เพื่อนบ้านผมคือคุณหนูสาวเจ้าเสน่ห์ - ตอนที่ 16 ยามเย็นในห้องเรียน
ตอนที่ 16 ยามเย็นในห้องเรียน
ณ ช่วงเวลาเย็นของวัน
รอยยิ้มจอมปลอมปรากฏบนใบหน้า
เวรกิจวัตรประจำวันเป็นสิ่งที่นักเรียนทุกคนร่วมมีส่วนรับผิดชอบร่วมกัน แต่ก็มีใครบางคนที่เลือกเมินเฉยต่อกฎระเบียบทั้งยังอาศัยความเห็นแก่ตัวไปโยนงานให้กับผู้อื่น
โยนให้เพียงเพราะตัวเองไม่คิดจะทำไม่อยากจะทำ
และหนึ่งในผู้ประสบพบเจอโดยตรงก็คือทราเวียร์
ทั้งยังเป็นผู้ประสบพบเจอโดยตรงอีกต่างหาก
“ฝากด้วยนะ”
“ถือว่าช่วยกัน”
“ช่วยเพื่อนร่วมชั้นเรียนของนายไง”
“…”
“ได้ครับ”
“…”
“ขอบคุณมาก”
“ฝากด้วยนะเพื่อนยาก”
“ครั้งหน้าเดี๋ยวเลี้ยงน้ำ”
เพื่อนร่วมห้องยิ้มเปิดเผยให้เห็นฟันเต็มปาก
พร้อมเข้ามาตบไหล่เขาหลายต่อหลายเท่าทำเหมือนเป็นเพื่อนสนิทชิดเชื้อ
เดิมทีหากเป็นช่วงเวลาปรกติธรรมดามันคงไม่โผล่หน้าเข้ามาพูดคุยกับเขาด้วยซ้ำ บางทีกระทั่งเหลือบมองยังไม่คิดจะทำ แต่พอมีเรื่องอยากจะวานอยากจะใช้งาน
กับเลือกยิ้มร่าเดินเข้ามาหาช่างเป็นขยะสังคมที่ยอดเยี่ยมเสียจริง หลังจากฝากงานที่มันสมควรต้องกระทำมันก็ออกเดินเข้าไปหากลุ่มเพื่อนของตนหน้าตาเฉย
ปล่อยให้เขาต้องทำเวรคนเดียวโดยไม่คิดเหลียวมอง
“ไปกันเถอะ”
“นิสัยไม่ดีนี่หว่า”
“เออ รีบไปกันได้แล้ว”
“เดี๋ยวก็ไปดูหนังไม่ทันหรอก”
กล่าวจบมันก็เลือกเดินหนีหายไปในทันที
แน่นอนว่าต้นสายปลายเหตุที่มันเลือกโยนงานให้เขาทำคนเดียวไม่ใช่เหตุผลหลักใหญ่ใจความสำคัญ แต่เป็นเพียงเหตุผลสนองความต้องการส่วนตัวของมัน
เพียงแค่เพื่อสนองความต้องการส่วนตัว
บนเส้นทางเดินก่อนออกนอกตึก
“โคตรร้อนเลย”
“ตรวจดูรอบให้แน่นะ”
“รู้สึกว่า—”
ถ้อยคำทั้งหมดชะงักนิ่งเงียบขาดหายไปในทันที
เพียงแค่หล่อนปรากฏตัวให้เห็น เพียงแค่ได้เหลือบมองไม่กี่วินาทีก็สามารถช่วงชิงทุกสิ่งอย่างไปได้อย่างง่ายดาย เมญ่ากวาดสายตาไปโดยรอบก่อนกล่าวเปิดปากเบาบาง
กล่าวกับเพื่อนร่วมห้องร่วมชั้นเรียนของทราเวียร์
“ขอโทษนะคะ”
“…”
“ช่วยหลีกทางให้หน่อยได้ไหมคะ?”
“คะ ครับ”
“…” หนึ่งในพวกมันหลุดตอบออกมา
ก่อนจะเปิดทางให้กับเมญ่าได้ก้าวเท้าเดินผ่าน ทุกย่างก้าวของคุณหนูสาวล้วนสะกดข่มไม่ปล่อยให้ใครหน้าไหนหรือใครคนอื่นกล่าวเปิดปากชวนคุยทุกสิ่งอย่างล้วนนิ่งเงียบ
หล่อนขอบคุณทิ้งท้ายก่อนเดินหายจากไป
“ขอบคุณค่ะ”
“…” ใช้ระยะเวลาหลายวินาที
ก่อนพวกมันทั้งหมดจะดึงสติตัวเองกลับมาได้ และแน่นอนเมื่อพวกมันทุกคนหวนคืนดึงสติกลับมาได้สุ้มเสียงทั้งหมดที่เคยนิ่งเงียบก็ดังขึ้นทันที
ดังราวกับเด็กน้อยพึ่งจะพานพบเห็นของเล่นชิ้นใหม่
“เมื่อกี้นี่มัน”
“คุณหนูเมญ่า?”
“พระเจ้าช่วยโคตรจะโชคดีเลย”
“ว่าแต่เธอมาทำอะไรที่นี่”
“ห้องของเธอมันอยู่อีกฝั่งไม่ใช่เหรอ?”
คำตอบของคำถามล้วนไม่มีใครล่วงรู้
คนที่ล่วงรู้คงมีเพียงหล่อนคนเดียวเท่านั้นในตอนนี้
ห่างออกไปไม่ไกลมากนัก ณ ห้องเรียนที่พวกมันละจากมา
ทั้งที่ช่วงเวลาปรกติธรรมดาทั่วทั้งห้องต่างมีเสียงหัวเราะพูดคุยสนุกสนานดังต่อเนื่องตลอด แต่ตอนนี้กลับนิ่งเงียบปราศจากสุ้มเสียงไม่มีคำกล่าวอื่นเพิ่มเติม
ทราเวียร์ลอบกัดปากตัวเองพร้อมหยิบจับไม้กวาดพลางบ่นไปเรื่อยเปื่อย
…‘ไม่ว่าหน้าไหนก็เหมือนกันหมด’
“…”
“เพื่อนเหรอ?”
“น่าขยะแขยงสิ้นดี”
อาศัยเพียงคำว่า “เพื่อน“ อาศัยเพียงแค่คำเดียวเท่านั้น
ขอเพียงต้องการใช้งานใช้การคนอื่น พวกมันทุกคนก็พร้อมเรียกคนอื่นว่าเพื่อนได้หน้าตาเฉยบางทีคนที่พวกมันเรียกว่าเพื่อนอาจเป็นได้แค่คนรับใช้ราคาถูก
คิดอยากจะใช้งานยังไงก็ได้ช่างน่าขยะแขยงเสียจริง
อยู่ ๆ ภาพเมญ่าก็แทรกซ้อนเข้ามา
มาพร้อมกับเสียงดังขึ้นภายในหัว
…“งั้น”
…“เราเป็นเพื่อนกันไหม?”
…“คุณไม่มีเพื่อน?”
…“ไม่เหงาเหรอ?”
“…” มือที่ขยับตลอดพลันหยุดนิ่ง
ก่อนทุกสิ่งอย่างจะหวนคืนกลับตามเดิม
ขณะทราเวียร์กำลังยุ่งวุ่นวายกับการทำความสะอาดห้องเรียน
แสงอาทิตย์สาดส่องตลอดทั้งวันก็เริ่มลดตัวลงต่ำเป็นสัญญาณบ่งบอกเตรียมตัวย่างเท้าก้าวเข้าสู่ช่วงเวลากลางคืนช่วงเวลาพักผ่อนหย่อนกายหย่อนใจและตอนนั้นเอง
ตอนที่ทราเวียร์กำลังกวาดพื้นก้มหน้ามองเศษฝุ่นกระจัดกระจายตามพื้นห้องเรียบเงาก็เป็นช่วงจังหวะเวลาเดียวกับที่แขกแปลกหน้าคนใหม่ก้าวเท้าเดินเข้ามาในห้อง
พร้อมส่งเสียงร้องทักเบาบางเป็นการขออนุญาต
“ขออนุญาตค่ะ”
“…”
“เธอ?”
“ต้องการคนช่วยไหมคะ?”
“…”
“เธอมาที่นี่ได้ไง?”
ทราเวียร์หรี่ตามองคล้ายต้องการจับผิดอีกฝ่าย
ช่วงจังหวะเวลาตอนนี้เกือบจะ 5 โมงเย็น เป็นเวลาที่นักเรียนส่วนใหญ่กลับบ้านไปหมดเรียบร้อยแล้วน้อยคนนักจะยังอยู่ต่อ แต่หล่อนก็ยังอยู่ไม่ไปไหนแถมยังมาปรากฏให้เห็น
เดาได้เลยว่าเจตนาแท้จริงย่อมไม่ใช่ของง่ายดายอย่างคำว่า “บังเอิญ” แน่นอน
เมญ่ายิ้มกะพริบตาใสซื่อบริสุทธิ์ตอบคำถาม
“เดินมาค่ะ”
“เดินมาจากห้องเรียนที่อยู่อีกฝั่ง”
“…”
“ตอบตามตรงเลยนะครับ”
“คุณก็รู้ว่าผมไม่ได้ถามเรื่องนั้นสักหน่อย”
“ไม่ได้ถามเรื่องนั้น?”
“ถ้าไม่ได้ถามเรื่องนั้น”
“แล้วถามเรื่องไหนล่ะคะ?”
“…” เมญ่าเอียงคอถามด้วยแววตาใสซื่อ
รู้ทั้งรู้ว่าประเด็นที่เขาถามแท้จริงเป็นประเด็นอื่น แต่หล่อนก็ยังเลือกบ่ายเบี่ยงไม่ยินยอมตอบคำถามทั้งยังทำตัวเป็นเด็กน้อยใสบริสุทธิ์ ทั้งที่จริงเนื้อในมันคนละเรื่องกันเลย
ทราเวียร์ลอบถอนหายใจเหนื่อยอ่อน
…‘ยังไม่ยอมแพ้อีกเหรอ?’
“…”
“ผมว่าผมให้คำตอบไปเรียบร้อยแล้วนะ”
“ยังต้องการอะไรอีก?”
“…”
“ดิฉันไม่ได้ต้องการอะไรทั้งนั้น”
“เพียงแค่อยากช่วยเหลือในฐานะเพื่อนร่วมชั้นเรียนค่ะ”
“ได้ใช่ไหมคะ?”
“ในฐานะเพื่อนร่วมชั้นเรียนน่ะ”
สายตามองตรงไม่มีบ่ายเบี่ยงไปไหน
กับกลายเป็นว่าถ้อยคำทั้งหมดที่เหล่าเพื่อนร่วมชั้นจอมเห็นแก่ตัวบอกกล่าวกับเขา หล่อนล้วนได้ยินมันชัดเจนนอกจากได้ยินชัดเจน คุณหนูสาวยังหยิบยกมาใช้เป็นข้ออ้าง
ใช้มันเพื่อประโยชน์ส่วนตัวอีกต่างหาก
ทราเวียร์ขมวดคิ้วแน่น
…‘ได้ยินด้วย?’
“…”
“อยากจะช่วยเหลือผมในฐานะเพื่อนร่วมชั้นเรียน?”
“…”
“ทำไมถึงอยากจะช่วยผมล่ะครับ?”
“ไม่สิ”
“สำคัญเลยคือทำไมถึงคิดว่าผมจะยอมให้ช่วย”
“…”
“เป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนค่ะ”
“เพื่อนยังไงก็ต้องช่วยเหลือเพื่อนอยู่แล้ว”
“แม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ต้องการก็ตาม”
“อีกอย่างเพื่อนร่วมห้องของคุณก็เลือกหนีหน้าไปหมดแล้วด้วย”
“เกิดปล่อยผ่านปล่อยให้คุณแบกรับเวรประจำวันคนเดียว”
“คงโหดร้ายน่าดู”
“…”
“เพราะฉะนั้นดิฉันก็เลยมาช่วยค่ะ”
“โกหก” น้ำเสียงแดกดันดังขึ้นเบาบาง
แม้จะเบาบางแต่อีกฝ่ายก็ได้ยินชัดเจนเต็มสองรูหู
แต่ถึงจะได้ยินคำกล่าวของทราเวียร์หล่อนก็ยังเลือกยิ้มหน้าตายตามเดิม
ยังพยายามทำเมินหน้านิ่งยืนขาเดียวเต็มที่ ไม่ว่าอีกฝ่ายจะพยายามขับไล่หล่อนยังไง ขอเพียงยืนขาเดียวเอาไว้ทุกสิ่งอย่างล้วนดำเนินไปได้ต่อแม้จะมีสะดุดชะงักอยู่บ้าง
ความไร้ยางอายที่ไล่ไม่ไปไม่ว่าจะพยายามทำยังไงก็ไม่อาจทำให้หล่อนหนีหน้าหายไปไหนได้ มันช่างเป็นอะไรที่ชวนให้รำคาญกายรำคาญใจเหลือเกิน
ทราเวียร์เลือกทอดถอนหายใจเหนื่อยหน่าย
…‘ถ้ารู้ว่าช่วยแล้วจะเป็นแบบนี้’
“…”
“ไม่ช่วยเสียยังดีกว่า”
“คะ?”
“เพื่อนชั้นเรียนก็เพื่อนชั้นเรียน”
“…”
“หมายความว่า?”
“อย่าให้ต้องพูดซ้ำ”
“จริงนะ?!”
ดวงตาคู่งามกะพริบมองหลายต่อหลายครั้ง
แม้ว่าหล่อนจะเตรียมใจถูกต่อว่าสวนกลับหรืออาจถึงขั้นถูกปฏิเสธกลับมาอย่างรุนแรง แต่หล่อนไม่ได้เตรียมกายเตรียมใจถูกยินยอมรับจากชายหนุ่มเบื้องหน้าเลยแม้แต่น้อย
เอาเข้าจริงมีโอกาสมากถึงมากที่สุดที่หล่อนจะโดนไล่ตั้งแต่พานพบเห็นหน้าด้วยซ้ำ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงกรณีที่อีกฝ่ายรับปากยินยอมให้หล่อนช่วยเหลือเหมือนเหตุการณ์เบื้องหน้า
เมญ่าลอบกุมมือตัวเองแน่นพยายามยับยั้งอาการเต็มที่
“…” ก่อนก้มหัวขอบคุณที่ทราเวียร์ยินยอมโอนอ่อน
“ขอบคุณค่ะ!”
“…”
“แต่บอกเอาไว้ก่อน”
“ถ้าเกิดคุณทำอะไรให้ผมลำบากใจไม่ว่าทางใดทางหนึ่ง”
“คงรู้ใช่ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้น?”
“ค่ะ”
“ดิฉันจะออกจากห้องทันที”
“และจะไม่โผล่หน้ามาหาคุณอีก”
“…”
“อยากจะทำอะไรก็เชิญ”
“ค่ะ!”
เมญ่าตอบรับเสียงดังฟังชัด
พอได้รับคำอนุญาตจากชายหนุ่มเบื้องหน้า หญิงสาวแสนสวยไม่รอช้ารีบก้าวเท้าเดินเข้ามาไปในห้องหวังช่วยเหลือแบ่งเบาภาระและงานชิ้นแรกที่หล่อนกำลังเล็งอยู่ก็คือ
เก้าอี้ที่วางกระจัดกระจายตามพื้นไม่เป็นระเบียบ ระหว่างหล่อนกำลังยกเก้าอี้ขึ้นโต๊ะยังมีเหลือบมองทราเวียร์อยู่บ่อยครั้งมองเขาเช็ดกระจกมองดูเขาทำเวรห้องเพียงคนเดียว
สาวงามอันดับหนึ่งลอบกำพนักเก้าอี้แน่น
…‘ในที่สุด’
“…”
“สำเร็จ!” รอยยิ้มงามสง่าปรากฏบนใบหน้า
อย่างที่เขาว่าไว้ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จย่อมอยู่ที่นั้น
ระหว่างคุณหนูสาวตระกูลใหญ่กำลังดีใจกับแผนการความพยายามของตน หล่อนไม่อาจล่วงรู้ได้เลยว่าสายตาคู่หนึ่งกำลังลอบเหลือบจับจ้องมองตลอดเวลา
แน่นอนว่าคนที่กำลังจับจ้องมองย่อมไม่ใช่ใครคนอื่นเป็นทราเวียร์คนเดิมเพิ่มเติมคือจับจ้องมองตลอดเวลาคล้ายกลัวเกรงว่าหล่อนจะมาสร้างปัญหาหายนะมากกว่าประโยชน์
ยิ่งเห็นท่าทีดีใจเกินพอดีของคุณหนูสาวเขายิ่งมั่นใจ
ว่าการให้หล่อนช่วยเหลือไม่ใช่ความคิดที่ดีเลย
…‘ฉันน่าจะปฏิเสธไปสินะ’
“…” ทราเวียร์ถอนหายใจ
ก้มเช็ดกระจกตามเดิม
“ไม่น่าหาเรื่องใส่ตัวเลย”