เพื่อนบ้านผมคือคุณหนูสาวเจ้าเสน่ห์ - ตอนที่ 12 สาวงามอันดับ 2
ตอนที่ 12 สาวงามอันดับ 2
“ฉันก็แค่ปลามปลื้มคุณหนูเมญ่า”
“ไม่ใช่พวกโรคจิตสักหน่อย?!”
“ก่อนจะพูดดูหน้าตัวเองก่อนเถอะ”
กล่าวจบเสียงหัวเราะสนุกสนานก็ดังไปทั่วทั้งกลุ่ม
แต่ในขณะเดียวกันก็มีกลุ่มคนบางจำพวกที่ครุ่นคิดไปอีกเส้นทาง ทั้งยังเป็นเส้นทางที่ค่อนข้างเลวร้ายอีกต่างหาก พวกหล่อนเริ่มเปิดปากนินทาเสียดสีทันที
นินทาโดยเว้นระยะห่างไม่คิดเข้าใกล้จนมากเกินไป
“…”
“หึ พวกผู้ชายไร้ตามองอะไรไม่เห็น”
“คุณหนูอะไรนั่นมีดีตรงไหน?”
“แค่เกิดมาบ้านรวยนิดหน่อยทำราวกับตัวเองเป็นพระเจ้าเดินดิน”
“สำคัญตัวผิดเกินไปรึเปล่า?”
หนึ่งในกลุ่มหญิงสาวแค่นเสียง
ไม่ชอบใจที่เห็นเมญ่าโดดเด่นเหนือกว่าตน
แน่นอนว่าภายใต้ท้องฟ้าเดียวกันล้วนมีมนุษย์หลากหลายประเภทเยอะแยะเต็มไปหมด
บางคนเลือกยิ้มหัวเราะไปตามอารมณ์ใช้ชีวิตตามใจตัวเองต้องการโดยไม่สนใจใครคนไหน บางคนก็เลือกเฝ้าจับมองจับผิดใครคนอื่นตลอดเพียงสนองความต้องการส่วนตัว
ซึ่งทุกคนทุกเพศทุกวัยล้วนมีสิทธิ์มีเสียงในการแสดงความคิดเห็นของตัวเองออกมา แต่มันต้องอยู่ในกรอบในกฎระเบียบของสังคมและไม่มีเบียดเบียนใครคนอื่นอีกด้วย
เพื่อนสาวอีกนางที่เห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มเกินเลย
จึงเข้ามาช่วยแบ่งเบาสถานการณ์
“…”
“ไม่แปลกใจที่ใครคนอื่นจะรัก”
“ตลอดระยะเวลาที่เธอเข้าเรียน”
“เธอวางตัวดีมาตลอดแถมยังไม่เคยสร้างเรื่องเสื่อมเสียเลยสักครั้ง”
“ออกจะเป็นแบบอย่างให้คนอื่นปฏิบัติตาม”
“ใช้เงินปิดปากมากกว่า”
“ขอแค่มีเงินจะทำอะไรก็ได้ทั้งนั้นแหละ”
“อคติ”
“นี่เธอ!”
“…” พอเห็นว่าเพื่อนสาวไม่ยินยอมเห็นด้วย
อีกฝ่ายจึงเริ่มเปิดปากโต้เถียงกับอีกฝ่ายพยายามโน้มน้าวบ่ายเบี่ยงหวังให้เพื่อนสาวยินยอมน้อมรับความคิดเห็นของตน น่าเสียดายที่ความพยายามทั้งหมดไม่เป็นผล
สุดท้ายปลายทางจำต้องหุบปากนิ่งเงียบไปตามระเบียบ ห่างออกไปไม่ไกลมากนักอิสตรีอีกนางที่งดงามเป็นรองคุณหนูเมญ่าไม่กี่ขั้นกับปรากฎโฉมออกมาให้เห็น
สายตาหล่อนเบิกกว้างขั้นสุดขณะจดจ้องมองคนผู้หนึ่ง
…‘เดี๋ยวนะ!’
“…”
“เวียร์?!”
“เดี๋ยวก่อน!”
ฝ่ามือพุ่งเข้าจับแขนอีกฝ่ายทันที
แต่แล้วสิ่งที่หล่อนปรารถนาอยากจะพบเห็นคนรู้จักกับพังทลายไม่เป็นท่า เนื่องจากคนที่หล่อนคว้าจับออกมาเป็นใครคนอื่นคนที่หล่อนไม่คุ้นหน้า
ไม่ใช่คนที่หล่อนตามหา
หมับ!
“…”
“ครับ?”
“ขะ ขอโทษค่ะ”
“ทักผิดคน”
“ไม่เป็นไรครับ”
พอเห็นว่าเป็นคนสวยมันเลยพยายามชักชวนพูดคุยต่อ
หากความพยายามทั้งหมดเป็นอันต้องล้มเหลวไม่เป็นท่า หล่อนไม่คิดเหลือบมองไม่คิดรับฟังคำกล่าวของใครหน้าไหนเอาแต่ก้มหน้าก้าวเท้าเดินต่อไป
ปล่อยให้กลุ่มคนที่เหลือมึนงงสับสนไม่เข้ากับเหตุการณ์เมื่อครู่
“โคตรสวยเลย”
“เป็นใครมาจากไหนวะ?”
“อะไรไม่รู้จักเธอเหรอ?”
“เธอคือสาวงามอันดับ 2 ของโรงเรียน”
“กนกพร แสงส่องอรุณ”
“อันดับ 2 ของโรงเรียนเป็นรองคุณหนูเมญ่าสินะ”
“ใช่” เพื่อนชายพยักหน้าเป็นอันเข้าใจตรงกัน
หลังจากกล่าวเสร็จสิ้นครบถ้วนกระบวนความ
สายตามากมายโดยเฉพาะเหล่าชายหนุ่มโสดทั้งหลายต่างจับจ้องมองไปที่หญิงสาวอันดับสองกันอย่างพร้อมเพรียงมีกระทั่งบางคนที่คิดเดินเข้าไปเปิดปากพูดคุย
แต่ก็โดนพ้องเพื่อนล้อมรอบกายดึงชักเอาไว้ก่อน
…‘นี่เรากำลังทำอะไรอยู่’
“…” กนกพรเพียงถอนหายใจนิ่งเงียบ
ก่อนกล่าวพึมพำกับตัวเอง
“ที่สมควรลืมยังไงก็ต้องลืม”
“ต้องลืมไปให้หมด”
หลังจากเรียนช่วงเช้าเสร็จสิ้นครบถ้วนกระบวนความ
อาจารย์วัยกลางคนก็หยิบสมุดหยิบหนังสือของตัวเอง เตรียมก้าวเท้าออกจากห้องไปใช้เวลาพักเที่ยงของตัวเอง แต่ก่อนจะก้าวเท้าออกไปเขาไม่เลิกที่จะหันมากล่าวกับนักเรียน
กล่าวเตือนบอกให้เอาหนังสือมาครั้งต่อไปด้วย
“…”
“ครั้งต่อไปอย่าลืมเอาหนังสือมาด้วยนะ”
“ครับ / ค่ะ”
ทันทีที่อาจารย์วัยกลางคนก้าวเท้าออกจากห้อง
บรรยากาศที่เคยนิ่งเงียบสงบเสงี่ยมก็แปรเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ เสียงพูดคุยหัวเราะสนุกสนานดังขึ้นต่อเนื่องไม่ขาดสายดังโดยไม่มีใครคิดกักเก็บ
“ในที่สุดก็พักเที่ยง”
“โคตรอยากจะกลับบ้าน”
“ไม่อยากเรียนแล้วนะ~”
“เย็นนี้ไปเที่ยวกันไหม?”
“พักบ้างเถอะเรื่องเที่ยวน่ะ”
“ทำไมล่ะ?” หัวคิ้วขมวดเข้าหากัน
เจ้าตัวอุตส่าห์คิดอยากไปเที่ยวกับเพื่อนหนุ่มหลังเลิกเรียน
แต่เหมือนอีกฝ่ายไม่คิดยินยอมโอนอ่อนยอมไปเที่ยวตามคำขอ
แน่นอนว่าเมื่อโดนปฏิเสธไม่คิดทำตามใจต้องการ มันก็เลยเริ่มเปิดปากถามอีกฝ่ายถามหาเหตุผลต้นสายปลายเหตุทั้งหมดที่ทำให้อีกฝ่ายไม่คิดไปเที่ยวด้วย
สีหน้าคนโดนถามออกอาการเหนื่อยหน่ายคล้ายกำลังคุยกับคนบ้าไร้สมอง
ทั้งที่สมควรรับรู้ด้วยกันแต่อีกฝ่ายกับทำตัวมึนงง
แถมยังจะมาเอาเรื่องเอาราวอีกต่างหาก
“ไม่ได้ยินที่เขาประกาศเสียงตามสายหรอกเหรอ?”
“เรื่องโจรที่กำลังออกอาละวาดน่ะนะ”
“เด็กน้อย—”
“เด็กน้อยตรงไหน?”
“รู้ไหมตอนกลับบ้านเมื่อวานฉันเจออะไรเข้า?”
สีหน้านักเรียนหนุ่มไม่มีเค้าโครงหยอกล้อให้เห็นเลยแม้แต่น้อย
บ่งบอกให้รับรู้ว่าเนื้อหาที่กำลังกล่าวพูดคุยในตอนนี้เป็นเรื่องจริงจังเกินกว่าจะหยิบยกนำมาพูดคุยเล่นตลกพูดคุยสนุกสนานซึ่งเจ้าคนที่ยิ้มหัวเราะในตอนแรกก็รับรู้บรรยากาศ
ก่อนร้องถามด้วยน้ำเสียงแอบแฝงไปด้วยความจริงจังหลายส่วน
ร้องถามกลับหวังเอาคำตอบ
“เจออะไร?”
“…”
“ระหว่างทางกลับบ้าน”
“ฉันเจอคนโดนแทงนอนร้องขอความช่วยเหลืออยู่กับพื้น”
“นอกจากคนโดนแทงยังมีอีกพวกวิ่งหนีไปพร้อมกับกระเป๋าตัง”
“บนหัวไหล่ของพวกมันทุกคนล้วนมีรอยสักเป็นรูปสิงโต”
“…” สีหน้าอีกฝ่ายเริ่มแปรเปลี่ยนอีกครั้ง
ที่แปรเปลี่ยนไม่ใช่เพราะเพื่อนหนุ่มพบเจอคนแทงกันหรือเป็นเหตุการณ์ขโมยของจนบานปลายไปถึงขั้นลงมือทำร้ายชิงทรัพย์ แต่เป็นตัวตนของอีกฝ่ายที่ลงมือต่างหาก
แววตาหวั่นไหวหวาดหวั่นหวาดกลัวไม่น้อย
“นายกำลังจะบอกว่าพวกมันเป็น—”
“น่าจะพวกมันแน่นอน”
“กลุ่มสิงโตดำกลุ่มแก๊งปล้นธนาคารที่กำลังออกอาละวาดอย่างหนัก”
หากเป็นเมื่อหลายต่อหลายปีก่อนหากกล่าวถึงกลุ่มสิงโตดำ
ทุกคนที่ได้ยินคงขมวดคิ้วทำเมินเฉยคิดว่าใครคนอื่นกำลังเล่นตลกชวนเสียเวลา แต่หากเป็นตอนนี้เป็นช่วงจังหวะเวลานี้หากใครได้ยินได้พบเห็นคงมีหน้าถอดสีกันบ้าง
ตัวอย่างมีให้เห็นชัดเจนก็เป็นเจ้าเด็กน้อยตรงหน้าที่หยอกล้อมาตลอด
ตอนนี้กับเนื้อตัวสั่นสะท้านไปหมด
“…” มันร้องถามอีกครั้ง
“จริงเหรอ?”
“จริงสิฉันเห็นกับตา”
“เพราะฉะนั้นหลังเลิกเรียนฉันว่าฉันจะกลับบ้านทันที”
“ถ้านายอยากเที่ยวต่อก็คงต้องไปต่อโดยไม่มีฉัน”
“…”
“ไม่เที่ยวก็ไม่เที่ยว”
ต่อให้มันเป็นพวกชอบเที่ยวชอบหาเรื่องใส่ตัว
แต่มันไม่ได้โง่เขลาเบาปัญญากันกันเลยแท้จริงแล้วหัวสมองของมันชาญฉลาดมาก ชาญฉลาดมากพอไม่เอาตัวเองเข้าไปยุ่งวุ่นวายกับเรื่องคอขาดบาดตาย
ยิ่งได้ยินจากปากของเพื่อนสนิท ใจที่คิดอยากออกไปเที่ยวหาความสุขให้กับตัวเองก็เริ่มแปรเปลี่ยนพร้อมหวนคืนกลับตามเดิม สีหน้าของมันกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง
พร้อมกล่าวเปลี่ยนเรื่องหวังเปลี่ยนบรรยากาศ
“พักเรื่องเที่ยวมาคุยเรื่องมื้อเที่ยงดีกว่า”
“ไปกินข้าวไหนดี?”
“ขี้เกียจคิดเอาร้านเดิมล่ะกันง่ายดี”
เหล่านักเรียนชายหนุ่มทั้งหลายต่างทยอยออกจากห้อง
มีคนบางจำพวกต้องการออกไปซื้อข้าวพักกลางวันตามความชอบส่วนตน ก็มีอีกบางจำพวกที่นิ่งเงียบไม่คิดขยับไปไหนส่วนเหตุผลที่นิ่งเงียบล้วนเป็นไปตามแต่ละคน
เฉกเช่นหญิงงามอันดับสองของโรงเรียน
หล่อนเพียงนั่งนิ่งเงียบไม่ไปไหน
…‘ต้องใช่แน่’
“…”
“ต้องใช่แน่นอน”
“ไม่มีทางที่ฉันจะจำเขาผิดไป”
ขณะหญิงสาวอันดับสองกำลังจมจ่อมอยู่กับห้วงความคิดของตน
เสียงหญิงสาวผู้เปี่ยมไปด้วยพลังบวกก็ดังขึ้นข้างใบหู แม้น้ำเสียงจะเบาสบายไม่ดังมากนักแต่มันก็มากพอทำให้ใครคนหนึ่งที่กำลังหลงวนเวียนอยู่ในห้วงความคิดตื่นตกใจ
กนกพรหรือว่านุชรีบหันสายตาไปมองต้นสายปลายกำเนิดทันที
“นุช?”
“อะไร?”
“หัวคิ้วขมวดแน่นมาก”
“มีเรื่องให้คิดเหรอ?”
“…”
“นิดหน่อยน่ะ”
“แค่เรื่องไม่เป็นเรื่อง”