เพื่อชดใช้หนี้ 2 ล้าน ฉันจึงเข้าร่วมระบบจอมเวทย์ค่ะ !! - ตอนที่ 7 ภารกิจปราบไวเวิร์น
ขั้นตอนแรกก่อนการออกล่า คือ การพิจารณาข้อมูลทั้งหมดที่มี
เริ่มจากเวลาในการกำจัดดูจากอัตราฟูงซิงโคร
‘อัตราฟูลซิงโคร 40 %’
ฉันพอมีเวลาอยู่ เพราะงั้นไม่จำเป็นต้องรีบบุกเข้าไป
ระยะห่างของฉันกับพวกมันก็อยู่ที่ราวๆสามแยกไฟแดง การเป็นจอมเวทย์ช่วยให้ฉันยกระดับประสาทสัมผัสในทุกๆด้าน นั่นจึงทำให้ฉันเห็นเหล่าสัตว์เลื้อยคลานสีเขียวที่กำลังโบยบินอยู่เหนือสวนสาธารณะ
พวกมันมีทั้งหมด 7 ตัวและแต่ละตัวก็มีเกล็ดเป็นสีเขียวเหมือนไวเวิร์นที่เคยเห็นเมื่อครั้งที่แล้ว ทว่า ครั้งนี้ พวกมันกลับมีปีกที่ใหญ่กว่าและกรงเล็บก็ดูแหลมคมยาวเฟื้อยต่างจากตัวก่อน
แม้จะมองจากตรงนี้ก็รู้สึกได้ถึงบรรยากาศรอบตัวของพวกมันที่ดูผิดปกติ
ทั้งเพดานบินที่สูงกว่าไวเวิร์นที่ออร์คควบคุมถึงสองเท่า แถมยังใบไม้ที่ปลิววนรอบๆตัวพวกมันด้วยอัตราเร็วที่มากจนน่าประหลาดราวกับว่า มันกำลังหมุนวนอยู่ในพายุ
ไม่รู้เพราะอากาศร้อนรึเปล่า แต่รู้สึกได้ว่าอากาศรอบๆตัวของพวกมันดูบิดเบี้ยวแปลกๆ
ด้วยความที่ฉันยังอ่อนด้อยประสบการณ์ ฉันเลยหยิบเมจิคัลโฟนขึ้นมาแล้วซูมภาพเพื่อถ่ายรูปไวเวิร์นพวกนั้นเอาไว้
แชะ !
พอได้รูปแล้ว ฉันก็กดเข้าไปในไอค่อนรูปพจนานุกรมที่เรียกว่า ‘เมจิคพีเดีย’….เจ้านี่คือพจนานุกรมออนไลน์สำหรับจอมเวทย์ที่ใช้หาข้อมูลอะไรก็ได้ที่อยากรู้ประหนึ่ง Googl*
คราวนี้ฉันลองเสิร์จด้วยภาพแทนตัวอักษร ซึ่งเจ้าเมจิคพีเดียนี่ก็เด้งรายละเอียดข้อมูลเกี่ยวกับพวกมันขึ้นมา
ชื่อ : แอร์ไวเวิร์น
รายละเอียด : หนึ่งในตระกูลของไวเวิร์นสายพันธุ์พิเศษที่มีความชำนาญในการใช้เวทย์สายลม สามารถสร้างกำแพงลมที่มีพลังเฉือดเชือนทุกสิ่งทุกอย่างที่เข้าใกล้ กรงเล็บของมันมีความแหลมคมถึงขนาดตัดเหล็กจนขาดได้ พวกมันมักอาศัยอยู่ร่วมกันเป็นกลุ่มโดยมีจ่าฝูงคอยออกคำสั่ง ตามปกติจุดอ่อนของพวกมันคือ การแพ้ความร้อน จึงสามารถใช้เวทย์ธาตุไฟครอกพวกมันที่อยู่ภายในกำแพงลมได้ ร่างกายของมันคือวัตถุดิบชั้นยอดในการผลิตอุปกรณ์เวทย์และอาวุธระดับกลาง
หลังจากดูรายละเอียด ฉันก็รู้สึกเสียดายที่เวทย์ที่ฉันถนัดดันเป็นธาตุน้ำ ถ้าเป็นธาตุไฟป่านนี้คงคลอกมันจนตายไปแล้วง่ายๆ
อ๊ะ ! แต่เดี๋ยวก่อน อย่าคิดว่ามันหมายความว่าฉันจะหมดหนทางเลยทีเดียว
เพราะยังไงโลกใบนี้ก็มีสิ่งที่เรียกว่าร้านค้าสะดวกซื้ออยู่
ฉันสามารถเข้าถึงมันง่ายๆทันทีผ่านแอปเมจิคัลโฟน
ขั้นตอนแรกก็เริ่มจาก เลื่อนนิ้วไปกดยังไอค่อนรูปร้านค้า จากนั้นมันก็จะเด้งหน้าต่างร้านสะดวกซื้อจากดินแดนจอมเวทย์ซึ่งมีแท๊กหมวดหมู่ต่างๆมากมายขึ้นมา
ตรงมุมบนสุด มีให้กดค้นหา ฉันเลยกดแล้วพิมพ์แท๊กไปว่า ‘เวทย์ธาตุไฟ,ใช้ครั้งเดียวทิ้ง,ราคาประหยัด’ ลงไป
ทันใดนั้นเองหน้าต่างแท๊ปใหม่ก็เด้งขึ้นมาปรากฎเป็นสินค้าจำนวนมากที่ระบุชื่อรายละเอียดรวมไปถึงราคาไว้ข้างใต้รูปภาพ
นิ้วของฉันก็เลื่อนลงไปเรื่อยๆเพื่อไล่หาของที่ต้องการ
ของที่มีวางขายอยู่ก็มีทั้ง คัมภีย์เรียนรู้สกิลธาตุไฟ ซึ่งจิบิม่อนเคยบอกเอาไว้ว่า จอมเวทย์สามารถไม่สามารถใช้ตำราเวทย์เรียนรู้เวทย์ธาตุที่ไม่ถนัดได้ จอมเวทย์แต่ละคนสามารถเรียนรู้เวทย์บทใหม่ได้เพียงธาตุที่ถนัดจากการฝึกฝนหรือใช้คัมภีร์เวทย์ ซึ่งคัมภียร์เวทย์ยิ่งเป็นเวทย์ระดับสูง โอกาสล้มเหลวยิ่งสูงตาม หรือต่อให้ฝึกฝนเองการเรียนรู้ก็ต้องใช้เวลานานเป็นปี ซึ่งในกรณีล่าสุดที่ฉันเรียนรู้อควาบุลเล็ตได้เองก็ถือเป็นกรณีพิเศษสำหรับระดับอาดามันเที่ยมที่มีพรสวรรค์เวทมนต์ขั้นสูง
ฉันไม่คิดว่าตนเองจะเรียนรู้เวทมนต์ชนิดใหม่ได้ทัน เพราะงั้นก็คงต้องใช้ของที่ช่วยได้ปัจจุบันทันด่วน
ว่าแล้วก็เลื่อนไปเรื่อยๆจนกระทั่งไปเจอไอเท็มถูกๆชิ้นหนึ่ง
ชื่อ : ระเบิดมือ
รายละเอียด : ลูกระเบิดธรรมดาๆที่หลงเหลือจากสมัยสงครามโลก ไม่ได้มีเวทมนต์อะไร เป็นแค่ระเบิดมือแบบสลักเฉยๆ
ไม่รู้คนขายมีอารมณ์ขันหรือยังไงถึงได้เอาของพรรคนี้มาวางขาย แถมพอเลื่อนไปได้ไกลอีกซักระยะก็เจอเข้ากับลูกระเบิดขนาดยักษ์ลูกหนึ่งที่เขียนชื่อใต้ภาพไว้ว่า ‘ระเบิดนิวเคลีย์ที่ตกค้างอยู่ในคลังแสง’ ‘ราคา 1,000,000,000’
แม่เจ้า !? นี่คุณท่านแกไปหาของพรรคนี้มาได้ยังไงกันคะ !? นี่จะให้ซื้อไปประกาศสงครามโลกครั้งที่สามรึยังไง ?
คือ ตรรกะแอปร้านสะดวกซื้อนี่มันจะผิดเพี้ยนเกินไปแล้ว นี่เล่นซื้อได้ทุกอย่างยันระเบิดนิวเคลียร์เลยเรอะ ! ถึงสต๊อกจะเหลือแค่ 1 ชิ้นก็ตาม แต่มันก็เกินไปป่ะ !?
เฮ้อ กระสุนเวทย์มันไม่ทันใจ มาคุยกันด้วยกระสุนปืนดีกว่า ร้านนี้มีวลีเด็ดอะไรทำนองนั้นรึเปล่าเนี่ย
แต่เอาเข้าจริงๆแล้ว ระเบิดนิวเคลียร์ก็ดีเหมือนกันนะ
เพราะยังไงโลกใบนี้ก็รีเซ็ตใหม่ทุก 24 ชั่วโมงอยู่แล้ว
ถ้างั้นก็บึ้มมันให้หมด แบบนี้ก็ง่ายดีเหมือนกัน เพียงแต่ราคา 1000 ล้านโกลก็ดูเหมือนจะขี่ช้างจับตักกะแตนเกินไปหน่อย
ก่อนจะนอกเรื่องมากไปกว่านี้ เรามาสรุปปัญหากันก่อนดีกว่า
อย่างแรกคือ ฉันบินไม่ได้ พวกมันมีเพดานสูงเกินไป อควาคัตเตอร์ คงยิงไม่โดน
ส่วนอย่างที่สองคือ กำแพงลม มันปัดป้องการโจมตีของฉันได้
เมื่อรวมสองข้อเข้าด้วยกันทางเลือกที่ดีที่สุดคือการล่อมันออกมา
แต่ถ้าเกิดพวกมันดันฉลาดขึ้นมาและยิงฉันลงมาจากระยะไกลลูกเดียว ฉันคงจัดการมันไม่ได้ภายในเวลาที่กำหนด
วิธีเอาชนะฉัน พวกมันก็แค่ถ่วงเวลา เรียกได้ว่าฉันเป็นฝ่ายเสียเปรียบชัดๆ
จะเรียนเวทย์ลมประเภทช่วยให้บินได้ มันก็ดันเป็นเวทย์ลมชั้นสูงที่เรียนรู้แล้วมีโอกาสล้มเหลวสูง ส่วนวิธีอื่นก็คงเป็นการใช้ไม้กวาดบินได้แบบที่รุ่นพี่แม่มดทำ
“……เอ่อ…ราคาแพงไปแฮะ”
แต่ราคาของไม้กวาดบินได้ขั้นต่ำก็หลักแสน แถมยังทำเพดานบินที่บินสูงเท่ากับที่พวกไวเวิร์นบินไม่ได้อีก ถ้าจะเอาแบบที่บินสูงๆได้ ก็ต้องเลือกแบบรุ่นดีๆราคาหลักล้าน
ชื่อ : ซากจรวด
รายละเอียด : แค่ซากที่หลงเหลือจากการระเบิดของจรวดที่ไม่อาจไปถึงดวงจันทร์ ….เป็นเพียงแค่ของที่ระลึกเฉยๆ
“แล้วจะเอามาวางขายในนี้ทำไมเนี่ย !? ไม่เห็นเกี่ยวกับเวทย์ธาตุลมตรงไหนเลย”
อยากจะโทรไปร้องเรียนจริงๆ หรือว่าไอ้คนขาย มันจะคิดว่าเวลาเราคับขันแล้วมาเห็นรายชื่อสินค้าพวกนี้จะรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมากันนะ ถึงเอาจริงๆแล้วจะชวนอมยิ้มนิดหน่อย แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาย่ะ !
เฮ้อ….แบบนี้คงเหลือแค่ทางเลือกสุดท้ายแล้ว
ฉันกดรายชื่อติดต่อในเมจิคัลโฟนเพื่อโทรหาสปอนเซอร์รายใหญ่
“ฮัลโหลม่อน จิบิม่อนรับสายอยู่ม่อน”
“แย่แล้ว จิบิม่อน นี่มาริเอง ทางนี้ต้องการความช่วยเหลือด่วนๆ”
“ม่อน ? มีอะไรหรือมาริม่อน เกิดเรื่องอะไรขึ้นน่ะ ถ้ามาริโทรมาแสดงว่าต้องเรื่องใหญ่แน่ๆ มีเรื่องเลวร้ายอะไรกำลังเกิดขึ้นอยู่ ? จะบอกว่ามีเผ่าปีศาจระดับขุนนางโผล่มาหรอม่อน ? หรือ อย่าบอกนะว่ามีจอมมารปรากฎตัวขึ้นมา !!! ผนึกคลายแล้วงั้นหรอม่อน !? ”
“แย่ยิ่งกว่านั้นอีกจิบิม่อน ! ”
“วิกฤติที่แย่ยิ่งกว่าจอมมาร !? มันคืออะไรหรอม่อน !?”
“ฉันมีเงินไม่พอซื้อไม้กวาดล่ะ ขอยืมเงินหน่อยสิ !!!”
“เงิน…ไม่พอ ?…..”
จิบิม่อนที่กำลังตื่นตกใจเว้นหายใจไปพักใหญ่ จนปลายสายเงียบเชียบอย่างน่าประหลาด
“ขอโทษนะ เอ๋ !? สัญญาณไม่ชัด ? ฮัลโหลล ฮัลโหลม่อนนนนนน ….อืม….เมื่อกี้ได้ยินไม่ชัดเลย แย่จังน๊า ไว้รอมาริโทรกลับมาอีกรอบละกันม่อน”
“เดี๋ยว ! อย่ามาเล่นมุขนี้สิ นี่ฉันกำลังจริงจังนะ !!!”
“ไม่ได้ยินเลยน๊า…ไม่ได้ยินเลยน๊าม่อน งั้นแค่นี้ละ….บายนะม่อน ~”
ตู๊ด….ตู๊ดดดดดดดดดดดด
โดนตัดสายเฉยเลยค่ะ แต่ฉันไม่ยอมแพ้หรอกนะ
ว่าแล้วก็โทรกลับไปหาใหม่
“ขอโทษนะม่อน หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ม่อน ท่านสามารถฝากข้อความเสียงทิ้งไว้ได้ ตั้งแต่บัดนี้ ตู๊ดดดดดดด”
ได้ยินเสียงจิบิม่อนที่ไม่รู้ว่าเป็นเสียงระบบหรือตัวจริงพูด ฉันเลยทิ้งข้อความไว้ให้จิบิม่อน
“นี่มาริซ่าเองนะ ตอนนี้ฉันกำลังเจอปัญหามอนสเตอร์อยู่สูงเกินไป การโจมตีของฉันไปไม่ถึง ก็เลยต้องการไม้กวาดไม่ก็อะไรก็ตามที่ช่วยให้ฉันบินไปจัดการพวกมันได้หน่อย…ตอนนี้อัตราฟูลซิงโครอยู่ที่ 60 % แล้ว ถ้าถ่วงเวลานานไปกว่านี้ ฉันว่าฉันคงต้องถอยไปก่อนและปล่อยให้มันไปโผล่ในโลกแห่งความเป็นจริง..เฮ้อ…น่าเสียดายจัง ถ้ามีไม้กวาดก็คงทำอะไรได้มากกว่านี้แท้ๆเชียว”
“………………..”
“เพราะงั้นจะส่งไม้กวาดมาให้ดีๆ หรือจะส่งมาตอนที่โดนสับเป็นชิ้นๆแบบรอบที่แล้ว”
“นี่จะขู่กรรโชกกันรึม่อน ! จิตใจของเธอมันต่ำช้าเกินไปแล้วม่อน !!!”
“ก็ฟังอยู่นี่นา อย่างน้อยขอไม้กวาดประจำตำแหน่งหน่อยค่ะ”
“มาริ ! อย่ามาขอเหมือนตัวเองเป็นผู้จัดการบริษัทที่มีสิทธิพิเศษอะไรทำนองนั้นสิม่อน ถ้าให้แบบนั้นกันทุกคน พวกเราก็ล้มละลายกันพอดีสิม่อน”
“แต่แบบนี้ ฉันก็สู้ไม่ได้เลยนะ”
“ไม่สนม่อน ! จัดการเองสิม่อน ! หน้าที่ของจิบิม่อนคือแมวมองไม่ใช่ฝ่ายบริหารนะม่อน !!!”
“งั้นขอเบอร์ติดต่อฝ่ายบริหารงานบุคคลหน่อย”
“เอ่อ…..ถ้าเรื่องนั้น…ก็จิบิม่อนเองนี่หว่า”
“ใช่ไหมละ…เพราะงั้นส่งไม้กวาดมาเดี๋ยวนี้ค่ะ”
“หาเองสิม่อน ! จิบิม่อนไม่ใช่โดราเอม่อ* นะม่อน ถึงชื่อจะลงท้ายด้วยม่อนเหมือนกันก็ตาม….ยังไงก็ตาม หัดพึ่งพาตัวเองบ้างสิ ยัยคนขี้เกียจ !!!”
ตู๊ด….ตู๊ดดดดดดดดดดดด
ฮึ่ย ! โดนตัดสายอีกแล้วค่ะ
ไอ้แตงโมงี่เง่า กะอีแค่ขอให้ช่วยแค่นี้ก็ทำให้ไม่ได้
เซ็งชะมัด ฉันก็อยากขี่ไม้กวาดกับเขาเหมือนกันนะ
ตอนเด็กๆก็เคยเล่นเป็นแม่มด สาวน้อยเวทมนต์อะไรทำนองนั้นอยู่ พอโตขึ้นมาจะไล่ตามฝันกับเขาบ้างไม่ได้รึไง
“เฮ้อ…ถ้างั้นคงเหลือแค่วิธีนี้แล้วสินะคะ อุตส่าห์นึกว่าจะตีเนียนรีดไถไม้กวาดมาได้แล้วเชียว ”
ว่าแล้วฉันก็กดเลือกซื้อไอเท็มมาสามชิ้น
ตุบ !
หลังจากที่โดนตัดเงินในบัญชีเสร็จ ทันใดนั้นเอง ของสามสิ่งก็ถูกวาร์ปมาตกลงในมือของฉัน
หนึ่งคือ หน้ากากกันแก๊ซพิษพร้อมชุดป้องกันแก๊สสีเหลือง
สองคือ ปืนยิงแก๊สน้ำตา พร้อมกระสุนอีกเป็นลัง
และ สาม สิ่งนั้นก็คือระเบิดมือจำนวนห้าลูก
เอาล่ะ….ถ้าในเมื่อ ไปหาพวกมันไม่ได้ นี่ก็เป็นคราวพวกมันที่จะลงมาหาฉันเอง
ในเมื่อเวทมนต์มันไม่ทันใจ งั้นก็จัดการมันด้วยแก๊สน้ำตาละกันค่ะ
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
ภายในสวนสาธารณะอันเงียบสงบ เหล่าสัตว์เลื้อยคลานซึ่งมีฟันแหลมคมและเกล็ดสีเขียวเงาวับก็กำลังกวาดดวงตาสีแดงก่ำไปรอบๆเพื่อสาดส่องไปทั่วอาณาบริเวณ
สำหรับพวกมันแอร์ไวเวิร์น จะมีลักษณะนิสัยอยู่กันเป็นกลุ่มและมีจ่าฝูงคอยสั่งการ โดยใน 7 ตัวนี้ที่กำลังบินอยู่เหนือพื้นดินกว่า 50 เมตร ตัวที่บินอยู่บนสุดและมีกรงเล็บที่ยาวแหลม 2 เมตรคือตัวจ่าฝูงที่คอยสั่งการฝูงของมันอีกที
เหล่า แอร์ไวเวิร์น ทั้งหลายได้รับคำสั่งจากจ่าฝูงให้หลบอยู่ในกำแพงลมที่พวกมันสร้างขึ้น
กำแพงลม….นี่คือชื่อของปราการที่แข็งแกร่งที่สุดของแอร์ไวเวิร์น จากการผสานเวทมนต์ธาตุลมเข้ากับการกะพือปีกเพื่อกำหนดทิศทาง ด้วยสายลมที่หมุนวนเป็นวงกลมด้วยอัตราเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงและมีความสูงถึง 100 เมตร ทุกสิ่งทุกอย่างที่หลุดเข้ามาต่างถูกเชือดเฉือนราวกับว่ามีใบมีดที่มองไม่เห็นซ่อนอยู่ในกำแพง ทว่า กำแพงลมก็มีจุดอ่อนที่สำคัญอยู่สองอย่าง
อย่างแรกคือ มันเป็นเวทย์หมู่ที่ต้องมีไวเวิร์นอย่างน้อย 3 ตัวในการสร้าง และ ยิ่งกำแพงลมสูงมากเท่าไหร่ ความแรงของลมก็ยิ่งอ่อนกำลังลงมากเท่านั้น เพราะงั้นจุดอ่อนนี้ก็จะสามารถจัดการได้หากบินขึ้นไปโจมตีกำแพงจากระดับความสูงเหนือกำแพง แต่ก็เป็นที่รู้กันดีว่า มาริซ่า ไม่สามารถบินได้
ในขณะที่จุดอ่อนอย่างที่สอง นั่นก็คือ เหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไปนี้….
“กรรรร”
ในบ่ายอันสดใส ขณะที่เหล่าไวเวิร์นผู้ขันแข็งได้รับคำสั่งจากจอมมารให้มากำราบพวกมนุษย์ พวกมันต่างช่วยกันสร้างปราการสายลมอันภาคภูมิใจขึ้นมาและจินตนาการถึงการต่อสู้หลังจากนี้ที่สายลมของพวกมันจะบดขยี้ร่างกายของพวกมนุษย์เป็นชิ้นๆ
จอมเวทย์นักต่อนักที่ประมาททะเล่อทะล่าเข้ามาเดินชนกำแพงลมจนตาย หรือ บ้างก็โดนมันไล่ยิงจากมุมสูง พวกมันฉลาดพอจะรู้ว่า การโจมตีจากในกำแพงลมคือที่ๆปลอดภัยและการันตีชัยชนะมากที่สุด
เช่นนั้น งานที่ได้รับมาในครั้งนี้คืองานหมูๆ ตราบใดที่พวกตนอยู่ข้างในนี้และอีกฝ่ายไม่ใช่จอมเวทย์ระดับสูงๆก็ทำอะไรพวกมันไม่ได้ เพียงจินตนาการถึงเนื้อมนุษย์ที่ไม่ได้สัมผัสมานาน น้ำลายมันก็ไหลออกมาเอง
อ่า…แทบอดใจรอไม่ไหวเลย
ระหว่างที่จ่าฝูงกำลังจินตนาการถึงเนื้อมนุษย์สดๆเลิศรสจิ้มกับซอสโชยุ ทันใดนั้นเองลูกฝูงของมันก็รายงานเข้ามา
“กรรรร”
— มีมนุษย์กำลังใกล้เข้ามาจากทางทิศตะวันออกอย่างงงั้นรึ !?
พอมันได้ยินที่ลูกน้องเตือน จ่าฝูงก็รีบหันไปทางทิศที่ลูกน้องบอก
บริเวณหลังตึกแถว ปรากฎเสียงฝีเท้าและเงาร่างหนึ่ง
สิ่งแรกที่มันเห็นก็คือมนุษย์หน้าตาประหลาดๆ
ส่วนสูงไม่มากประมาณ 160 ร่างทั้งร่างปกคลุมด้วยชุดคลุมสีขาวและหน้ากากสีดำสนิท เจ้านี่มันปิดบังใบหน้าและร่างกายทั้งหมดจนไม่เห็นผิวหนังแม้แต่เศษเสี้ยว
แถมท่าทางการเดินยังชักช้าต้วมเตี้ยม ราวกับเดินไม่ถนัด
มีบางครั้งที่ล้มลง และก็มีบางครั้งที่ทำท่าเหมือนกำลังปาดเหงื่อ
ในมือของมันถือกระบองสีดำหน้าตาประหลาดๆ ส่วนมืออีกข้างก็ลากกล่องไม้ขนาดใหญ่ไปตามทาง
เจ้านี่คือ จอมเวทย์งั้นหรอ ? หรือว่าเป็นตัวอะไรกันแน่ ?
แม้จะนึกสงสัย แต่ด้วยความมั่นใจในการป้องกันของตน มันจึงสั่งการโดยไม่ลังเล
“กรรรร”
— โจมตีมันซะ !!!
แม้ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคือตัวอะไร แต่เปิดก่อนย่อมได้เปรียบ
เวทย์ใบมีดสายลม แอร์คัตเตอร์ถูกสั่งใช้งานพร้อมกันทั้ง 6 ตัว
เหล่าไวเวิร์นทั้ง 6 ตวัดกรงเล็บแล้วก่อเกิดเป็นใบมีดสายลมพุ่งตรงไปยังร่างของสิ่งมีชีวิตสีขาวตนนั้น
แม้ระยะทางจะห่าง แต่ประสาทสัมผัสการมองเห็นของนักล่าที่ยอดเยี่ยม ทำให้มันค่อนข้างมั่นใจว่าโดนเป้าหมายแน่นอน
“อควาคัตเตอร์ !!!”
ทว่า เจ้าสิ่งมีชีวิตสีขาวกลับหยิบไม้คฑาขึ้นมาแล้วร่ายเวทย์เสกใบมีดสายน้ำเข้าใส่
ซ่า !!!!
ใบมีดสายลมทั้งหกปะทะเข้ากับใบมีดสายน้ำแค่เล่มเดียว ทว่า ใบมีดสายลม 6 เล่มนี้กลับเป็นฝ่ายสลายไป ในขณะที่ใบมีดสายน้ำกลับพุ่งทะยานต่อไปข้างหน้าและฝากรอยเฉือนขนาดใหญ่ไว้บนอาคารที่อยู่ไม่ไกล
— จอมเวทย์ ! ไอ้เจ้านี่มันคือจอมเวทย์ !!!
ในที่สุดจ่าฝูงก็รู้สึกตัวถึงภัยอันตรายที่กำลังย่างกรายเข้ามาก
ยิ่งไปกว่านั้นการที่สลายเวทย์แอร์คัตเตอร์อันภาคภูมิใจของพวกมันได้ง่ายๆ นั่นแสดงว่าเจ้าสิ่งมีชีวิตสีขาวนี่จะต้องเป็นจอมเวทย์ชั้นสูงที่พวกมันควรเฝ้าระวังอย่างแน่นอน
“เอ๋ ? ”
กระนั้นแล้ว จอมเวทย์ตนนั้นกลับเอียงหัวด้วยท่าทางงุนงงเล็กน้อย
“อย่าบอกนะว่า—”
ฟังจากเสียงคงเป็นผู้หญิง
จอมเวทย์เพศหญิงคนนั้นที่หลุดเสียงประหลาดใจชี้คฑามายังกำแพงลมอันภาคภูมิใจของพวกมัน
“ อควาคัตเตอร์ !”
ตู้มมมมมม
ใบมีดสายน้ำปะทะกำแพงสายลม หยดน้ำที่กระเซ็นออกกระเด้งกลับไปเชือดเฉือนพื้นดินข้างหลังจอมเวทย์และฝากรอยขีดข่วนทิ้งเอาไว้ ต่างจากกำแพงลมที่ยังคงหมุนวนติ้วๆอย่างต่อเนื่อง
“กรรรรร”
ฮ่าๆๆๆ เปล่าประโยชน์ๆๆ ช่างเปล่าประโยชน์ยิ่งนัก ตราบใดที่มีเจ้านี่พวกข้าไม่แพ้หรอก
— พวกแกโจมตีต่อเลย !!!
ควับ !
ลูกน้องทั้ง 6 ตัวสร้างกรงเล็บสายลมโจมตีใส่จอมเวทย์สาวตามคำสั่ง
“ชิ !”
จอมเวทย์สาวส่งเสียงจุ๊ปากด้วยความรำคาญ ก่อนกระโดดหลบเข้าไปหลังกำแพง
“กรรรร”
— รอมันออกมาแล้วค่อยโจมตีซ้ำ !!!
พวกไวเวิร์นพากันกวาดสายตาไปโดยรอบเพื่อหาว่าผู้บุกรุกำลังซ่อนตัวอยู่ตรงไหนตามคำสั่งของจ่าฝูง
หลังจากไล่หาตามตึกไปได้ซักระยะ ก็มีตัวหนึ่งที่เห็นสิ่งผิดปกติ
“กรรรร”
“กรรร !!!”
ณ อาคารหลังถัดมาจากหลังที่แล้วที่พบตัวจอมเวทย์ จอมเวทย์สาวก็โผล่ขึ้นมาพร้อมกับกล่องไม้ปริศนา
ในขณะที่พวกมันเตรียมโจมตีอีกรอบ จอมเวทย์สาวกลับขว้างปากล่องไม้นั้นมายังกำแพงสายลม
“วอเตอร์บอล !!!”
ลูกบอลน้ำอัดกระแทกกล่องไม้จนปริร้าว แรงผลักที่รุนแรงทำให้กล่องไม้พุ่งเข้าใส่กำแพงลมอย่างรวดเร็ว
โครมมมม
เมื่อปะทะเข้ากับกำแพงลม เจ้ากล่องปริศนานั้นก็แตกเป็นเสี่ยงๆ
กรรรรรรร
เปล่าประโยชน์ๆๆ ฮ่าๆๆๆ คิดว่าของพรรคนั้นจะทำอะไรกำแพงลมของพวกเราได้รึไง !!!
พวกมันส่งเสียงหัวเราะอย่างลำพองใจ ไม่ว่าจะจ่าฝูงหรือตัวลูกน้อง
เมื่อแน่ใจแล้วว่าการโจมตีด้วยกล่องไม้ทำอะไรไม่ได้ มันก็เตรียมที่จะโจมตีใส่จอมเวทย์อีกรอบ
แต่ทว่า—
“กรรร !?”
จ่าฝูงเหลือบไปเห็นวัตถุทรงกลมที่กระเด็นหลุดออกจากกล่องไม้ในตอนที่ปะทะเข้ากับกำแพงสายลม ในตอนนี้วัตถุทรงกลมเหล่านั้นกำลังหมุนวนและถูดเชือดเฉือนไปมาอยู่ในกำแพงลม
จำนวนของมันมีมากไม่ใช่น้อยๆ แต่กระนั้นแล้วถ้าติดอยู่ในนี้ วัตถุปริศนาเหล่านั้นคงโดนเชือดเฉือนกลายเป็นชิ้นๆ ไม่มีอะไรต้องกังวล
นอกเสียจาก—-
“อืม….ได้เวลาทดลองอะไรใหม่ๆแล้วค่ะ ไหนขอลองหน่อยนะ”
แกร๊ก !
สลักระเบิดมือถูกดึงออก จากนั้นจอมเวทย์สาวก็ขว้างระเบิดออกมาข้างหน้า
ทิศทางของมันกำลังพุ่งตรงไปที่กำแพงสายลม
จากนั้นเมื่อกระแทกเข้ากับกำแพง มันก็เกิดแสงสว่างจ้าขึ้นมา ก่อนที่คลื่นความร้อนจะเเผ่กระจายออกรอบทิศทางพร้อมๆกับเสียงระเบิดดังสนั่น
ตู้มมมมมมมม
เปลวเพลิงลุกไหม้ที่มุมหนึ่งของกำแพงสายลม กระนั้นแล้วมันก็กินวงกว้างไม่มากและถูกดับโดยสายลมกรรโชกโดยทันที
ซ่า……….
ทว่า มันกลับมีเสียงอากาศที่ไหลเวียนอย่างผิดปกติเกิดขึ้นที่ข้างๆหูของพวกมัน
เมื่อเพ่งสายตาดูๆดีๆหลังการระเบิด มันก็พบว่า วัตถุทรงกลมก่อนหน้านี้ที่ลอยอยู่ในกำแพงลมกำลังระเบิดตามหลังระเบิดลูกนั้นเป็นแถบๆพร้อมกับปลดปล่อยละอองสีเหลืองออกมา
ซ่าๆๆๆๆๆๆๆ
ฝุ่นละอองปริศนาได้หมุนวนอยู่ภายในกำแพงลมเป็นวงกลม มันไม่สามารถออกไปข้างนอกได้ จากโครงสร้างกำแพงสายลมที่หมุนวนอากาศเข้าสู่ศูนย์กลาง แถมด้วยแรงระเบิดเมื่อกี้ มันก็มีฝุ่นละอองบางส่วนปลิวกระจายเล็ดรอดเข้ามาข้างในใจกลางกำแพงลม ในขณะที่บางส่วนก็ลอยขึ้นฟ้า
“ยังไม่จบหรอกน่า !!!”
ในขณะที่พวกมันกำลังตื่นตระหนกกับการโจมตีที่ยากจะเข้าใจ จอมเวทย์สาวก็ทำแบบเดิมซ้ำอีกครั้ง
ขว้างกล่องปริศนาเข้ามาแล้วขว้างระเบิดตาม
ตู้มมมมมม
ขว้างกล่องปริศนาเข้ามา….แล้วขว้างระเบิดตาม !!!
ตู้ม !!!
เธอทำเบบนั้นซ้ำๆสามครั้งติด จนรู้ตัวอีกที ก็มีฝุ่นควันสีเหลืองปกคลุมไปทั่วกำแพงลมและเล็ดรอดเข้ามาข้างในเป็นจำนวนมาก
ชั่วพริบตารอบตัวของพวกมันก็ถูกปกคลุมไปด้วยละอองสีเหลืองจางๆ
— เจ้านี่มันคืออะไรกัน !?
ในขณะที่กำลังตื่นตระหนกจากการโจมตีไม่ทราบชนิด มันก็ได้ยินเสียงลูกน้องของมันครวญครางมาจากด้านล่าง
“กรรรรร”
“กรรรรรรร !?”
เหล่าไวเวิร์นตัวอื่นๆพากันดิ้นพล่านกลางอากาศด้วยความทรมาน
น้ำตาไหลซึม ปากอ้ากว้างราวกับต้องการอากาศหายใจ เสียงสำลักที่ดังมาจากลำคอฟังดูผิดปกติราวกับมีอะไรบางอย่างกำลังเสียดแทงลำคอ
ระหว่างที่มันกำลังงุนงงว่าพวกลูกน้องทำไมถึงทำท่าทางทรมาน ฝุ่นควันของแก๊สน้ำตาที่หมุนวนขึ้นฟ้าตามทิศทางของกำแพงสายลมซึ่งมีโครงสร้างคล้ายกับพายุหมุนที่พัดอากาศเข้าสู่ศูนย์กลาง ในที่สุดมันก็ลอยขึ้นมาถึงจุดที่จ่าฝูงอย่างมันกำลังบินอยู่
ฝุ่นละอองที่มีฤทธิ์ระคายเคืองระบบหายใจถูกสูดเข้าไปทางรูจมูกขนาดใหญ่
“—- !?”
ความรู้สึกปวดแสบปวดร้อนราวกับเอาน้ำร้อนมากรอกเข้าไปในจมูกทำให้ร่างของมันเริ่มบิดงอด้วยความทุกข์ทรมาน
“กรร !?”
แม้พยายามอ้าปากกว้างเพื่อระบายอากาศ หรือ ต่อให้บินสูงมากขึ้น ความรู้สึกทรมานก็หาได้จางหายไป
ทุกครั้งที่หายใจจะรู้สึกแสบตาแสบจมูก แถบลำคอก็แสบร้อนจนอยากจะดื่มน้ำดับกระหาย
น้ำตาไหลพรากๆออกมาเรื่อยๆไม่หยุด
พอมันจ้องไปที่น้ำพุซึ่งพวกลูกน้องของมันพากันลงไปจิบน้ำ จ่าฝูงก็พบกับปรากฎการณ์อันน่าตกตะลึง
“กรรรรร !!!”
พวกลูกน้องที่จิบน้ำล้างหน้าล้างตากลับดิ้นทุรนทุรายหนักกว่าเก่า
อนิจจาเหล่าสัตว์เลื้อยคลานจากต่างโลก หารู้ไม่ว่าแก๊ซน้ำตาชนิดที่จอมเวทย์แก๊ซน้ำตาใช้คือชนิดที่ยิ่งโดนน้ำยิ่งออกฤทธิ์แรง วิธีทุเลาความเจ็บปวดมีแค่การออกไปยังสถานที่โล่งแจ้งและปล่อยให้สายลมชะล้างแก๊ซออกไป
ทว่า ภายในกำแพงลมนั้น คือสภาวะที่เป็นอากาศปิด ลมที่หมุนวนเป็นพายุจะพัดพาอากาศภายนอกให้เข้าสู่ศูนย์กลางจนไม่สามารถหมุนวนออกไปข้างนอกได้ นั่นจึงทำให้แก๊สน้ำตาถูกกักไว้ในที่ๆพวกมันอยู่ เพราะงั้นตราบใดที่ยังอยู่ในกำแพงลม พวกมันจะไม่มีวันหายจากอาการทรมานนี้ ทางเดียวที่จะหลุดพ้นจากความทรมาน มีเพียงแค่การคลายกำแพงลมและโบยบินออกไปหาอากาศบริสุทธิ์เพียงเท่านั้น
หลังจากที่โดนอัดด้วยแก๊สน้ำตาเข้าไป พวกมันที่ดิ้นพล่านก็เริ่มหายใจเหนื่อยหอบเพราะทางเดินหายใจเกิดการบวมอักเสบมากขึ้นทำให้การแลกเปลี่ยนก๊าซทำได้ยาก ซ้ำร้ายสารในแก๊สน้ำตายังระคายเคืองเยื่อบุผิวดวงตาทำให้ดวงตาของมันแดงมากขึ้นและมีน้ำตาไหลออกมาไม่หยุด
เจ็บปวดทรมาน และ ไร้ซึ่งวี่แววจะทุเลาลง
ในท้ายที่สุด เพราะสมาธิเริ่มขาด พวกมันจึงเผลอคลายกำแพงลมโดยอัตโนมัติ
ฟุบ !
ทันทีที่คลายกำแพงลมออก อากาศจากภายนอกก็เริ่มถ่ายเทเข้ามา
แก๊สน้ำตากระจายออกไป อากาศบริสุทธิ์หมุนเวียนเข้ามาแทนที่
แน่นอนว่าพอได้รับอากาศบริสุธิ์อีกครั้ง อาการปวดแสบเยื่อบุทางเดินหายใจที่เป็นมาอย่างต่อเนื่องก็พอจะทุเลาลงเล็กน้อย พวกมันที่เคยดิ้นพล่านอยู่บนพื้นอย่างไร้สติก็กลับมารู้ตัวว่าพวกตนเผลอคลายกำแพงลมออก
— ระ ระ รีบจัดขบวนใหม่
จ่าฝูงที่รู้สึกตัวเป็นตัวแรกก็เริ่มออกคำสั่งและเตรียมที่จะโผบินขึ้นฟ้าอีกครั้ง
พวกลูกน้องที่ได้รับคำสั่งจึงเริ่มสยายปีกตาม
ทว่า เพราะน้ำตาที่ไหลนองท่วมดวงตาทั้งสองข้าง มันเลยบดบังทัศนวิสัยทำให้เห็นภาพตรงหน้าเป็นเพียงเงารางๆขมุกขมัว
ตึก !
สิ่งเดียวที่ทำให้มันรู้สึกตัวที่อันตรายที่ใกล้เข้ามาคือเสียงฝีเท้าซึ่งดังขึ้นมาจากทางด้านขวา
ขวับ !
เมื่อมันกระพริบตารัวๆเพื่อไล่น้ำตาออก ทัศนวิสัยที่กลับมาชัดเจนอีกครั้งก็เผยให้เห็นจอมเวทย์ชุดขาวหน้ากากดำคนนั้น
“คุณนี่เองจ่าฝูง ยินดีที่ได้รู้จัก แล้วก็ ลาก่อนค่ะ —-อควาคัตเตอร์ !”
ฉัวะ !
— เอ๋ ?
ชั่วพริบตานั้น ภาพตรงหน้าก็ค่อยๆเอียงสไลด์ก่อนพลิกกลับหัวกลับหาง 360 องศา
สิ่งสุดท้ายที่จ่าฝูงเห็นคือภาพกลับหัวของจอมเวทย์สาวและร่างของมันที่มีเลือดไหลทะลักออกมาจากลำคอที่เนียนกริบจนไปเปื้อนชุดขาวๆของจอมเวทย์ตนนั้น
ปราศจากซึ่งความเจ็บปวด และ ไร้ซึ่งเสียงกรีดร้อง ความตายนั้นช่างสงบเสียเหลือเกิน
๐๐๐๐๐๐๐๐๐
ซ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ฝนเลือดเปรอะเปื้อนใบหน้าของเรา โชคดีที่ใส่ชุดกันแก๊สน้ำตาไว้อยู่ก็เลยไม่เหนียวตัวเหมือนรอบที่แล้ว
กรรรรรรรร
หลังจากที่ฉันจัดการไวเวิร์นตัวเมื่อกี้ไป พวกไวเวิร์นรอบๆก็พากันแตกตื่นกันยกใหญ่ แต่ก็พร้อมใจกันพุ่งเข้าใส่ฉันโดยไม่รอช้า
โครม !
ทว่า พอฉันกระโดดหลบพวกมันก็พุ่งชนกันเอง
ฟ้าววววว ฉัวะ !
“กรร !?”
“กรรรรรรรรรร”
แถมพวกมันบางตัวก็ปล่อยแอร์คัตเตอร์สะเปะสะปะจนโดนพวกเดียวกันเองและเริ่มทำท่าจะทะเลาะกันแทน
ฉันกะไว้แล้วเชียวว่าตัวเมื่อกี้ที่ฉันฆ่าไปคือจ่าฝูง
ส่วนสาเหตุที่ฉันรู้ก็มาจากเพดานบินของมันที่อยู่สูงที่สุด และ การโจมตีก็มักจะเกิดขึ้นทีหลังเสียงคำรามของมันแทบทุกครั้ง
พอเสียจ่าฝูงไปแอร์ไวเวิร์นเหล่านี่ก็ทำอะไรไม่ถูก
ศัตรูที่โจมตีมั่วๆจนโดนพวกเดียวกันเอง ไม่มีอะไรที่จัดการง่ายมากไปกว่านี้อีกแล้ว
เช่นนั้นฉันก็พุ่งเข้าใส่ไวเวิร์นที่เหลือทั้ง 6 ตัว
“อควาคัตเตอร์ !”
ตัดหัวไวเวิร์นตัวที่ใกล้ที่สุดด้วยใบมีดแห่งสายน้ำ ทว่า ระหว่างนั้นอีกตัวก็ฟาดกรงเล็บเข้าใส่
แกร๊ง !
ฉันใช้คฑารับการโจมตีได้อย่างเฉียดฉิว แต่ขณะเดียวกันพอเปิดช่องว่างไวเวิร์นอีกตัวก็ยิงแอร์คัตเตอร์ใส่ฉันจากทางด้านหลัง
ฉัวะ !
“กรร !?”
แต่แค่ฉันก้มหัวลง ใบมีดสายลมก็เลยผ่านหัวของฉันไปโดนเข้ากับตัวที่ฉันรับการโจมตีด้วยคฑาแทน
หยดเลือดสาดกระเซ็น ฉันใช้จังหวะที่มันตกใจกับการโจมตีของพวกเดียวกันเอง เสียบคฑาเข้าไปในปากของมัน
“วอเตอร์บอล !!!”
ตู้มมมม แผล่ะ !
ลูกบอลน้ำที่ขยายออกภายในปากระเบิดหัวของมันจนแหลกเป็นจุณ เศษชิ้นเนื้อสมองเทาๆปลิวว่อนตกตามพื้น
เสร็จไป 3 เหลืออีก 4 งานง่ายๆขอแค่อย่าติดประมาท เอาล่ะ มาหาเงินกันต่อเถอะค่ะ
ว่าแล้วก็กระโดดถอยหลังเว้นระยะห่าง เตรียมโจมตีซ้ำอีกรอบ
เหล่าไวเวิร์นเองก็กลับมาตั้งตัวได้ ดูเหมือนฤทธิ์แก๊สน้ำตาจะเริ่มหมดลงแล้ว
พวกมันบินกันเป็นกระจุกอยู่ใกล้ๆกันและกะพือปีกรัวๆ
ฟู่ววววว
สายลมรอบตัวพวกมันเริ่มหมุนวนเป็นวงกลม ดูท่ามันคงจะเตรียมสร้างกำแพงลมอีกแล้ว
“พอไม่มีจ่าฝูงก็ตัดสินใจไม่ได้เรื่องเลยนะ พวกเธอเนี่ย”
การสร้างกำแพงลมต้องอาศัยไวเวิร์นทั้งหมด และ เวลาในการสร้างก็ต้องใช้นานหลักนาทีขึ้นไป
พอเป็นแบบนี้แล้ว พวกมันที่กำลังสร้างกำแพงลมอยู่จึงไร้การป้องกัน ทำให้ตัวฉันในตอนนี้สามารถเด็ดหัวมันเรียงตัวได้ง่ายๆ
“ถ้างั้น ฉันจะช่วยให้ไปสบายตามที่ต้องการละกัน ”
เช่นนั้นจึงยืนคฑาไปข้างหน้าเตรียมปลิดชีพพวกมันทั้งสี่ตัวให้ตายไปพร้อมๆกันจะได้ไม่เหงา
“อควาคัต—–”
“เบิร์นนิ่งแอร์โรว์ !!!”
ตู้มมมมมม
“อึก !”
ในชั่วพริบตาก่อนการปิดฉากครั้งสุดท้าย ทันใดนั้นเองลูกศรสีแดงที่ลุกไหม้ด้วยเปลวเพลิงขนาดยักษ์ก็พุ่งเข้าใส่ไวเวิร์นทั้งสี่ตัวที่กำลังเกาะกลุ่มกันอยู่
““““ กรรรรรรรรร ””””
จากนั้นลูกศรเพลิงก็แผ่คลื่นความร้อนออกมาอย่างรุนแรงแล้วระเบิดออกกลายเป็นเปลวเพลิงขนาดใหญ่ที่ลุกท่วมร่างของไวเวิร์นทั้งสี่ตัว
พวกมันส่งเสียงคำรามด้วยความทุกข์ทรมานจากร่างกายที่กำลังลุกไหม้ก่อนร่วงลงไปกองที่พื้นกลายเป็นกองไฟต่อหน้าตาตาของฉัน
ซ่า…….
เปลวเพลิงที่ร้อนระอุแผดเผาร่างของพวกมันจนไหม้เกรียม เสียงร้องค่อยๆเบาลงจนหายไปในที่สุดเช่นเดียวกับร่างที่กลายเป็นสีดำหงิกงอก่อนจะค่อยๆแปรสภาพกลายเป็นเถ้าถ่านที่ส่งกลิ่นเหม็นไหม้
กริ๊งๆๆๆๆ
‘อัตราฟูลซิงโคร 0 %’
‘มิชชั่นคอมพลีท !!!’
ข้อความที่แจ้งเตือนทำให้รู้ว่าภารกิจสำเร็จลุล่วง
กระนั้นแล้ว ฉันก็ไม่มีอารมร์รู้สึกยินดีกับเงินจำนวนมากที่ถูกโอนเข้าบัญชี
“ไม่คิดว่าจะมีวิธีกำจัดพวกแอร์ไวเวิร์นแบบนั้นด้วย”
ฉันมองไปขึ้นไปบนฟ้า…ไปยังทิศทางที่ได้ยินเสียงใสๆของเด็กสาวผู้หนึ่งและนั่นก็เป็นทิศทางที่ลูกศรเพลิงถูกยิงมาเช่นเดียวกัน
เหนือความสูงห้าเมตร ณ อาคารตึกแถวหลังหนึ่งที่อยู่ใกล้เคียง ที่ตรงนั้นเองก็ปรากฎร่างของเด็กสาวผู้หนึ่ง
“แต่คนที่ฆ่าพวกมันเป็นคนสุดท้ายก็คือฉัน เสียใจด้วยนะ…..”
เด็กสาวร่างเล็กส่วนสูงราวๆ 150 ผู้มีเรือนผมสีแดง นัยน์ตาสีเหลืองทอง และมีขอบตาดำคล้ำเล็กน้อยราวกับเป็นคนสุขภาพไม่ดีที่อดหลับอดนอน
อาภรณ์ที่สวมใส่คือชุดมิโกะสีขาวบริสุทธิ์และกระโปรงยาวคลุมเข่าสีแดงซึ่งปกคลุมผิวกายสีขาวซีดและร่างกายอันผอมบาง เครื่องประดับของเธอคือตุ้มหูรูปใบพัดสีทอง และมือขวาที่ผอมแห้งก็กำลังถือคันธนูสีขาวซึ่งมีอัญมณีสีแดงทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าฝังอยู่ข้างใน
ใบหน้าของเธอนั้นตายด้านไร้อารมณ์เช่นเดียวกับดวงตาที่จ้องมองลงมาข้างล่างด้วยสายตาเย็นชาซึ่งแผ่บรรยากาศเย็นยะเยือกออกมา
น้ำเสียงของเธอนั่นแหบแห้งและแผ่วเบา กระนั้นแล้วมันกลับแฝงด้วยความรำคาญใจอยู่ไม่น้อย
“แล้ว..เธอคือเด็กใหม่งั้นหรอ ?”
จอมเวทย์ผู้แต่งกายคล้ายมิโกะของศาลเจ้าคนนั้นถามฉัน ฉันเลยขมวดคิ้วเล็กน้อยและพยักหน้าเบาๆ
“หรอ….เด็กใหม่นี่เอง ถึงว่าไม่คุ้นหน้า….แต่ก็เอาเถอะ ถ้าเป็นเด็กใหม่ก็คงคุยกันง่ายหน่อย”
“???”
นิ้วมือที่ผอมบางยื่นออกมาข้างหน้าและชี้มาที่ฉัน
“ตั้งแต่นี้ไปที่นี่คือเขตของฉัน เพราะงั้นเธอน่ะไสหัวออกไปจากที่นี่ได้แล้ว”
ค่ะ ?
เอ๋ ?
ฉันใช้เวลาประมวลผลในสมองซักครู่หนึ่ง ก่อนที่จะเข้าใจว่าอีกฝ่ายต้องการจะสื่ออะไร
“ไม่ได้ยินรึไง ? หรือว่าเราพูดคนล่ะภาษากัน”
“???”
นี่ฉันโดนแย่งลาสต์มอนสเตอร์ที่อุตส่าห์ทำให้อ่อนแรงแทบตาย แถมยังโดนไล่ให้ไปหากินที่อื่นอีกเนี่ยนะ ?
ยัยนี่ มันเป็นใครกันเนี่ย !?
ท่ามกลางความรู้สึกที่สับสนซึ่งเจือปนด้วยความขุ่นเคือง คำแรกที่ฉันนึกออกในตอนนี้คือคำว่า ‘การแย่งชิงอาณาเขต’ ของเหล่าจอมเวทย์นั่นเอง