เพื่อนบ้านผมคือคุณหนูสาวเจ้าเสน่ห์ - ตอนที่ 15 คุณหนูสาวร้องขอเป็นเพื่อน
ตอนที่ 15 คุณหนูสาวร้องขอเป็นเพื่อน
บรรยากาศระหว่างทั้งสองมากไปด้วยแรงกดดันที่มองไม่เห็น
ต่างฝ่ายต่างจดจ้องมองสองสายตามองสอดผสานไม่มีใครละสายตาไปไหน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงฝ่ามือขาวเนียนที่กำลังจับบีบแน่นไม่คิดปล่อยผ่าน
ด้วยลักษณะการใช้งานเรี่ยวแรงบีบแน่นเกรงว่าหากทราเวียร์ไม่มอบคำตอบที่ต้องการให้กับหล่อน หล่อนคงไม่คิดยินยอมปล่อยผ่านปล่อยให้เขาเป็นอิสระแน่นอน
ทราเวียร์ลอบถอนหายใจเบาบาง เขารู้อยู่แล้วว่าคุณหนูสาวต้องมาหาเขาในอีกไม่ช้าทั้งยังน่าจะมาพร้อมกับหลักฐานนับไม่ถ้วนกันไม่ให้บ่ายเบี่ยง
แต่ไม่เคยคิดมาก่อนว่ามันจะรวดเร็วขนาดนี้
…‘สมกับเป็นคุณหนูตระกูลใหญ่’
“…”
“ไม่เข้าใจครับ”
“ผมเป็นคนช่วยเหลือคุณ?”
“…”
“มุกตลกแบบใหม่เหรอครับ?”
“…”
“ไม่ใช่มุกตลกแบบใหม่ค่ะ”
“ดิฉันจริงจังค่ะ”
“จริงจังมากด้วย” เมญ่าหรี่ตามอง
มองด้วยแววตาประการแหลมคม
ลองหล่อนกล้าหยิบยกเรื่องราวพวกนี้ขึ้นมาพูดคุย นั้นย่อมแสดงให้เห็นแล้วว่าหล่อนเตรียมการมาเพียงพอเล่นงานเขาถึงตาย ส่วนจะได้ผลไหมต้องไปรอดูกันอีกที
พอเห็นคุณหนูสาวตระกูลใหญ่จริงจังหนักแน่นเกินคาด
ทราเวียร์ถึงกับต้องลอบถอนหายใจ
“…”
“ผมว่าคุณน่าจะเข้าใจผิดมากกว่า”
“บาดแผลที่คุณเห็นบนแขนขวาของผม”
“ล้วนมาจากสถานอื่นสถานการณ์อื่น”
“ไม่มีความเกี่ยวข้อง—”
“ที่ไหน?”
“ดิฉันอยากรู้”
“คุณไปได้บาดแผลพวกนี้มาจากที่ไหน?”
“…”
“จำเป็นต้องรู้ด้วยเหรอ?”
“อีกอย่างคุณกับผมเราเป็นเพียงแค่คนแปลกหน้า”
“ไม่ใช่เพื่อน”
“เพื่อนร่วมห้องก็ไม่ใช่”
“กระทั่งคนรู้จักยังไม่ใกล้เคียงด้วยซ้ำ”
แววตาราบเรียบเผยท่วงท่าแข็งกร้าวไม่คิดยินยอมง่ายดาย
ด้วยความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองในตอนนี้ การถามคำถามที่ค่อนข้างละลาบละล้วงจึงเป็นอะไรที่ไร้มารยาทสิ้นดี ถึงแม้เขาจะไม่ได้บอกกล่าวถ้อยคำออกไปตามตรง
แต่มีเหรอว่าหล่อนจะไม่รู้ความนัยแอบแฝง
“…” ทราเวียร์ยังกล่าวต่อ
ไม่ปล่อยให้เกิดช่องว่าง
“ส่วนเรื่องบาดแผล”
“เอาไว้คุณเป็นเพื่อนผมเมื่อไหร่ค่อยถามก็ยังไม่สาย”
“ถ้าเป็นได้ล่ะนะ”
สิ้นเสียงกล่าวจบครบประโยค
ฝ่ามืออีกข้างของเมญ่าก็พุ่งเข้ามาคว้าจับฝ่ามือของทราเวียร์ทันที
เป็นการลงมือที่รวดเร็วยิ่งยวดรวดเร็วเกินกว่าจะตอบสนองได้ทันท่วงที พอพบเห็นฝ่ามือของตนโดนจับบีบเอาไว้แนบแน่นไม่คิดปล่อยผ่านจนกว่าจะได้รับในสิ่งที่หล่อนต้องการ
ดวงตาทั้งสองของชายหนุ่มสวมแว่นก็เบิกกว้างตื่นตระหนกตกใจขั้นสุดก่อนพยายามฉุดรั้งดึงแขนตัวเองกลับออกมา น่าเสียดายที่การกระทำของเขาไม่เป็นผล
ข้อมือที่ถูกจับยึดมันไม่ขยับเคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อย แถมพอเห็นเขาออกอาการต่อต้านไม่ยินยอมพร้อมใจแทนที่หล่อนจะปล่อยผ่าน ดันฉุดรั้งด้วยเรี่ยวแรงที่มากขึ้นกว่าเดิมอีก
แสดงออกให้เห็นอย่างชัดเจนว่าไม่ต้องการปล่อยให้เขาเป็นอิสระ
หมับ!
“…” เมญ่าลอบสูดลมหายใจเข้าลึก
ก่อนกล่าวตอบไปตามตรง
“งั้น”
“เรามาเป็นเพื่อนกันไหม?”
“…”
“ครับ?!”
“ก็คุณบอกเองนิ”
“ว่าต้องเป็นเพื่อนก่อนถึงจะถามได้”
“ถะ ถึงผมจะพูดแบบนั้นก็เถอะ—”
“เพื่อน”
“จะเป็นไหมคะ?”
เมญ่ากล่าวน้ำเสียงจริงจังขั้นสุด
ไม่มีท่วงท่าหยอกล้อให้เห็นเลยแม้แต่น้อย
แต่ด้วยสถานภาพทางสังคมของทั้งสองการเป็นเพื่อนกันจึงเป็นอะไรที่เป็นไปได้ยากมาก แน่นอนว่าเรื่องราวจะแปรเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงหากเป็นหล่อนที่ยื่นมือเข้ามาหาเขาก่อน
ทราเวียร์ลอบกัดปากตัวเองแน่น
…‘เพื่อน’
“…”
“ผมไม่มีหรอกของแบบนั้น”
“ไม่จำเป็นต้องมีด้วย”
“…”
“คุณไม่มีเพื่อน?”
“…”
“แล้วมัน”
“ไม่เหงาเหรอ?”
“เอาอะไรมาเหงา”
“ผมอยู่ของผมแบบนี้ก็มีความสุขดีอยู่แล้ว”
“อีกอย่างผมมาที่นี่เพื่อเรียนหนังสือ”
“เพื่อนน่ะ”
“จะมีหรือไม่มีก็ได้”
“…”
“เอาเข้าจริงไม่ต้องมีมันเลยจะดีกว่า”
หลังจากกล่าวเสร็จสิ้นสีหน้าเขาก็กลับมาราบเรียบอีกครั้ง
ทั้งที่เมื่อครู่ยังออกอาการหวาดหวั่นหวั่นไหวแสดงออกมาให้เห็นเต็มสองตา แต่ตอนนี้ทุกสิ่งอย่างกับหวนคืนกลับสู่สภาพเดิมเรียบร้อยแล้ว
ราวกับเหตุการณ์เมื่อครู่เป็นเพียงภาพลวงตา
…‘เราโดนปฏิเสธงั้นเหรอ’
“…” เมญ่าลอบกัดปากตัวเองแน่น
ก่อนหวนคืนกลับสู่ประเด็นเดิมอีกครั้ง
“คุณยังไม่ตอบคำถามของดิฉันเลย”
“ตกลงเป็นคุณใช่ไหมที่ช่วยเหลือดิฉัน?”
“ช่วยไม่ให้ดิฉันต้องแบกรับบาดแผลแบบเดียวกับคุณ”
“…”
“เราไม่ใช่—”
“ไม่เกี่ยวสักหน่อย?!”
“เรื่องบางเรื่องต่อให้ไม่ใช่เพื่อนก็ถามได้!”
“…”
“ให้ตายสิ”
“คำตอบของคำถามคุณน่าจะรู้อยู่แก่ใจแท้ ๆ”
“ในเมื่อรู้อยู่แล้ว”
“ทำไมต้องเสียเวลากับเรื่องไม่เป็นเรื่องด้วย”
“…”
“ก็เพราะรู้ไงถึงได้ถามกลับไป”
เมญ่ามองสอดผสานสายตาไม่คิดบ่ายเบี่ยง
เรื่องราวทั้งหมดมันช่างง่ายดายเสียยิ่งกว่าง่ายดาย
เขาแค่ไม่อยากให้ใครหน้าไหนเข้ามายุ่งวุ่นวายกับชีวิต ไม่อยากให้หล่อนหรือใครคนอื่นคนที่เขาช่วยเหลือมาตอบแทนบุญคุณมาตอบแทนในสิ่งที่เขาไม่ต้องการ
ส่วนหล่อนก็แค่ตัดสินใจเด็ดขาดคิดยื่นมือเข้าช่วยเหลือเข้าตอบแทนบุญคุณโดยไม่คิดสนใจใครหน้าไหนจะรู้สึกยังไงจะคิดแบบไหน
เรียกได้ว่าต่างฝ่ายต่างมีทิฐิเป็นของตัวเอง
…‘เพราะรู้ถึงได้ถามงั้นเหรอ’
“…” ทราเวียร์นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง
ก่อนเหลือบมองออกนอกหน้าต่าง
“ทุกสิ่งอย่างที่ผมทำ”
“ผมทำเพราะอยากทำ”
“ไม่ได้ต้องการให้ใครหน้าไหนมาตอบแทนหรือมาทำอะไรให้”
“แค่อยากจะทำเท่านั้นเอง”
“ฉะนั้นเรื่องบุญคุณอะไรนั้นไม่ต้องหรอก”
“…”
“เพราะอยากทำ?”
“ครับ”
ทราเวียร์เพียงพยักหน้าตอบกลับไป
หลังจากฟังมาทั้งหมดเธอก็รู้แล้วว่าเขาต้องการสื่อสารอะไรออกมา เขาเพียงต้องการช่วยเหลืออย่างเดียวเท่านั้นผลบุญคุณอะไรนั้น ไม่ต้องหรอก ไม่ต้องมาต้องตอบแทนเขา
ไม่ต้องมายุ่งวุ่นวายกับเขาเพียงแค่รับความช่วยเหลืออย่างเดียวก็พอ
ซึ่งในฐานะคนปรกติธรรมดาหล่อนยอมรับไม่ได้เด็ดขาด
…‘จะให้ฉันเมินเฉยไปทั้งแบบนั้นฉันทำไม่ได้หรอก’
“…” เมญ่าส่ายหน้าก่อนร้องโต้เถียงกลับไป
“ไม่เข้าใจค่ะ!”
“ดิฉันไม่เข้าใจว่าคุณคิดอะไรอยู่”
“ทำไมถึงได้ปฏิเสธเสียงแข็งทั้งที่หลักฐานมันออกจะชัดเจนขนาดนั้น”
“ขอแค่ค่ารักษาพยาบาลอย่างเดียวก็ได้”
“ให้ดิฉันได้ช่วยเหลือ—”
“มือครับ”
“คุณกำลังจับมือผมอยู่”
“…”
“จับแล้วมันทำไม?”
“คุณรังเกียจเหรอ?”
“เปล่านิครับ”
“แค่”
“ไม่รู้สิครับ”
“…”
“ขอแค่ค่ารักษาพยาบาล”
“แค่ค่ารักษาอย่างเดียวก็ได้ค่ะ”
“ถ้าหากคุณไม่ยอมให้ดิฉันรับผิดชอบอะไรสักอย่าง”
“ดิฉันคงรู้สึกผิดแบบนี้ไปตลอด”
“…”
“รู้สึกผิดไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะได้ตอบแทน”
“ขอร้องล่ะค่ะ”
เมญ่าก้มหัวขอร้องด้วยความจริงใจ
หล่อนเพียงแค่อยากจะแสดงความรับผิดชอบ อยากจะตอบแทนบุญคุณที่ชายหนุ่มกระโดดเข้ามาช่วยเหลือโดยไม่คิดชีวิต จนได้รับบาดแผลมากมายกลับไปเท่านั้นเอง
แต่ทำไมเป้าหมายของหล่อนมันถึงได้ยากเย็นแบบนี้
“เวลาพักเที่ยงหมดแล้วครับ”
“…” เมญ่ากัดริมฝีปากแน่น
ขนาดนี้เขายังไม่หวั่นไหวไม่เปิดช่องทางให้
“คาบต่อไปกำลังจะเริ่ม”
“หวังเป็นอย่างยิ่งว่าครั้งต่อไปที่พวกเราพบเจอหน้ากัน”
“คุณจะไม่หยิบยกเรื่องเดิมขึ้นมาพูดอีก”
กล่าวจบทราเวียร์ก็ลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้
ก่อนเดินผ่านหล่อนผ่านมุ่งหน้าไปยังประตูห้องเตรียมพร้อมหวนคืนกลับสู่ห้องเรียน เมญ่าที่เห็นว่าอีกฝ่ายไม่คิดรับฟังคำร้องขอของหล่อนเลยทำได้แค่กัดปากตัวเอง
ก้มหน้าก้มตาอย่างเดียวในตอนนี้
“…” ขายังไม่ทันก้าวพ้นขอบประตู
ทราเวียร์หันกลับมากล่าวเบาบาง
“เรื่องเมื่อตอนเช้า”
“คะ?”
“ก็ไม่รู้หรอกนะว่าคุณคิดจะทำอะไร?”
“แต่เรื่องบางเรื่องให้อภัยได้สมควรให้อภัย”
“การจองเวรจองกรรมไปเรื่อย ๆ มีแต่จะเสียกับเสียเท่านั้น”
“นอกจากความสะใจที่ได้รับกลับมา”
“ก็ไม่มีประโยชน์อย่างอื่นเลยแม้แต่น้อย”
“…” ทราเวียร์ละสายตากลับ
สิ่งที่ควรบอกกล่าวก็บอกกล่าวไปจนหมดสิ้นเรียบร้อยแล้ว
เขาเชื่อว่าด้วยระดับมันสมองของคุณหนูสาวตระกูลใหญ่ ย่อมต้องรับรู้ว่าเจตนาแท้จริงที่ของเขาต้องการกล่าวสิ่งใดออกมาและก็เป็นไปอย่างที่ครุ่นคิดเอาไว้ไม่มีผิด
เมญ่าหรี่ตามองก่อนก้มหัวขอบคุณในความปรารถนาดี
“…” ขอบคุณที่อุตส่าห์เปิดปากบอก
“ขอบคุณสำหรับคำเตือนค่ะ”
“ดิฉันจะเก็บไปพิจารณาอย่างถี่ถ้วน”
แววตาหล่อนหาได้นอบน้อมอย่างที่เห็น
สองสายตามองสอดผสานมองซึ่งกันและกัน
ชายหนุ่มสวมแว่นเพียงมองนิ่งแข็งค้างมองอยู่หลายต่อหลายวินาที ก่อนเจ้าตัวจะเลือกก้าวเท้าเดินออกจากห้องไป ปล่อยให้หล่อนอยู่แค่คนเดียวไม่มีใครคนอื่นเพิ่มเติม
เมญ่าส่ายหน้าเหนื่อยหน่ายให้กับความหัวดื้อหัวรั้นของอีกฝ่าย
…‘ไม่อยากให้เรารับผิดชอบขนาดนั้นเลยเหรอ?’
“…”
“คนหัวดื้อ”
“จะดื้อด้านเกินไปแล้วนะ”
“หัวแข็งอย่างกับก้อนหิน”
กล่าวมาถึงตอนนี้
หล่อนถึงกับหลุดยิ้มหัวเราะเบาบาง
ก่อนใบหน้างดงามปานเทพธิดาจะเหลือบก้มมอง
ก้มมองข้อความในโทรศัพท์ที่กำลังส่งบางสิ่งอย่างที่หล่อนกำลังต้องการมาให้ ซึ่งมันก็คือข้อมูลเกี่ยวข้องกับกลุ่มอันธพาลหนุ่มทั้งสามไม่ว่าจะเป็นข้อมูลปรกติธรรมดา
หรือจะเป็นข้อมูลส่วนตัวที่ไม่อาจเปิดเผยได้หล่อนล้วนต้องการมันทั้งหมด ทั้งที่คิดว่าตัวเองปกปิดเอาไว้เรียบร้อยเรียบเนียนไม่มีใครคนอื่นล่วงรู้
หากแต่ความเป็นจริงมันกับไม่เป็นแบบนั้น
[ ข้อมูลทั้งหมดที่คุณหนูต้องการดิฉันขอเวลา 2 ชั่วโมงค่ะ ]
“…” เมญ่าปิดโทรศัพท์สายตาจดจ้องมองไปยังประตู
มองไปยังทิศทางที่ชายหนุ่มสวมแว่นก้าวเท้าพ้นออกไป
“นอกจากดื้อด้านไม่ยอมความ”
“ยังหูตาดีอีกต่างหาก”
เขาละจากไปแล้วหล่อนเองก็ต้องกลับไปเหมือนกัน
หลังจากก้าวเท้ามุ่งหน้ากลับไปยังห้องเรียนของตน
สิ่งแรกเริ่มเลยที่คุณหนูสาวพบเห็นเป็นอย่างแรกคือใบหน้าอยากรู้อยากเห็นขั้นสุดของเพื่อนสาวคนสนิทเรียกได้ว่าอยากรู้อยากเห็นเกินหน้าเกินตา
จนแทบจะอดทนอดกลั้นต่อไปไม่ไหว
“…” เพื่อนสาวรีบตรงเข้ามาหาเมญ่าทันที
พร้อมกล่าวถามไม่คิดเปิดช่องทางให้ปฏิเสธ
“เจอเขาไหม?”
“คนที่เธอกำลังตามหา”
“…”
“จะว่าเจอมันก็เจออยู่หรอก”
“แต่เรื่องราวมันไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้นน่ะสิ”
“ไม่ง่ายดายเลย”
“…”
“ไม่ง่ายดายสินะ”
“ขนาดเธอออกหน้าไปหาอีกฝ่ายยังไม่ง่ายอีกเหรอ?”
“ล้อกันเล่นรึเปล่า?”
“…” ไม่มีเค้าโครงหยอกล้อปรากฎให้เห็นบนใบหน้า
หล่อนเพียงนิ่งเงียบและเงียบต่อไปไม่คิดโต้ตอบกลับ
อย่าได้หลงลืมเป็นอันขาดว่าคุณหนูสาวผู้นี้คือสาวงามอันดับหนึ่งของโรงเรียน การที่หล่อนออกหน้าแล้วไม่ประสบผลสำเร็จ ย่อมเป็นผลลัพธ์ที่เหนือล้ำจินตนาการเหลือเกิน
เพื่อนสาวที่ได้ยินถึงกับร้องอุทานทันที
“เหลือเชื่อ!”
“ผู้ชายที่เมินเฉยสาวงามแบบเธอได้เนี่ย”
“ฉันอยากลองเจอเขาสักครั้งจัง”
“หยุดเลย”
“หึงเหรอ?”
“เปล่าหึงสักหน่อย”
“แค่ไม่อยากให้เรื่องมันยุ่งวุ่นวายไปมากกว่านี้ต่างหาก”
หลังจากกล่าวจบเมญ่าก็ทอดถอนหายใจเหนื่อยอ่อน
อย่าว่าแต่หึงหวงกระทั่งความรู้สึกนึกชอบในฐานะชายหนุ่มหญิงสาว ยังไม่มีปรากฎให้เห็นเลยแม้แต่น้อยทั้งหมดทุกสิ่งอย่างที่แสดงออกมามันออกจะเฉยชาด้วยซ้ำ
อาจจะบอกได้ว่าในห้วงความคิดห้วงจิตใจของคุณหนูสาวมีเพียงความรู้สึกต้องการตอบแทนบุญคุณกลับคืนไปเท่านั้น อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึงให้เปลืองเวลาเปล่าประโยชน์
และด้วยลักษณะนิสัยของทราเวียร์เกิดปล่อยให้เพื่อนสาวเบื้องหน้าเข้าไปยุ่งวุ่นวายกับอีกฝ่าย มีความเป็นไปได้สูงถึงสูงมากที่จะก่อให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี
เพราะฉะนั้นเลี่ยงได้สมควรเลี่ยงอย่าได้คิดลอง
…‘อีกอย่างแค่นี้ก็วุ่นวายมากพอแล้ว’
“…”