เพื่อชดใช้หนี้ 2 ล้าน ฉันจึงเข้าร่วมระบบจอมเวทย์ค่ะ !! - ตอนที่ 6 ดินเเดนเเห่งจอมเวทย์
หลังจากที่จัดการออร์คเรียบร้อย ฉันก็ต้องหิ้วพวกรุ่นพี่ไปส่งที่โรงพยาบาล
ทว่า โรงพยาบาลที่ว่าก็หาใช่โลกแห่งความเป็นจริง หากแต่เป็นโรงพยาบาลในโลกเรพลิก้า
เพราะมัวแต่ตื่นเต้นกับเวทมนต์ ฉันเลยไม่ทันสังเหตุถึงแผ่นดินลอยได้ที่อยู่บนฟ้า
เมื่อประมาณยี่สิบปีก่อน ตอนที่จอมมารสังหารผู้กล้าได้สำเร็จ กองทัพจอมมารก็ได้เข่นฆ่าล้างบางสิ่งมีชีวิตเผ่าพันธุ์อื่นจนเกือบหมด เหล่าจอมเวทย์ที่เหลืออยู่จึงใช้เวทย์มิติเคลื่อนย้ายผู้มีชีวิตรอดกลุ่มสุดท้ายมายังโลกเรพลิก้าแห่งนี้พร้อมดินแดนจำนวนหนึ่ง ซึ่งในภายหลังมันก็กลายมาเป็นอาณาจักรลอยฟ้าท่ามกลางโลกจอมปลอม โดยใช้ชื่อว่า ‘อาณาจักรเซเลสเทีย’
มันเป็นดินแดนที่มีพื้นดินบ้านเรือนของจริงลอยอยู่เหนือพื้นโลกเรพลิก้าเกือบร้อยกิโลเมตร หากเงยหน้ามองฟ้าเราก็จะเห็นเมืองขนาดใหญ่ลอยอยู่
แน่นอนว่า ‘อาณาจักรเซเลสเทีย’ ก็จะเต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆมากมายที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต อีกทั้งยังมีเผ่าพันธุ์มหัศจรรย์ต่างๆเช่น เอลฟ์ ดรอฟว์ และอื่นๆอาศัยอยู่ด้วย
การจะเดินทางมายัง อาณาจักรเซเลสเทีย จำเป็นต้องวาร์ปผ่านแอประบบจอมเวทย์ วิธีการเดินทางก็คล้ายกับตอนที่ฉันมายังโลกเรพลิก้า นั่นก็คือเดินผ่านกระจกใสๆที่ปรากฎขึ้นหลังกดไอค่อนรูปประตู
สิ่งแรกที่ต้อนรับฉันหลังต้องแบกตัวปัญหาทั้งสามคนไว้บนบ่า คือ ตึกรามบ้านช่องหลากสีดูโดดเด่นมีสง่าเรียงรายกันเป็นแถวยาวๆบนพื้นดินทรงกลมซึ่งทอดยาวออกไปประมาณ 100 ตารางกิโลเมตรหรือเทียบเท่ากับเมืองหนึ่งเมือง
มีถนนแตกระแหงกระจายออกไปเคียงคู่กับต้นไม้ซึ่งปลูกไว้ริมทาง รวมถึงมีแม่น้ำผ่ากลางเมือง และ ก็มีน้ำตกขนาดใหญ่ที่เป็นต้นสายของแม่น้ำอีกที
ฉันอดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจกับความสูงของน้ำตกที่มากกว่าหนึ่งกิโลเมตร หากมองตามต้นทางขึ้นไปก็จะพบว่าน้ำตกดังกล่าวไหลมาจากแผ่นดินลอยได้อีกผืนหนึ่งที่อยู่ข้างบนและส่องกระทบแสงแดดจนเกิดรุ้งกินน้ำเจ็ดสีงดงาม
พอกวาดสายตาดูก็จะพบแผ่นดินลอยฟ้าทั้งหมดรวมห้าผืนซึ่งแต่ล่ะผืนต่างเชื่อมต่อกันจากคนละระดับความสูงด้วยน้ำตกที่สูงใหญ่ตระการตา
จิบิบ่อนได้อธิบายว่า หลังการย้ายผู้คนจากโลกยูเฟเซียมายังโลกเรพลิก้า มันได้เกิดปัญหาเกี่ยวกับการปกครองเนื่องจากกลุ่มผู้รอดชีวิตประกอบด้วยเผ่าพันธุ์อันหลากหลาย
พวกเขาจึงแบ่งที่ดินออกเป็นห้าระดับตามชนชั้นแต่เดิมและจัดวางในตำแหน่งที่สูงต่างกันเพื่อบ่งบอกถึงชนชั้น จากนั้นดินแดนทั้ง 5 ผืนก็จะเชื่อมถึงกันด้วยน้ำตกใหญ่ยักษ์ที่เรียกว่า ‘น้ำตกแห่งชีวิต’
สำหรับประชาชนของโลกเรพลิก้าก็ได้มีกฎเหล็กที่สำคัญคือ พวกเขาจะไม่สามารถเดินทางไปยังดินแดนที่มีสถานภาพทางสังคมสูงกว่าตัวเองได้หรือก็คือห้ามเดินทางไปยังแผ่นดินที่สูงกว่าหากไม่ได้รับการอนุญาติ
โดยดินแดนที่อยู่บนสุดคือดินแดนแห่งหอคอยสีขาวซึ่งเป็นที่บรรทมของผู้ก่อตั้งโลกเรพลิก้าอย่าง มหาปราชญ์ และ เหล่าสมาชิกสภาเวทมนต์ผู้เกี่ยวข้องกับการบริหารโลกเรพลิก้าและระบบจอมเวทย์
พอลดระดับความสูงต่ำลงมา ก็จะมีดินแดน สอง ผืน เชื่อมต่อกัน โดยดินแดนหนึ่งจะเป็นดินแดนแห่งพงไพรซึ่งเต็มไปด้วยป่าไม้เขียวขจี ที่นั่นเป็นดินแดนของเผ่าพันธุ์อมนุษย์เช่น มนุษย์สัตว์ ไม่ก็เอลฟ์
ส่วนดินแดนที่อยู่ติดกันโดยเชื่อมต่อกันด้วยแม่น้ำลอยฟ้าสายใหญ่ก็คือ ดินแดนของพวกขุนนางเผ่ามนุษย์ซึ่งมีปราสาทหลังใหญ่อยู่ตรงกลางและตึกรามบ้านช่องทรงเหลี่ยมกระจัดกระจายไปทั่ว จากนั้นก็รายล้อมด้วยกำแพงปิดกั้นดินแดนเอาไว้อีกที
ระหว่างทางที่แม่น้ำเชื่อมระหว่างดินแดนมนุษย์และขุนนางไหลผ่าน มันก็จะมีน้ำตกสายสีรุ้งตกลงมาจากดินแดนแห่งหอคอยสีขาว และก็มีน้ำตกสายใหญ่สีฟ้าธรรมดาตกลงจากแม่น้ำเชื่อมสองดินแดนไปสู่กลางดินแดนถัดไปที่อยู่ต่ำกว่าอีกที ซึ่งก็คือ ดินแดนที่พวกฉันอยู่ในตอนนี้อย่าง ดินแดนของจอมเวทย์จากดาวโลก
ที่แห่งนี้คือดินแดนซึ่งเป็นที่พักผ่อนของจอมเวทย์จากดาวโลกอย่างพวกเรา เวลาบาดเจ็บก็จะมาพักรักษาตัวที่นี่ เวลาอยากพักผ่อนก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกสบายคล้ายดาวโลกติดตั้งไว้ให้พวกเรามาผ่อนคลาย แถมดินแดนตรงส่วนนี้ หากเป็นจอมเวทย์ระดับระดับแพลตตินั่มขึ้นไปก็จะสามารถเอาเงินมาซื้อที่ดินได้ภายในเกณฑ์ที่กำหนด โดยในหมู่จอมเวทย์ระดับแพลตตินั่มก็จะมีการกำหนดแรงค์อีกทีซึ่งบ่งบอกถึงความเก่งกาจในระดับนี้ ซึ่งยิ่งมีแรงค์ที่สูงมากก็ยิ่งจะซื้อที่ดินได้มาก ยิ่งไปกว่านั้น จอมเวทย์ระดับแพลตตินั่มจะสามารถเดินทางไปยังดินแดนของขุนนางและอมนุษย์ได้โดยไม่ต้องใช้หนังสือรับรอง ต่างจากระดับโกลลงไปที่ไม่สามารถเดินทางขึ้นไปยังดินแดนที่สูงกว่าอย่างมีอิสระ
อนึ่ง ระดับอาดามันเที่ยมคือตัวตนพิเศษเพียง 9 คนที่สามารถเดินทางข้ามดินแดนได้อย่างอิสระ และ สามารถไปพำนักอาศัยอยู่ที่ดินแดนแห่งหอคอยสีขาวได้
หากมองตามน้ำตกที่ไหลจากปลายสุดของดินแดนจอมเวทย์จากดาวโลกลงไปก็จะพบกับดินแดนส่วนสุดท้ายซึ่งอยู่ล่างสุดและมีลักษณะเป็นพื้นที่ทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าซึ่งกว้างใหญ่ไพศาลขนาดเนื้อที่ประมาณ 10 เท่าของดินแดนจอมเวทย์จากดาวโลก โดยดินแดนที่ว่าก็คือ ‘ดินแดนของสามัญชน’ ..มันเป็นสถานที่แหล่งรวมปุถุชนธรรมดาที่ใช้เวทย์ไม่ได้และไร้ซึ่งบรรดาศักดิ์ ภายในพื้นที่อันกว้างขวางนั้นว่ากันว่ามีประชากรอาศัยอยู่ราวๆ 1 ล้านคน พื้นที่เพาะปลูกที่กว้างขวาง ธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ในขณะที่บ้านเรือนก็กระจัดกระจายอย่างไม่ค่อยมีระเบียบ ไร้ซึ่งความทันสมัย เพราะคนส่วนมากคือชนชั้นกรรมมาชีพที่มีหน้าที่หลักคือผลิตเสบียงอาหารต่างๆขึ้นไปแจกจ่ายให้ดินแดนระดับบนๆในฐานะสิ่งที่เรียกว่า ‘ภาษี’
กล่าวโดยสรุป อาณาจักรเซเลสเทีย คือ อาณาจักรลอยฟ้าที่ประกอบด้วยชั้นทั้งหมด 4 ชั้น 5 ดินแดน และแต่ล่ะชั้นจะเชื่อมถึงกันด้วยน้ำตกแห่งชีวิตและระดับความสูงที่สูงกว่าก็จะบ่งบอกถึงระดับชนชั้นที่สูง คนที่อยู่ชนชั้นที่ต่ำกว่าจะไม่สามารถเดินทางไปยังเมืองลอยฟ้าที่อยู่สูงกว่าระดับของตนได้ เราสามารถไล่ระดับความสูงของดินแดนซึ่งเทียบเท่ากับชนชั้นได้ดังนี้
1) ดินแดนหอคอยสีขาว ของเหล่าจอมเวทย์ผู้บริหารโลกใบนี้ ถือว่ามีชนชั้นสูงที่สุด
2,3 ) ดินแดนของอมนุษย์และดินแดนขุนนาง คือสองดินแดนที่มีระดับชนชั้นเท่ากันและเชื่อมถึงกันด้วยแม่น้ำสายใหญ่
4) ดินแดนจอมเวทย์จากดาวโลก คือ ดินแดนที่พวกเราเหล่าจอมเวทย์ที่ทำสัญญากับระบบจอมเวทย์พักอาศัยอยู่
5) ดินแดนสามัญชน ดินแดนซึ่งเป็นของคนธรรมดาๆไม่มีเวทมนต์ พวกเขาเป็นน้ำหล่อเลี้ยงหลักในการจัดสรรทรัพยากรต่างๆมาเลี้ยงอาณาจักร
ระหว่างฟังคำแนะนำต่างๆจากจิบิม่อน ฉันก็แบกพวกรุ่นพี่ไปโยนไว้ที่โรงพยาบาลได้สำเร็จ
ทันทีที่พยาบาลหน้าฮิปโป..เอ่อ หมายถึงฮิปโปพูดได้เดินสองขาที่ใส่ชุดพยาบาลเห็นพวกเรา เธอก็รีบวิ่งเข้าไปตะโกนเรียกเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลให้ออกมา
หลังจากนั้นฮิปโปในชุดขาวราวๆ 10 ตัวก็ถือเปลออกมารองร่างของพวกรุ่นพี่แล้วแบกเข้าไปในโรงพยาบาล
“อ่อ ไม่เป็นไรม่อน จิบิม่อนไม่ได้บาดเจ็บหรอกม่อน”
มีพยาบาลคนหนึ่งถือเปลมาหาจิบิม่อนที่ใบหน้าเหลือเพียง 1 ใน 4 จิบิม่อนเลยพูดปฏิเสธทันควันและกล่าวเสริม
“ถ้าเด็กๆพวกนั้นตื่นเมื่อไหร่ ช่วยแจ้งด้วยนะม่อน”
“รับทราบค่ะท่านมาสคอต”
เห็นพยาบาลก้มหัวให้กับจิบิม่อนอย่างมีมารยาท ฉันก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มแหยๆ
“โฮ่ๆๆ เห็นแบบนี้ผมก็มีฐานะพอควรในดินแดนแห่งนี้นะม่อน”
“ไม่ได้ถามค่ะ”
“มาริอย่าเย็นชาขนาดนั้นสิม่อน ยังโกรธไม่หายหรอม่อน”
“………………”
พอมองไปที่ถนนข้างโรงบาลก็พบกับตึกแถวจำนวนมากที่แต่ละตึกก็มีกิจการแตกต่างกันไป
บ้างเป็นร้านอาหาร บ้างเป็นห้องพัก บ้างเป็นร้านขายเสื้อผ้า หรือบางร้านก็เป็นร้านขายอาวุธ
จะว่าไป ฉันได้เงินค่ากำจัดมอนสเตอร์มารึยังนะ
พอเช็คเมจิคัลโฟนดูก็พบปริมาณเงินในบัญชีที่เพิ่มขึ้นพร้อมข้อมูลแจกแจงรายละเอียดต่างๆ
“ออร์คมีค่าหัว 1000 ต่อหนึ่งตัว เลยได้ตรงส่วนนี้มา 10,000 ส่วนอาวุธต่างๆโดยเฉพาะปืนใหญ่พลังเวทย์ได้เงินมาอีก 11,200 โกล รวมทั้งสิ้น 21,200 โกล !!!”
ได้เงิน 20,000 ในวันเดียว นี่มันรายได้เทียบเท่ากับเงินเดือนของพนักงานบริษัทหนึ่งเดือนเลยนะ !
ถ้าทำแบบนี้ทุกๆวัน 30 วันก็ราวๆ 600,000 ….พอคิดเป็นต่อปีก็ปีละ 7 ล้านโกล !? ถ้าทำงานแบบนี้ไปปีกว่าๆ และ ใช้จ่ายอย่างประหยัด จะซื้อบ้านซักหลังยังได้เลย
อืมๆ จะเรียกว่าคุ้มค่ากับการเสี่ยงตายดีไหมนะ
เอาเถอะ ในเมื่อได้เงินมาแล้วก็ขอใช้ซักหน่อยละกัน
ว่าแล้วก็ตรงไปที่ร้านคาเฟ่ซักร้าน หลังทำงานมาเหนื่อยๆ ยังไงก็ต้องของหวานค่ะ !
“ทางนี้ขอชาดำราดวิปครีมแก้วหนึ่งแก้วม่อน”
“ไม่เลี้ยงหรอกค่ะ”
“ขี้งกจังม่อน !”
และแล้ว วันนั้นทั้งวัน ฉันก็ใช้เวลาไปกับการผลาญเงินอย่างสุรุยสุร่าย ราวกับได้ระบายความเก็บกดที่ไม่ได้ใช้เงินอย่างอิสระมาตั้งนาน
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
ชีวิตที่ใฝ่ฝันมานาน ในที่สุดก็ได้มันมาครอง
นอนกลิ้งอยู่บนเตียงในห้องนอนแอร์เย็นๆจนถึงเที่ยง พอตื่นขึ้นมาก็ลุกไปเปิดตู้เย็น หยิบชากระป๋องเย็นๆมาดื่มดับกระหาย จากนั้นก็เปิดโทรศัพท์เลือกเมนูอาหารออนไลน์อย่างอิสระ วันนี้ก็เอาเป็นแซลม่อน ซาซิมิ เซ็ตใหญ่ จะกินให้พุงกางเลยค่ะ !
ระหว่างรออาหารมาส่งที่บ้าน ก็เข้าห้องน้ำไปอาบน้ำ ล้างหน้า แปรงฟัน พอสวมใส่เสื้อผ้าเนื้อบางที่เย็นสบายตัวเสร็จก็ขึ้นไปเกลือกลิ้งบนโซฟาพลางเปิดทีวีดูข่าวยามเช้า
กริ๊งงงงง
ระหว่างนั้นก็มีเสียงเรียกเข้าจากที่ทำงาน
ผู้จัดการร้านโทรมาต่อว่าเรื่องที่ฉันไม่มาทำงานวันนี้ ฉันก็เลยตอบกลับไปว่า ‘ขอลาออกค่ะ ไอ้หัวหน้าเฮงซวย !’
ตั้งแต่วันนี้ไป ฉันคือ จอมเวทย์
อาชีพอิสระที่สามารถปั๊มเงินได้เรื่อยๆและใช้จ่ายอย่างหรูหราฟุ่มเฟือย
แม้จะดูขาดการวางแผนทางการเงิน แต่ยังไงจอมมารก็คงไม่ตายในเร็ววันอยู่แล้ว
ขอแค่ส่งออร์คมาให้เชือดวันละตัวสองตัว ฉันก็มีเงินพอใช้จ่ายไปได้ทั้งสัปดาห์
หลังจากวันนั้น มันก็ผ่านไปได้ 3 วันแล้ว จำนวนเงินเก็บของฉันเหลืออยู่ประมาณ 20,000 โกล เพราะช่วงนี้พบการปรากฎตัวของออร์คประมาณวันล่ะ 1-2 ครั้ง ครั้งล่ะไม่เกิน 3 ตัว
อย่างกับเป็นหน่วยสอดแนม ต่างจากกองทัพออร์คครั้งที่แล้วลิบลับ
เพราะงั้นมันเลยเป็นงานง่ายๆเหมือนปลอกกล้วยเข้าปาก
ก่อนอื่นก็ซ่อนอยู่บนอาคารแล้ว จากนั้นก็ฉวยโอกาสกระโดดเข้าไปจ้วงหลังทีล่ะตัว
แค่ร่ายอควาคัตเตอร์รัวๆก็ได้เงิน 3000 โกลเข้ากระเป๋าฟรีๆ
เงิน 3000 นี่ซื้ออะไรได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเสื้อผ้าสวยๆ หรือกระเป๋ารองเท้าหรูๆ แต่เพราะช่วงนี้อยากเป็นฮิกิโมริก็เลยเอาเงินไปเปย์นิยายเช็ตลิมิเต็ตที่วางขายออนไลน์ หรือ เมื่อวันก่อนไม่รู้ครึ้มใจอะไรขึ้นมาก็กดสั่งเครื่องเลนเกม 3D มาลองเล่นดูซักหน่อย
เงินที่ได้ก็ผลาญหมดอย่างรวดเร็ว ทุกๆวันก็ภาวนาให้ท่านจอมมารส่งเงินมาให้เยอะๆ
ทว่า หลัง 4 โมงเย็น หากยังส่งมาอยู่ ฉันก็ขอผ่าน
ตัวฉันคนนี้เป็นพนักงานฟรีแลนซ์ที่ยึดถือเรื่องเวลาเป็นสำคัญ
เวลาทำงานของฉันอยู่ที่ 8 โมงเช้าถึง 4 โมงเย็น หากนอกเหนือจากนั้นคือเวลาพักผ่อน เชิญจอมเวทย์คนอื่นไปหาตังค์กันตามสบาย
ในเมื่อเป็นอาชีพเสี่ยงตาย ฉันเลยคิดว่าทำไมฉันต้องพร้อมออกไปสู้ตลอดทั้งวัน หากพนักงานบริษัททั่วไปทำงานวันละ 8 ชั่วโมงไม่รวม OT แล้วทำไมจอมเวทย์อย่างฉันถึงต้องทำงานเกินวันละ 8 ชั่วโมงด้วยละ ?
ตอนกลางดึกเป็นเวลานอนไม่ใช่เวลาหาเงิน เพราะงั้นถึงจอมมารจะส่งเงินมาให้ ฉันก็ไม่ออกไปรับหรอกค่ะ
แน่นอนว่าในช่วง 3 วันมานี้ก็มีบุกมาตอนกลางคืนครั้งหนึ่ง ซึ่งฉันก็ไม่ได้สนใจ จนกระทั่งมีจอมเวทย์จากเมืองข้างๆมาจัดการ
แถมบางครั้งถ้าเช้ามากๆ ตัวฉันที่กำลังงัวเงียก็ไปอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟันก่อนเริ่มภารกิจ แต่พอรู้ตัวอีกทีจิบิม่อนก็ติดต่อมาบอกว่า ภารกิจฆ่าออร์คโดนจอมเวทย์ที่อยู่เมืองข้างเคียงมาแย่งไปทำเรียบร้อย
ตามปกติ จอมเวทย์แต่ละคนก็มักประจำการอยู่เมืองของตัวเองและไม่รับภารกิจข้ามอาณาเขตของตน เพราะจะถือว่าเป็นการแย่งรายได้ของจอมเวทย์คนอื่น แต่ถึงอย่างงั้น มันก็ไม่มีกฎชัดเจนที่ระบุว่าจอมเวทย์ทุกคนต้องทำภารกิจแค่ในอาณาเขตของตนเอง หรือระบุอาณาเขตของจอมเวทย์แต่ล่ะคนเป็นคนๆไป เพราะเรื่องอาณาเขตเป็นแนวทางการปฏิบัติขั้นพื้นฐานไม่ก็มารยาทในฐานะจอมเวทย์ซ่ะมากกว่า นั่นจึงทำให้บ่อยครั้งเกิดข้อพิพาทระหว่างจอมเวทย์เกี่ยวกับอาณาเขตทับซ้อน แน่นอนเวลาเกิดเรื่องทำนองนั้นขึ้น ทางสภาเวทย์ก็จะให้ทั้งสองตัดสินกันผ่านการประลองเวทย์ ซึ่งผู้ชนะจะมีสิทธิไล่ผู้แพ้ออกไปจากอาณาเขตแถวนั้นได้
นอกจากนี้เวลาแจ้งเตือนเรื่องเควส เมจิคัลโฟนจะส่งเสียงเตือนให้กับเหล่าจอมเวทย์ที่อยู่ในระแวกใกล้เคียง ในขณะที่จอมเวทย์ซึ่งอยู่นอกระยะก็จะรับรู้เรื่องเควสได้ผ่านบอร์ดภารกิจที่มีการอัพเดตตลอด 24 ชั่วโมงทำให้จอมเวทย์ที่เปิดเมจิคัลโฟ่นบอยๆจะรู้การเคลื่อนไหวของกองทัพจอมมารตลอดเวลาและสามารถเข้าไปแย่งหาเงินในเมืองอื่นนอกอาณาเขตของตนได้
ตลอดสามวันที่ผ่านมาก็พอจะมีคนมาแย่งงานของฉันในตอนกลางวันอยู่บ้าง แต่ฉันก็ไม่ถือสาหาความและปล่อยไป
ถ้าไปทันก็ได้เงิน แต่ถ้าคนอื่นรวดเร็วกว่าแล้วชิงตัดหน้าไปได้ก็ตามนั้น เพราะยังไง ฉันก็อยากพึ่งพาพวกเขาหลัง 4 โมงเย็นและก่อน 8 โมงเช้าอยู่แล้ว จะมาทำเป็นหมาหวงก้างไม่ยอมให้มาช่วย แบบนี้ฉันก็เสียคนที่มาช่วยจัดการมอนสเตอร์ตอนนอนพอดีสิ
ดีซ่ะอีก เพราะฉันจะได้หลับอย่างสบายใจ เพราะมีจอมเวทย์คนอื่นช่วยปกป้องผู้คนแทน
กิ๊งก่องๆ
“มาส่งอาหารครับ !!!”
เสียงกริ่งที่ดังขึ้นทำให้ฉันรีบวิ่งไปเปิดประตู แซลม่อนซาซิมิที่สั่งไปมาถึงเร็วกว่าที่คิด
หลังได้ข้าวเที่ยงแสนอร่อยมา ก็ตรงไปเปิดเน็ตฟลิ้X ที่สมัครไปเมื่อวานเพื่อเลือกดูหนังที่ชอบ
เพราะตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมาทำงานอย่างหนักหน่วงเลยไม่มีเวลาให้ผ่อนคลาย
ฉันเลยเลือกดูหนังที่อดดูตอนเข้าโรงหนังพลางคีบแซลม่อนเข้าปากไปพลางๆ
ง่ำๆๆ
โชยุรสเค็มผสานเข้ากับเนื้อแชลม่อนชุ่มฉ่ำที่บางเฉียบ แค่กัดไปหนึ่งคำเนื้อแซลม่อนที่ละมุนลิ้นก็แทบจะละลายในปากแล้วระเบิดออกมาเป็นรสอูมามิที่ทำเอาตัวฉันกลั้นยิ้มเอาไว้ไม่อยู่
“~ ♪”
นอนกินบนเตียงและถีบขาอย่างมีความสุขพลางฮัมเพลง ในขณะที่คนทั้งโลกกำลังทำงาน แต่ตัวฉันผู้นี้กลับนอนชิวๆ ชีวิตนี่มันจะดี๊ดีอะไรปานนั้น
ถ้าคุณพ่อคุณแม่ยังมีชีวิตอยู่แล้วมาเห็นตัวฉันตอนนี้เข้าคงโดนบ่นจนหูชา ทั้งการใช้เงินที่เหลวแหลกและการวางตัวที่หย่อนหยาน…แต่ในเมื่อท่านทั้งสองไม่อยู่แล้ว ก็ไม่มีใครมาจู้จี้จุกจิกได้อีก…ใช่…ไม่มีอีกแล้ว…..
“อึก !”
พอๆ คิดไปก็เท่านั้น วนกลับมาคิดเรื่องนี้อีกแล้ว พอเถอะเอาเวลาไปทำอย่างอื่นดีกว่า
ฉันซุกหน้าลงกับหมอนแล้วกลั้นหายใจเฮือกหนึ่งเพื่อสะกดความรู้สึกแย่ๆที่ถาโถมเข้าใส่ให้ย้อนกลับเข้าไปในส่วนลึกของจิตใจ
จอมเวทย์คืออาชีพที่เสี่ยงตาย ถ้าไม่หาความสุขตอนยังมีชีวิตอยู่ เดี๋ยวตายไปก็หาความสุขไม่ได้กันพอดี เพราะงั้นอย่ามัวแต่มานั่งเศร้าเลย
“วันนี้ก็มาดูซีรีย์กันต่อดีกว่า ! เอาเรื่องอะไรดีน๊า ~ ”
ฉันฮัมเพลงโปรดอย่างมีความสุขพลางกดรีโมทเลื่อนดูรายการหนังที่ขึ้นท็อปติดอันดับต้นๆ
“โอ๊ะ ! จำเลยรักดอกซากุระ ที่ นักแสดงหญิงชื่อดัง คาวากุระ เมกุมิ แสดงนี่นา”
ในเมื่อเลือกซีรีย์ที่ชอบได้แล้ว ฉันก็เดินไปคุ้ยหาขนมขบเคี้ยวในห้องครัว เวลาแบบนี้ยังไงก็ต้องน้ำอัดลมคู่กับมันฝรั่งทอดกรอบรสบาร์บีคิวนั่นแหล่ะ
วู้ๆๆๆๆๆๆ
แต่แล้วทันใดนั้นเอง เสียงไซเร็นซ์ราวกับเสียงรถพยาบาลก็ดังขึ้นมาจากเมจิคัลโฟนของฉัน
หน้าจอกลายเป็นสีแดง เกิดแถบแจ้งเตือนสีแดงขึ้นมาบนหน้าจอ
นี่คือสัญญาเตือนว่ามีมอนสเตอร์โผล่เข้ามาใกล้เมืองมาซากุระ
ตัวฉันที่กำลังอยู่ในท่าเตรียมฉีกถุงขนมก็มองไปยังเมจิคัลโฟนด้วยความรู้สึกรำคาญ
เวลาในตอนนี้คือบ่ายสาม ทั้งๆที่อีกหนึ่งชั่วโมงจะเลยเวลางานของฉันแท้ๆเชียว แต่เจ้าพวกนี้ดันโผล่มาก่อนซ่ะได้
เฮ้อ….
ฉันเลยกดหารายชื่อโทรศัพท์ติดต่อไปยัง รายชื่อที่เขียนว่า ‘แตงโมเฮงซวย’
ตู๊ดดดดด
เสียงต่อสายดังขึ้น ระหว่างรอฉันก็เอียงหูแนบชิดไหล่เพื่อหนีบโทรศัพท์เอาไว้ ส่วนมือสองข้างก็ฉีกถุงขนม
กรึ๊บ !
เสียงยกส่ายโทรศัพท์ดังขึ้น ที่ปลายสายก็มีเสียงแหลมสูงดูสดใสร่าเริงดังขึ้นมา
“อรุณสวัสดิ์มาริ ติดต่อมาหาผมมีธุระอะไรหรอม่อน ?”
“อ่อ…ดีค่า คุณแตงโมพูดได้ พอดีว่าฉันมีอะไรอยากถามนิดหน่อย”
“นานๆทีอุตส่าห์ติดต่อมาหาผม แสดงว่าคงเป็นธุระสำคัญสินะม่อน ได้เลยว่ามาสิม่อน !”
เอ่อ…จะเรียกว่าสำคัญได้ไหมนะ
“ก็คือ..ไม่ทราบว่า รุ่นพี่ทั้งสามคนที่โดนพวกออร์คกระทืบยับไป ตอนนี้หายดีรึยังคะ”
“มารินี่ใจดีจังนะ อุตส่าห์โทรมาหาเพราะเป็นห่วงซ่ะด้วย…ได้สิ ผมก็พึ่งไปเยี่ยมมาไม่นานนี้เองม่อน”
“ค่ะ….”
“เกี่ยวกับเรื่องนั้น เพราะกระดูกหักหลายซี่ก็เลยต้องนอนโรงพยาบาลต่ออีกสองวัน แต่ตอนนี้ก็กินข้าวได้อะไรได้ เหลือแค่เรื่องออกแรงที่ยังทำได้ไม่เต็มที่ แล้วก็ทั้งสามคนได้ฟังเรื่องของมาริแล้ว เห็นบอกว่าอยากติดต่อมาขอบคุณ พวกเขาฝากจิบิม่อนมานัดมาริด้วยล่ะ”
“อ่อ…..แสดงว่าระหว่างนี้จอมเวทย์ประจำเมืองมาซากุระจะเหลือคนที่สามารถสู้ได้เเค่ฉันไปอีก 2 วันใช่ไหมคะ”
“หลังครบ 2 วัน แล้ว คุณหมอก็บอกให้พักต่ออีก 2 วัน เพราะงั้นกว่าจะมาช่วยงานได้ก็ 4 วันม่อน”
“……………….”
“มีอะไรรึเปล่ามาริ ?”
“……………………….”
คือ…ว่าไงดีอ่ะ
กะว่าจะโยนงานให้พวกรุ่นพี่ไปจัดการซ่ะหน่อย
วันนี้รู้สึกขี้เกียจจังค่ะ
ก็แบบ….ตั้งเต่เช้าก็ไม่บุกมา ดันบุกมาตอนที่ฉันกำลังเตรียมที่จะดูซีรี่ย์ยาวๆพอดี
รู้สึกน่ารำคาญหน่อยๆ ทำไมถ้าจะบุกก็ไม่บอกกันล่วงหน้าก่อนนะ คนเขาก็อุตส่าห์ดีใจคิดว่าจะได้พักผ่อนยาวๆซะอีก
นึกว่าวันนี้จะเป็นวันสบายที่เปรียบเหมือนวันอาทิตย์ที่สามารถนอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียงทั้งวัน ถ้าซักวันเพลี่ยงพล้ำตายในหน้าที่ขึ้นมาก็อยากจะไปเกิดใหม่เป็นเตียงนอนจังเลยค่ะ
เพราะชีวิตวันๆคงไม่มีอะไรมาก นอกจากนอนทั้งวัน
แย่ละ ความสบายเริ่มทำให้ฉันเสียคนละ
ไม่ได้ๆ ต้องทำงาน
“เอ่อ..มาริ..”
“ค่ะ เข้าใจแล้ว ระหว่างนี้ ฉันจะปกป้องความสงบสุขของเมืองมาซากุระให้เอง”
“ดีมากม่อน มีจิตสำนึกที่ดีมาก”
“แต่แค่ช่วงเวลา 8 โมงเช้าถึง 4 โมงเย็นเท่านั้นนะคะ”
“หา !? ว่าไงนะม่อน !?”
ตู๊ด…….
ก่อนจะโดนบ่น ฉันก็รีบตัดสายค่ะ
ว่าแล้วก็ไปเตรียมตัวกันเลยดีกว่า
ฉันเปิดแอปจอมเวทย์ขึ้นมาจากนั้นก็เลือกไอค่อนรูปประตู
ฟุบ !
ทันใดนั้นเองกระจกใสๆก็ปรากฎขึ้นข้างหน้าฉัน
เสร็จแล้ว ฉันก็รีบถอดเสื้อผ้าทั้งหมดออกมา เพราะครั้งที่แล้ว ฉันได้เรียนรู้ว่าการหากเรียกอาภรณ์เวทย์ออกมาโดยทันที หลังปลดอาภรณ์เวทย์ออกเสื้อผ้าที่ฉันเคยใส่จะหายไป …ทำให้ร่างกายของฉันโป๊ค่ะ(เพราะงั้นห้ามคืนร่างเดิมในที่สาธารณะเด็ดขาด)
“เอาล่ะ….ทีนี้ก็ต้องพูดแบบนี้สินะ”
เป๊าะ !
ฉันดีดนิ้วหนึ่งทีแล้วพูดคำๆนั้นออกมา
“แปลงร่าง—-”
ฟู่วๆๆๆๆๆๆๆ
ร่างอันเปลือยเปล่าถูกห่อหุ้มด้วยแสงสีรุ้ง
ความอบอุ่นปกคลุมไปทั่วร่าง
เริ่มจากปลายเท้าที่เปลือยเปล่าถูกห่อหุ้มด้วยรองเท้าส้นสูง แสงสีรุ้งที่คลุมต้นขาก็รัดแน่นถึงขาอ่อนแล้วแปรเปลี่ยนเป็นถุงน่องสีขาวสะอาด
พอเลยไปถึงสะดือชุดกระโปรงสีขาวยาวเปิดไหล่เนียนขาวก็ปรากฎขึ้นมาพร้อมกับสร้อยคอที่ประดับอัญมณีสีฟ้าคราม
ผ้าคลุมหน้าบางๆปกปิดใบหน้าทั้งหมดเอาไว้ พร้อมกันนั้นคฑาสีขาวบริสุทธิ์ก็ปรากฎขึ้นข้างๆตัว
ดวงเนตรสีเขียวเปล่งแสงจางๆภายใต้ผ้าคลุมหน้า
เรือนผมสีน้ำทะเลสยายออกกว้าง โดยมีละอองน้ำที่กระจัดกระจายเป็นดั่งพื้นหลัง
เมื่อฉันหันไปมองกระจก ภาพของหญิงสาวที่มีทรวดทรงองค์เอวงดงามก็ทำให้ฉันยิ้มอย่างพอใจ
“เยี่ยมไปเลยค่ะ”
พอลูบท้องของตัวเองที่ราบเรียบ จากนั้นก็ลองเดินไปชั่งน้ำหนักดู ฉันก็กลั้นยิ้มเอาไว้ไม่อยู่
แม้จะกินจุกินหนัก ซัดเนื้อหมูเนื้อแซลม่อนไปเป็นกิโลๆ น้ำหนักก็ไม่ขึ้นเลย แถมสรีระร่างกายยังสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ นี่สินะสิทธิพิเศษของการเป็นจอมเวทย์
ฮุๆ การมีร่างกายที่อ่อนเยาว์ กินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วน นี่แหล่ะคือความฝันของเด็กผู้หญิงค่ะ
“เอาล่ะ…ไปกันเถอะ โอ๊ะๆๆ ลืมไปซ่ะสนิท”
แต่ทุกครั้งที่แปลงร่าง ผมของฉันก็มักจะสะบัดและปล่อยละอองน้ำออกมาทำให้พื้นเปียก ฉันเลยไปหยิบผ้ามาเช็ดพื้นให้แห้งก่อน
พอทำความสะอาดเสร็จ ฉันจึงค่อยก้าวเท้าเข้าไปในกระจกวิเศษ
‘ประกาศแจ้งเตือน ภัยภิบัติมอนสเตอร์ที่สวนสาธารณะเขต 1 เมืองมาซากุระ ’
‘LV. ขั้นต่ำ 50’
‘ศัตรู : ไวเวิร์น 7 ตัว’
‘รบกวนจอมเวทย์ที่อยู่ใกล้เคียง ขอความร่วมมือกำจัดเป้าหมายโดยด่วน’
‘อัตราฟูลซิงโคร 30 %’
วันนี้เราก็ไปล่าไวเวิร์นกันเถอะค่ะ !
นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ศัตรูของฉันไม่ใช่ออร์ค ถึงจะตื่นเต้นนิดหน่อย แต่เอาเป็นว่าถ้าท่าไม่ดีก็ค่อยหนีล่ะกัน !
ชื่อ : มาริซ่า ไฮแลนเดีย
เพศ : หญิง
อายุ : 21 ปี
อาชีพ : จอมเวทย์แห่งวารี
ธาตุที่ชำนาญ : ธาตุน้ำ
LV. 88
พลังชีวิต : 50/50
พลังเวทย์ : 13,000/13,000
พลังป้องกัน 5,000/5,000
อุปกรณ์สวมใส่ : ชุดราตรีขององค์หญิงแห่งท้องทะเล, คฑาน้ำตาแห่งสายธาร
สกิล : วอเตอร์บอล,อควาคัตเตอร์,อควาบุลเล็ต