ตอนที่ 29 ผู้ที่หายไป
— 18 ชั่วโมงผ่านไปหลังการต่อสู้อันยาวนาน ขณะนี้เป็นเวลา 2.15 น. ตามเวลาท้องถิ่น
# เอ็มเพรส มารีน #
หลังจากที่พวกเราทุกคนกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง ดีเทคเตอร์ก็สรุปสถานการณ์คร่าวๆ
ณ ขณะนี้มีอินเฟอร์โน่วูฟเต็มไปหมด ถ้าออกไปสู้ตอนนี้ อีกฝ่ายที่ได้เปรียบในความมืดก็จะสามารถฉวยโอกาสลอบฆ่าเราได้ง่ายๆ
แม้กระทั่งวินดี้เอง ต่อให้เก่งแค่ไหน แต่ถ้าโดนโจมตีเข้าที่จุดตายตอนทีเผลอก็อาจถึงตายได้ในทันที ค่าพลังชีวิตเป็นเพียงแค่ตัวเลขที่แทบจะไร้ค่าเมื่อโดนโจมตีเข้าจุดตาย เช่นนั้น พวกเราจึงตกลงกันว่าจะจัดการพวกมันอีกทีตอน 6 โมงเช้า ซึ่งเมื่อถึงตอนนั้นท้องฟ้าคงสว่างไปแล้ว
ระหว่างนี้ก็แบ่งกันไปพักผ่อนเอาแรง แล้วกระจายงานใหม่
ถึงจะไม่รู้สาเหตุ แต่ตอนนี้ให้ถือซะว่าโซนาร์ซิสเต็มมีปัญหาขัดข้อง มันไม่สามารถตรวจจับหาตำแหน่งของมอนสเตอร์ที่อยู่รอบๆโรงเรียนได้ จึงจำเป็นจะต้องวางจอมเวทย์ที่ถนัดการต่อสู้ไว้ที่นี่อย่างน้อยหนึ่งคน
พวกเราเลยตัดสินใจให้เอวาที่บาดเจ็บมาเฝ้าแทน แล้วก็ให้ ซิสเซอร์ดูแลเสาอากาศเดิมที่เอวาเคยประจำการอยู่
ส่วน บาบะ ก็ให้อยู่ที่ศูนย์บัญชาการด้วยอีกคน เพราะตัวเด็กคนนี้เองก็บอกว่าตนนั้นขอเป็นฝ่ายสนับสนุนดีกว่า
“คะ คะคุณยายยยยยย !!!”
“โอ้ว ตัวโตขึ้นเยอะเลยเน้อ~ กินจัง“
ดูเหมือนว่ากิกันติคจะรู้จักกับบาบะมาก่อน ทันทีที่เจอหน้ากัน กิกันติคก็พุ่งเข้าไปกอดบาบะและยกตัวของเธอขึ้นสูงเหนือหัว ก่อนจะเหวี่ยงไปมาอย่างคึกคัก
ถึงจะไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเรียกบาบะว่าคุณยาย แต่ฉันก็เดาไว้ก่อนว่ารูปลักษณ์ภายนอกของบาบะที่ดูเหมือนเด็กอนุบาลนั้นอาจเป็นผลมาจากการกลายเป็นจอมเวทย์ซ่ะมากกว่า
ดูจากท่าทางเคารพรักที่ซิสเซอร์และกิกันติคมีต่อบาบะแล้ว มันดูเหมือนว่าที่บาบะอ้างตนว่าเป็นคุณยายจะไม่ใช่เรื่องล้อเล่น …กิกันติคอธิบายว่า บาบะ เคยเป็นสมาชิกเก่าของสมาคมบลูคอสมอสที่พวกเขาสังกัดอยู่ก่อนจะลาออกไปเมื่อ 5 ปีก่อน
คนอื่นๆที่เป็นจอมเวทย์ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา หากจะไม่รู้จักบาบะก็คงไม่แปลก
อนึ่ง สิ่งที่เรียกว่า สมาคม หมายถึง การรวมกลุ่มจอมเวทย์ขึ้นมาเป็นสังกัดที่ทรงอิทธิพลโดยมีจุดร่วมที่สำคัญเหมือนกันบางอย่าง
โดยสมาคมบลูคอสมอสที่กลุ่มสามคนของพวกกิกันติคสังกัดอยู่ เป็นสมาคมที่มีจุดมุ่งหมายในการใช้เวทมนต์เพื่อฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและปรับปรุงพื้นดินที่ปนเปื้อนกัมมันตรังสีหลังสงครามเย็นให้กลับมาอยู่อาศัยได้อีกครั้ง ซึ่งคนที่เป็นหัวหน้าสมาคมนี้ก็เป็นถึงหนึ่งในจอมเวทย์ระดับอาดามันเที่ยมอีกด้วย
“โตขึ้นเยอะเลยน๊า ยายได้ดูหนังเรื่องใหม่ที่หลานแสดงแล้ว ฉากแอคชั่นมันส์ใช้ได้เลย รู้สึกว่าจะชื่อว่า..อ่า อะไรนะ…เทรน..เอ่อ…เทรนอะไรน่อ”
“เทรนทูปานามาครับ ยาย”
“อะ..โอ้ววว ใช่จริงๆ เรื่องนั้นนะ สนุกมากๆเลยเน้อ”
ซิสเซอร์ บาบะ และ กิกันติคพูดคุยกันอย่างสนิทสนม โดยมีเอ็กซ์พลอเรอร์และดีเทคเตอร์ซึ่งเป็นจอมเวทย์มาแค่ 2 ปี เฝ้ามองทั้งสามคนอยู่เงียบๆพลางเช็คจอมอนิเตอร์เป็นระยะๆ
“เฮ้อ..ไร้สาระ”
“งั้นเดี๋ยวพวกเราขอไปตรวจตราข้างล่างก่อนนะ”
วินดี้ถอนหายใจให้กับภาพการสนทนาอย่างสนิทสนมของพวกกิกันติค ก่อนโดนสวิมจูงมือลงไปรักษาความปลอดภัยที่ชั้นล่างของอาคาร
พวกเราได้ตกลงกันว่าจะแบ่งทีมกันไปเฝ้าที่ประตูทางเข้าโรงเรียนเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความผิดพลาดมอนสเตอร์หลุดเข้ามาในศูนย์บัญชาการแบบก่อนหน้านี้อีก โดยจะผลัดเวรกันทุกๆ 1 ชั่วโมง ซึ่งฝั่งของวินดี้เองก็เป็นคนเสนอตัวไปเฝ้าเป็นกลุ่มแรก
“……………………..”
“พวกเราจะไปตรวจตราจริงๆนะ”
“ไม่ได้ไปทำอย่างอื่นแน่นอน สาบานได้ !!!”
สวิมกับวินดี้รีบบอกฉันด้วยท่าทางร้อนรน ทั้งๆที่ฉันแค่มองทั้งคู่เฉยๆเอง ไม่ได้ว่าอะไรซักหน่อย
“มีอะไรรึเปล่า ?”
“ไม่มีอะไร…ก็แค่ เอ่อ…เป็นเรื่องที่เด็กดีไม่ควรยุ่งนะ”
“???”
ระหว่างที่เอวาทำหน้างง ฉันก็ถอดผ้าพันแผลเวทมนต์ออกมาจากไหล่ของเอวา
ไหล่ที่ตอนแรกมีบาดแผลรอยข่วนลึกจนน่ากลัว เพียงพันผ้าพันแผลเวทมนต์ไปสองชั่วโมง รอยข่วนก็ตื้นขึ้นมากว่าเดิมอย่างน่าอัศจรรย์ถึงสองเท่า กระนั้น แขนของเอวาก็ยังใช้งานได้ไม่เต็มร้อยอยู่ดี ฉันเลยพันผ้ากลับไปให้เธอใหม่
ในตอนนั้นเอง ฉันก็เหลือบไปเห็นแฮทเกิลและโซนาต้าจังกำลังแบ่งอาหารกันอยู่
“ให้ฉันงั้นหรอ ?”
หงึกๆ
โซนาต้าจังฉีกขนมปังคู่หนึ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งให้แฮทเกิล ส่วนอีกส่วนหนึ่งตัวเธอเองที่กำลังพยักหน้าเบาๆก็กัดมันเข้าปาก
แก้มที่บวมตุ่ยอย่างน่ารักน่าเอ็นดูทำเอาอยากไปลูบเล่นซ่ะเหลือเกิน
แต่เดี๋ยวนะ ? ทำไมแซนวิสที่ทั้งคู่แบ่งกันกินถึงได้ดูหน้าตาคุ้นๆจัง
“โทษที พอดีเห็นพวกนั้นยังไม่ได้กินอะไรเลย ก็เลยแบ่งแซนวิสที่มารีนทำไว้ไปให้นะ”
“……………………”
อะไรกัน ? ทำไมไม่รีบบอกตั้งแต่แรกกันเล่า ?
ติ๋ง !
พอฉันกดลงไปบนเมจิคัลโฟน ทันใดนั้นเองแซนวิสประมาณ 5 คู่ที่อัดแน่นอยู่ในกล่องพลาสติกก็หล่นลงมาอยู่ในมือ
“มารีน ?”
“กองทัพต้องเดินด้วยท้องเนอะ—”
ฉันพูดสั้นๆก่อนจูงมือเอวาไปหาแฮทเกิลและโซนาต้าจัง
พอรู้ว่าแซนวิสที่กำลังกินอยู่เป็นฝีมือของฉัน แฮทเกิลก็ยิ้มบางๆ ส่วนโซนาต้าจังก็ผงกหัวรัวๆ
“ฮ่าๆ เป็นฝีมือของเธอนี่เอง ช่วยชีวิตฉันเอาไว้ได้เลยนะเนี่ย นึกว่าจะหิวตายซ่ะแล้ว”
“แซนวิส..อร่อย…ขอบคุณก่ะ”
พอเห็นแฮทเกิลที่ร่าเริงและโซนาต้าจังที่เคี้ยวแก้มตุ่ยราวกับหนูแฮมเสตอร์ ฉันก็เสนอแบ่งแซนวิสที่เหลืออยู่ให้ทั้งสองคน
“ถ้างั้นล่ะก็— เอานี่ไปบ้างสิ”
แฮทเกิลกดเมจิคัลโฟนเพื่อเรียกกระบอกน้ำและถ้วยพลาสติกออกมา จากนั้นก็เทน้ำชาที่อาจจะเย็นชืดนิดหน่อยลงไปในแก้วและแบ่งมาให้พวกเรา
มันเลยกลายเป็นพวกเรามานั่งปิคนิคกันสี่คนตอนตีสองไปเสียแล้วค่ะ
แม้ว่าชาจะเย็นชืดไปบ้าง แต่พอรวมเข้ากับแซนวิสแล้ว ฉันก็คิดว่าเป็นมืออาหารที่สนุกดี
หลังจากที่พวกเราล้อมวงกันได้ซักพัก บาบะก็เดินมาหาฉัน
“กินแค่นี้ ตัวจะไม่โตเอาเน้อ”
บาบะนั่งยองๆลงข้างๆฉัน ก่อนจะหยิบก้อนหินที่ตกอยู่ข้างทางขึ้นมา
“???”
พวกเรามองบาบะที่กำลังกุมก้อนหินก้อนนั้นด้วยความสงสัย
ทว่า หลังผ่านไป 3 นาที พวกเราก็ได้แต่ตกตะลึงกับภาพที่เห็นตรงหน้า
“ฮุๆ ทานได้เลยเน้อ~ ไม่ต้องเกรงใจ”
ความสามารถของบาบะ ทาเล้นท์สุดพิสดาร ที่สามารถเปลี่ยนสิ่งของที่ถูกจับนาน 3 นาทีให้แปรสภาพกลายเป็นอาหารแบบสุ่มที่มีรสชาติอร่อยที่สุดในชีวิต
เธอแสดงพลังให้พวกเราเห็น โดยการเปลี่ยนก้อนหินให้กลายเป็นแอปเปิ้ลลูกใหญ่
พวกเราสี่คนมองหน้ากันไปมาราวกับจะถามว่า ใครจะลองก่อน ซึ่งมันก็แน่นอนว่า ไม่มีใครกล้ากินลูกแอปเปิ้ลที่เคยเป็นก้อนหินมาก่อนหรอกนะ
แต่ทว่า ตอนนั้นเอง กิกันติคก็เดินเข้ามาหา แล้วหยิบแอปเปิ้ลไปกินโชว์
“ง่ำ ! อร่อย !!!”
เสียงตะโกนด้วยความปลาบปลื้มทั้งน้ำตาของเขาทำให้อดคิดไม่ได้ว่า นี่เป็นการแสดงรึเปล่า ?
ทว่า แฮทเกิลก็กลืนน้ำลายเฮือกใหญ่แล้วขอเป็นอาสาสมัครคนแรก
คราวนี้บาบะได้ใช้เวลา 3 นาที เปลี่ยนก้อนหินสี่ก้อนให้กลายเป็นมีทบอลขนาดเท่ากำปั้น
ควันหอมฉุยที่โชยออกมากระตุ้นให้น้ำลายไหลเสียจนหลงคิดว่า หากกินมีทบอลพวกนี้แล้วแปรสภาพกลับไปเป็นก้อนหินในท้องดังเดิมก็ไม่เป็นไร
แฮทเกิลก็รับมีทบอลมาแล้วเอาเข้าปาก
“—– !!!”
หลังจากที่กัดไปได้หนึ่งคำ แฮทเกิลก็กัดดัดต่อรัวๆอย่างมูมมามจนแก้มป่อง
พอเธอกลืนมันลงคอหมดเรียบร้อย แฮทเกิลก็บอกกับทุกคนว่า เพื่อความปลอดภัย ฉันกินให้เองดีกว่า ก่อนจะแย่งมีทบอลชิ้นถัดไปเข้าปาก ร้อนถึงเอวาและโซนาต้าจังที่รีบเข้าไปหยิบสองชิ้นที่เหลือออกมาจากมือของบาบะ
ง่ำ !
หลังกัดไปคำแรก ทั้งสองก็กัดคำต่อไปเรื่อยๆไม่หยุด จนมีทบอลถูกกลืนลงท้องหมดด้วยเวลาไม่ถึงนาที
ภาพที่เห็นช่างน่ากลัวเหลือเกิน ราวกับว่าทั้งสามได้ติดกับดักอาหารของบาบะเป็นที่เรียบร้อย
ในตอนที่ฉันเริ่มรู้สึกลังเล บาบะก็ยื่นน่องไก่ควันหอมฉุยน่องหนึ่งมาให้ฉัน
คราวนี้ ซิสเซอร์ก็มาร่วงวงด้วย เธอมองน่องไก่ที่บาบะยื่นให้ฉันด้วยน้ำลายที่ไหลยืด จนบาบะต้องเปลี่ยนเอาน่องนั้นไปให้ซิสเซอร์แทน
จากนั้นบาบะก็เปลี่ยนก้อนหินขนาดเท่ากำปั้นให้กลายเป็นเนื้อแซลม่อนหนาเท่าฝ่ามือ
ซิสเซอร์เลยใช้กรรไกรของเธอแร่เนื้อแซลม่อนบางๆแจกให้กับทุกคน
ไม่ว่าใครที่สัมผัสกับรสชาติของมันต่างก็ทำตาลุกวาวไปตามๆกัน
แม้กระทั่งฉันเองที่ได้ลิ้มลองเนื้อแซลม่อนที่ละลายอยู่ข้างในปากก็ถึงกับคิดว่าเนื้อแซลม่อนที่บาบะเสกขึ้นมานั้นเป็นเนื้อแซลม่อนที่อร่อยที่สุดในชีวิตเลยทีเดียว
เนื้อแซลม่อนที่บางๆกระตุ้นความอยากอาหารของฉัน จน ฉันเฝ้ารออาหารจานต่อไปด้วยความตื่นเต้น
“โฮะๆๆ ไม่ต้องแย่งกันเน้อ เด็กๆ …ยายมีให้ทุกคนแน่นอน”
หลังจากนั้น บาบะก็ทำอาหารเลี้ยงพวกเรามื้อใหญ่ พวกเราล้อมวงกินกันอย่างเอร็ดร่อย
กิกันติคและซิสเซอร์ฉีกปีกไก่กินอย่างมูมมาม
เอวาและโซนาต้าจังก็แบ่งกันชิมขนมปังสอดไส้ปูอัดและสังขยา
ส่วนตัวฉันเองที่ค่อยๆใช้ส้อมจิ้มเนื้อสเต้กเข้าปากอย่างสุภาพก็มีสายตาอันอบอุ่นของบาบะจ้องมองมาไม่วางตา
แฮทเกิลเอาชาที่เตรียมเอาไว้ไปแบ่งให้กับดีเทคเตอร์และเอ็กซ์พลอเรอร์ซึ่งกำลังตรวจสอบความผิดปกติของโซนาร์ซิสเต็ม ทว่า พอเห็นทั้งคู่ที่กำลังขมักเขม้นจนฝืนตัวเอง แฮทเกิลก็กลับมานั่งลงข้างๆบาบะ
พอบาบะรู้จากแฮทเกิลว่าทั้งคู่ไม่ได้พักผ่อนมานานมากแล้ว บาบะก็ฝากแฮทเกิลให้เอาหารไปแบ่งให้กับทั้งสองคน
ซาลาเปาไส้หมูควันหอมฉุย ที่แค่ดมกลิ่นก็รู้สึกหิว
ดีเทคเตอร์และเอ็กซ์พลอเรอร์ทนกลิ่นไม่ไหว สุดท้ายก็เลยยอมชิมไปคนละคำ
พอทั้งคู่ได้ชิมซาลาเปาที่อัดแน่นด้วยเนื้อหมูเน้นๆเข้าไป พวกเธอก็ตัดสินใจวางมือจากงานแล้วมาพักซักแป๊ปหนึ่งเพื่อลิ้มรสอาหารฝีมือของบาบะ
พวกเราทุกคนต่างนั่งล้อมวงทานอาหารที่จอมเวทย์หน้าเด็กอนุบาลปรุงให้อย่างสนุกสนาน
—- เวลาก็ได้ล่วงเลยผ่านไป 2 ชั่วโมง วินดี้และสวิมก็กลับขึ้นมาบนดาดฟ้าด้วยสีหน้าไม่พอใจ เพราะไม่มีคนมาผลัดเวรกับพวกเธอตามที่ตกลงกันไว้ ทว่า พอแฮทเกิลเอาไส้กรอกซีสยัดปากทั้งสองคน หลังจากนั้นก็ไม่มีเสียงโวยวายอะไรอีก นอกจากเสียงของทั้งคู่ที่ป้อนอาหารของบาบะให้กันและกันอย่างเอร็ดอร่อย
ทั้งๆที่กำลังอยู่ในภารกิจที่สำคัญแท้ๆ แต่พวกเรากลับชิวซ่ะเหลือเกิน
ทุกๆคนต่างฟังดนตรีของโซนาต้าจังไปพลาง ลิ้มรสอาหารฝีมือบาบะไปพลาง
กว่าจะถึง 6 โมงเช้า พวกเราทุกคนต่างก็อิ้มแปล้ แต่กระนั้น ฝีมือของพวกเราก็ไม่ได้ตกแต่อย่างใด
เมื่อไม่ได้อยู่ในความมืดแล้ว อินเฟอร์โน่วูฟก็เป็นเพียงแค่หมาป่าพ่นไฟธรรมดาๆ
พวกเราไล่เก็บกวาดพวกมันไปจนหมด จากนั้นก็คอยประจำการตามจุดต่างๆของตัวเองแล้วไล่ล่าออร์คไปเรื่อยๆ
พอรู้ตัวอีกที มันก็ 8 โมงเช้าเรียบร้อย
‘ขณะนี้เวลา 8 นาฬิกา อีเว้นท์ปราบปรามออร์คประจำเมือง คาคุฮอน สำเร็จลุล่วง’
‘ขอขอบพระคุณจอมเวทย์ทุกๆท่านที่เข้าร่วมมา ณ ที่นี้ ’
กริ๊งๆๆๆ
เสียงแจ้งเตือนชัยชนะที่ดังขึ้นทำให้พวกเราทุกคนที่ประจำการตามจุดต่างๆของตัวเองถึงกับเฮลั่นอย่างพร้อมเพรียงจนเกิดเสียงหวีดแหลมดังขึ้นในหูฟัง
ท้องก็อิ่ม เงินก็เข้าบัญชีเรียบร้อย
พวกเราได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้งที่ดาดฟ้าโรงเรียน เพื่อเตรียมที่จะโบกมือลาเพื่อนใหม่
อีเว้นท์นี่มันช่างเป็นอะไรที่วิเศษไปเลยค่ะ
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
—- 8 นาฬิกา 30 นาที ตามเวลาท้องถิ่น
— ณ ศูนย์บัญชาการ ดาดฟ้าโรงเรียนประถมใจกลางมือง
พวกเราทุกคนได้กลับมารวมตัวอีกครั้งด้วยสีหน้าเบิกบาน
อาหารเมื่อคืนก็อร่อย ดนตรีก็เพราะ
การต่อสู้ในตอนเช้าก็ราบรื่น ไม่มีใครตาย ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ และ ไม่มีมอนสเตอร์รอดชีวิตแม้แต่ตัวเดียว
ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจทำให้ ทุกคนคิดว่า ทีมเวิร์คของพวกเราที่เจอหน้ากันครั้งแรกยอดเยี่ยมกว่าที่คิด ถ้าวันหลังมีอีเว้นท์อะไรแบบนี้อีก หากจะร่วมงานกันอีกครั้ง ก็คงไม่เลว
แต่ทว่า —
“หา !? นี่นายจะเอาเงินไปเกือบหมดจริงๆงั้นหรอ !?”
เพราะกิกันติคยึดครองพื้นที่ที่ดีที่สุดไป ออร์คส่วนมากกว่า 70% เขาจึงเป็นคนจัดการ ส่วนมอนสเตอร์ตัวอื่นนอกจากออร์คและออร์คที่เหลือ วินดี้รวมถึงคนอื่นๆเป็นคนฆ่าพวกมัน
ทว่า ในอีเว้นท์นี้ ค่าหัวของมอนสเตอร์ที่ได้รับเงินเพิ่มสองเท่าจะมีแค่ออร์ค
ก็นะ…ยังไงมันก็ถูกเรียกว่า อีเว้นท์ ปราบปรามออร์คอยู่แล้วนี่นา จะกลายเป็นแบบนั้นก็คงไม่แปลก
ทว่า พอค่าหัวต่างจากเดิมถึง 2 เท่าตัว หลังคำนวณดู มันก็กลายเป็นว่า รายได้กว่า 80% ในภารกิจนี้อยู่ในมือของกลุ่มกิกันติค
ทั้งๆที่คนอื่นๆก็ออกล่ามอนเตอร์ที่มีระดับความยากมากกว่า เช่น อินเฟอร์โน่วูฟเอย ไวเวิร์นเอย แต่ก็ยังได้เงินไม่เท่ากับกิกันติคที่จัดการออร์คซึ่งมีระดับความยากน้อยที่สุด
ส่วนหนึ่งก็มาจากทำเลที่เขาอยู่ซึ่งกินพื้นที่กว้างและพวกออร์คก็ปรากฎตัวบ่อย ในขณะที่อีกส่วนก็เป็นเพราะค่าหัวที่เพิ่มจากเดิมถึง 2 เท่า
สำหรับวินดี้แล้ว มันไม่ค่อยแฟร์ที่เขาเอาแต่งานง่ายๆทำเลดีๆไปทำจนได้เงินเป็นกอบเป็นกำอยู่คนเดียว
วินดี้จ้องหน้ากิกันติคอย่างไม่พอใจ ตรงกันข้ามกับกิกันติคที่ยักไหล่อย่างสบายๆ
“สรุปคือ…จะให้ทางข้าแบ่งเงินให้งั้นหรอ ?”
“ก็อยากจะพูดแบบนั้นอยู่หรอก…ถึงจะรู้ดีว่านายไม่มีทางยอมแน่นอนก็ตาม…แล้วคนอื่นๆละ โอเคงั้นหรอที่จะปล่อยให้เป็นแบบนี้”
เมื่อวินดี้กวาดสายตาไปโดยรอบ ก็พบว่าไม่มีใครกล้ายกมือแม้แต่คนเดียว
ก็นะ กิกันติคเป็นหนึ่งในจอมเวทย์ชื่อดังที่มีอิทธิพล ไม่ว่าใครก็ไม่อยากมีปัญหาด้วยซักเท่าไหร่
แฮทเกิลและโซนาต้าขอปฏิเสธที่จะยุ่งเกี่ยวด้วย แค่ได้ปกป้องเมืองของพวกเธอ ทั้งคู่ก็พอใจแล้ว
เอวานั้นยังไงก็ได้ แต่ฉันก็ยกมือเสนอความเห็นบ้าง
“ถ้าให้ว่ากันตามตรง การโจมตีของคุณกิกันติคสร้างความเสียหายในวงกว้างและเพื่อนร่วมทีมคนอื่นก็โดนลูกหลงไปด้วย…ถึงจะเข้าใจว่าไม่เจตนา แต่อย่างน้อย ฉันอยากให้คุณใช้โอกาสนี้พิสูจน์ความจริงใจค่ะ”
“….ข้าเข้าใจ…ที่มารีนพูดมามันก็ถูก”
พอฉันใช้จุดนี้บีบให้อีกฝ่ายสำนึกผิด กิกันติคที่กอดอกก็พยักหน้าเบาๆ
ความจริงแล้วเขาก็ไม่ได้เป็นคนเห็นแก่ตัวขนาดนั้น ยังพอมีความเป็นผู้นำที่รับฟังเสียงผู้อื่นอยู่บ้าง
ดีเทคเตอร์เองก็ทำหน้าครุ่นคิดเล็กน้อย …เธอคงกำลังหาข้อเสนอที่ลงตัวอยู่
ในขณะที่ เอ็กซ์พลอเรอร์ นั้น—-
“เอ๋ ?”
เอ็กซ์พลอเรอร์ ไม่อยู่หรอนั่น ? ไปไหนของเขากันนะ
แม้ว่าฉันจะกวาดสายตาไปโดยรอบ ทว่า บนดาดฟ้ากลับหาเอ็กซ์พลอเรอร์ไม่เจอ
“น่าๆ กินจังก็แบ่งๆกับเพื่อนบ้างเถอะ…ในส่วนของยายและนังหนูก็ไม่ต้องแบ่งให้ก็ได้ เพราะทางนี้เองก็ผิดที่มาไม่ตรงเวลา แต่ว่านะ…สิ่งที่เรียกว่าทีมเวิร์ค มันไม่สามารถสำเร็จได้ด้วยตัวคนเดียวเน้อ ต่อให้เป็นแนวหลังอย่างสาวน้อยนักดนตรีคนนั้น แม้จะไม่อาจฆ่ามอนสเตอร์ได้ซักตัว แต่มันก็ไม่ใช่ว่าเธอไม่ได้ช่วยงานพวกกินจังเลยไม่ใช่หรอ”
พอพูดถึงตรงนี้ก็พึ่งนึกขึ้นได้ว่า หากกิกันติคยึดวิธีแบ่งเงินตามจำนวนมอนสเตอร์ที่แต่ละคนสังหารไป โซนาต้าจังที่ไม่ได้ฆ่ามอนสเตอร์เลยซักตัว จะไม่ได้เงินแม้แต่โกลเดียว
“เอ๋ ? ยายจ๋า ? ถ้าทางนั้นแบ่งเงินมาให้มันก็ดีแล้วนิ อุ๊ป—”
ซิสเซอร์ที่กำลังจะอ้าปากพูดถูกบาบะเอาแยมโรลยัดปาก
กิกันติคที่กำลังครุ่นคิดก็กวาดสายตามองทุกๆคนรอบตัว ก่อนจะเหลือบไปมองโซนาต้าจัง
“คะ…คือ…หนู”
พอรู้ว่าตกเป็นเป้าสายตาของทุกคน เธอก็ทำตัวลีบเล็กลง
เสียงที่แผ่วเบาดังขึ้นกลางวงสนทนาที่เงียบสงบ
“มะ…ไม่ได้…ทำ..อะไร…เลย”
“…………………”
กิกันติคจ้องมองสาวน้อยที่หนีไปหลบหลังแฮทเกิลและก้มหน้าลงอย่างดูถูกตัวเอง
“คุณกิกันติค…สุดยอด…คุณวินดี้..ก็เก่ง..ทั้งมารีน….แล้วก็..แม่มดอัสนีก็สำคัญ…คุณเอ็กซ์พลอเรอร์ และ ดีเทคเตอร์ เอง..ก็ช่วยประสานงาน..บาบะและซิสเซอร์ก็ช่วยทุกคนเอาไว้…ส่วนพี่สาว—”
เด็กสาวช้อนตามองหญิงสาวในชุดมายากลด้วยสายตาที่เปี่ยมด้วยความเคารพรัก
“ก็เป็นคนสำคัญ….ทุกคน…ขาดไปไม่ได้…แม้แต่คนเดียว…..ในขณะที่หนู”
— ทำได้เพียงแค่เล่นดนตรี
พอเห็นเด็กสาวก้มหน้าลงและลูบฟลูตสีขาวในมือด้วยท่าทางเหงาหงอย วินดี้ก็จ้องไปยังกิกันติคราวกับจะบอกว่า ‘เห็นไหม แม้แต่เด็กๆยังรู้เลยย่ะ’
“เพราะงั้น…ของหนู…ไม่ต้องก็ได้”
“……………….”
“อาหารก็อร่อย…ได้ปิคนิคด้วยกัน….แล้วก็….เอ่อ….ที่สำคัญ…คือ”
เด็กสาวที่พวงแก้มขึ้นสีชมพูระเรื่อมุดหน้าหนีอยู่ข้างหลังคุณพี่สาวของเธอจนเหลือเพียงแค่ดวงตากลมเล็กเปี่ยมด้วยความชื่นชมที่มองไปยังทุกคนซึ่งอยู่รอบๆ
“ได้ต่อสู้…ร่วมกับทุกคน…หนู…สนุกมากค่ะ”
กึก !
หลังจากได้ยินเด็กสาวพูดจนจบ วินดี้ก็พุ่งเข้าไปกอดโซนาต้าจังจากทางด้านหลังจนเด็กสาวถึงกับสะดุ้งเฮือกแล้วเผลอทำฟลูตหล่นจากมือ
แม้จะพยายามดิ้นหนี แต่พอรู้ว่าอีกฝ่ายที่กำลังกอดเธออย่างอ่อนโยนคือวินดี้ เด็กสาวก็ยอมอยู่เฉยๆให้เธอกอดแต่โดยดีราวกับตุ๊กตา
“เห็นไหมๆ เด็กคนนี้น่ารักจะตาย”
“อื๊อ ! ตัวนิ่มจัง ขอกอดอีกซักพักเถอะ”
“เด็กดีๆ….”
แฮทเกิลยิ้มอย่างโอ้อวดราวกับคุณแม่เห่อลูก วินดี้กอดโซนาต้าจังแล้วเอาแก้มไปถูจนพวงแก้มของทั้งสองขึ้นสีแดงระเรื่อ ในขณะที่สวิมเองก็ไม่ว่าอะไรนอกจากลูบหัวและจ้องมองเด็กสาวด้วยสายตาอันอ่อนโยน
“เฮ้อ…”
กิกันติคเองในเมื่อเด็กตัวแค่นี้พูดถึงขนาดนั้นแล้ว เขาจะปฏิเสธได้เยี่ยงไร
ชายหนุ่มทำได้เพียงเกาหัวและยิ้มแห้งๆ
“อย่าพูดแบบนั้นสิ แม่หนูโซนาต้า”
เขาเดินไปหยิบฟลูตที่ตกพื้นขึ้นมาแล้ว จับมันใส่กลับเข้าไปในฝ่ามืออันบอบบางที่คงแตกสลายหากบีบแรงๆ
ดวงตาของทั้งคู่ที่ประสานกันแฝงด้วยความรู้สึกดีที่มีให้อีกฝ่าย
“ไม่มีใครในที่นี้ไม่สำคัญทั้งนั้น…เพราะพวกเรามีกันและกัน นั่นถึงได้เรียกว่า ทีม”
— เธอก็เป็นฮีโร่เหมือนกันนะ
สิ้นคำพูดอันอบอุ่น กิกันติคก็แย่งสวิมลูบหัวโซนาต้า จนสวิมที่มือโดนเบียดออกถึงกับมองค้อนใส่อย่างแรง
“…คะ…ค่ะ…”
โซนาต้าจังก้มหัวลงอย่างเขินอาย ช่างน่ารักยิ่งนัก
ตอนนี้ก็เป็นอันสรุปได้แล้วว่า เงินที่กิกันติคหามาได้ จะแบ่งแจกจ่ายให้กับคนอื่นๆเพื่อความเท่าเทียม
ไม่มีใครโต้แย้ง ตอนนี้ก็เหลือแค่รอเอ็กซ์พลอเรอร์มาตกลงก็เป็นอันเสร็จสิ้นการเจรจา
“ว่าแต่ หมอนั่นไปไหนกันนะ ?”
พอดีเทคเตอร์พูดขึ้นมา คนอื่นๆก็พึ่งนึกขึ้นมาได้และหันไปมองรอบๆตัว
“???”
“เอ็กซ์พลอเรอร์ !!! เฮ้ยยยย เอ็กซ์พลอเรอร์ อยู่แถวนี้รึเปล่า— อ๊ะ โทษทีๆ”
อยู่ๆกิกันติคก็ตะโกนเรียกหาเอ็กซ์พลอเรอร์เสียงดังก้อง จนโซนาต้าสะดุ้งตกใจแล้วเผลอทำฟลูตหลุดจากมืออีกรอบ
หลังจากที่เขาเก็บฟลูตคืนให้เธอ กิกันติคก็หยิบเมจิคัลโฟนขึ้นมาเพื่อจะโทรหาเอ็กซ์พลอเรอร์
ทว่า ก่อนที่เขาจะได้กดโทรออก อยู่ๆก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาจากเมจิคลโฟนของดีเทคเตอร์
หญิงสาวชุดหมีที่ตอนนี้ใส่ชุดวันพีชสีขาวบริสุทธิ์ซึ่งช่วยขับเน้นผิวกายที่งดงามของเธอมากขึ้น ก็หยิบเมจิคัลโฟนขึ้นมารับสายโดยทันที
“ฮัลโหล….เอ็กซ์พลอเรอร์ นี่นายไปอยู่ที่ไหนกันนะ ? พวกเราทุกคนกำลังรอนายอยู่เลย รีบๆออกมาได้แล้ว”
“—– !!!”
แม้หญิงสาวจะแนบเมจิคัลโฟนชิดกับหูของตัวเอง ทว่า ทุกคนต่างก็ได้ยินเสียงตะโกนฟังไม่ได้ศัพท์ที่ดังรอดออกมา
ขณะที่คุยกับเอ็กซ์พลอเรอร์ สีหน้าของหญิงสาวก็พลันเคร่งเครียดขึ้นมาอย่างช้าๆ ริมฝีปากเม้มแน่น คิ้วสองข้างขมวดเป็นปม
เธอคุยกับอีกฝ่ายได้นาน 1 นาที ก่อนจะรีบวางสายด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความร้อนรน
“เข้าใจแล้ว….จะรีบตามไปเดี๋ยวนี้ละ”
ติ๊ด…
สิ้นเสียงโทรศัพท์ที่ถูกวางสาย ดีเทคเตอร์ก็จ้องไปยังกิกันติคซึ่งกอดอกมองมาที่เธอด้วยใบหน้าจริงจัง
“เกิดอะไรขึ้นรึเปล่า ?”
“มีเรื่องเร่งด่วนที่จะแจ้งให้ทุกคนทราบ….เอ็กซ์พลอเรอร์ได้ไปค้นพบดันเจี้ยนที่อยู่ข้างใต้เมืองแห่งนี้เข้า….ตอนนี้เขาติดอยู่ข้างในนั้นและต้องการความช่วยเหลือโดยด่วน”
“ดันเจี้ยน !?”
“ข้างใต้เมืองเนี่ยนะ !? เป็นไปได้ยังไง ? ”
“???”
วินดี้จับจ้องไปที่ดีเทคเตอร์ด้วยความสงสัย แฮทเกิลเอียงหัวเล็กน้อยแล้วเอ่ยถามด้วยร้อนรน ส่วนโซนาต้าจังก็ทำหน้างงเพราะตามบทสนทนาไม่ทัน
ปัญหาใหม่ตามขึ้นมาอย่างไม่คาดคิด ทั้งๆที่อีเว้นท์จบไปแล้ว แต่เรื่องมันก็ยังไม่จบ
ถ้าเอ็กซ์พลอเรอร์ไม่อยู่ ปัญหาเรื่องการแบ่งเงินก็จะไม่ลงตัว แถมตอนนี้เขาก็ตกอยู่ในอันตรายบางอย่างที่ฉันไม่เข้าใจ
ดันเจี้ยน ?
หมายถึงพวกเขาวงกตแบบในเกมแฟนตาซีอะไรทำนองนั้นรึเปล่า ?
“ช่วยเล่าเหตุการณ์เมื่อกี้ให้ฟังใหม่ทีสิ—-”
ท่ามกลางความสับสนและร้อนอกร้อนใจของทุกคน ทันใดนั้นเองก็มีชายหญิงสองคนกระโดดลงมาที่มุมหนึ่งของดาดฟ้า
“เธอ ?”
ในขณะที่วินดี้รวมถึงคนอื่นหันไปทางต้นเสียงพร้อมตั้งท่าป้องกันตัวด้วยความหวาดระแวง
หญิงสาวผิวแทนแปลกหน้าในชุดนางรำที่เดินเคียงข้างกับบุรุษหน้ากากดำก็กล่าวแนะนะตัวเองด้วยน้ำเสียงอันนิ่งสงบ
“ฉัน แซนดี้ ครีเอเตอร์ ยินดีที่ได้รู้จัก—-”
จากผู้เขียน : นิยายเรื่องนี้จะลงที่ NEKOPOST ถึงตอนที่ 30 เท่านั้นนะครับ เนื่องจากเว็บนี้มักโดนที่อื่นดูดนิยายไปลงเองโดยไม่ได้รับอนุญาติ
ทุกท่านสามารถไปติดตามต่อได้ในเว็บ read a write ซึ่งผมได้ใส่ลิ้งค์ไว้ให้เเล้วในด้านหน้าสุดครับ
Chapters
Comments
- ตอนที่ 29 ผู้ที่หายไป กันยายน 6, 2023
- ตอนที่ 28 ครบองค์ประชุม สิงหาคม 30, 2023
- ตอนที่ 27 จอมเวทย์จากจางไห่ สิงหาคม 30, 2023
- ตอนที่ 26 ประมาท สิงหาคม 20, 2023
- ตอนที่ 25 พลังเเห่งเสียงเพลง สิงหาคม 12, 2023
- ตอนที่ 24 การป้องกันเขตเเดน สิงหาคม 8, 2023
- ตอนที่ 23 พวกพ้องเเละสงคราม สิงหาคม 4, 2023
- ตอนที่ 22 ออกเดินทาง สิงหาคม 4, 2023
- ตอนที่ 21 สิงหาคม 4, 2023
- ตอนที่ 20 สิงหาคม 2, 2023
- ตอนที่ 19 สิงหาคม 2, 2023
- ตอนที่ 18 บทนำเเห่งจุดจบ สิงหาคม 2, 2023
- ตอนที่ 17 ความลับอันดำมืด กรกฎาคม 31, 2023
- ตอนที่ 16 สิ่งที่พวกเราปกป้องเอาไว้ได้ !!! กรกฎาคม 31, 2023
- ตอนที่ 15 ตายซ้ำตายซาก กรกฎาคม 31, 2023
- ตอนที่ 14 การฝึกซ้อมรากเลือด กรกฎาคม 29, 2023
- ตอนที่ 13 ความรู้สึก กรกฎาคม 29, 2023
- ตอนที่ 12 ออร์คที่หายไป กรกฎาคม 29, 2023
- ตอนที่ 11 การร่วมทีมครั้งเเรก กรกฎาคม 29, 2023
- ตอนที่ 10 เยี่ยมเยือนผู้ป่วย กรกฎาคม 26, 2023
- ตอนที่ 9 ผลลัพธ์ของการขมขู่ กรกฎาคม 25, 2023
- ตอนที่ 8 ความล้มเหลว กรกฎาคม 25, 2023
- ตอนที่ 7 ภารกิจปราบไวเวิร์น กรกฎาคม 24, 2023
- ตอนที่ 6 ดินเเดนเเห่งจอมเวทย์ กรกฎาคม 23, 2023
- ตอนที่ 5 ประสบการณ์ต่อสู้ครั้งเเรก กรกฎาคม 23, 2023
- ตอนที่ 4 การต่อสู้ของเหล่าจอมเวทย์ กรกฎาคม 22, 2023
- ตอนที่ 3 พลังของเอ็มเพรส มารีน กรกฎาคม 22, 2023
- ตอนที่ 2 ฉันกลายเป็นจอมเวทย์เเล้วค่ะ กรกฎาคม 22, 2023
- ตอนที่ 1 หนี้ 2 ล้านเเละการเริ่มต้นใหม่ กรกฎาคม 22, 2023
MANGA DISCUSSION