เพื่อนบ้านผมคือคุณหนูสาวเจ้าเสน่ห์ - ตอนที่ 1 หญิงสาวในห้องพยาบาล
ตอนที่ 01 หญิงสาวในห้องพยาบาล
มักมีคนกล่าวเอาไว้เสมอ
เมื่อวินาทีที่คนเราต้องเผชิญหน้ากับความเป็นความตาย
ประสาทสัมผัสทั่วทั้งร่างจะตอบสนองกระตุ้นเตือนให้ห้วงความคิดทำงานหนักหน่วงรวดเร็วไปมากกว่าเดิมอีกหลายเท่าตัวและด้วยการเร่งความเร็วยอดเยี่ยมของสมอง
มันก็เลยทำให้ฉากภาพเบื้องหน้าของหญิงสาวผู้งดงามปานเทพธิดาเชื่องช้ากว่าปรกติ เชื่องช้ามากพอจนพบเห็นสิ่งแวดล้อมรอบกายได้อย่างชัดเจน
ไม่ว่าจะเป็นเศษฝุ่นที่กำลังล่องลอยอยู่กลางอากาศ ใบไม้ที่นิ่งแข็งค้างรอคอยล่วงลงแตะสู่พื้นดิน หรือกระทั่งพบเห็นเรือนร่างงามของตนลอยเหนือพื้นขาไม่ติดบันได
แววตาหล่อนตื่นตระหนกตกใจเบิกกว้างขั้นสุด
…‘ช่วยด้วย’
“…”
“ช่วย—”
“ระวัง!”
“?!”
เพียงเสี้ยววินาทีเดียวเท่านั้น
ก่อนหญิงสาวแสนสวยจะตกบันได
ร่างชายหนุ่มปริศนาผอมสูงก็พุ่งทะยานเข้ามาสวมกอดจากด้านหลัง ถึงแม้จะโอบกอดพยายามดึงร่างบางเข้าหาตัวแต่มันก็สายเกินไปสายเกินกว่าจะแก้ไข
นอกจากไม่ช่วยอะไรให้ดีขึ้น ไม่ทำให้หญิงสาวรอดพ้นจากหายนะ ยังลากพาตัวเองลงไปประสบพบเจอกับหายนะอีกต่างหากซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ตามมา
ล้วนคาดเดาได้ง่ายดาย
ตึก!
ตกบันไดทั้งคู่
ข้ามผ่านห้วงวันเวลาไปหลายต่อหลายนาทีอาจถึงขั้นชั่วโมง ในที่สุดเหตุการณ์ทั้งหมดก็ผ่านพ้นไป ส่วนเหตุการณ์มีรายละเอียดยิบย่อยยังไงลักษณะแบบไหนล้วนไม่มีใครล่วงรู้
รู้เพียงแต่ว่ามีคู่รักมากมายที่กำลังออกเดินพักเที่ยงไปตามอารมณ์
“ในที่สุดก็พักเที่ยง~”
“ว่าแต่วันนี้ไปเที่ยวไหนดี?”
“มีเธออยู่ ฉันไปได้หมดแหละ”
“ปากหวาน~”
รอยยิ้มงดงามปรากฎบนใบหน้า
นอกจากคู่รักนับไม่ถ้วนที่กำลังเดินหัวเราะพูดคุยสนุกสนานไปตามอารมณ์ ยังมีอีกจำพวกหนึ่งที่ยืนอยู่ไม่ห่างเป็นจำพวกว่าที่คู่รักรอคอยให้สมความปรารถนา
หากก้าวข้ามผ่านประตูบานนี้ไปได้พวกเขาเหล่านั้นก็จะกลายเป็นคู่รักหอมหวานกลายเป็นคู่รักสมความปรารถนา แต่ในทางกลับกันหากผิดพลาดล้มเหลวขึ้นมาเมื่อไหร่ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายชายหนุ่มหรือฝ่ายหญิง สิ่งที่รอคอยอยู่จะมีเพียงแต่ความสิ้นหวังเท่านั้น
ตัวอย่างมีให้พบเห็นเยอะแยะมากมายเต็มไปหมด
ณ ต้นไม้ใหญ่โตหลายคนโอบ
“…”
ชายหนุ่มผู้หนึ่งกำลังรวบรวมความกล้า
พยายามสารภาพความรู้สึกของตนออกไป
“คือผมมีเรื่องอยากจะบอก…”
“เรา”
“…เรามาคบกันไหม?”
“ลองมาเป็นแฟนกัน”
“…”
“นายเอาจริงเหรอ?”
“ครับ”
“…”
ริ้วแดงปรากฏบนใบหน้าหญิงสาว
ก่อนหล่อนจะตอบกลับมาเบาบาง
ตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนนุ่ม
“…อย่ามาเสียใจทีหลังนะ”
ชายหนุ่มที่ได้ยินคำตอบถึงกับร้องเสียงหลงออกมา
“ครับ!”
เหตุการณ์เฉกเช่นนี้เกิดขึ้นได้ตลอด
แต่ผลลัพธ์ใช่ว่าจะสมหวังเสมอไปมีสุขย่อมมีทุกข์
ส่วนใครทุกข์ใครสุขก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของโชคชะตาละกัน
ท่ามกลางบรรยากาศหอมหวานชื่นมื่นเต็มเปี่ยมไปด้วยห้วงอารมณ์ความรัก
เหนือขึ้นไปบนตึกสูง 3 ชั้น สายตาคู่หนึ่งกำลังจดจ้องมองลงมา มองลงมาจากห้องพยาบาลซึ่งเป็นห้องบนสุดของตึก เจ้าของสายตาคู่นั้นเพียงกวาดมองไปเรื่อยเปื่อยไม่มีหยุดยั้งสถานที่อื่นใดเป็นพิเศษ
ก่อนดวงตาราบเรียบจะหวนคืนดึงกลับมา
กลับมามองอิสตรีนางหนึ่งคนที่กำลังนั่งปั้นหน้ายักษ์ คล้ายต้องการจับอีกฝ่ายมาฉีกกระชากให้กลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ตัวตนของหล่อนคือหมอประจำโรงเรียน
ผู้ที่ทำหน้าที่คอยรักษาพยาบาลเด็กนักเรียนทุกคนรวมถึงบุคคลากรของโรงเรียน เรียกได้ว่าไม่ว่าจะเป็นใครหน้าไหน หากเป็นอะไรขึ้นมาต่อให้เรื่องเป็นเล็กน้อยเบาบางหรือว่าหนักหน่วงหนักแน่นล้วนแล้วแต่ต้องผ่านมือหล่อนทั้งหมด
ซึ่งเหมือนเจ้าตัวหล่อนในตอนนี้จะไม่อยู่ในห้วงอารมณ์พูดคุย
แววคมกร้าวจับตำแหน่งมองมาที่เขาอย่างชัดเจน
ก่อนริมฝีปากบางเริ่มกล่าวถาม
“…”
“ฉันจะถามอีกครั้ง”
“เธอแน่ใจนะว่าต้องการแบบนี้?”
“แน่ใจครับ”
“ถ้าเกิดอะไรขึ้นผมพร้อมรับผิดชอบทั้งหมด”
“ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่รับผิดชอบหรือไม่รับผิดชอบ”
“ขอร้องล่ะ”
“กลับบ้านไปเถอะนะ”
ใบเฟิร์นหมอสาวพยายามร้องขอบอกให้เขากลับบ้าน
ด้วยอาการบาดเจ็บครั้งนี้ของทราเวียร์ มันได้ทิ้งร่องรอยบาดแผลตามลำตัวเอาไว้มากมายเหลือเกินโดยเฉพาะแขนขวาที่ต้องเย็บเชื่อมปิดผิว
ถึงอย่างนั้นเจ้าตัวก็ยังดึงดันอยู่ต่อไม่คิดยอมกลับบ้านไปพักผ่อน ซึ่งตรงจุดนี้แหละที่กำลังกลายเป็นประเด็นถกเถียงระหว่างทั้งสอง
เนื่องจากฝ่ายชายหนุ่มสวมแว่นยังอยากอยู่ต่อไม่อยากกลับบ้าน ส่วนใบเฟิร์นอาจารย์สาวหล่อนคิดต่างอยากให้เขากลับบ้านกลับช่องไปพักผ่อน
หากอยู่ต่อบาดแผลที่พึ่งเย็บเสร็จอาจจะปริแตกได้ หมอสาวจึงอยากให้เขาลากลับบ้านไปจะได้สบายใจไม่ต้องเป็นกังวลให้เหนื่อยเปล่า
แต่เหมือนอีกฝ่ายจะไม่คิดรับฟังคำขอของหล่อน
เขายังคงยืนยันคำเดิม
“…”
“คำเดิมครับ”
“ถ้าผมไม่ไหวเดี๋ยวผมไปหาหมอเอง”
“แต่!”
“ผมไม่ได้ขอร้อง”
“จะเรียกว่าคำสั่งก็ได้ถ้าคุณต้องการ”
“…”
สองสายตาปะทะกัน
ไม่มีใครหน้าไหนยินยอมใครคนอื่นทั้งสิ้น
บรรยากาศที่เคยถกเถียงพลันนิ่งเงียบไปในทันที
สีหน้าอาจารย์สาวแปรเปลี่ยนสีไปหลายต่อหลายครั้งยิ่งแววตานี่ไม่ต้องพูดถึงทั้งตื่นตระหนกตกใจ ทั้งโกรธแค้น ทั้งโกรธเคือง
สุดท้ายปลายทางอาจารย์พยาบาลสาวก็เลือกเส้นทางยอมถอยห่าง
หล่อนยอมความไม่เอาเรื่องต่อ
…‘เด็กนรกส่งมาเกิด!’
“…”
“ตามใจ!”
“เป็นอะไรขึ้นมาอย่ามาโทษฉันทีหลังก็แล้วกัน”
“แน่นอนครับ”
“…”
“บัดซบ!”
ใบเฟิร์นสบถไม่พอใจกระทืบพื้นระบายอารมณ์
ในเมื่ออีกฝ่ายตัดสินใจเรียบร้อยแล้ว ทั้งยังยืนยันหนักหน่วงแข็งกร้าวไม่เปิดช่องทางให้เจรจา คิดดึงดันต่อไปรั้งแต่จะเสียสุขภาพจิต
หล่อนจึงเลือกหลับตาแน่น
คล้ายกำลังสะกดข่มอารมณ์เดือดดาลก่อนก้าวเท้าเดินออกจากห้อง ปล่อยให้ทราเวียร์อยู่กับหญิงสาวผู้งดงามปานเทพธิดาตามลำพัง
หลังจากหมอสาวก้าวเท้าพ้นออกจากห้องพยาบาล
ทราเวียร์ก็ละสายตาจากทางเดินกลับมาจดจ้องมองคุณหนูสาวอีกครั้ง
ก่อนพ่นลมหายใจเหนื่อยอ่อนปนสิ้นหวังเบาบาง
…‘เมญ่า เอมเมอริซ’
“…”
หล่อนคือหญิงงามในฝันของใครหลายคน
สูง ขาว ขาเรียวยาว ทรวงทรงยอดเยี่ยมสะกดทุกสายตา
ไม่ว่าใครหน้าไหนเห็นเป็นต้องหลงใหลหลงรัก นอกจากรูปลักษณ์ภายนอกคะแนนสูงลิบ เบื้องหลังยังยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน เรียกได้ว่าเปี่ยมไปด้วยคุณสมบัติภรรยาในจินตนาการของใครหลายคน
ซึ่งบุคคลผู้นั้นกำลังนอนอยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้
…‘ให้ตายสิ’
“…”
“นี่เรากำลังหาเรื่องใส่ตัวอยู่รึเปล่าเนี่ย?”
ขณะกำลังจมจ่อมอยู่กับห้วงความคิดของตน
ประตูห้องพยาบาลก็ถูกเปิดออกด้วยฝีมือของใครบางคน
ซึ่งแน่นอนคนที่เปิดประตูเข้ามาหาใช่หมอสาวคนดีคนเดิม แต่เป็นฝีมือของใครคนอื่นทั้งยังไม่ได้มาคนเดียวแต่มาถึงสองคน
ทันทีที่ประตูถูกเปิดออกเสียงกรีดร้องก็ดังขึ้นทันที
เป็นเสียงเล็กแหลมอันเป็นเอกลักษณ์
ปัง!
“…”
“คุณเมญ่า?!”
สายตาพวกหล่อนกวาดมองไปทั่วบริเวณ
ก่อนไปหยุดด้านในสุดของห้องพยาบาล
ไปหยุดที่อิสตรีนางหนึ่งที่กำลังนอนสงบเสงี่ยมปราศจากสติสัมปชัญญะ พอพบเห็นร่างบุคคลอันเป็นที่รักพวกหล่อนไม่รอช้ารีบพุ่งเข้าหาทันที
แต่ยังไม่ทันได้ก้าวเท้าไปไหน
พวกหล่อนกับไปสังเกตเห็นบางสิ่งอย่างเข้า
เห็นผู้ชายคนหนึ่งนั่งอยู่ข้างเตียงบุคคลอันเป็นที่รัก
…‘ผู้ชาย?’
“…”
“นายเป็นใคร?!”
“มาทำอะไรที่นี่?!”
“รีบออกไปเดี๋ยวนี้!”
“ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ของนาย!”
น้ำเสียงแข็งกร้าวตวาดดังลั่น
ในสายตาอิสตรีทั้งสองตัวตนชายหนุ่มสวมแว่นที่กำลังนั่งอยู่เคียงข้างเตียงคุณหนูเมญ่าเปรียบเสมือนมดแมลงตัวน้อยน่ารำคาญเป็นที่สุด บวกกับห้วงอารมณ์ไม่มั่นคง
สุดท้ายปลายพวกหล่อนจึงเลือกเส้นทางออกปากขับไล่เขา ออกปากขับไล่โดยไม่คิดรับฟังสิ่งอื่นใดเลยแม้แต่น้อย กระทั่งครุ่นคิดหาเหตุผลมาไตร่ตรองยังไม่คิดจะทำ
ถึงอย่างนั้นใช่ว่าอะไรจะแปรเปลี่ยน
“…” ทราเวียร์หาได้สนใจ
ท่วงท่าดั่งเดิมเป็นมายังไงปัจจุบันย่อมเป็นแบบนั้น
เขาเพียงใช้ปลายนิ้วเคาะกำแพง
กึก!
กึก!
กึก!
“…” เคาะเบาบางพอให้ได้ยินเสียง
เคาะไปยังตำแหน่งเดียวกับป้ายกฎระเบียบที่วางแปะประดับตามห้อง พร้อมกล่าวตอกกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบตามเดิม
หากแต่สำหรับคนที่โดนว่ากล่าวตักเตือน
คำกล่าวของเขาล้วนเปรียบเสมือนค้อนด้ามใหญ่ฟาดเข้ากลางกระบาลบดขยี้ห้วงอารมณ์ความรู้สึกให้หายวับไปในชั่วพริบตา
หายไปโดยไม่มีหลงเหลือ
“…”
“ที่นี่ห้องพยาบาลครับ”
“จะทำอะไรก็ช่วยดูสถานที่ด้วย”
“ผมรู้ครับว่าพวกคุณเป็นห่วงคุณหนูเมญ่า”
“แต่ที่นี่ไม่ใช่ห้องเรียน”
“ยิ่งไม่ใช่สถานที่สำหรับเปิดปากร้องตะโกนชี้หน้าด่าทอคนอื่น”
“ฉะนั้นโปรดระมัดระวังและรักษากฎระเบียบด้วยครับ”
ทันทีที่ได้ยินคำกล่าวของชายหนุ่มสวมแว่น
พวกหล่อนถึงกับหยุดชะงักนิ่งแข็งค้างไม่คิดพูดจา ก่อนใบหน้าสองสาวจะอาบย้อมไปด้วยสีแดงสด ซึ่งใบหน้าสีแดงสดที่พวกหล่อนแสดงออกมา
หาใช่ความเขินอายเสมือนหญิงสาวพานพบเจอชายหนุ่มรูปงาม แต่มันคือความอับอายที่ตนเองเผลอกระทำผิดพลาดร้ายแรงต่างหาก
สองสาวรีบก้มหัวขอโทษทันทีไม่รีรอให้เสียเวลาเปล่า
“…”
“ขอโทษค่ะ”
“ขะ ขอโทษค่ะ”
“คะ คือพวกเราไม่ได้ตั้งใจ”
“…”
ทราเวียร์ส่ายหน้าไม่เอาความ
อย่าว่าแต่เอาความ
กระทั่งสายตาเขายังไม่คิดเหลือบมองด้วยซ้ำ
พอเห็นชายหนุ่มสวมแว่นเลือกนิ่งเงียบไม่คิดพูดจาหรือตอบสนองอะไรออกมา ความรู้สึกมากมายก็เริ่มถูกกระตุ้นเตือนเข้ามาในหัวสมอง
เขาเกี่ยวข้องยังไงกับเมญ่า
อะไรที่ทำให้ทั้งสองมาอยู่ด้วยกันในห้องพยาบาล
ที่สำคัญทำไมถึงปล่อยให้อยู่กันตามลำพัง
หมอสาวหายไปไหน
ด้วยความสงสัยอันยากจะหักห้ามใจ
หนึ่งในสองสาวจึงเริ่มกล่าวถามกลับไป
“แล้วคุณเป็นใครคะ?”
“…”
“คนปรกติธรรมดาครับ”
“ไม่มีมากมีน้อยไปกว่านั้น”
ทราเวียร์เพียงตอบเสียงเรียบไม่มีอารมณ์อื่นยุ่งเกี่ยว
สองสาวออกอาการสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อพบเห็นชายหนุ่มร่างสูงลุกจากพื้นที่ของตน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงขยับสาวเท้าก้าวเข้ามาใกล้ ขณะพวกหล่อนเตรียมการโต้ตอบกลับไป
แผ่นกระดาษหลายแผ่นก็ถูกหยิบยื่นให้ทั้งยังยื่นให้ต่อหน้าต่อตา
ช่างเป็นอะไรที่ชวนให้รู้สึกแปลกประหลาดใจเหลือเกิน
การกระทำของเขาทำหัวสมองมึนงงไปชั่วขณะ
ก่อนเผลอร้องตอบกลับไป
“คะ?”
“รายงานเอกสารทั้งหมดเกี่ยวกับอาการของคุณหนูเมญ่า”
“เพื่อพวกคุณอยากรู้”
“…”
“เอามาให้พวกเรามันจะดีเหรอคะ?”
หัวจิตหัวใจดวงน้อยของพวกหล่อนกำลังหวั่นไหว
แผ่นกระดาษรายงานอาการผู้ป่วยจัดได้ว่าเป็นของส่วนตัวไม่ควรเอาไปเปิดเผยให้บุคคลที่สามรับรู้ โดยเฉพาะบุคคลที่เป็นเพียงเพื่อนร่วมห้องไม่ใช่ผู้ปกครองโดยชอบธรรม
ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังมอบให้กับพวกเธอ
“เอารึเปล่าครับ?”
“…”
“ถ้าพวกคุณไม่อยากได้ผมจะได้โยนทิ้งถังขยะ”
ทราเวียร์ยื่นขยับเอกสารเข้าไปใกล้
หวังให้พวกหล่อนรีบหยิบจับออกไปจากมือเสียที
หากว่ากันตามตรงพวกหล่อนสมควรปฏิเสธให้เด็ดขาดพร้อมทำทุกสิ่งอย่างให้ถูกต้อง แต่ด้วยความเป็นห่วงเป็นใยบวกกับความอยากรู้อยากเห็นเกินควรมันจึงกลบเกลื่อนทุกสิ่งอย่างไปจนหมดสิ้น
หลังจากต่อสู้กับห้วงความคิดของตัวเองอย่างหนักหน่วง ในที่สุดบทสรุปสุดท้ายก็มาถึง มือสองข้างยื่นเข้าหาตรงเข้าคว้ากระดาษจับแนบแน่นไม่คิดปล่อยผ่าน
ก่อนน้ำเสียงขอบคุณเบาบางจะดังขึ้นในเวลาต่อมา
“ขอบคุณค่ะ”
“…”
“หน้าที่ของผมจบแล้ว”
“ขอตัวครับ” พอกล่าวจบ
ทราเวียร์ก้มหัวเล็กน้อยพอเป็นพิธี
ก่อนก้าวเท้าเดินผ่านหญิงสาวทั้งสองมุ่งหน้าไปยังประตูเตรียมออกสู่นอกห้อง ในฐานะเพื่อนสาวทั้งสองของคุณหนูเมญ่าพวกหล่อนย่อมไม่อาจปล่อยผ่านง่ายดาย
เลยพยายามขวางกั้นพยายามขอบอกให้เขาหยุด
“ดะ เดี๋ยวก่อนค่ะ”
“รอก่อน—”
ตึง!
“…”
น่าเสียดายที่ถ้อยคำร้องขอของพวกหล่อนไม่เป็นผล
แม้กระทั่งช่วงจังหวะเวลาสุดท้ายไม่ว่าสองสาวจะพยายามร้องขอบอกให้หยุดยั้งยังไง ชายหนุ่มสวมแว่นก็ไม่ได้มีท่วงท่าโอนอ่อนให้เห็นเลยแม้แต่น้อย
เขายังคงก้าวเท้าเดินหน้าต่อ เดินจนพ้นออกนอกห้องพร้อมปิดประตูปิดกั้นทุกโอกาส
หลังออกจากห้องพยาบาล
ชายหนุ่มสวมแว่นไม่ได้ละจากไปไหน
ไม่ได้เดินกลับห้องเรียนหรือทำเรื่องขอกลับบ้านตามคำร้องขอของอาจารย์สาว เขาเพียงพิงหลังกับประตูห้องพยาบาลก่อนเงยหน้ามองเพดาน
มองด้วยแววตาราบเรียบไม่บ่งบอกอารมณ์
พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนน้อยอ่อนแรง
“…”
“เรา”
“เปลืองเนื้อเปลืองตัวเกินไปรึเปล่าเนี่ย?”
ทราเวียร์ถอนหายใจเจือปนไปด้วยห้วงอารมณ์ความรู้สึกมากมาย
ใครจะไปคิดละว่าวันหนึ่งเขาจะออกหน้าเข้าช่วยเหลือหญิงสาวคนที่ตนไม่รู้จัก เลือกกระทั่งกระโดดเอาตัวเองไปเป็นเบาะรองรับเรือนร่างงดงามปานเทพธิดา
จนสุดท้ายปลายทางทำให้เขาต้องเป็นฝ่ายได้รับบาดแผลเจ็บปวดมากมายแทน ส่วนหล่อนคนที่เป็นต้นเหตุ นอกจากไม่เป็นอะไรยังไม่มีบาดแผลให้เห็นเลยแม้แต่น้อย
ฝ่ามือลูบบาดแผลเล็กน้อยคล้ายต้องการปลอบประโลมร่างกาย
…‘ช่างเถอะถือว่าทำบุญละกัน’
“…”
สิ่งที่ควรกระทำก็กระทำเสร็จสิ้นเรียบร้อย
เมื่อไม่มีเหตุผลอยู่ต่อขาทั้งสองข้างก็เริ่มนำพาร่างเนื้อที่เต็มไปด้วยบาดแผลน้อยใหญ่เดินหายไปจากทางเดิน
หายไปท่ามกลางความว่างเปล่า