซึ่งตอนนั้นเองตอนที่หล่อนกำลังเพ่งสมาธิ
เสียงอ่อนหวานนุ่มละมุนก็ดังขึ้นจากด้านหลัง
“…” เป็นน้ำเสียงของใครสักคนที่ควรหมดสติ
“เอาน่า~”
“อย่าไปโกรธพวกเธอเลย”
MANGA DISCUSSION