เพื่อนบ้านผมคือคุณหนูสาวเจ้าเสน่ห์ - ตอนที่ 18 สองสาวเผชิญหน้า
ตอนที่ 18 สองสาวเผชิญหน้า
เหตุการณ์ดำเนินไปอย่างปรกติเป็นระเบียบเรียบร้อย
ตลอดทั่วทั้งห้องถูกทำความสะอาดหมดจดไม่มีร่องรอยสกปรกให้เห็น ทราเวียร์กวาดสายตามองอีกครั้งพยายามมองหาร่องรอยสกปรกที่หลงเหลือหลุดลอดสายตา
ซึ่งเจ้าสิ่งสกปรกที่ว่ากับไม่มีปรากฎให้เห็นเลยแม้แต่น้อย ทุกสิ่งอย่างล้วนถูกทำความสะอาดหมดสิ้นไม่มีหลงเหลือ ที่หลงเหลือก็มีเพียงแค่พื้นที่บริเวณหลังห้อง
…‘สมบูรณ์แบบ’
“…”
“ถึงจะสมบูรณ์แบบก็เถอะ”
“แต่ระยะเวลาที่ใช้ค่อนข้างนานอยู่พอสมควร”
“ออกจะนานเกินไปด้วยซ้ำ”
“…” เมญ่าทอดถอนหายใจ
“แบบนี้ทำคนเดียวอาจจะเร็วกว่าก็ได้”
ไม่ใช่คำว่า “อาจจะ” แต่มันต้องรวดเร็วกว่าที่เป็นอยู่แน่นอนอีกทั้งยังรวดเร็วมากกว่าเดิมไปหลายเท่าตัว จากความรู้สึกยินดีในตอนแรกเริ่มแปรเปลี่ยนกลายเป็นเศร้าหมอง
คุณหนูสาวที่รู้สึกตัวว่าตัวเองเผลอคิดแง่ลบเกินไป
เลยพยายามดึงสติหวนคืนกลับมา
…‘จะคิดแบบนั้นไม่ได้’
“…”
“มีอีกไหมคะ?”
เมญ่าร้องถามด้วยความสงสัย
ตามปรกติธรรมดางานทำความสะอาดห้องเรียนช่วงเย็นล้วนเป็นงานที่ค่อนข้างหนักหน่วงเนื่องจากงานการที่มีให้ทำมันค่อนข้างจะเยอะจนต้องหาคนมาเพิ่มเติม
แต่เหมือนครั้งนี้เขาจะแบกรับคนเดียวไปเกือบทั้งหมด ต่อให้หล่อนไม่ยื่นเข้ามาช่วยเหลือเขาก็คงทำเสร็จในระยะเวลาไม่ถึง 10 นาที
ทราเวียร์นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง
“…” ก่อนตอบเสียงเรียบ
“หมดแล้วครับ”
“ที่เหลือก็แค่เอาขยะไปทิ้ง”
“…”
“มีแค่นี้เหรอ?”
“ครับ”
“มีแค่นี้แหละ”
“หน้าที่ส่วนใหญ่ผมจัดการไปหมดแล้ว”
“เหลือแค่เอาขยะไปทิ้งอย่างเดียว”
“ทิ้งเสร็จแล้วก็กลับบ้านได้เลยสินะ”
“ใช่ครับ”
“…”
เมญ่าเดินไปหยุดหน้าถังขยะ
หน้าที่สุดท้ายก่อนกลับบ้านคือเอาขยะไปทิ้งซึ่งจำนวนถังขยะมีด้วยกันทั้งหมด 2 ถัง เท่ากับว่าหล่อนต้องเอาขยะไปทิ้งกับเขา ระหว่างกำลังจ่มจ่อมอยู่กับห้วงความคิด
ทราเวียร์ก็ตรงเข้ามาสอบถาม
“หนักไหมครับ?”
“ไม่หนักค่ะ”
“ดิฉันยังไหว”
“…”
“แน่นะ?”
“แน่ค่ะ”
เมญ่ายิ้มหัวเราะพร้อมยกถังขยะขึ้นสูงโชว์
แม้ว่ามองจากภายนอกถังขยะมันอาจจะใหญ่โตเกินกว่าหญิงสาวปรกติธรรมดาจะถือไหวแต่หล่อนหาใช่หญิงสาวปรกติน้ำหนักแค่นี้ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว
คนที่ควรมีปัญหากับมันมากที่สุดเห็นจะเป็นอีกฝ่ายมากกว่า
“เอาเข้าจริงแทนที่จะมาเป็นห่วงดิฉัน”
“ดิฉันว่าคุณควรจะเป็นห่วงตัวเองดีกว่า”
“…”
“ถ้าแค่ยกถังขยะอย่างเดียวไม่ถือเป็นปัญหาครับ”
“แน่นะคะ?”
“ครับ”
“ถ้าแค่ยกอย่างเดียวล่ะนะ”
“…”
“ไปค่ะ”
เมื่อแบ่งสรรปันส่วนเรียบร้อยแล้ว
ก็ถึงเวลาทำงานการเบื้องหน้าให้สำเร็จเสร็จสิ้นอย่าลืมว่าชายหนุ่มสวมแว่นยังมีนัดที่ต้องสละเวลาไปเยี่ยมเยียนใครบางคนอีก
ทราเวียร์เหลือบมองเมญ่ามองแววตาของหล่อน
…‘ทั้งที่เมื่อกี้ทำสีหน้าเหมือนจะร้องไห้ออกมาให้ได้แต่ตอนนี้’
“…”
“จะเปลี่ยนเร็วเกินไปแล้วนะ”
“คะ?”
“ไม่มีอะไรครับ”
“แค่รู้สึกเหนื่อยใจยังไงก็ไม่รู้”
“…”
“นั่งพักไหมคะ?”
“ที่ผมเหนื่อยก็เพราะคุณนั่นแหละ”
“มะ หมายความว่ายังไง?”
ไอ้ที่บอกว่าเหนื่อยใจเพราะเธอเนี่ย
หากเป็นใครคนอื่นโดยเฉพาะผู้ชายขอเพียงได้ใช้ช่วงเวลาเดียวกับหล่อน ได้อยู่เคียงข้างหล่อนก็คงไม่พ้นต้องดีใจไปตลอดชีวิตแต่นี่เขาได้สิทธิพิเศษที่เหนือล้ำกว่านั้น
กับไม่รู้จักของมีค่ายังจะบ่นออกมาอีก
“…”
“ไม่ต้องรู้หรอก”
“ดะ เดี๋ยวก่อนสิค่ะ”
“กลับมาอธิบายให้ดิฉันฟังก่อน”
“คุณนักเรียน?!”
พอเห็นทราเวียร์เดินออกนอกห้อง
เมญ่ารีบวิ่งตามขณะหยิบยกถังขยะไปด้วย
ต้องบอกว่ามันไม่ง่ายเลยสำหรับการวิ่งไปด้วยยกถังขยะไปด้วย แต่หากไม่ออกวิ่งตามให้ทันเกรงว่าคงไม่พ้นต้องถูกทิ้งให้อยู่ตัวคนเดียวเนื่องจากอีกฝ่ายเดินเร็วมาก
ซึ่งหล่อนไม่ปรารถนาให้สถานการณ์เฉกเช่นนั้นเกิดขึ้น ผ่านพ้นประตูห้องเรียนหลังจากพยายามวิ่งตามในที่สุดแผ่นหลังคุ้นตาก็ปรากฎให้เห็น
หล่อนจึงรีบวิ่งตามทันที
“…”
“นะ ในที่สุดก็ตามทัน”
“คะ คุณจะรีบไปไหน?”
ปลายสายตาคือร่างของชายหนุ่มสวมแว่นที่กำลังยกถังขยะลอยเหนือพื้น เพียงแต่ว่ามีบางสิ่งอย่างที่แปลกแยกแตกต่างออกไปเนื่องจากเขาหยุดนิ่งเงียบไม่ขยับไปไหน
เมญ่ารู้สึกว่านี่มันออกจะแปลกประหลาดไม่ใช่สถานการณ์ปรกติ
…‘ทำไมถึงไม่ขยับไปไหน?’
“…”
“คุณนักเรียน?”
ถ้อยคำพึมพำเบาบางไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มเหลือบหันมองเลยแม้แต่น้อย
ระหว่างที่คุณหนูสาวกำลังยืนเฝ้าจับจ้องมองอย่างใกล้ชิด ตอนนั้นเองที่สุ้มเสียงที่สามดังขึ้นดังท่ามกลางความเงียบสงบปราศจากเสียงใครคนอื่น
ทั้งยังเป็นน้ำเสียงหวานแหลมเอกลักษณ์ของสาวงามอีกต่างหาก
“อย่าพึ่งไปนะ!”
…‘เสียงจากด้านล่าง?’
“…”
“ดังมาก”
เมญ่าขมวดคิ้วแน่นขณะหันสายตามองไปยังต้นกำเนิดเสียง
ด้วยช่วงเวลาตอนเย็นปราศจากผู้คน การร้องตะโกนขึ้นมาล้วนได้ยินอย่างง่ายดาย ซึ่งเนื้อหาส่วนใหญ่ก็ไม่ได้แตกต่างไปจากการพูดคุยปรกติธรรมดา
แต่เหมือนจะมีใครบางคนที่อยู่หน้าหล่อนจะมอบความสนใจให้เหลือเกิน
“…”
“คุณ?”
เป็นทราเวียร์ที่แสดงอาการตอบสนองอย่างรุนแรง
แววตาของชายหนุ่มสวมแว่นหาใช่แววตาราบเรียบตามเดิมเหมือนที่เคยปรากฎตลอดมา มันกับแสดงอาการหวั่นไหวสั่นสะท้านจนยากจะสงบสติอารมณ์
ดูท่าเหตุกาณ์ต่อจากนี้คงเป็นอะไรที่ยากจะลืมเลือนแน่นอน
“…” ต้นตอต้นกำเนิดเสียงเริ่มขยับย้ายเข้ามาใกล้
“ทำไมละ?”
“รอแปปนึง ขอฉันไปเก็บของก่อน”
“รอสิ ต้องรอด้วยนะ”
“ห้ามหนีไปไหนเด็ดขาด”
ปลายเส้นผมปรากฏนำออกมาเป็นส่วนแรก
ตามมาด้วยโครงหน้าและแววตาคู่งามอันเป็นเอกลักษณ์ แต่เหมือนอีกฝ่ายจะเร่งรีบไม่อยู่ในสภาพปรกติธรรมดาใบหน้าจึงเต็มไปด้วยเหงื่อใสไหลอาบเต็มไปหมด
ซึ่งหล่อนควรจะมุ่งหน้าต่อไปไม่หยุดที่ไหนไม่ควรเอาเวลาไปทิ้งโดยเปล่าประโยชน์
แต่พอพบเห็นใครคนหนึ่งเข้าทุกสิ่งอย่างที่อยู่ในหัวสมอง
ก็หายวับไปกับตา
“สายแล้ว—”
“…”
สุ้มเสียงทั้งหมดหยุดนิ่งเงียบ
ไม่ใช่เพียงแค่สุ้มเสียงระหว่างทั้งสองเท่านั้นที่เงียบหาย กระทั่งห้วงอารมณ์ที่หญิงสาวปริศนาแสดงออกมาให้เห็นยังจางหายไม่มีหลงเหลือ
แปรเปลี่ยนบรรยากาศปรกติธรรมดาให้กลายเป็นบรรยากาศชวนให้รู้สึกอึดอัดหัวใจขั้นสุด ต่อให้สมองโง่เขลาเบาปัญญาขนาดไหนก็ย่อมต้องรู้ว่าทั้งสองรู้จักกัน
ทั้งยังไม่ใช่ความสัมพันธ์ปรกติธรรมดาแน่นอน
“เวียร์?”
“…”
“คุณเมญ่า?”
หญิงสาวปริศนาจ้องมองด้วยความตกใจ
คงไม่ใช่เรื่องแปลกแยกอะไรหากนักเรียนคนอื่นพบเห็นหล่อนเข้า แต่เหมือนอิสตรีเบื้องหน้าจะตกใจเป็นพิเศษเมื่อเห็นเขาอยู่กับเธอ ใช่เป้าหมายที่ทำให้หล่อนตกใจ
คือเขาไม่ใช่ตัวของเธอ
“พวกเธอ?”
“ทำไม?”
…‘บรรยากาศแปลกประหลาดนี่มันอะไรกัน?’
“…”
“สวัสดีค่ะ—”
ยังไม่ทันได้กล่าวสวัสดีไปตามมารยาท
เสียงหนึ่งก็แทรกแซงเข้ามาเสมือนกับว่าเป็นความตั้งใจของอีกฝ่ายส่วนจะเป็นความตั้งใจจริงหรือว่าเป็นเพียงช่วงเวลาบังเอิญคงมีแต่เจ้าตัวเท่านั้นที่รับรู้คำตอบ
เป็นเสียงถังขยะวางลงพื้นหลังจากเทขยะเสร็จสิ้น
ตึง!
“ผมมีแนวคิดที่ติดอยู่ในหัวเสมอ”
“…”
“หน้าที่ความรับผิดชอบของตัวเอง”
“รับมาแล้วก็ต้องทำให้สำเร็จ”
“ไม่ว่ายังไงก็ต้องทำให้สำเร็จ”
“ห้ามบ่ายเบี่ยงหลบเลี่ยงความรับผิดชอบเด็ดขาด”
ทราเวียร์กล่าวเสียงราบเรียบไม่บ่งบอกอารมณ์
หลังจากขยะทุกชิ้นลงถังเสร็จสิ้นเรียบร้อย นั่นเท่ากับว่าหน้าที่ทั้งหมดของวันนี้ล้วนเสร็จสิ้นไปตามกัน ฝ่ามือทั้งสองหยิบจับถังขยะก่อนเดินจากไปโดยไม่สนใจใครหน้าไหน
กระทั่งตัวของเมญ่าเขายังปล่อยผ่านทำเหมือนหล่อนไม่มีตัวตน
“ผมขอตัวก่อน”
“ดะ เดี๋ยวสิค่ะ”
เมญ่าพยายามร้องเรียกแต่ทราเวียร์หาได้สนใจไม่
สถานการณ์มันยุ่งวุ่นวายไปหมด ต่อให้หล่อนชาญฉลาดกว่านี้ก็ยังมองไม่ออกว่าต้นสายปลายเหตุแท้จริงมันเกิดเรื่องบ้าบออะไรขึ้น หนึ่งสิ่งที่รับรู้แน่นอนเลยคือ
มันต้องมาจากหญิงสาวปริศนาคนนี้แน่นอน
“เป็นอะไรอีกเนี่ย?!”
“คุณเมญ่า!”
“…”
“ขอโทษค่ะ!”
“แต่ตอนนี้ดิฉันกำลังรีบ!”
กล่าวจบเมญ่าไม่รอช้ารีบวิ่งตามติดไปในทันที
ทิ้งให้หญิงสาวปริศนาจดจ้องมองแผ่นหลังโดดเดี่ยวเปล่าเปลี่ยว ความรู้สึกมากมายรวมถึงถ้อยคำนับหมื่นพันล้วนหยุดอยู่ที่ริมฝีปากหากแต่ไม่อาจกล่าวมันออกไปได้
สุดท้ายปลายทางก็ทำได้แค่จดจ้องมองอย่างเดียวเท่านั้น
…‘เวียร์’
“…”
ระหว่างหญิงสาวปริศนาหรือกนกพรกำลังยืนนิ่งเงียบ
สุ้มเสียงอิสตรีทั้งหลายที่กำลังนินทาเรื่องราวส่วนตัวของหล่อนก็เริ่มดังขึ้นไม่ห่างกาย ทุกเรื่องราวหยิบยกขึ้นมาพูดคุยเสมือนเป็นเรื่องราวปรกติธรรมดากระทำได้ตามใจต้องการ
กระทำโดยไม่สนใจเลยว่าเจ้าตัวที่กำลังโดนนินทาจะรู้สึกยังไง
“เคยได้ยินสิ”
“เหมือนสาวงามอันดับ 2 ของเราจะมีแฟนหนุ่มเป็นที่เรียบร้อยแล้ว”
“แถมยังเป็นหนุ่มหล่ออีกต่างหาก”
“จริงเหรอ?”
“จริงสิ”
“…”
“ว้าว~ น่าอิจฉาอะ”
“เมื่อไหร่ฟ้าจะประทานคู่รักมาให้ฉันบ้างนะ”
“ฝันหวาน”
“แต่เหมือนจะมีข่าวลือแปลกประหลาดติดมาด้วย”
“เป็นข่าวแบบไหน?”
“เกี่ยวกับแฟนหนุ่มของเธอ—”
สุ้มเสียงทั้งหมดจางหายก่อนบรรยากาศเงียบเหงาจะหวนคืนกลับมาอีกครั้ง หล่อนทอดถอนหายใจเจือปนไปด้วยอารมณ์ก่อนก้าวเท้าเดินหน้าต่อ
ไม่มีเสียงหัวเราะไม่มีเสียงพูดคุยเหมือนตอนแรกมีเพียงความเงียบงันอย่างเดียวที่อยู่เคียงข้างกายกนกพร หล่อนแสดงออกยังไงในตอนนี้ทราเวียร์ก็แสดงออกเหมือนกัน
ไม่สิต้องบอกห้วงอารมณ์ที่เขาแสดงออกมานั้นมันเหนือกว่ามากมากจนเอามาเทียบไม่ติดเมญ่าที่กำลังตามติดมองตาแผ่นหลังเริ่มระมัดระวังตัวมากขึ้น
พยายามไม่เอ่ยปากเกินจำเป็น
…‘เขาแปลกไปตั้งแต่พบเจอหน้าหล่อน’
“…”
“คุณ—”
“ขอร้องล่ะครับ”
“อย่าได้ถามอะไรทั้งนั้น”
อยู่ ๆ เขาก็กล่าวขึ้นมากะทันหัน
นับเป็นครั้งแรกที่หล่อนได้พบเห็นอะไรที่แปลกแยกไปจากเดิม ปรกติน้ำเสียงของทราเวียร์จะราบเรียบไม่บ่งบอกอารมณ์หรือพยายามแสดงอาการคุกคามกีดกันตลอดเวลา
แต่ตอนนี้ช่วงเวลานี้น้ำเสียงของเขามันช่างอ่อนแรงเหลือเกิน คล้ายคนป่วยโรคร้ายรอคอยวันตายรอคอยให้ตนหลุดพ้นไปจากโลกใบนี้
มันอะไรที่หล่อนไม่เคยพานพบเห็นมาก่อน
“…” ทราเวียร์ยังเลือกกล่าวต่อ
“เรื่องบางเรื่องมันอาจจะดีกว่า”
“หากคุณไม่ต้องมารู้เห็น”
“ไม่ต้องรู้แหละดีแล้ว”
“…”
“ค่ะ”
เมญ่าตอบกลับด้วยน้ำเสียงเบาบาง
บรรยากาศที่เคยเบาสบายสามารถพูดคุยหยอกล้อได้ตามอารมณ์ปลิวหายไปในพริบตา ทดแทนด้วยบรรยากาศมืดมนชวนให้รู้สึกอึดอัดหัวใจเป็นที่สุด
ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นเพราะหญิงสาวปริศนาที่โผล่หน้าเข้ามาแทรกแซง แววตาคุณหนูสาวเริ่มแปรเปลี่ยนจากปรกติธรรมดากลายเป็นแววตายากจะคาดเดา
…‘เธอคนนั้นเป็นใครกัน?’
“…”