เพื่อชดใช้หนี้ 2 ล้าน ฉันจึงเข้าร่วมระบบจอมเวทย์ค่ะ !! - ตอนที่ 5 ประสบการณ์ต่อสู้ครั้งเเรก
- Home
- เพื่อชดใช้หนี้ 2 ล้าน ฉันจึงเข้าร่วมระบบจอมเวทย์ค่ะ !!
- ตอนที่ 5 ประสบการณ์ต่อสู้ครั้งเเรก
เอาล่ะ รีบมาเช็คจำนวนศัตรูให้จบๆและวางแผนให้เสร็จๆกันดีกว่า ตอนนี้ฉันอารมณ์ไม่ค่อยดีซักเท่าไหร่
ในตอนนี้เหลือ ออร์คโล่สองตัว ออร์คหอกห้าตัว ออร์คธนูสองตัว ออร์คปืนใหญ่ห้าตัว
ส่วนไวเวิร์นนั้นตายเรียบ
รุ่นพี่ทั้งสามคนก็กระเด็นกระดอนกันไปคนล่ะทาง ถ้าโดดลงไปช่วยตอนนี้คงช่วยพร้อมกันไม่ได้ แถมระหว่างที่ช่วยอีกคน คนที่เหลือก็เสี่ยงจะโดนจับเป็นตัวประกัน
ยิ่งไปกว่านั้นการโจมตีระยะไกลด้วยธนูสองปืนใหญ่หนึ่ง มันก็เหมือนกับมีปืนสามกระบอกที่พร้อมเล็งใส่ฉันทุกเมื่อ
จากการสังเหตุการต่อสู้เมื่อกี้ทำให้รู้ว่า ปืนใหญ่นั้นเล็งช้าและบรรจุกระสุนนาน ใช้เวลากว่าจะยิงแต่ล่ะนัดขั้นต่ำก็สามนาที
หลังยิงครั้งล่าสุดก็ผ่านมาได้ห้านาที เพราะงั้นตอนนื้ปืนใหญ่พร้อมยิงทุกเมื่อ
แต่อย่างน้อยออร์ค 5 ตัวที่คุมปืนใหญ่ก็ไม่พกอาวุธติดตัว พวกมันจึงเป็นศัตรูที่ฆ่าง่ายที่สุด
ถ้าทำลายปืนใหญ่ได้ก็ไม่ต่างจากฆ่าพวกมันห้าตัวได้
“อ๊ะ ! พวกมันทำอะไรอยู่น่ะ”
ระหว่างกำลังสังเกตุการณ์จากด้านบนอยู่ ฉันก็เห็นพวกมันลากรุ่นพี่ทั้งสามคนมากองรวมกัน
รุ่นพี่อัศวินถูกมัดมือมัดเท้า ส่วนรุ่นพี่มัดเมาและแม่มดก็ถูกออร์คจับแขนจับขา
แฮ่กๆๆๆ
ออร์คจำนวนห้าตัวพ่นลมหายใจฟึดฟัดออกมาทางจมูก น้ำลายที่ไหลออกมาจากริมฝีปากชวนให้รู้สึกขนลุกอย่างบอกไม่ถูก ภาพของเนื้อหนังหมังสาเนียนขาวที่สะท้อนอยู่บนดวงตาของพวกมัน ทำให้เดาได้ไม่ยากว่าคิดอะไรอยู่
แควก !
เสื้อผ้าของรุ่นพี่ทั้งสองถูกฉีกกระซาก บัดนี้ร่างอันเปลือยเปล่าของพวกเธอถูกเผยให้ยลโฉม
พอมันเห็นหน้าอกหน้าใจขนาดพอดีมือ แถมยังช่วงล่างที่อ้ากว้างไร้สิ่งใดปกปิด
โฮกกกกกก
พวกมันก็คำรามอย่างหื่นกระหาย พลางกรูเข้าใส่พวกเธอ น้ำลายใสๆหยดลงบนเรือนร่างอันบอบบางพร้อมกับมือหลายคู่ที่สัมผัสผิวหนังอย่างหยาบโลน
“แย่แล้วม่อน พวกมันกำลังจะข่มขืนเด็กๆพวกนั้นแล้วม่อน”
“ถามจริง ?”
‘อัตราฟูลซิงโคร 85 %’
ฉลาดเป็นกรด แต่แพ้ความหื่น
บ้ารึเปล่าอีกไม่นานจะโผล่ไปโลกฝั่งนู้นอยู่แล้ว ยังมีอารมณ์มาทำอะไรแบบนี้อีก
“ออร์คเป็นสัตว์ที่มีสัญชาติญาณการขยายพันธุ์สูงเหมือนกอบลินน่ะม่อน”
“เอาเถอะ อย่างน้อยก็มีพวกโง่ตัวเปล่าเพิ่มมาอีกห้าตัว”
กลายเป็นว่าตอนนี้ออร์คที่สู้ได้มี ธนูหนึ่ง หอกสอง โล่หนึ่ง
จากงานยากกลายเป็นงานง่ายเฉยเลย
ฉันรู้สึกราวกับว่าแผนที่พยายามคิดแทบตาย ดูจะไม่จำเป็นถ้าพวกมันจะหื่นจนโง่ขนาดนี้
“ถ้าพวกมันจะหื่นซ่ะปานนี้ คราวหน้าคิดว่าถ้าเจอเเบบนี้อีก ลองวางกับดักเอาไว้ก่อนจะใช้ได้ผลรึเปล่านะ”
“วางกับดักหรอม่อน ?”
“อย่างเช่น วางหนังสือโป๋ไม่ก็ตุ๊กตายางทิ้งเอาไว้ข้างทาง แล้วฉวยโอกาสที่พวกมันไปมะรุมมะตุ้มกันอยู่แอบสอยหัวมันรายตัว”
“โรคจิตสุดๆ มาริโรคจิตล่ะม่อน”
“หนวกหูค่ะ แค่พูดในทางทฤษฎีเฉยๆ ช่วยกรุณาหยุดล้อเลียนฉันด้วยค่ะ”
มองดูจิบิม่อนที่หน้าแดง และ มองฉันด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง
มันทำให้ฉันรู้สึกอับอายนิดหน่อยกับสิ่งที่พูดออกไปจนคิดว่ารู้งี้เก็บไว้ในหัวไม่พูดออกไปก็ดี
“เฮ้อ….ถ้างั้นตอนนี้ก็จัดการพวกที่อยู่ตรงปืนใหญ่ จากนั้นก็พวกที่ใช้ธนู เสร็จแล้วก็ไปช่วยพวกรุ่นพี่ก่อนโดนจับเป็นตัวประกัน”
แม้ระยะทางจะไกล แต่ปืนใหญ่ที่เป็นเป้านิ่งก็เล็งได้ไม่ยาก
กระนั้นแล้ว ฉันก็รีบวิ่งลงไปอีก 4 ชั้นเพื่อย่นระยะห่าง จากนั้นก็พยายามพังกระจกให้เบาที่สุด
เสร็จแล้วก็เสกลูกบอลน้ำขึ้นมา 5 ลูกพร้อมกับเล็งไปยังปืนใหญ่
แต่พอมองดูลูกบอลน้ำที่อยู่ตรงหน้า ฉันก็รู้สึกว่ามันดูไม่อันตรายซักเท่าไหร่ อย่างมากก็ทำให้แค่จุกๆเวลาโดนยิง
เพราะงั้นมันต้องแหลมคมมมากกว่านี้ รวดเร็วมากกว่านี้ และ อันตรายมากกว่านี้
ฟู่วววววว
ในตอนนี้กำลังจินตนาการถึง รูปร่างที่คดเคี้ยวไปมา สิ่งที่ช่วยเพิ่มแรงเจาะทะลุมันก็คือเกลียวของสว่าน
พื้นผิวต้องมีความละเอียด ลดแรงต้าน มีความแหลมคม
ใช่…แหลม ยาว เป็นเกลียว…แหลมยาว…. และเป็นเกลียว !!!
“มาริ ! ทำอะไรลงไปนะม่อน !!!”
ติ้ง !
‘บรรลุเวทย์บทใหม่ อควาบุลเล็ต ’
จากตอนแรกที่เป็นลูกบอลน้ำกลมๆ บัดนี้ลูกบอลทั้ง 5 ลูกก็เปลี่ยนสภาพกลายเป็นวัตุทรงกลวยที่มีเกลียวบนพื้นผิวราวกับสว่าน แถมขนาดก็เล็กลงและจำนวนก็เพิ่มจาก 5 เป็น 10
กระสุนน้ำคล้ายลูกปืนที่พุ่งออกไปด้วยความเร็วสูงนี่แหล่ะคือ อควาบุลเล็ต
“สะ สุดยอดไปเลยม่อน สามารถเรียนรู้เวทย์บทใหม่ด้วยระยะเวลาเพียงแค่นี้ มาริ สุดยอดไปเลย ! ว่าแล้วเชียวว่าเป็นคนที่มีพรสวรรค์น่ะม่อน !!!”
“พรสวรรค์งั้นหรอคะ….”
พอมองเหล่ารุ่นพี่ที่กำลังจะถูกพวกมันย่ำยีในอีกไม่ช้า ฉันก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยหน่าย
“พูดแบบนี้เหมือนกับว่าฉันเป็นตัวละครติดบัคไม่ก็เทพทรูสุดโกงอย่างงั้นเลยค่ะ”
“แบบนั้นไม่ดีหรอม่อน ?”
“ก็ไม่รู้สิค่ะ—-”
ว่าแล้ว ฉันก็เงยหน้ามองดวงอาทิตย์ปลอมๆที่เปล่งแสงสีส้มอยู่บนท้องฟ้า
“การที่เก่งโดยไม่ต้องขวนขวายและไม่ต้องพยายามอะไรเลย….มันเป็นความรู้สึกแบบนี้เองสินะคะ”
ราวกับกำลังเยาะเย้ยพวกเขาเหล่านั้นที่พยายามสู้เลือดตาแทบกระเด็นไม่มีผิด
แต่ก็ช่างมันเถอะ….
มีอะไรก็ใช้ให้หมด ไม่มีถูกหรือผิด ถ้าแพ้ก็จบ ถ้าชนะก็ไปต่อ ชีวิตเรามันก็มีกฎง่ายๆแค่นั้น
จะพรสวรรค์หรือไม่มีพรสวรรค์ แต่ถ้าคนเรามันจะตาย พรสวรรค์ก็ช่วยอะไรไม่ได้อยู่ดี
— เพราะอย่างงั้นแล้ว
“อควาบุลเล็ต—-”
ฟ้าวววววว ฉึก !
กระสุนน้ำสิบนัดพุ่งทะลุร่างของเหล่าออร์คปืนใหญ่อย่างรวดเร็ว
บางนัดพุ่งทะลุกะโหลก บางนัดพุ่งทะลุอก แต่บางนัดก็โดนแขนไม่ก็ขา
ประมารครึ่งหนึ่งยิงพลาด อีกครึ่งโดนเป้าหมาย
มีสามตัวล้มตึง แต่อีกสองตัวที่โดนแขนขายังขยับได้อยู่ พวกมันกำลังเลื่อนสายตาไปยังบาดแผลด้วยความงุนงง
“อควาบุลเล็ต !”
ก่อนที่กระแสประสาทที่แจ้งเตือนถึงความเจ็บปวดจะลามไปตามไขสันจนถึงสมอง ฉันก็ยิงซ้ำอีกรอบ
ฉึก !
พรวด !
เลือดไหลทะลักออกจากหัวที่เป็นรูกว้างขนาดประมาณสามเซนติเมตร
อีกสองตัวล้มตึง จนออร์คแถวปืนใหญ่ทั้งห้าตัวนอนคว่ำหน้าอยู่กับพื้นพร้อมกับมีเลือดไหลนองออกมา
โชคดีที่การโจมตี้นี้มีเสียงที่เบามาก พวกมันที่เหลือซึ่งกำลังตื่นเต้นกับร่างกายของพวกรุ่นพี่เลยไม่ทันรู้สึกตัว
แน่นอนว่า การโจมตีรัวๆที่ถึงตาย ก็ทำให้พวกมันไม่ทันที่จะได้รู้สึกเจ็บปวดและตะโกนเตือนพวกพ้องที่เหลือไม่ทัน
“อควาบุลเล็ต !”
ยิงซ้ำรอบที่สาม
“อควาบุลเล็ต !”
ยิงซ้ำรอบที่สี่
“อควาบุลเล็ต !”
ยิงซ้ำรอบที่ห้า
ร่างของมันห้าตัวกระตุกรัวๆ ทุกครั้งที่โดนฉันยิง
“พอแล้วมาริ จะยิงซ้ำอะไรนักหนา”
“พอเห็นว่า อควาบุลเล็ต มันเก็บเสียงดี ก็เลยคิดจะซ้ำศพจนกว่าจะมั่นใจค่ะ”
“รีบๆหน่อย ! เด็กๆพวกนั้นจะโดนพวกออร์คฝังเมล็ดพันธุ์แล้ว”
“ค่ะๆ..รับทราบค่ะ”
ว่าแล้ว ฉันก็ชี้คฑากลับไปที่ออร์คทั้งห้าตัวซึ่งโดนฉันยิงจนล้มอยู่
“อควาบุลเล็ต !”
“ก็บอกว่าพอแล้วไงม่อน !”
ก็คนมันกลัวยิงไม่ตายนี่นา…ถ้าเหลือแค่ตัวเดียวแล้วมันดันตะโกนเรียกพวกขึ้นมา ฉันก็ซวยสิค่ะ
โฮกกกกกกกก
พอมองไปที่กลุ่มพวกรุ่นพี่ ก็พบกับพวกออร์คที่กำลังเปลื้องผ้าเตรียมจะสอดใส่เจ้าท่อนยาวๆแข็งๆเข้าไปในร่างกายของพวกรุ่นพี่แล้วค่ะ
“รออีกซักพักให้ประมาทกว่านี้ดีไหมนะ”
“จะบ้าหรอม่อน !”
“แต่ถ้ารออีกนิด ทางนั้นจะประมาทที่สุดเลยนะคะ ตอนที่กำลังจะเสร็จสมนี่ว่ากันว่าสารความสุขในร่างกายจะทำให้ลดความระวังตัวลงด้วยล่ะ”
“นี่จิตใจเธอมันจะโหดร้ายเกินไปแล้วม่อน ! นึกถึงอนาคตเด็กๆพวกนั้นบ้างสิม่อน”
“จริงค่ะ เห็นด้วยเลย”
เพราะงั้นแล้ว ฉันจึงคว้าเจ้าแตงโมพูดมากนี่ขึ้นมา
“เดี๋ยว ! ทำอะไรนะม่อน”
ก่อนจะโยนขึ้นฟ้า แล้วก็—-
“วอเตอร์บอล !!!”
“เอ๋ !!!!??? เดี๋ยวสิม่อน !!!”
อัดบอลน้ำใส่จิบิม่อนที่พูดมากจนน่ารำคาญ แรงกระแทกทำให้ร่างของมันกระเด็นลงไปตกใกล้กับวงล้อมของพวกออร์ค
โครมมมม
เสียงกระแทกดังสนั่นหันเหความสนใจของพวกมันทั้งหมดไปหาจิบิม่อน
ฉันอาศัยจังหวะนั้นกระโดดออกไปทางหน้าต่าง ตอนที่ลอยอยู่กลางอากาศฉันก็ชี้คฑาไปที่ออร์คที่ใช้ธนู
“อควาคัตเตอร์ !!!”
ฟ้าววววว ฉัวะ !
ใบมีดสายน้ำพุ่งเข้าใส่หัวของออร์คธนู
ชั่วพริบตาหัวของมันก็กระเด็นหลุดออกจากบ่า
ตึ้ง !
ร่างที่ล้มตึงทำให้พวกมันอีกส่วนหนึ่งหมุนตัวหันมาทางพวกพ้องที่ล้มลง
แต่มันก็ช้าเกินไปค่ะ
ตึก !
ฉันหย่อนปลายเท้าลงบนพื้นก่อนจะถีบเท้าออกแรงพุ่งทะยานเข้าไปใกล้แก๊งออร์คห้าตัวที่กำลังจะปู้ยี่ปูยำพวกรุ่นพี่อย่างรวดเร็ว
โฮกกกกกก
ในตอนที่มันสังเหตุเห็นฉันแล้วร้องเตือน ฉันก็เล็งคฑาไปที่พวกมันทั้งห้าตัว
แม้พวกมันจะรีบยื่นมือไปหยิบอาวุธข้างๆตัวขึ้นมา แต่มันก็สายไปแล้วค่ะ
“อควาคัตเตอร์ !!!”
ฉัวะ !!!
หัวของออร์คสองตัวปลิวขึ้นฟ้า
ออร์คสามตัวที่เหลือ ตัวหนึ่งหยิบโล่ อีกตัวหยิบหอก ส่วนอีกตัวหยิบคันธนู
“อควาคัตเตอร์ !!!”
หัวของออร์คที่ใช้หอกกระเด็นขึ้นฟ้า ออร์คใช้โล่รีบถือโล่ขึ้นมากัน ส่วนออร์คธนูก็รีบหยิกลูกศรขึ้นมา
แต่แน่นอนว่า ระหว่างฉันที่ชี้คฑาแล้วยิงได้เลย กับออร์คธนูที่ต้องขึ้นคันศร ตัวฉันยอมเร็วกว่า
“อควาคัตเตอร์ !!!”
ยังไม่ทันที่มือจะแตะลูกธนู ออร์คธนูตัวสุดท้ายก็หัวหลุดออกจากบ่า
เอาล่ะทีนี้ ฉันก็โดนประกบโดยออร์คที่เหลืออยู่สี่ตัว
หนึ่งตัวที่อยู่กับพวกรุ่นพี่คือออร์คโล่ ส่วนสามตัวที่กำลังวิ่งเข้ามาหาฉันคือออร์คโล่หนึ่งและหอกสอง
ไม่ค่อยมั่นใจว่าจะจัดการโล่เหล็กได้ แต่ยังไงก็ต้องช่วยตัวประกันก่อน เพราะถ้าโดนเอาตัวประกันมาขู่ มันก็คงน่ารำคาญน่าดู
ลองยิงๆดูก็ไม่เสียหาย ว่าแล้วก็เล็งคฑาชี้ขึ้นเป็นแนวเสยขึ้นด้านบน
“วอเตอร์บอล !!!”
กระสุนน้ำห้านัดซ้อนอัดใส่ออร์คโล่ที่ยืนใกล้กับพวกรุ่นพี่
ตัวมันก็รีบเอาโล่มากันโดยทันที
กึก !
แม้จะสร้างความเสียหายให้โล่เหล็กไม่ได้ แต่แรงกระแทกก็ทำให้ร่างของมันร่นถอยไปข้างหลัง
หยดน้ำอันชุ่มฉ่ำไหลไปตามด้ามจับโล่ประกอบกับแรงกระแทกเสยขึ้นจากด้านล่าง
ทั้งสองสิ่งทำให้มือที่จับโล่ค่อยๆเลื่อนออกอย่างช้าๆ จนกระทั่งโล่ของมันหลุดมือกระเด็นขึ้นฟ้า
โฮกกก !?
เสี้ยววิที่มันแสดงสีหน้าตื่นตกใจออกมา ฉันก็เล็งคฑาไปที่หัวของมัน
“อควาคัตเตอร์ !!!”
พรวด !
หัวของมันขาดออกจากร่าง เลือดสดๆพุ่งใส่หน้าของฉันจนรู้สึกเหนียวเหนอะและขยะแขยง
“อี๋ !”
แต่อย่างน้อยออร์คที่จะจับพวกรุ่นพี่เป็นตัวประกันก็เดี้ยงหมดแล้วค่ะ
ว่าแล้ว ฉันก็เล็งคฑาไปที่ออร์คสามตัวที่เหลือซึ่งกำลังวิ่งมาจากข้างหลังด้วยใบหน้าแดงก่ำที่เต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด
โฮกกกกกกกกกก
เสียงร้องดังหนวกหู น่ารำคาญเหมือนจิบิม่อนเลย
แต่อย่างน้อยออร์คโล่ก็ออกมาบังให้ออร์คหอก พวกมันที่เหลืออยู่จัดรูปขบวนใหม่ได้รวดเร็ว
ถึงจะโมโห แต่ก็ไม่ได้โมโหจนโง่แฮะ
“จะว่าไป…ลองดูหน่อยดีกว่า”
คราวนี้ลองเล็งคฑาไปที่ออร์คถือโล่ตัวสุดท้ายซึ่งกำลังบังการโจมตีให้ออร์คหอกสองตัวที่เหลือ
“อควาคัตเตอร์ !!!”
สายน้ำก่อตัวเป็นใบมีดที่แหลมคม
อัตราเร็วมากกว่า 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คือความเร็วที่ใบมีดแห่งสายน้ำพุ่งทะยานออกไป
ฉัวะ !
ชั่วพริบตามันก็ปะทะเข้ากับโล่เหล็กที่อยู่ข้างหน้า
กึก !
ก่อนจะเลยผ่านร่างของออร์คที่ถือโล่
โฮก !?
แล้วก็ทะลวงผ่านร่างของออร์คหอกสองตัวที่หลบอยู่ข้างหลัง
ครืดดดดด
เท้าทั้งสามคู่กำลังพุ่งตรงมาข้างหน้า
ทว่า ช่วงเอวที่ไม่ได้เคลื่อนที่ไปข้างหน้าตามก็ค่อยๆเลื่อนไถลไปข้างหลังอย่างช้าๆ
“““ —– !? ”””
ภาพสุดท้ายที่พวกมันเห็นคือโลกที่ค่อยๆเอียงเอนจนพลิกคว่ำ
โล่ที่ขาดครึ่ง ช่วงร่างตั้งแต่เอวลงไปที่ไถลไปข้างหน้า ส่วนร่างท่อนบนก็ไถลไปข้างหลัง
ซ่า !!!
น้ำพุสีแดงสดพุ่งทะยานออกมาต่อหน้าต่อตาของพวกมัน เหล่าออร์คผู้น่าสงสารเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึงเมื่อพบเลือดที่ไหลทะลักออกมาจากร่างกายท่อนล่างของพวกมันเองที่กลิ้งกลุกๆอยู่ตรงหน้า
และหลังจากนั้นไม่ถึงนาที พวกมันสามตัวก็ขาดเลือดจนตาย
“สำเร็จแล้วหรอมาริ !?”
“………………….”
จิบิม่อนที่สภาพยับเยินบินมาหาฉันซึ่งกำลังมองคฑาของตัวเองอยู่
“มีอะไรหรอม่อน ?”
“เปล่าค่ะ…ก็แค่คิดว่าใช้อควาคัตเตอร์จัดการออร์คโล่แต่แรกมันก็สิ้นเรื่องแล้วนี่นา”
แต่ก็เอาะเถอะ ใครจะไปคิดว่ามันแรงถึงขั้นตัดโล่เหล็กได้เลยล่ะ
ในเมื่อจัดการได้หมดแล้ว ฉันก็รีบหยิบเมจิคัลโฟนขึ้นมา
‘อัตราฟูลซิงโคร 85 %’
“…………………….”
“มีอะไรหรอม่อน ? ทำอะไรอยู่นะมาริ ? ไปช่วยพวกเอวากันเถอะม่อน”
‘อัตราฟูลซิงโคร 85 %’
“เฮ้อ…..”
“มาริ ?”
ฉันได้แต่ถอนหายใจด้วยความรำคาญก่อนจะเล็งไม้คฑาไปยังออร์คที่ยังมีหัวติดอยู่บนบ่า
“อควาคัตเตอร์ !!!”
ฉัวะ !
พอหัวขาดได้ตัวหนึ่ง ฉันก็ไล่ตัดหัวพวกออร์คที่ยังมีหัวติดอยู่กับตัว
อควาคัตเตอร์ !!! อควาคัตเตอร์ !!! อควาคัตเตอร์ !!! อควาคัตเตอร์ !!!
ฉันยิงมันซ้ำๆ ไม่ว่าจะเป็นการซ้ำศพหรือไม่ แต่พวกมันทุกตัวต้องหัวขาดให้หมด
“มาริ ? ทำอะไรน่ะ !?”
“ซ้ำศพไงคะ ถ้ามันลุกขึ้นมา เดี๋ยวจะ—-”
โฮกกกกกกกก
พูดยังไม่ทันขาดคำ ออร์คตัวหนึ่งที่อยู่ใกล้กับปืนใหญ่ก็รีบลุกขึ้นมาบังคับปืนใหญ่
ไอ้เจ้านี่ มันยังไม่ตายจริงๆด้วย
“อควาคัตเตอร์ !!!”
โครม !
แต่มีหรือที่มันจะมีโอกาสได้ใช้ ในเมื่อลุกขึ้นมา ก็จงหัวขาดไปอีกตัวซ่ะเถอะ
หลังจากนั้นฉันก็ใช้เวลาพักใหญ่ไปกับการไปซ้ำศพออร์คทุกตัวจนมั่นใจว่าครบ 30 หัว
เสร็จแล้วฉันก็หยิบเมจิคัลโฟนขึ้นมาอีกครั้ง
‘อัตราฟูลซิงโคร 0 %’
‘มิชชั่นคอมพลีท !!!’
ตัวเลขที่กลายเป็น 0 รวมถึงข้อความแจ้งเตือนชัยชนะที่ปรากฎขึ้นมาทำให้ฉันถอนหายใจอย่างโล่งอก
อ๊ะ ! แต่จะว่าไปแล้ว—
“เอาล่ะ…มาริ….ทีนี้ก็ไปช่วยพวกรุ่นพี่”
“อควาคัตเตอร์ !!!”
คราวนี้ก็ไล่ตัดหัวไวเวิร์นต่อค่ะ
“นี่เธอ จะกระหายเลือดเกินไปแล้วป่ะ !!!”
“เพื่อความปลอดภัยค่ะ….เผื่อไว้ในกรณีที่ระบบมีปัญหา”
“พอเถอะ ขอร้องละม่อน !!! ช่วยหยุดทีเถอะม่อน พวกเอวาจะไม่ไหวแล้วนะม่อน !?”
แต่มีหรือฉันจะฟัง ไม่เคยดูพวกหนังสยองขวัญที่พวกตัวเอกมัวแต่ช่วยเพื่อนจนคนร้ายที่คิดว่าตายแล้วลุกขึ้นมาทำร้ายจากข้างหลังหรือไง
เพราะงั้นกว่าจะเดินตรงไปช่วยพวกรุ่นพี่ มันก็เป็นตอนที่ไวเวิร์นทั้ง 5 ตัว หัวขาดเรียบร้อยค่ะ